
#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568) ฉบับที่ 7 ในช่วงวันที่ 18 - 23 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนบางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 – 20 พ.ย. 68 อุณหภูมิจะลดลง และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส ภาคเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียสขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง เตือนภาคใต้ฝนตกหนักสำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ขณะที่ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 18–23 พ.ย. 68 เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งประชาชนในภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและห่างฝั่งของทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19-23 พ.ย. 68จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านต่อ >31

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในห้วงที่ผ่านมามีความรุนแรงและก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนเป็นวงกว้าง หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังติดต่อกันเป็นเวลานานจนประชาชนไม่สามารถดำรงชีวิตตามปกติได้ ด้วยความห่วงใยประชาชน คณะรัฐมนตรี นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มติเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 68 ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนเพิ่มเติมใน 2 กรณี เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยอย่างทั่วถึงและครอบคลุม สำหรับกรณีแรก คือการเพิ่มการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 โดยเพิ่มการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำล้อมรอบจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป และประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยพักอาศัยแต่ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป ประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท สำหรับกรณีที่สองเป็นการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นระยะเวลานานในช่วงฤดูฝน ปี 2568 นานกว่า 30 วันขึ้นไป โดยเป็นการจ่ายเงินแบบขั้นบันได ครัวเรือนละ 5,000 – 20,000 บาท ให้กับประชาชนในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชัยนาท ชัยภูมิ นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุดรธานี อุทัยธานี และจังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 171,302 ครัวเรือน โดยใช้กรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 6,169.98 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย “สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นระยะเวลานาน ได้แบ่งการให้ความช่วยเหลือออกเป็น 4 กรณี ได้แก่ 1) กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 31-60 วัน จะได้รับความช่วยเหล
อ่านต่อ >32

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
ผู้สื่อข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนพ.ย.68 นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการคำนวณค่าโดยสารรถไฟฟ้าแบบเหมาจ่ายรายวัน 40 บาท สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง ซึ่งจะเป็นลักษณะของตั๋ววัน โดยที่ผู้โดยสารสามารถขึ้นได้ไม่จำกัดจำนวนรอบในหนึ่งวัน ซึ่งจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.68 เป็นต้นไปสำหรับมาตรการดังกล่าว ได้มีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังได้เห็นชอบแนวทางและงบประมาณในการดำเนินการแล้วด้วยโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สำหรับการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง จะสิ้นสุด 30 พ.ย.68 นี้ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่กระทบการเดินของประชาชน กระทรวงคมนาคมจึงจะเสนอครม. และเปลี่ยนรูปแบบโครงการเป็นรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน นำร่องสายสีม่วงและสีแดง ทั้งนี้ หลักการเบื้องต้น จะดำเนินโครงการรูปแบบปีต่อปี โดยจะขอมติครม.อนุมัติเป็นเวลา 1 ปีก่อน เนื่องจากติดขัดเรื่อง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ในการใช้งบประมาณ และหากครบระยะเวลาดำเนินการแล้ว กระทรวงคมนาคมก็จะต้องไปดำเนินการแก้ไขสัญญาต่อไปส่วน การใช้งบประมาณสำหรับอัตราค่าโดยสาร 40 บาทต่อตลอดวันนั้น มาจากงบกลาง ปีงบประมาณ 2569 ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้งบประมาณน้อยลงกว่าที่เคยคาดไว้อย่างมาก เพราะจำกัดให้เหลือเพียง 2 สาย คือสายสีม่วงและสีแดง ขณะที่ความคืบหน้าการศึกษานโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวันเชื่อมต่อทุกสายนั้น ยังคงต้องรอการแก้ไขสัมปทาน โดยขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพิจารณาและแก้ไขสัญญาอยู่ส่วนหลักการของการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย มีหลายแนวทางในการดำเนินการ ได้แก่ การตั้งกองทุนซื้อคืนสัมปทาน โดยมีการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับโครงการซื้อคืนทุกสายรวมกันไว้ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนอาจมาจากหลายแหล่ง เช่น งบประมาณบางส่วน รายได้จากการคมนาคม และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)
อ่านต่อ >14

