
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เป็นที่สนใจในระดับโลก แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนไทยบางส่วน ถึงการพาดหัวข่าวของสื่อหลายสำนัก แม้ว่าเนื้อหาด้านใน เกือบทุกสื่อจะรายการด้วยการให้สมดุลเนื้อหาอย่างเท่าเทียมกันนั่นทำให้ภาพที่กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ออกมา ว่า ได้นำผู้สื่อข่าว BBC ของสหราชอาณาจักร คือ โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงพื้นที่ ถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างโดยลงพื้นที่ศูนย์อพยพ โรงพยาบาลพนมดงรัก และบ้านเรือนประชาชนที่ถูก BM-21ของกัมพูชาโจมตี และวันนี้ BBC ได้เผยแพร่บทความของโจนาธาน หลังลงพื้นที่ “นี่เป็นอีกครั้งที่เสียงอาวุธหนัก จรวด และการโจมตีทางอากาศ ดังกังวาน ตลอดพรมแดนไทย-กัมพูชา” นี่เป็นคำขึ้นต้นบทความดังกล่าว สะท้อนว่า การสู้รบครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว นับแต่การสู้รบครั้งแรกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเป็นอีกครั้งที่ประชาชนตลอดพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ยาวหลายร้อยกิโลเมตร ต้องอพยพจากบ้านเรือนตนเอง ในรอบ 5 เดือน โจนาธาน ตั้งคำถามว่า ทำไมการสู้รบเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ ทั้งที่บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นตัวกลางเจรจาคำตอบ คือ เหตุปะทะขนาด “ย่อม” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม ที่ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย การปะทะที่ปะทุขึ้น จากเหตุการณ์ทีอาจดูเล็กน้อยในสายตาต่างชาติ แต่มันคือฟางเส้นสุดท้าย ของความไม่ไว้ใจกัน และคำโกหก ที่แม้แต่อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เป็นสะพานเชื่อมไม่ได้ ผู้สื่อข่าวบีบีซี รายงานจากประสบการณ์ที่ติดตามข่าวไทยมายาวนานอีกว่า ประเทศไทย อันที่จริง ไทยยอมหยุดยิง ก็เพราะทรัมป์ใช้ภาษี เสมือนเอาปืนมาจ่อหัว ในห้วงเวลาที่ไทยและกัมพูชา ใกล้เส้นตายการเจรจาภาษีต่างตอบแทนกับสหรัฐฯ กลับกันกัมพูชายินดีมาก ในฐานะประเทศเล็ก ๆ ที่มีมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงแต่แม้มหาอำนาจจะช่วยให้บรรลุการหยุดยิงกับไทย แต่ตามพรมแดน ทหารกัมพูชากลับเดินหน้ายั่วยุและปะทะกับทหารไทย รวมถึงวางทุ่นระเบิด ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำให้สาธารณชนไทย โกรธเคืองสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้าง เพราะไทยได้นำหลักฐานการกระทำของกัมพูชา นำเสนอต่อประชาคมโลก นับแต่เดือนกรกฎาคม ความอดทนอดกลั้นของกองทัพไทย แทบจะหมดสิ้นแล้ว และเมื่อนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล สนับสนุนการตัดสินใจของกองทัพเต็มที่ในเรื่องนี้ กองทัพไทยจึงเริ่มปฏิบัติการอย่างเต
อ่านต่อ >27

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
กองบัญชาการกองทัพไทย ขอสดุดีเหล่าทหารกล้า ผู้สละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยและความปลอดภัยของประชาชน ความกล้าหาญของพวกท่าน คือ แสงสว่างที่ไม่มีวันดับสูญ และจะส่องนำทางให้กำลังพลทุกนายยืนหยัดบนเส้นทางแห่งเกียรติยศต่อไป ความเสียสละของพวกท่าน คือมรดกแห่งศักดิ์ศรีที่เราจะไม่ลืมเลือน ทั้งนี้ วันนี้ (11 ธ.ค. 2568) เมื่อเวลา 10.00 น. พลตรี สุรศักดิ์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในส่วนของกองทัพบก ทางกัมพูชายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธหนัก แต่เป็นที่น่าเสียใจที่กำลังพลของเราสูญเสียอีก 2 นาย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1 นาย และสูญเสียชีวิตอีก 1 นายในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 โดยปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว 9 นายและบาดเจ็บประมาณ 120 นาย
อ่านต่อ >28

