
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น คลังเตือน 14 ล้านคน รีบใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส ก่อนหมดอายุสิ้นปีนี้ ล่าสุดมียอดใช้จ่ายโครงการกว่า 7.5 หมื่นล้าน ขณะที่ ร้านค้าเข้าร่วมอัพสกิลแล้วกว่า 9 หมื่นรายผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 1 ว่า ล่าสุด ยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีการใช้จ่ายรวมทะลุ อยู่ที่ 75,521.2 ล้านบาทเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าปกติมากที่สุด คือ 72,890.2 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์ม ฟูดดีลิเวอรี จำนวน 2,631.0 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของประชาชนมีการใช้จ่ายไปแล้วรวม 38,362.7 ล้านบาทและรัฐบาลได้ร่วมสมทบเงินใช้จ่ายให้กับประชาชนรวม 37,158.5 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ใช้สิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วม มีผู้ใช้สิทธิในโครงการครบตามจำนวนที่กำหนดไปแล้วถึง4.92 ล้านราย มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลและเข้าร่วมโครงการแล้ว 998,499 รายอย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังขอแจ้งเตือนผู้ที่ยังใช้สิทธิ์ไม่ครบกว่า 14 กว่าล้านคนให้ เร่งดำเนินการใช้จ่ายให้หมดภายในวันสุดท้ายคือ วันที่ 31 ธ.ค.นี้ เนื่องจากเมื่อโครงการสิ้นสุดลง ระบบจะดำเนินการตัดวงเงินสิทธิที่คงเหลือทั้งหมดคืนโดยอัตโนมัติจึงขอให้ประชาชนใช้โอกาสในช่วงโค้งสุดท้ายนี้เพื่อใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดและร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีด้านนายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนในฐานะผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การพัฒนาผู้ประกอบการ มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสผ่านการ อัพสกิล แอนด์รีสกิล แล้วถึง 93,881 ราย โดยคลังจะเปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส พัฒนาทักษะได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. นี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบกิจการ ทั้งนี้ ร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพัฒนาทักษะจำนวนไม่เกิน 400,000 รายแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ 20%ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึง 19 ธ.ค. 68 เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อราย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ยังสามารถเลือกเข้าร่วมการพัฒนาทักษะด้านการเงินและด้านดิจิทัลผ่าน 3 ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้ 1.
อ่านต่อ >28

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (16 ธันวาคม 2568) นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้ ไม่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 วันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2569 รวม 7 วัน จะมีปริมาณจราจรมาใช้ทางพิเศษประมาณ 2,378,341 คัน จะทำให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ไม่ได้รับรายได้ประมาณ 87,214,841 บาท แต่จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจประเมินเป็นมูลค่าเงินประมาณ 136,668,014 บาท ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าจากการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถ (Vehicle Operating Cost Saving : VOC Saving) 80,539,242 บาท และมูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง (Value of Time Saving : VOT Saving) 56,128,772 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 136,668,014 บาท
อ่านต่อ >45

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 – 22 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง เนื่องจากคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้มีลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมเหนือในระดับบนพัดพาอากาศหนาวเย็นจากที่ราบสูงทิเบตและประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยสำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 17 – 22 ธ.ค. จะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ในช่วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและห่างฝั่งของทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19 – 22 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตรข้อควรระวังขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 16 – 18 ธ.ค. ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนประชาชนในภาคใต้ตอนล่าง
อ่านต่อ >14

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ออกประกาศให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 18 - 28 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 05.00 - 12.00 น. เป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และพื้นที่ใกล้เคียงอาจมีความสูงประมาณ 1.70 – 2.00 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.30 เมตร เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม นั้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดดำเนินการ ดังนี้1. ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งข้อมูลแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า2. เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที3. ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์
อ่านต่อ >19

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น คลังเตือน 14 ล้านคน รีบใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส ก่อนหมดอายุสิ้นปีนี้ ล่าสุดมียอดใช้จ่ายโครงการกว่า 7.5 หมื่นล้าน ขณะที่ ร้านค้าเข้าร่วมอัพสกิลแล้วกว่า 9 หมื่นรายผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 1 ว่า ล่าสุด ยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีการใช้จ่ายรวมทะลุ อยู่ที่ 75,521.2 ล้านบาทเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าปกติมากที่สุด คือ 72,890.2 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์ม ฟูดดีลิเวอรี จำนวน 2,631.0 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของประชาชนมีการใช้จ่ายไปแล้วรวม 38,362.7 ล้านบาทและรัฐบาลได้ร่วมสมทบเงินใช้จ่ายให้กับประชาชนรวม 37,158.5 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ใช้สิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วม มีผู้ใช้สิทธิในโครงการครบตามจำนวนที่กำหนดไปแล้วถึง4.92 ล้านราย มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลและเข้าร่วมโครงการแล้ว 998,499 รายอย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังขอแจ้งเตือนผู้ที่ยังใช้สิทธิ์ไม่ครบกว่า 14 กว่าล้านคนให้ เร่งดำเนินการใช้จ่ายให้หมดภายในวันสุดท้ายคือ วันที่ 31 ธ.ค.นี้ เนื่องจากเมื่อโครงการสิ้นสุดลง ระบบจะดำเนินการตัดวงเงินสิทธิที่คงเหลือทั้งหมดคืนโดยอัตโนมัติจึงขอให้ประชาชนใช้โอกาสในช่วงโค้งสุดท้ายนี้เพื่อใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดและร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีด้านนายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนในฐานะผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การพัฒนาผู้ประกอบการ มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสผ่านการ อัพสกิล แอนด์รีสกิล แล้วถึง 93,881 ราย โดยคลังจะเปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส พัฒนาทักษะได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. นี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบกิจการ ทั้งนี้ ร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพัฒนาทักษะจำนวนไม่เกิน 400,000 รายแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ 20%ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึง 19 ธ.ค. 68 เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อราย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ยังสามารถเลือกเข้าร่วมการพัฒนาทักษะด้านการเงินและด้านดิจิทัลผ่าน 3 ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้ 1.
อ่านต่อ >28

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (16 ธันวาคม 2568) นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 ตามที่กระทรวงคมนาคม (คค.) เสนอ ดังนี้ ไม่มีการจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี - สุขสวัสดิ์) ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2569 วันที่ 30 ธันวาคม 2568 ถึงวันที่ 5 มกราคม 2569 รวม 7 วัน จะมีปริมาณจราจรมาใช้ทางพิเศษประมาณ 2,378,341 คัน จะทำให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ไม่ได้รับรายได้ประมาณ 87,214,841 บาท แต่จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจประเมินเป็นมูลค่าเงินประมาณ 136,668,014 บาท ซึ่งประกอบด้วยมูลค่าจากการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถ (Vehicle Operating Cost Saving : VOC Saving) 80,539,242 บาท และมูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง (Value of Time Saving : VOT Saving) 56,128,772 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 136,668,014 บาท
อ่านต่อ >45

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในขณะที่คลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกจากประเทศเมียนมาเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19 – 22 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง เนื่องจากคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตกได้เคลื่อนผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่งผลให้มีลมตะวันตกเฉียงเหนือและลมเหนือในระดับบนพัดพาอากาศหนาวเย็นจากที่ราบสูงทิเบตและประเทศเมียนมาเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ประกอบกับบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยสำหรับภาคใต้ ในช่วงวันที่ 17 – 22 ธ.ค. จะมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังอ่อนลง ในช่วงวันที่ 17 – 18 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังอ่อนลง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและห่างฝั่งของทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19 – 22 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 1 เมตรข้อควรระวังขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 16 – 18 ธ.ค. ขอให้เกษตรกรบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนประชาชนในภาคใต้ตอนล่าง
อ่านต่อ >14