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
แจ็ค แปปโฮเต้นบนรถที่ญี่ปุ่น จุดดราม่าข้ามประเทศจนสื่อญี่ปุ่นรายงานดราม่า “แจ็ค แปปโฮ เต้นบนรถ” กลายเป็นกระแสใหญ่ในโลกออนไลน์ หลังอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเผยแพร่คลิปถอดเสื้อยืนเต้นบนหลังคารถเช่าที่จอดหน้าร้าน Lawson ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากตำหนิถึงความไม่เหมาะสม การไม่คำนึงถึงกฎระเบียบ และความเสี่ยงต่อการทำให้ภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทยดูแย่ลงในสายตาคนต่างชาติเหตุการณ์ที่ทำให้ดราม่าปะทุต้นเหตุเกิดจากคลิปที่แจ็ค แปปโฮปีนขึ้นหลังคารถเช่า ถอดเสื้อ และเต้นพร้อมประโยคท้าทาย ก่อนโพสต์ลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นที่ทำให้ประเด็นยิ่งรุนแรงขึ้น ผู้ชมจำนวนมากมองว่าพฤติกรรมนี้ไม่สอดคล้องกับมารยาทสาธารณะ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่เข้มงวดเรื่องวินัยและความเป็นระเบียบ กระแสวิจารณ์รุนแรงจากไทยถึงญี่ปุ่นชาวเน็ตไทยจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ว่าคอนเทนต์ประเภทนี้ไม่สร้างสรรค์และอาจทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความเข้าใจผิดต่อนักท่องเที่ยวไทย ขณะที่สื่อญี่ปุ่นหลายสำนักนำเหตุการณ์ไปเสนอข่าว โดยใช้หัวข้อเกี่ยวกับยูทูบเบอร์ไทยก่อเรื่องไม่เหมาะสมที่หน้าร้าน Lawson วิวฟูจิ ทำให้ประเด็นยิ่งเป็นที่พูดถึงในวงกว้างการวิจารณ์ยังขยายไปถึงครอบครัว เมื่อภรรยาของแจ็คโพสต์ยืนยันว่าพยายามห้ามแล้วแต่ไม่เป็นผล พร้อมย้ำว่าไม่ขอปกป้องพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งทำให้สังคมหันมาพูดถึงความรับผิดชอบของผู้สร้างคอนเทนต์ในยุคออนไลน์มากขึ้นการตอบของแจ็ค แปปโฮหลังเสียงวิจารณ์เพิ่มขึ้น แจ็คโพสต์ข้อความขอโทษและยอมรับทุกคำตำหนิ แต่ยืนยันว่าจะไม่ลบคลิปออกจากโซเชียล นอกจากนี้ยังมีคอมเมนต์ตอบกลับแบบกวน ทำให้เกิดการวิจารณ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามในสังคมเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับความตระหนักเรื่องมารยาทในพื้นที่สาธารณะเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ และผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อผู้มีชื่อเสียงทำคอนเทนต์ที่อาจสร้างความขัดแย้ง ความประพฤติในคลิปกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของเจ้าตัวถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
อ่านต่อ >182

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568) ฉบับที่ 7 ในช่วงวันที่ 18 - 23 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนบางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 – 20 พ.ย. 68 อุณหภูมิจะลดลง และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส ภาคเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียสขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง เตือนภาคใต้ฝนตกหนักสำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ขณะที่ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 18–23 พ.ย. 68 เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งประชาชนในภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและห่างฝั่งของทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19-23 พ.ย. 68จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านต่อ >31