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงในวันนี้ (11 ธ.ค.) ว่า มีพลเรือนชาวกัมพูชาเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และบาดเจ็บอีก 60 ราย จากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนรอบล่าสุด"พลเรือนที่เสียชีวิตมีจำนวน 10 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กทารก 1 คน และพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 60 คน" มาลีกล่าวในระหว่างการแถลงข่าว โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังกล่าวด้วยว่า ความขัดแย้งบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทยปะทุขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) และยังคงดำเนินต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ พร้อมกับเสริมว่า กองทัพไทยยิงปืนใหญ่เข้าใส่หลายพื้นที่ในเขตแดนกัมพูชาก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันพุธว่า พลเรือนประมาณ 190,000 คนจาก 56,000 ครอบครัว ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปยังศูนย์พักพิงที่ปลอดภัยขณะที่วันนี้ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหมของไทย แถลงข่าวในฐานะศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ฝ่ายกัมพูชาได้โจมตีด้วยอาวุธ BM21 โดรนพลีชีพ และปืนครกเข้ามายังพื้นที่ช่องบก ช่องอานม้า และเนิน 667 ขณะที่ปฏิบัติการของทุกเหล่าทัพของไทยยังเป็นไปตามแผนอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดระยะเวลาที่ปฏิบัติการทางทหารตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีกำลังพลเสียชีวิตแล้ว 9 นาย และได้รับบาดเจ็บราว 120 ราย ขณะเดียวกัน การโจมตีของกัมพูชายังส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนมาอยู่ในศูนย์พักพิง 849 จุด จำนวน 199,618 คน และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง รพ.สต.ได้รับผลกระทบ 180 แห่ง"ขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้อาวุธหนักโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเป้าหมายของประชาชน" พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
อ่านต่อ >18

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
แจ้งเตือนเรือประมงทุกลำ หลีกเลี่ยงการเดินเรือใกล้เขตชายแดนไทย - กัมพูชา จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา กรมประมงมีความห่วงใยต่อพี่น้องชาวประมงเป็นอย่างยิ่ง จึงขอแจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการและเรือประมงทุกลำ เพิ่มความระมัดระวังในการทำประมงบริเวณใกล้เขตชายแดน โดยเน้นย้ำให้เรือประมงทุกลำปฏิบัติตามประกาศของหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงจนกว่าสถานการณ์จะปกตินางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า...กรมประมง ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของพี่น้องชาวประมง จึงได้สั่งการเร่งด่วนให้ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง ยกระดับการเฝ้าระวังและติดตามตำแหน่งเรือประมง ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ดำเนินการ 3 มาตรการ ดังนี้ 3 มาตรการยกระดับการเฝ้าระวังและติดตามตำแหน่งเรือประมง ดำเนินการส่งข้อความ (SMS) แจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน “Fisheries Next” บนโทรศัพท์มือถือของเจ้าของเรือประมง เพื่อให้ผู้ประกอบการเรือประมงทุกประเภท ทุกลำ ที่ทำการประมงในเขตทะเลอ่าวไทย เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และทำการประมงโดยเฉพาะในบริเวณใกล้เขตแดนไทย – กัมพูชา ตั้งค่าการแจ้งเตือน เฝ้าระวัง ผ่านระบบ VMS Tracking ภายใต้หลักป้องกันล่วงหน้า หากตรวจพบเรือประมงลำใดมีเส้นทางการเดินเรือเข้าใกล้แนวเขตระยะ 5 ไมล์ทะเลนับจากเส้นแนวเขตแดนทางทะเลไทย - กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) จะโทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าของเรือประมง เพื่อแจ้งเตือนเป็นรายลำให้ระมัดระวังในการเดินเรือ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเรือและทรัพย์สินเป็นสำคัญ และให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดอันตราย หรืออาจมีผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างการทำประมงในทะเล ขอความร่วมมือชาวประมง หากพบเห็นเรือรบหรือกองกำลังทางเรือของกองทัพเรือกัมพูชาในบริเวณใกล้เคียงขอให้แจ้งข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) หรือ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออกที่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อจะได้ประเมินสถานการณ์และแจ้งกองทัพเรือของไทยดำเนินมาตรการที่เหมาะสมต่อไป กรมประมงพร้อมดูแลพี่น้องชาวประมงอย่างใกล้ชิด เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประกอบการเรือประมงทุก
อ่านต่อ >13

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เป็นที่สนใจในระดับโลก แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนไทยบางส่วน ถึงการพาดหัวข่าวของสื่อหลายสำนัก แม้ว่าเนื้อหาด้านใน เกือบทุกสื่อจะรายการด้วยการให้สมดุลเนื้อหาอย่างเท่าเทียมกันนั่นทำให้ภาพที่กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ออกมา ว่า ได้นำผู้สื่อข่าว BBC ของสหราชอาณาจักร คือ โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงพื้นที่ ถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างโดยลงพื้นที่ศูนย์อพยพ โรงพยาบาลพนมดงรัก และบ้านเรือนประชาชนที่ถูก BM-21ของกัมพูชาโจมตี และวันนี้ BBC ได้เผยแพร่บทความของโจนาธาน หลังลงพื้นที่ “นี่เป็นอีกครั้งที่เสียงอาวุธหนัก จรวด และการโจมตีทางอากาศ ดังกังวาน ตลอดพรมแดนไทย-กัมพูชา” นี่เป็นคำขึ้นต้นบทความดังกล่าว สะท้อนว่า การสู้รบครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว นับแต่การสู้รบครั้งแรกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเป็นอีกครั้งที่ประชาชนตลอดพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ยาวหลายร้อยกิโลเมตร ต้องอพยพจากบ้านเรือนตนเอง ในรอบ 5 เดือน โจนาธาน ตั้งคำถามว่า ทำไมการสู้รบเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ ทั้งที่บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นตัวกลางเจรจาคำตอบ คือ เหตุปะทะขนาด “ย่อม” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม ที่ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย การปะทะที่ปะทุขึ้น จากเหตุการณ์ทีอาจดูเล็กน้อยในสายตาต่างชาติ แต่มันคือฟางเส้นสุดท้าย ของความไม่ไว้ใจกัน และคำโกหก ที่แม้แต่อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เป็นสะพานเชื่อมไม่ได้ ผู้สื่อข่าวบีบีซี รายงานจากประสบการณ์ที่ติดตามข่าวไทยมายาวนานอีกว่า ประเทศไทย อันที่จริง ไทยยอมหยุดยิง ก็เพราะทรัมป์ใช้ภาษี เสมือนเอาปืนมาจ่อหัว ในห้วงเวลาที่ไทยและกัมพูชา ใกล้เส้นตายการเจรจาภาษีต่างตอบแทนกับสหรัฐฯ กลับกันกัมพูชายินดีมาก ในฐานะประเทศเล็ก ๆ ที่มีมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงแต่แม้มหาอำนาจจะช่วยให้บรรลุการหยุดยิงกับไทย แต่ตามพรมแดน ทหารกัมพูชากลับเดินหน้ายั่วยุและปะทะกับทหารไทย รวมถึงวางทุ่นระเบิด ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำให้สาธารณชนไทย โกรธเคืองสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้าง เพราะไทยได้นำหลักฐานการกระทำของกัมพูชา นำเสนอต่อประชาคมโลก นับแต่เดือนกรกฎาคม ความอดทนอดกลั้นของกองทัพไทย แทบจะหมดสิ้นแล้ว และเมื่อนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล สนับสนุนการตัดสินใจของกองทัพเต็มที่ในเรื่องนี้ กองทัพไทยจึงเริ่มปฏิบัติการอย่างเต
อ่านต่อ >27

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
กองบัญชาการกองทัพไทย ขอสดุดีเหล่าทหารกล้า ผู้สละชีพเพื่อปกป้องแผ่นดินไทยและความปลอดภัยของประชาชน ความกล้าหาญของพวกท่าน คือ แสงสว่างที่ไม่มีวันดับสูญ และจะส่องนำทางให้กำลังพลทุกนายยืนหยัดบนเส้นทางแห่งเกียรติยศต่อไป ความเสียสละของพวกท่าน คือมรดกแห่งศักดิ์ศรีที่เราจะไม่ลืมเลือน ทั้งนี้ วันนี้ (11 ธ.ค. 2568) เมื่อเวลา 10.00 น. พลตรี สุรศักดิ์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ในส่วนของกองทัพบก ทางกัมพูชายังคงโจมตีอย่างต่อเนื่องด้วยอาวุธหนัก แต่เป็นที่น่าเสียใจที่กำลังพลของเราสูญเสียอีก 2 นาย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1 นาย และสูญเสียชีวิตอีก 1 นายในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 โดยปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว 9 นายและบาดเจ็บประมาณ 120 นาย
