#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
////////เช้าวันนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยาแม่โขง ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำ จากนั้น นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาระบุถึงประเด็นนี้ ว่า ต้องรอความชัดเจนผลการเลือกตั้งก่อน ถึงจะสามารถพูดได้ ส่วนจะมีผลต่อนโยบายของรัฐบาลไทยหรือไม่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เรื่องนี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว บุคคลใดจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือจะมีการเปลี่ยนตัว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังคงมั่นคง เรียกได้ว่าเข้มแข็ง หรือมีความชัดเจนในทุกด้าน รวมถึงมีความร่วมมือกันอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาก็ตามประเทศไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมายาวนาน ดังนั้นการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ ยังคงจะเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับการพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศและทุกภาคส่วน เพราะความจริงแล้วรัฐบาลเข้ามาดูในเรื่องของนโยบาย แต่ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันมีหลายระดับและหลายมิติ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องไปด้วยกันทั้งภาครัฐ หรือจีทูจี เอกชน และภาคประชาชน ดังนั้นทั้ง 3 ระดับนี้ดีอยู่แล้ว ใครจะมาเป็นหัวเรือจึงไม่มีปัญหาก็ดำเนินความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อไป โดยย้ำขอให้รอผลการเลือกตั้งก่อนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือไม่ และหลังจากนั้นจึงจะมีการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ใครจะมาดำรงตำแหน่งนี้ และจะมีนโยบายอย่างไร แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ จึงยังไม่อยากให้รายละเอียดไปมากกว่านี้ เพราะอาจจะส่งผลต่อการพูดคุยในอนาคต ดังนั้นรอให้รอฟังทุกสิ่งทุกอย่างให้แน่นอนก่อน แต่ยืนยันว่าใครมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ยังคงมั่นคงแน่นแฟ้น และนี่คือนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีบทบาทและต้องการเห็นความร่วมมือกับทุกประเทศเป็นไปอย่างดี และมีคว
อ่านต่อ >14
#ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #TNN ช่อง16
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี 2024 อยู่ในช่วงการนับคะแนนโค้งสุดท้าย โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จากพรรครีพับลิกัน (Republican Party) มีคะแนนนำ การนับคะแนนและรายงานผลทั้งหมดนี้เกิดในประเทศที่มีประชากรเกิน 300 ล้านคน และ 6 เขตเวลา (Time Zone) ระบบนับคะแนนที่รวดเร็วและโปร่งใสจึงเป็นเรื่องสำคัญวิธีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอเมริกา 2024สหรัฐอเมริกามีวิธีการลงคะแนนเลือกตั้งหลัก 2 แบบ คือ การลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้ง กับลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า การลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกาจะมีรูปแบบเดียวคือการส่งเป็นจดหมายลงคะแนนเสียง ซึ่งจดหมายทั้งหมดจะถูกส่งมาที่หน่วยนับคะแนนในแต่ละรัฐ ตามภูมิลำเนาของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน ในขณะที่การลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้ง ก็คือมาวันเลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งในเขตที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนอาศัย ซึ่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นจัดขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ หรือช่วงดึกของวันที่ 5 พฤศจิกายน จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 6 ตามเวลาประเทศไทย ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการนับคะแนนวิธีการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งอเมริกา 2024โดยการนับคะแนนที่มาจากเลือกตั้งล่วงหน้าผ่านจดหมายนั้นจะถูกเปิดออก และทำการนับคะแนนด้วยการนำไปสแกนกับเครื่องสแกน (Optical scan) ซึ่งเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเฉพาะเข้าสู่หน่วยนับคะแนนกลางไปพร้อมกับนับคะแนนด้วยเจ้าหน้าที่แบบคู่ขนาน เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนส่วนการลงคะแนนเลือกตั้งที่คูหา จะมี 2 รูปแบบ แบบแรกจะใช้เครื่องลงคะแนนที่เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีน ซึ่งทันทีที่กดลงคะแนน