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์อุทกภัยในห้วงที่ผ่านมามีความรุนแรงและก่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนเป็นวงกว้าง หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขังติดต่อกันเป็นเวลานานจนประชาชนไม่สามารถดำรงชีวิตตามปกติได้ ด้วยความห่วงใยประชาชน คณะรัฐมนตรี นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มติเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 68 ให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนเพิ่มเติมใน 2 กรณี เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยอย่างทั่วถึงและครอบคลุม สำหรับกรณีแรก คือการเพิ่มการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2568 จากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 โดยเพิ่มการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำล้อมรอบจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป และประชาชนที่ที่อยู่อาศัยประจำในอาคารสูงที่น้ำท่วมไม่ถึงชั้นที่ผู้ประสบภัยพักอาศัยแต่ส่งผลให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติ ติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป ประชาชนจะได้รับความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000 บาท สำหรับกรณีที่สองเป็นการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นระยะเวลานานในช่วงฤดูฝน ปี 2568 นานกว่า 30 วันขึ้นไป โดยเป็นการจ่ายเงินแบบขั้นบันได ครัวเรือนละ 5,000 – 20,000 บาท ให้กับประชาชนในพื้นที่ 22 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชัยนาท ชัยภูมิ นครนายก นครปฐม นครสวรรค์ นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ศรีสะเกษ สระบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี อ่างทอง อุดรธานี อุทัยธานี และจังหวัดอุบลราชธานี รวมจำนวน 171,302 ครัวเรือน โดยใช้กรอบวงเงินงบประมาณในการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน 6,169.98 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย “สำหรับการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากกรณีน้ำท่วมขังบริเวณที่อยู่อาศัยประจำเป็นระยะเวลานาน ได้แบ่งการให้ความช่วยเหลือออกเป็น 4 กรณี ได้แก่ 1) กรณีที่อยู่อาศัยประจำถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 31-60 วัน จะได้รับความช่วยเหล
อ่านต่อ >32

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
ผู้สื่อข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงปลายเดือนพ.ย.68 นี้ กระทรวงคมนาคมจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการคำนวณค่าโดยสารรถไฟฟ้าแบบเหมาจ่ายรายวัน 40 บาท สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง ซึ่งจะเป็นลักษณะของตั๋ววัน โดยที่ผู้โดยสารสามารถขึ้นได้ไม่จำกัดจำนวนรอบในหนึ่งวัน ซึ่งจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ 1 ธ.ค.68 เป็นต้นไปสำหรับมาตรการดังกล่าว ได้มีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เมื่อปลายเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยกระทรวงการคลังได้เห็นชอบแนวทางและงบประมาณในการดำเนินการแล้วด้วยโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย สำหรับการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสายสีแดง จะสิ้นสุด 30 พ.ย.68 นี้ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง ไม่กระทบการเดินของประชาชน กระทรวงคมนาคมจึงจะเสนอครม. และเปลี่ยนรูปแบบโครงการเป็นรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน นำร่องสายสีม่วงและสีแดง ทั้งนี้ หลักการเบื้องต้น จะดำเนินโครงการรูปแบบปีต่อปี โดยจะขอมติครม.อนุมัติเป็นเวลา 1 ปีก่อน เนื่องจากติดขัดเรื่อง พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง ในการใช้งบประมาณ และหากครบระยะเวลาดำเนินการแล้ว กระทรวงคมนาคมก็จะต้องไปดำเนินการแก้ไขสัญญาต่อไปส่วน การใช้งบประมาณสำหรับอัตราค่าโดยสาร 40 บาทต่อตลอดวันนั้น มาจากงบกลาง ปีงบประมาณ 2569 ซึ่งโครงการดังกล่าวใช้งบประมาณน้อยลงกว่าที่เคยคาดไว้อย่างมาก เพราะจำกัดให้เหลือเพียง 2 สาย คือสายสีม่วงและสีแดง ขณะที่ความคืบหน้าการศึกษานโยบายรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวันเชื่อมต่อทุกสายนั้น ยังคงต้องรอการแก้ไขสัมปทาน โดยขณะนี้กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพิจารณาและแก้ไขสัญญาอยู่ส่วนหลักการของการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าทุกสาย มีหลายแนวทางในการดำเนินการ ได้แก่ การตั้งกองทุนซื้อคืนสัมปทาน โดยมีการประเมินค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับโครงการซื้อคืนทุกสายรวมกันไว้ที่ประมาณ 100,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนอาจมาจากหลายแหล่ง เช่น งบประมาณบางส่วน รายได้จากการคมนาคม และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF)
อ่านต่อ >14

