#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (21 ธ.ค. 67 ) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ บขส. ได้จัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้แก่ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ดังนี้1.โครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” โดยจะตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จำนวน 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และการทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิตและประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2901-23382.จัดโปรโมชั่น "ลดค่าโดยสาร Happy New Year 2025 ลด 10% ไปก่อน-กลับทีหลัง” เพื่ออำนวยความสะดวก และลดความหนาแน่นในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ของประชาชน โดยมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10% (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ทุกเส้นทางทั่วประเทศ ให้แก่ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์ Application : E-Ticket และ Website : https://tcl99web.transport.co.th เดินทางระหว่างวันที่ 15-24 ธันวาคม 2567 และ ระหว่างวันที่ 7-16 มกราคม 2568สำหรับผู้โดยสารสามารถจองตั๋ว บขส. ล่วงหน้าได้ทุกช่องทางของ บขส. อาทิ ช่องทางออนไลน์ Facebook Page : บขส. (www.facebook.com/BorKorSor99), Line : บขส.99 (Id : @TCL99), เว็บไซต์ บขส.https://tcl99web.transport.co.th, Application E – ticket และ ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 0-2936-3660 ในวันและเวลาราชการ ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.transport.co.th, Facebook Fanpage : บขส. และ Line@บขส หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2537-8737 หรือ Call center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมงภาพจาก TNN ONLINE
อ่านต่อ >17
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกระแสสังคมที่ห่วงใยต่อระบบสาธารณสุขประเทศไทย จากกรณีประชากรข้ามชาติแห่คลอดลูกและใช้สิทธิรักษาฟรี ว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายที่บัญญัติไว้และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการดูแลรักษาทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อ ครอบคลุมผู้ที่กำลังดำเนินการพิสูจน์สัญชาติไทยด้วย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยจัดตั้งกองทุนต่างๆ รวมถึงมีเครือข่ายองค์กรนานาชาติให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสม เบื้องต้น มีการจัดการสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย 3 ส่วน คือ 1.บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิหรือบุคคลไร้รัฐ ซึ่งเป็นบุคคลที่กำลังดำเนินการพิสูจน์สัญชาติไทย และได้รับเลขประจำตัว 13 หลัก จากกระทรวงมหาดไทย และปรากฏรายการบุคคลในฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มนี้จะมีสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยใช้กองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ (ท.99) ซึ่งรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปัจจุบันมีผู้ขึ้นทะเบียนกับกองทุน 723,603 คน2.แรงงานต่างด้าวที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและมีใบอนุญาตทำงาน นายจ้างจะส่งเข้าประกันสังคมแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ การรักษาพยาบาล เงินทดแทนรายได้กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ชราภาพ และสิทธิในกรณีว่างงาน และ 3.กองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว กระทรวงสาธารณสุข หรือการซื้อประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะมีการตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว เมียนมา และกัมพูชา ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมหรือกำลังรอสิทธิ รวมทั้งผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว โดยอายุความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามค่าประกันสุขภาพ ทำให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการให้บริการของสถานพยาบาลนพ.มณเฑียรกล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มที่จะได้รับการดูแลจากกองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ หรือ ท.99 นั้น เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือแจ้งซักซ้อมแนวทางการขึ้นทะเบียนบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มบุคคลท
อ่านต่อ >#Fake News #TNN ช่อง16