อ่านต่อ >28

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงในวันนี้ (11 ธ.ค.) ว่า มีพลเรือนชาวกัมพูชาเสียชีวิตอย่างน้อย 10 ราย และบาดเจ็บอีก 60 ราย จากเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนรอบล่าสุด"พลเรือนที่เสียชีวิตมีจำนวน 10 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กทารก 1 คน และพลเรือนได้รับบาดเจ็บ 60 คน" มาลีกล่าวในระหว่างการแถลงข่าว โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังกล่าวด้วยว่า ความขัดแย้งบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทยปะทุขึ้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) และยังคงดำเนินต่อเนื่องจนถึงเช้าวันนี้ พร้อมกับเสริมว่า กองทัพไทยยิงปืนใหญ่เข้าใส่หลายพื้นที่ในเขตแดนกัมพูชาก่อนหน้านี้ กระทรวงมหาดไทยกัมพูชาได้ออกแถลงการณ์เมื่อคืนวันพุธว่า พลเรือนประมาณ 190,000 คนจาก 56,000 ครอบครัว ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปยังศูนย์พักพิงที่ปลอดภัยขณะที่วันนี้ พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหมของไทย แถลงข่าวในฐานะศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ฝ่ายกัมพูชาได้โจมตีด้วยอาวุธ BM21 โดรนพลีชีพ และปืนครกเข้ามายังพื้นที่ช่องบก ช่องอานม้า และเนิน 667 ขณะที่ปฏิบัติการของทุกเหล่าทัพของไทยยังเป็นไปตามแผนอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดระยะเวลาที่ปฏิบัติการทางทหารตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีกำลังพลเสียชีวิตแล้ว 9 นาย และได้รับบาดเจ็บราว 120 ราย ขณะเดียวกัน การโจมตีของกัมพูชายังส่งผลให้ประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนมาอยู่ในศูนย์พักพิง 849 จุด จำนวน 199,618 คน และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 19 แห่ง รพ.สต.ได้รับผลกระทบ 180 แห่ง"ขอประณามการกระทำของกัมพูชาที่ใช้อาวุธหนักโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเป้าหมายของประชาชน" พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าว
อ่านต่อ >18

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
แจ้งเตือนเรือประมงทุกลำ หลีกเลี่ยงการเดินเรือใกล้เขตชายแดนไทย - กัมพูชา จากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา กรมประมงมีความห่วงใยต่อพี่น้องชาวประมงเป็นอย่างยิ่ง จึงขอแจ้งเตือนให้ผู้ประกอบการและเรือประมงทุกลำ เพิ่มความระมัดระวังในการทำประมงบริเวณใกล้เขตชายแดน โดยเน้นย้ำให้เรือประมงทุกลำปฏิบัติตามประกาศของหน่วยงานด้านความมั่นคงอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงจนกว่าสถานการณ์จะปกตินางฐิติพร หลาวประเสริฐ อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า...กรมประมง ให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยของพี่น้องชาวประมง จึงได้สั่งการเร่งด่วนให้ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) กองบริหารจัดการเรือประมงและการทำการประมง ยกระดับการเฝ้าระวังและติดตามตำแหน่งเรือประมง ตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2568 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ดำเนินการ 3 มาตรการ ดังนี้ 3 มาตรการยกระดับการเฝ้าระวังและติดตามตำแหน่งเรือประมง ดำเนินการส่งข้อความ (SMS) แจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน “Fisheries Next” บนโทรศัพท์มือถือของเจ้าของเรือประมง เพื่อให้ผู้ประกอบการเรือประมงทุกประเภท ทุกลำ ที่ทำการประมงในเขตทะเลอ่าวไทย เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และทำการประมงโดยเฉพาะในบริเวณใกล้เขตแดนไทย – กัมพูชา ตั้งค่าการแจ้งเตือน เฝ้าระวัง ผ่านระบบ VMS