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
แจ็ค แปปโฮเต้นบนรถที่ญี่ปุ่น จุดดราม่าข้ามประเทศจนสื่อญี่ปุ่นรายงานดราม่า “แจ็ค แปปโฮ เต้นบนรถ” กลายเป็นกระแสใหญ่ในโลกออนไลน์ หลังอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังเผยแพร่คลิปถอดเสื้อยืนเต้นบนหลังคารถเช่าที่จอดหน้าร้าน Lawson ใกล้ภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ใช้โซเชียลจำนวนมากตำหนิถึงความไม่เหมาะสม การไม่คำนึงถึงกฎระเบียบ และความเสี่ยงต่อการทำให้ภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทยดูแย่ลงในสายตาคนต่างชาติเหตุการณ์ที่ทำให้ดราม่าปะทุต้นเหตุเกิดจากคลิปที่แจ็ค แปปโฮปีนขึ้นหลังคารถเช่า ถอดเสื้อ และเต้นพร้อมประโยคท้าทาย ก่อนโพสต์ลงโซเชียลพร้อมแคปชั่นที่ทำให้ประเด็นยิ่งรุนแรงขึ้น ผู้ชมจำนวนมากมองว่าพฤติกรรมนี้ไม่สอดคล้องกับมารยาทสาธารณะ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่เข้มงวดเรื่องวินัยและความเป็นระเบียบ กระแสวิจารณ์รุนแรงจากไทยถึงญี่ปุ่นชาวเน็ตไทยจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ว่าคอนเทนต์ประเภทนี้ไม่สร้างสรรค์และอาจทำให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความเข้าใจผิดต่อนักท่องเที่ยวไทย ขณะที่สื่อญี่ปุ่นหลายสำนักนำเหตุการณ์ไปเสนอข่าว โดยใช้หัวข้อเกี่ยวกับยูทูบเบอร์ไทยก่อเรื่องไม่เหมาะสมที่หน้าร้าน Lawson วิวฟูจิ ทำให้ประเด็นยิ่งเป็นที่พูดถึงในวงกว้างการวิจารณ์ยังขยายไปถึงครอบครัว เมื่อภรรยาของแจ็คโพสต์ยืนยันว่าพยายามห้ามแล้วแต่ไม่เป็นผล พร้อมย้ำว่าไม่ขอปกป้องพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งทำให้สังคมหันมาพูดถึงความรับผิดชอบของผู้สร้างคอนเทนต์ในยุคออนไลน์มากขึ้นการตอบของแจ็ค แปปโฮหลังเสียงวิจารณ์เพิ่มขึ้น แจ็คโพสต์ข้อความขอโทษและยอมรับทุกคำตำหนิ แต่ยืนยันว่าจะไม่ลบคลิปออกจากโซเชียล นอกจากนี้ยังมีคอมเมนต์ตอบกลับแบบกวน ทำให้เกิดการวิจารณ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ประเด็นที่ถูกตั้งคำถามในสังคมเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับความตระหนักเรื่องมารยาทในพื้นที่สาธารณะเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ และผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อผู้มีชื่อเสียงทำคอนเทนต์ที่อาจสร้างความขัดแย้ง ความประพฤติในคลิปกลายเป็นประเด็นที่ทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของเจ้าตัวถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
อ่านต่อ >182

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศ อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทยตอนบน ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ (มีผลกระทบจนถึงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2568) ฉบับที่ 7 ในช่วงวันที่ 18 - 23 พ.ย. 68 ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศแปรปรวน โดยมีฝนบางพื้นที่ในระยะแรก หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 – 20 พ.ย. 68 อุณหภูมิจะลดลง และมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส ภาคเหนืออุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศาเซลเซียสขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง เตือนภาคใต้ฝนตกหนักสำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ขณะที่ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ในช่วงวันที่ 18–23 พ.ย. 68 เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยอ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย รวมทั้งประชาชนในภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและห่างฝั่งของทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 19-23 พ.ย. 68จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อ่านต่อ >31