ตามที่มีประเด็นในออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ต้องตรวจวัดระดับ Homocysteine ในเลือด ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จจากกรณีที่มีผู้เผยแพร่ข้อมูลว่า ผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ต้องตรวจวัดระดับ Homocysteine ในเลือด ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการจำแนกเป็นกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด ไข้ และกลุ่มที่อาการรุนแรง ได้แก่ เสียชีวิต อาการที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือสงสัยว่ามีอาการที่อาจจะเข้าได้กับโรคหรือกลุ่มอาการ (การแพ้รุนแรง อาการทาง ระบบหลอดเลือดและหัวใจ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลัน อาการทาง ระบบประสาท) พิการถาวรหรือไร้ความสามารถ พิการแต่กำเนิด หรือได้รับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการที่ เกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีนมากกว่า 3 วัน ซึ่งมีโอกาสต่ำมากที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และมักจะเกิดภายใน 30 วันหลังจากได้รับวัคซีน ในการเฝ้าระวังอาการรุนแรงดังกล่าวตามแนวทางการเฝ้าระวังและตอบโต้เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศไทย ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ให้มีการตรวจวัดระดับ Homocysteine ในเลือด เพื่อใช้ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ประกอบกับคำแนะนำในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึง ประสงค์หลังได้รับวัคซีนโควิด 19 ของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ก็ไม่ได้มีคำแนะนำให้ตรวจวัดระดับ Homocysteineดังนั้น ขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/ หรือโทร 02-590-3000ภาพจาก TNN ONLINE
อ่านต่อ >6
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) สายด่วน 1441 เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของศูนย์ AOC ที่ครบ1 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ศูนย์ AOC เริ่มขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ครบ 1 ปี ของการดำเนินงาน โดยหตุผลที่มีศูนย์แห่งนี้ เพราะว่าภัยออนไลน์ที่เข้ามาในตอนนี้ เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยจะต้องใช้หลายภาคส่วนในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภาคธนาคาร โทรคมนาคม ตำรวจและความมั่นคงอื่นๆ รวมทั้งเรื่องตามแนวชายแดน ที่เริ่มมีการกวดขันภัยคุกคามรูปแบบนี้ ซึ่งภัยรูปแบบใหม่รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงดีอี เป็นแม่งานในการดูแล จึงมีการจัดตั้งศูนย์ AOC สายด่วน 1441 เพื่อที่จะเป็นวัน One Stop Service ให้กับประชาชนโทร เข้ามาเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่งศูนย์ AOC จะดำเนินรับเรื่องเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว โดยจะสามารถประสานหรือโทรสายตรงไปยังธนาคารต่างๆ ทันที และทำการอายัดบัญชี หรือห้ามทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลา 7 วันซึ่งเป็นไปตามพระราชกำหนด ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ จากนั้นศูนย์ยังให้ประชาชนเลือกสถานีตำรวจที่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ โดยจะรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ส่งทางระบบออนไลน์ เพื่อนำไปสู่การสืบสวนของตำรวจต่อไป โดยประชาชนจะต้องไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ครบกระบวนการเพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา “เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกเมื่อโทรมายังศูนย์ AOC บัญชีของผู้เสียหายโอนไปที่ใดก็จะทำการอายัดทุกที่เพื่อยับยั้งบัญชีทันทีไม่ว่าจะเป็นแถวหนึ่ง แถวสอง หรือ แถวสาม จากนั้นศูนย์ AOC เมื่อมีดาต้าข้อมูลของประชาชน โดนหลอกไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใด ได้มีการเก็บรวบรวมไว้และมอบให้ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงเมื่อธนาคารใดมีการเปิดบัญชีมาจำนวนมากก็จะส่งข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ให้ดำเนินการกวดขัน ส่วนตำรวจก็จะส่งข้อมูลสถานที่ต่างๆ ขณะที่กสทช.จะตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ เพื่อดำเนินการส่งข้อมูลให้ตำรวจต่อไป” นายเอกพงษ์ กล่าวนายเอกพงษ์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ ศูนย์ AOC ยกระดับการประสานงานความร่วมมือกับธปท. ในการตรวจสอบบัญชีม้าที่เข้มขึ้น จากเดิมชื่อ -นามสกุลเดียวกันมีถึง 100 บัญชี ทยอยระงับ แต่ตอนนี้เมื่อมีชื่อ -สกุลเดียวก็จะระงับทุกบัญชีทันที ซึ่งจะเป็นการกำจั
อ่านต่อ >11
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (21 ธ.ค. 67 ) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ บขส. ได้จัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้แก่ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ดังนี้1.โครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” โดยจะตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จำนวน 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และการทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิตและประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2901-23382.จัดโปรโมชั่น "ลดค่าโดยสาร Happy New Year 2025 ลด 10% ไปก่อน-กลับทีหลัง” เพื่ออำนวยความสะดวก และลดความหนาแน่นในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ของประชาชน โดยมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10% (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ทุกเส้นทางทั่วประเทศ ให้แก่ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์ Application : E-Ticket และ Website : https://tcl99web.transport.co.th เดินทางระหว่างวันที่ 15-24 ธันวาคม 2567 และ ระหว่างวันที่ 7-16 มกราคม 2568สำหรับผู้โดยสารสามารถจองตั๋ว บขส. ล่วงหน้าได้ทุกช่องทางของ บขส. อาทิ ช่องทางออนไลน์ Facebook Page : บขส. (www.facebook.com/BorKorSor99), Line : บขส.99 (Id : @TCL99), เว็บไซต์ บขส.https://tcl99web.transport.co.th, Application E – ticket และ ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 0-2936-3660 ในวันและเวลาราชการ ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.transport.co.th, Facebook Fanpage : บขส. และ Line@บขส หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2537-8737 หรือ Call center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมงภาพจาก TNN ONLINE