ระบบจะทำการส่งคะแนนเข้าส่วนกลางทันที และอีกรูปแบบจะเป็นระบบคูหาที่เป็นระบบไฟฟ้าที่ยังคงพึ่งพาการสแกนภาพก่อนส่งเข้าสู่ส่วนกลางอีกที แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าแบบไหนก็จะมีการเก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยในแต่ละรัฐแล้วนับด้วยคนเหมือนกันอย่างไรก็ตาม กระบวนการนับคะแนนรวมทั้งประเทศอาจใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากกระบวนการในแต่ละรัฐมีความซับซ้อนต่างกัน เช่น รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน ใช้ระบบนับคะแนนทางจดหมายพร้อมกับคะแนนที่ได้ในวันเข้าคูหา ทำให้การนับคะแนนโดยรวมล่าช้าออกไป รวมถึงการนับคะแนนที่ได้จากเขตการปกครองพิเศษ และในอวกาศที่นักบินอวกาศสัญชาติอเมริกันก็มีสิทธิ์ลงคะแนนด้วยเช่นกันข้อมูล BBC, We Forum, General Services Administration, Wi
อ่านต่อ >12
#ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #TNN ช่อง16
แม้จะอยู่บนอวกาศ ก็ยังไม่พลาดการเลือกตั้ง ! 4 นักบินอวกาศชาวอเมริกัน ที่ประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS ใช้สิทธิเลือกตั้งจากบนอวกาศ หลังจากในประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านกฏหมายอนุญาติให้นักบินอวกาศเลือกตั้งจากนอกโลกได้ในปี 1997ภาพจาก Nick Hagueขณะนี้มีชาวอเมริกัน 4 คนที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้แก่ นักบินอวกาศจากภารกิจ SpaceX Crew-9 ของ NASA ดอน เพตทิต (Don Pettit), นิค เฮก (Nick Hague), บุทช์ วิลมอร์ (Butch Wilmore) และซูนี วิลเลียมส์ (Suni Williams) ซึ่งพวกเขามีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2024 ตามสิทธิของชาวอเมริกันวิธีการลงคะแนนเสียงของนักบินอวกาศของ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS จะทำผ่านโปรแกรมการสื่อสารและการนำทางอวกาศ (SCaN) ของ NASA โดยวิธีการทำได้ง่ายมาก เร่ิมจากภาพจาก NASA1. นักบินอวกาศกรอกบัตรลงคะแนน โดยใช้คอมพิวเตอร์บนสถานีอวกาศ2. บัตรลงคะแนนจะถูกเข้ารหัส ส่งเข้าระบบคอมพิวเตอร์ บัตรลงคะแนนก็จะถูกส่งต่อไปยังระบบดาวเทียมติดตามและถ่ายทอดข้อมูลของ NASA ไปยังเสาอากาศภาคพื้นดินที่ศูนย์ทดสอบ White Sands ของหน่วยงานในรัฐนิวเม็กซิโก3. จากนิวเม็กซิโก NASA จะส่งต่อบัตรลงคะแนน ไปยังศูนย์ควบคุมภารกิจ ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน ในรัฐเท็กซัส 4. ศูนย์ควบคุมจะทำการส่งบัตรลงคะแนนเสียง ต่อไปยังเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตามที่อยู่ของนักบินอวกาศ เพื่อนับคะแนนต่อไปทั้งนี้เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของการลงคะแนนเสียง บัตรลงคะแนนจะถูกเข้ารหัส และสามารถเข้าถึงได้โดยนักบินอวกาศ และพนักงานผู้รับผิดชอบเท่านั้นโดย บุตช์ วิลมอร์ หนึ่งในนักบินอวกาศเผยว่า เขาได้ลงคะแนนล่วงหน้าบนสถานีอวกาศแล้ว และหวังว่าคะแนนเสียงของพวกเขาจะถูกนับเป็นที่เรียบร้อยข้อมูลจาก nasa.gov, space
อ่านต่อ >11
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
การเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 กับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกไทย: มุมมองจาก กกร.การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออนาคตของสหรัฐอเมริกา แต่ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ให้ความเห็นว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจส่งผลโดยตรงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ และอาจเผชิญมาตรการทางการค้าใหม่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์: American First และการขึ้นภาษีสินค้าทรัมป์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำนโยบาย “American First” ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ เขาไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการภาษีและการกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น กลุ่มสินค้าส่งออกของไทย เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นกลุ่มที่มีการเกินดุลการค้าสูง หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและนำนโยบายภาษีเข้มงวดกลับมาใช้ ไทยอาจเผชิญกับการขึ้นภาษีนำเข้าซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของประเทศโดยตรง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแนวโน้มที่จะลดบทบาทของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับตัวของประเทศคู่ค้า หากสหรัฐฯ หันไปเน้นนโยบายที่ลดต้นทุนทางการผลิตโดยไม่คำนึงถึงมาตรการสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยและผู้ประกอบการไทยอาจต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อรักษาตลาดสหรัฐฯ นโยบายของแฮร์ริส: สิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่คามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง แนวโน้มที่เกิดขึ้นอาจเป็นนโยบายที่เน้นความร่วมมือระหว่างประเทศและการให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งต่างจากนโยบายของทรัมป์ หากแฮร์ริสให้ความสำคัญกับกติกาทางเศรษฐกิจโลกผ่านองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IMF, WTO และ World Bank ประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับความคาดหวังจากสหรัฐฯ ในการปรับปรุงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนในการผลิตสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น อุตสาหกรรมยางพาราและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไทยอาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาสิ่งแวด
อ่านต่อ >7
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
////////เช้าวันนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยาแม่โขง ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำ จากนั้น นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาระบุถึงประเด็นนี้ ว่า ต้องรอความชัดเจนผลการเลือกตั้งก่อน ถึงจะสามารถพูดได้ ส่วนจะมีผลต่อนโยบายของรัฐบาลไทยหรือไม่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เรื่องนี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว บุคคลใดจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือจะมีการเปลี่ยนตัว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังคงมั่นคง เรียกได้ว่าเข้มแข็ง หรือมีความชัดเจนในทุกด้าน รวมถึงมีความร่วมมือกันอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาก็ตามประเทศไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมายาวนาน ดังนั้นการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ ยังคงจะเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับการพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศและทุกภาคส่วน เพราะความจริงแล้วรัฐบาลเข้ามาดูในเรื่องของนโยบาย แต่ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันมีหลายระดับและหลายมิติ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องไปด้วยกันทั้งภาครัฐ หรือจีทูจี เอกชน และภาคประชาชน ดังนั้นทั้ง 3 ระดับนี้ดีอยู่แล้ว ใครจะมาเป็นหัวเรือจึงไม่มีปัญหาก็ดำเนินความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อไป โดยย้ำขอให้รอผลการเลือกตั้งก่อนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือไม่ และหลังจากนั้นจึงจะมีการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ใครจะมาดำรงตำแหน่งนี้ และจะมีนโยบายอย่างไร แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ จึงยังไม่อยากให้รายละเอียดไปมากกว่านี้ เพราะอาจจะส่งผลต่อการพูดคุยในอนาคต ดังนั้นรอให้รอฟังทุกสิ่งทุกอย่างให้แน่นอนก่อน แต่ยืนยันว่าใครมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ยังคงมั่นคงแน่นแฟ้น และนี่คือนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีบทบาทและต้องการเห็นความร่วมมือกับทุกประเทศเป็นไปอย่างดี และมีคว
อ่านต่อ >14
#ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #TNN ช่อง16
การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาในปี 2024 อยู่ในช่วงการนับคะแนนโค้งสุดท้าย โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) จากพรรครีพับลิกัน (Republican Party) มีคะแนนนำ การนับคะแนนและรายงานผลทั้งหมดนี้เกิดในประเทศที่มีประชากรเกิน 300 ล้านคน และ 6 เขตเวลา (Time Zone) ระบบนับคะแนนที่รวดเร็วและโปร่งใสจึงเป็นเรื่องสำคัญวิธีการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอเมริกา 2024สหรัฐอเมริกามีวิธีการลงคะแนนเลือกตั้งหลัก 2 แบบ คือ การลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้ง กับลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า การลงคะแนนเสียงล่วงหน้าในสหรัฐอเมริกาจะมีรูปแบบเดียวคือการส่งเป็นจดหมายลงคะแนนเสียง ซึ่งจดหมายทั้งหมดจะถูกส่งมาที่หน่วยนับคะแนนในแต่ละรัฐ ตามภูมิลำเนาของผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน ในขณะที่การลงคะแนนที่คูหาเลือกตั้ง ก็คือมาวันเลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งในเขตที่ผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนอาศัย ซึ่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานั้นจัดขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่นในแต่ละพื้นที่ หรือช่วงดึกของวันที่ 5 พฤศจิกายน จนถึงช่วงเช้าของวันที่ 6 ตามเวลาประเทศไทย ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการนับคะแนนวิธีการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งอเมริกา 2024โดยการนับคะแนนที่มาจากเลือกตั้งล่วงหน้าผ่านจดหมายนั้นจะถูกเปิดออก และทำการนับคะแนนด้วยการนำไปสแกนกับเครื่องสแกน (Optical scan) ซึ่งเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายเฉพาะเข้าสู่หน่วยนับคะแนนกลางไปพร้อมกับนับคะแนนด้วยเจ้าหน้าที่แบบคู่ขนาน เพื่อการตรวจสอบความถูกต้องของคะแนนส่วนการลงคะแนนเลือกตั้งที่คูหา จะมี 2 รูปแบบ แบบแรกจะใช้เครื่องลงคะแนนที่เป็นหน้าจอแบบทัชสกรีน ซึ่งทันทีที่กดลงคะแนน ระบบจะทำการส่งคะแนนเข้าส่วนกลางทันที และอีกรูปแบบจะเป็นระบบคูหาที่เป็นระบบไฟฟ้าที่ยังคงพึ่งพาการสแกนภาพก่อนส่งเข้าสู่ส่วนกลางอีกที แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าแบบไหนก็จะมีการเก็บข้อมูลไว้ที่หน่วยในแต่ละรัฐแล้วนับด้วยคนเหมือนกันอย่างไรก็ตาม กระบวนการนับคะแนนรวมทั้งประเทศอาจใช้เวลามากกว่า 2 สัปดาห์ เนื่องจากกระบวนการในแต่ละรัฐมีความซับซ้อนต่างกัน เช่น รัฐเพนซิลเวเนีย และรัฐวิสคอนซิน ใช้ระบบนับคะแนนทางจดหมายพร้อมกับคะแนนที่ได้ในวันเข้าคูหา ทำให้การนับคะแนนโดยรวมล่าช้าออกไป รวมถึงการนับคะแนนที่ได้จากเขตการปกครองพิเศษ และในอวกาศที่นักบินอวกาศสัญชาติอเมริกันก็มีสิทธิ์ลงคะแนนด้วยเช่นกันข้อมูล BBC, We Forum, General Services Administration, Wi
อ่านต่อ >12
#ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #TNN ช่อง16
แม้จะอยู่บนอวกาศ ก็ยังไม่พลาดการเลือกตั้ง ! 4 นักบินอวกาศชาวอเมริกัน ที่ประจำการอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS ใช้สิทธิเลือกตั้งจากบนอวกาศ หลังจากในประเทศสหรัฐอเมริกา ผ่านกฏหมายอนุญาติให้นักบินอวกาศเลือกตั้งจากนอกโลกได้ในปี 1997ภาพจาก Nick Hagueขณะนี้มีชาวอเมริกัน 4 คนที่อยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ได้แก่ นักบินอวกาศจากภารกิจ SpaceX Crew-9 ของ NASA ดอน เพตทิต (Don Pettit), นิค เฮก (Nick Hague), บุทช์ วิลมอร์ (Butch Wilmore) และซูนี วิลเลียมส์ (Suni Williams) ซึ่งพวกเขามีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาปี 2024 ตามสิทธิของชาวอเมริกันวิธีการลงคะแนนเสียงของนักบินอวกาศของ NASA บนสถานีอวกาศนานาชาติ ISS จะทำผ่านโปรแกรมการสื่อสารและการนำทางอวกาศ (SCaN) ของ NASA โดยวิธีการทำได้ง่ายมาก เร่ิมจากภาพจาก NASA1. นักบินอวกาศกรอกบัตรลงคะแนน โดยใช้คอมพิวเตอร์บนสถานีอวกาศ2. บัตรลงคะแนนจะถูกเข้ารหัส ส่งเข้าระบบคอมพิวเตอร์ บัตรลงคะแนนก็จะถูกส่งต่อไปยังระบบดาวเทียมติดตามและถ่ายทอดข้อมูลของ NASA ไปยังเสาอากาศภาคพื้นดินที่ศูนย์ทดสอบ White Sands ของหน่วยงานในรัฐนิวเม็กซิโก3. จากนิวเม็กซิโก NASA จะส่งต่อบัตรลงคะแนน ไปยังศูนย์ควบคุมภารกิจ ที่ศูนย์อวกาศจอห์นสัน ในรัฐเท็กซัส 4. ศูนย์ควบคุมจะทำการส่งบัตรลงคะแนนเสียง ต่อไปยังเขตพื้นที่รับผิดชอบ ตามที่อยู่ของนักบินอวกาศ เพื่อนับคะแนนต่อไปทั้งนี้เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของการลงคะแนนเสียง บัตรลงคะแนนจะถูกเข้ารหัส และสามารถเข้าถึงได้โดยนักบินอวกาศ และพนักงานผู้รับผิดชอบเท่านั้นโดย บุตช์ วิลมอร์ หนึ่งในนักบินอวกาศเผยว่า เขาได้ลงคะแนนล่วงหน้าบนสถานีอวกาศแล้ว และหวังว่าคะแนนเสียงของพวกเขาจะถูกนับเป็นที่เรียบร้อยข้อมูลจาก nasa.gov, space
อ่านต่อ >11
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
การเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 กับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อการส่งออกไทย: มุมมองจาก กกร.การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2024 ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่ไม่เพียงแต่ส่งผลต่ออนาคตของสหรัฐอเมริกา แต่ยังมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าของหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ให้ความเห็นว่าผลการเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจส่งผลโดยตรงต่อสินค้าไทยที่มีการเกินดุลกับสหรัฐฯ และอาจเผชิญมาตรการทางการค้าใหม่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์: American First และการขึ้นภาษีสินค้าทรัมป์เป็นที่รู้จักในฐานะผู้นำนโยบาย “American