Tracking ภายใต้หลักป้องกันล่วงหน้า หากตรวจพบเรือประมงลำใดมีเส้นทางการเดินเรือเข้าใกล้แนวเขตระยะ 5 ไมล์ทะเลนับจากเส้นแนวเขตแดนทางทะเลไทย - กัมพูชา ศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) จะโทรศัพท์ติดต่อไปยังเจ้าของเรือประมง เพื่อแจ้งเตือนเป็นรายลำให้ระมัดระวังในการเดินเรือ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของลูกเรือและทรัพย์สินเป็นสำคัญ และให้หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดอันตราย หรืออาจมีผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างการทำประมงในทะเล ขอความร่วมมือชาวประมง หากพบเห็นเรือรบหรือกองกำลังทางเรือของกองทัพเรือกัมพูชาในบริเวณใกล้เคียงขอให้แจ้งข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) หรือ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออกที่ใกล้ที่สุดทันที เพื่อจะได้ประเมินสถานการณ์และแจ้งกองทัพเรือของไทยดำเนินมาตรการที่เหมาะสมต่อไป กรมประมงพร้อมดูแลพี่น้องชาวประมงอย่างใกล้ชิด เพื่อคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของผู้ประกอบการเรือประมงทุก
อ่านต่อ >13

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
สถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชา เป็นที่สนใจในระดับโลก แต่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากคนไทยบางส่วน ถึงการพาดหัวข่าวของสื่อหลายสำนัก แม้ว่าเนื้อหาด้านใน เกือบทุกสื่อจะรายการด้วยการให้สมดุลเนื้อหาอย่างเท่าเทียมกันนั่นทำให้ภาพที่กองทัพภาคที่ 2 เผยแพร่ออกมา ว่า ได้นำผู้สื่อข่าว BBC ของสหราชอาณาจักร คือ โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลงพื้นที่ ถูกแชร์ออกไปเป็นวงกว้างโดยลงพื้นที่ศูนย์อพยพ โรงพยาบาลพนมดงรัก และบ้านเรือนประชาชนที่ถูก BM-21ของกัมพูชาโจมตี และวันนี้ BBC ได้เผยแพร่บทความของโจนาธาน หลังลงพื้นที่ “นี่เป็นอีกครั้งที่เสียงอาวุธหนัก จรวด และการโจมตีทางอากาศ ดังกังวาน ตลอดพรมแดนไทย-กัมพูชา” นี่เป็นคำขึ้นต้นบทความดังกล่าว สะท้อนว่า การสู้รบครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 2 แล้ว นับแต่การสู้รบครั้งแรกเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเป็นอีกครั้งที่ประชาชนตลอดพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่ยาวหลายร้อยกิโลเมตร ต้องอพยพจากบ้านเรือนตนเอง ในรอบ 5 เดือน โจนาธาน ตั้งคำถามว่า ทำไมการสู้รบเกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ ทั้งที่บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยมีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เป็นตัวกลางเจรจาคำตอบ คือ เหตุปะทะขนาด “ย่อม” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม ที่ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย การปะทะที่ปะทุขึ้น จากเหตุการณ์ทีอาจดูเล็กน้อยในสายตาต่างชาติ แต่มันคือฟางเส้นสุดท้าย ของความไม่ไว้ใจกัน และคำโกหก ที่แม้แต่อำนาจประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เป็นสะพานเชื่อมไม่ได้ ผู้สื่อข่าวบีบีซี รายงานจากประสบการณ์ที่ติดตามข่าวไทยมายาวนานอีกว่า ประเทศไทย อันที่จริง ไทยยอมหยุดยิง ก็เพราะทรัมป์ใช้ภาษี เสมือนเอาปืนมาจ่อหัว ในห้วงเวลาที่ไทยและกัมพูชา ใกล้เส้นตายการเจรจาภาษีต่างตอบแทนกับสหรัฐฯ กลับกันกัมพูชายินดีมาก ในฐานะประเทศเล็ก ๆ ที่มีมหาอำนาจเข้ามาแทรกแซงแต่แม้มหาอำนาจจะช่วยให้บรรลุการหยุดยิงกับไทย แต่ตามพรมแดน ทหารกัมพูชากลับเดินหน้ายั่วยุและปะทะกับทหารไทย รวมถึงวางทุ่นระเบิด ที่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำให้สาธารณชนไทย โกรธเคืองสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้าง เพราะไทยได้นำหลักฐานการกระทำของกัมพูชา นำเสนอต่อประชาคมโลก นับแต่เดือนกรกฎาคม ความอดทนอดกลั้นของกองทัพไทย แทบจะหมดสิ้นแล้ว และเมื่อนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล สนับสนุนการตัดสินใจของกองทัพเต็มที่ในเรื่องนี้ กองทัพไทยจึงเริ่มปฏิบัติการอย่างเต
อ่านต่อ >27