อ่านต่อ >17
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกระแสสังคมที่ห่วงใยต่อระบบสาธารณสุขประเทศไทย จากกรณีประชากรข้ามชาติแห่คลอดลูกและใช้สิทธิรักษาฟรี ว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยปฏิบัติตามกฎหมายที่บัญญัติไว้และเป็นไปตามหลักสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานในการดูแลรักษาทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย โดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อ ครอบคลุมผู้ที่กำลังดำเนินการพิสูจน์สัญชาติไทยด้วย ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ โดยจัดตั้งกองทุนต่างๆ รวมถึงมีเครือข่ายองค์กรนานาชาติให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนค่าใช้จ่ายตามความเหมาะสม เบื้องต้น มีการจัดการสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณสุขสำหรับผู้ที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย 3 ส่วน คือ 1.บุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิหรือบุคคลไร้รัฐ ซึ่งเป็นบุคคลที่กำลังดำเนินการพิสูจน์สัญชาติไทย และได้รับเลขประจำตัว 13 หลัก จากกระทรวงมหาดไทย และปรากฏรายการบุคคลในฐานข้อมูลของกระทรวงมหาดไทย กลุ่มนี้จะมีสิทธิในการเข้าถึงบริการสาธารณสุข โดยใช้กองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ (ท.99) ซึ่งรัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปัจจุบันมีผู้ขึ้นทะเบียนกับกองทุน 723,603 คน2.แรงงานต่างด้าวที่ลงทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและมีใบอนุญาตทำงาน นายจ้างจะส่งเข้าประกันสังคมแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ การรักษาพยาบาล เงินทดแทนรายได้กรณีเจ็บป่วย คลอดบุตร ชราภาพ และสิทธิในกรณีว่างงาน และ 3.กองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว กระทรวงสาธารณสุข หรือการซื้อประกันสุขภาพของแรงงานต่างด้าว ซึ่งจะมีการตรวจสุขภาพและทำประกันสุขภาพให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติลาว เมียนมา และกัมพูชา ที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคมหรือกำลังรอสิทธิ รวมทั้งผู้ติดตามแรงงานต่างด้าว โดยอายุความคุ้มครองจะแตกต่างกันไปตามค่าประกันสุขภาพ ทำให้สามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรค และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายการให้บริการของสถานพยาบาลนพ.มณเฑียรกล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มที่จะได้รับการดูแลจากกองทุนประกันสุขภาพบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ หรือ ท.99 นั้น เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือแจ้งซักซ้อมแนวทางการขึ้นทะเบียนบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยกลุ่มบุคคลท
อ่านต่อ >#Fake News #TNN ช่อง16
ตามที่มีประเด็นในออนไลน์เกี่ยวกับเรื่องผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ต้องตรวจวัดระดับ Homocysteine ในเลือด ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข พบว่าข้อมูลดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จจากกรณีที่มีผู้เผยแพร่ข้อมูลว่า ผู้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ต้องตรวจวัดระดับ Homocysteine ในเลือด ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ทางกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ตรวจสอบข้อมูลและชี้แจงว่า ในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ภายหลังการได้รับวัคซีนของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มีการจำแนกเป็นกลุ่มที่อาการไม่รุนแรง เช่น ปวดบวมแดงบริเวณที่ฉีด ไข้ และกลุ่มที่อาการรุนแรง ได้แก่ เสียชีวิต อาการที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือสงสัยว่ามีอาการที่อาจจะเข้าได้กับโรคหรือกลุ่มอาการ (การแพ้รุนแรง อาการทาง ระบบหลอดเลือดและหัวใจ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเฉียบพลัน อาการทาง ระบบประสาท) พิการถาวรหรือไร้ความสามารถ พิการแต่กำเนิด หรือได้รับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการที่ เกี่ยวข้องกับการได้รับวัคซีนมากกว่า 3 วัน ซึ่งมีโอกาสต่ำมากที่จะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว และมักจะเกิดภายใน 30 วันหลังจากได้รับวัคซีน ในการเฝ้าระวังอาการรุนแรงดังกล่าวตามแนวทางการเฝ้าระวังและตอบโต้เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ ภายหลังได้รับการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศไทย ไม่ได้มีข้อบ่งชี้ให้มีการตรวจวัดระดับ Homocysteine ในเลือด เพื่อใช้ประเมินความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ประกอบกับคำแนะนำในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ไม่พึง ประสงค์หลังได้รับวัคซีนโควิด 19 ของศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) ก็ไม่ได้มีคำแนะนำให้ตรวจวัดระดับ Homocysteineดังนั้น ขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/ หรือโทร 02-590-3000ภาพจาก TNN ONLINE