First” ที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจในประเทศ เขาไม่ลังเลที่จะใช้มาตรการภาษีและการกีดกันทางการค้าเพื่อปกป้องผู้ผลิตในสหรัฐฯ โดยเฉพาะกับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น กลุ่มสินค้าส่งออกของไทย เช่น ฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ เซมิคอนดักเตอร์ ยางล้อ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นกลุ่มที่มีการเกินดุลการค้าสูง หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้งและนำนโยบายภาษีเข้มงวดกลับมาใช้ ไทยอาจเผชิญกับการขึ้นภาษีนำเข้าซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของประเทศโดยตรง นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแนวโน้มที่จะลดบทบาทของสหรัฐฯ ในการเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลต่อการปรับตัวของประเทศคู่ค้า หากสหรัฐฯ หันไปเน้นนโยบายที่ลดต้นทุนทางการผลิตโดยไม่คำนึงถึงมาตรการสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยและผู้ประกอบการไทยอาจต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้เพื่อรักษาตลาดสหรัฐฯ นโยบายของแฮร์ริส: สิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมในกรณีที่คามาลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง แนวโน้มที่เกิดขึ้นอาจเป็นนโยบายที่เน้นความร่วมมือระหว่างประเทศและการให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งต่างจากนโยบายของทรัมป์ หากแฮร์ริสให้ความสำคัญกับกติกาทางเศรษฐกิจโลกผ่านองค์กรระหว่างประเทศ เช่น IMF, WTO และ World Bank ประเทศไทยอาจต้องเผชิญกับความคาดหวังจากสหรัฐฯ ในการปรับปรุงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนในการผลิตสินค้า โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น อุตสาหกรรมยางพาราและเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งไทยอาจจำเป็นต้องเพิ่มมาตรการรักษาสิ่งแวด
อ่านต่อ >7
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
////////เช้าวันนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังนครคุนหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขงครั้งที่ 8 และการประชุมผู้นำยุทธศาสตร์ความร่วมมือเศรษฐกิจอิรวดี เจ้าพระยาแม่โขง ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 6-7 พฤศจิกายนนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธตอบคำถามเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ล่าสุดนายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันมีคะแนนนำ จากนั้น นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกมาระบุถึงประเด็นนี้ ว่า ต้องรอความชัดเจนผลการเลือกตั้งก่อน ถึงจะสามารถพูดได้ ส่วนจะมีผลต่อนโยบายของรัฐบาลไทยหรือไม่หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า เรื่องนี้เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้ว บุคคลใดจะมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือจะมีการเปลี่ยนตัว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ยังคงมั่นคง เรียกได้ว่าเข้มแข็ง หรือมีความชัดเจนในทุกด้าน รวมถึงมีความร่วมมือกันอย่างดี ดังนั้นไม่ว่าใครจะมาก็ตามประเทศไทยและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันมายาวนาน ดังนั้นการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ ยังคงจะเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับการพูดคุยของผู้นำทั้งสองประเทศและทุกภาคส่วน เพราะความจริงแล้วรัฐบาลเข้ามาดูในเรื่องของนโยบาย แต่ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกันมีหลายระดับและหลายมิติ ซึ่งทุกภาคส่วนต้องไปด้วยกันทั้งภาครัฐ หรือจีทูจี เอกชน และภาคประชาชน ดังนั้นทั้ง 3 ระดับนี้ดีอยู่แล้ว ใครจะมาเป็นหัวเรือจึงไม่มีปัญหาก็ดำเนินความสัมพันธ์เช่นนี้ต่อไป โดยย้ำขอให้รอผลการเลือกตั้งก่อนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือไม่ และหลังจากนั้นจึงจะมีการพูดคุยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ใครจะมาดำรงตำแหน่งนี้ และจะมีนโยบายอย่างไร แต่ขณะนี้ยังเป็นเพียงการคาดการณ์ จึงยังไม่อยากให้รายละเอียดไปมากกว่านี้ เพราะอาจจะส่งผลต่อการพูดคุยในอนาคต ดังนั้นรอให้รอฟังทุกสิ่งทุกอย่างให้แน่นอนก่อน แต่ยืนยันว่าใครมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ยังคงมั่นคงแน่นแฟ้น และนี่คือนโยบายสำคัญของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการเห็นประเทศไทยมีบทบาทและต้องการเห็นความร่วมมือกับทุกประเทศเป็นไปอย่างดี และมีคว
อ่านต่อ >14