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. ออกประกาศให้เฝ้าระวังน้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 18 - 28 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 05.00 - 12.00 น. เป็นช่วงที่ระดับน้ำทะเลหนุนสูง โดยระดับน้ำบริเวณป้อมพระจุลจอมเกล้า และพื้นที่ใกล้เคียงอาจมีความสูงประมาณ 1.70 – 2.00 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับน้ำวิกฤติประมาณ 0.30 เมตร เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำจะเพิ่มสูงขึ้น เกิดน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง รวมถึงชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ และแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) บริเวณจังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร นครปฐม และสมุทรสงคราม นั้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดดำเนินการ ดังนี้1. ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงบริเวณที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งข้อมูลแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำตามริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า2. เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที3. ติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาดังกล่าว พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำอ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ และประตูระบายน้ำ เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์
อ่านต่อ >19

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น คลังเตือน 14 ล้านคน รีบใช้สิทธิคนละครึ่งพลัส ก่อนหมดอายุสิ้นปีนี้ ล่าสุดมียอดใช้จ่ายโครงการกว่า 7.5 หมื่นล้าน ขณะที่ ร้านค้าเข้าร่วมอัพสกิลแล้วกว่า 9 หมื่นรายผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 1 ว่า ล่าสุด ยังได้รับผลตอบรับที่ดีจากประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีการใช้จ่ายรวมทะลุ อยู่ที่ 75,521.2 ล้านบาทเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าปกติมากที่สุด คือ 72,890.2 ล้านบาท และมีการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์ม ฟูดดีลิเวอรี จำนวน 2,631.0 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของประชาชนมีการใช้จ่ายไปแล้วรวม 38,362.7 ล้านบาทและรัฐบาลได้ร่วมสมทบเงินใช้จ่ายให้กับประชาชนรวม 37,158.5 ล้านบาท สำหรับจำนวนผู้ใช้สิทธิและร้านค้าที่เข้าร่วม มีผู้ใช้สิทธิในโครงการครบตามจำนวนที่กำหนดไปแล้วถึง4.92 ล้านราย มีร้านค้าที่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลและเข้าร่วมโครงการแล้ว 998,499 รายอย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลังขอแจ้งเตือนผู้ที่ยังใช้สิทธิ์ไม่ครบกว่า 14 กว่าล้านคนให้ เร่งดำเนินการใช้จ่ายให้หมดภายในวันสุดท้ายคือ วันที่ 31 ธ.ค.นี้ เนื่องจากเมื่อโครงการสิ้นสุดลง ระบบจะดำเนินการตัดวงเงินสิทธิที่คงเหลือทั้งหมดคืนโดยอัตโนมัติจึงขอให้ประชาชนใช้โอกาสในช่วงโค้งสุดท้ายนี้เพื่อใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุดและร่วมกันกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปีด้านนายพงศ์นคร โภชากรณ์ ผู้อำนวยการกองนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชนในฐานะผู้ช่วยโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การพัฒนาผู้ประกอบการ มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัสผ่านการ อัพสกิล แอนด์รีสกิล แล้วถึง 93,881 ราย โดยคลังจะเปิดให้ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส พัฒนาทักษะได้จนถึงวันที่ 19 ธ.ค. นี้เท่านั้น จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบกิจการ ทั้งนี้ ร้านค้าที่ผ่านหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการพัฒนาทักษะจำนวนไม่เกิน 400,000 รายแรก จะได้รับสิทธิเงินสนับสนุนจากภาครัฐ 20%ของยอดขายที่เกิดจากโครงการคนละครึ่ง พลัส เฉพาะในส่วนที่ภาครัฐร่วมจ่าย นับตั้งแต่วันที่ร้านค้าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะสำเร็จ จนถึง 19 ธ.ค. 68 เป็นเงินสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาท ต่อราย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง พลัส ยังสามารถเลือกเข้าร่วมการพัฒนาทักษะด้านการเงินและด้านดิจิทัลผ่าน 3 ช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้ 1.
อ่านต่อ >28