อ่านต่อ >6
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายเอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) สายด่วน 1441 เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของศูนย์ AOC ที่ครบ1 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ศูนย์ AOC เริ่มขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ครบ 1 ปี ของการดำเนินงาน โดยหตุผลที่มีศูนย์แห่งนี้ เพราะว่าภัยออนไลน์ที่เข้ามาในตอนนี้ เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยจะต้องใช้หลายภาคส่วนในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภาคธนาคาร โทรคมนาคม ตำรวจและความมั่นคงอื่นๆ รวมทั้งเรื่องตามแนวชายแดน ที่เริ่มมีการกวดขันภัยคุกคามรูปแบบนี้ ซึ่งภัยรูปแบบใหม่รัฐบาลจึงมอบหมายให้กระทรวงดีอี เป็นแม่งานในการดูแล จึงมีการจัดตั้งศูนย์ AOC สายด่วน 1441 เพื่อที่จะเป็นวัน One Stop Service ให้กับประชาชนโทร เข้ามาเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น ซึ่งศูนย์ AOC จะดำเนินรับเรื่องเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว โดยจะสามารถประสานหรือโทรสายตรงไปยังธนาคารต่างๆ ทันที และทำการอายัดบัญชี หรือห้ามทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลา 7 วันซึ่งเป็นไปตามพระราชกำหนด ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ จากนั้นศูนย์ยังให้ประชาชนเลือกสถานีตำรวจที่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ โดยจะรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ส่งทางระบบออนไลน์ เพื่อนำไปสู่การสืบสวนของตำรวจต่อไป โดยประชาชนจะต้องไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ครบกระบวนการเพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา “เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกเมื่อโทรมายังศูนย์ AOC บัญชีของผู้เสียหายโอนไปที่ใดก็จะทำการอายัดทุกที่เพื่อยับยั้งบัญชีทันทีไม่ว่าจะเป็นแถวหนึ่ง แถวสอง หรือ แถวสาม จากนั้นศูนย์ AOC เมื่อมีดาต้าข้อมูลของประชาชน โดนหลอกไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใด ได้มีการเก็บรวบรวมไว้และมอบให้ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงเมื่อธนาคารใดมีการเปิดบัญชีมาจำนวนมากก็จะส่งข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ให้ดำเนินการกวดขัน ส่วนตำรวจก็จะส่งข้อมูลสถานที่ต่างๆ ขณะที่กสทช.จะตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ เพื่อดำเนินการส่งข้อมูลให้ตำรวจต่อไป” นายเอกพงษ์ กล่าวนายเอกพงษ์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ ศูนย์ AOC ยกระดับการประสานงานความร่วมมือกับธปท. ในการตรวจสอบบัญชีม้าที่เข้มขึ้น จากเดิมชื่อ -นามสกุลเดียวกันมีถึง 100 บัญชี ทยอยระงับ แต่ตอนนี้เมื่อมีชื่อ -สกุลเดียวก็จะระงับทุกบัญชีทันที ซึ่งจะเป็นการกำจั
อ่านต่อ >11
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (21 ธ.ค. 67 ) นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ที่จะถึงนี้ บขส. ได้จัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2568 ให้แก่ประชาชนเกิดความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทาง ตามนโยบายกระทรวงคมนาคม ดังนี้1.โครงการ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” โดยจะตรวจเช็กสภาพความพร้อมของรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ จำนวน 20 รายการ เช่น การตรวจระบบเบรก สภาพยาง อุปกรณ์ปัดน้ำฝน ระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก และการทำงานของไฟส่องสว่าง ไฟสัญญาณต่าง ๆ ก่อนออกเดินทางให้กับผู้ที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สถานีเดินรถรังสิตและประชาชนทั่วไป โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30-16.00 น. ณ ศูนย์ซ่อมบำรุงและตรวจสภาพรถ (รังสิต) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 0-2901-23382.จัดโปรโมชั่น "ลดค่าโดยสาร Happy New Year 2025 ลด 10% ไปก่อน-กลับทีหลัง” เพื่ออำนวยความสะดวก และลดความหนาแน่นในการเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ของประชาชน โดยมอบส่วนลดค่าโดยสาร 10% (ไม่รวมค่าธรรมเนียม) ทุกเส้นทางทั่วประเทศ ให้แก่ผู้โดยสารที่ซื้อตั๋วโดยสารผ่านช่องทางออนไลน์ Application : E-Ticket และ Website : https://tcl99web.transport.co.th เดินทางระหว่างวันที่ 15-24 ธันวาคม 2567 และ ระหว่างวันที่ 7-16 มกราคม 2568สำหรับผู้โดยสารสามารถจองตั๋ว บขส. ล่วงหน้าได้ทุกช่องทางของ บขส. อาทิ ช่องทางออนไลน์ Facebook Page : บขส. (www.facebook.com/BorKorSor99), Line : บขส.99 (Id : @TCL99), เว็บไซต์ บขส.https://tcl99web.transport.co.th, Application E – ticket และ ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทร. 0-2936-3660 ในวันและเวลาราชการ ทั้งนี้ สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ www.transport.co.th, Facebook Fanpage : บขส. และ Line@บขส หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ โทรศัพท์ 0-2537-8737 หรือ Call center 1490 เรียก บขส. ตลอด 24 ชั่วโมงภาพจาก TNN ONLINE
อ่านต่อ >17