
#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพตลาดสัปดานี้ ปรับขึ้นมาราว 1.2% สะท้อนความคาดหวังมาตรการกระตุนจากรัฐบาลใหม่ ตอนนี้ ค่อนข้างชัดเจนขึ้นว่าน่าจะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้กลุ่มเชื่อมโยงนโยบายกระตุ้นของพรรคภูมิใจไทยปรับตัวขึ้น ทั้งนโนบายวงกู้ฉุกเฉิน/พักหนี้ หนุนกลุ่ม Domestic play เชื่อมการบริโภคในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก ทั้งกลุ่มค้าปลีก CPALL GLOBAL กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD กลุ่มอสังหาฯ SPALI มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หนุนกลุ่มโรงแรม CENTEL และกลุ่มขนส่งโครงการก่อสร้างต่างๆ หนุนกลุ่มรับเหมาฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงมาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มปิโตรฯ เริ่มเห็นแรง take profit หลังปรับขึ้นมาแรง กับเริ่มเห็นความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังการจ้างงานสหรัฐฯ เริ่มแผ่วลงเร็วต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่องสัปดาห์นี้ขายราว 300 ล้านบาท ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้วขาย 2 หมื่นล้าน ในขณะที่แรงซื้อมาจากสถาบันในประเทศ และรายย่อยหุ้นที่ NVDR เข้าเยอะสัปดาห์นี้ เช่น CPALL BH ในขณะที่ขายเยอะ เช่น TOP PTTEPมองไปสัปดาห์หน้า คาดตลาดยัง sideways กรอบบนที่ 1,280 ความชัดเจนรัฐบาลใหม่ อาจจะยังหนุน sentiment ได้ในช่วงสั้นๆ ภาพโผคณะรัฐมนตรีใหม่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อจากนี้ แต่ภาพ fundamental เวลามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย มาตรการกระตุ้นต่างๆ อาจจะค่อนข้างทำได้ไม่เต็มที่น่าจะจำกัด upside ตลาดระยะสั้น คาดตลาดจะเริ่ม selective มากขึ้น focus หุ้นที่เริ่มเห็นกำไรดีขึ้นเช่นกลุ่มโรงแรม/ร้านอาหาร เช่น CENTEL ตัวเลขรายได้โรงแรมเดือนก.ค.-ส.ค.กลับมาโตได้ YoY แม้ว่ายังอ่อนแอ แต่ธุรกิจร้านอาหาร (ที่คิดเป็นประมาณ 1/3 ของกำไร) กลับมาดีขึ้น (SSSG -1% ก.ค., +5% ส.ค. เทียบไตรมาส 2/68 -3% YoY) มาจากร้านญี่ปุ่น เช่น ottoya, katsuya, shinkanzen sushi, midori sushiในขณะที่ KFC และ Mister donut (รวมกัน 50% ของพอร์ตอาหาร) ยังโต YoY ดี ทำให้มองกำไรไตรมาส 2/68 ที่ผ่านมาทำจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 ถึง High season ไตรมาส 4/68 แต่ต้องเน้นภาพว่าเป็น trading ภาพร้านอาหารที่ดีขึ้นมามาจากการจัด promotion ส่วนนึงด้วย ดังนั้นอาจจะไม่ได้ยั่งยืนมากกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น WHAUP น่าจะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก Data center ที่ชัดที่สุดตัวนึงในตอนนี้ คาดรับร
อ่านต่อ >26

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
การโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ปิดฉากด้วยรัฐบาลเสียงข้างน้อยอายุสั้น ภายใต้เงื่อนไข “ยุบสภาภายใน 4 เดือน” และกรอบการทำงานที่ต้องพึ่งพาคะแนนจากพรรคการเมืองอื่นในสภาทุกครั้งที่ต้องผลักดันวาระสำคัญ นี่คือช่วงเวลาที่การเมืองไทยเดินบนรางแคบ ซึ่งความเร็วไม่ได้สำคัญเท่ากับ “การรักษาสมดุล” ระหว่างคำมั่นทางการเมืองและการแก้ปัญหาประเทศในระยะสั้นโจทย์แรกคือความชัดเจนของ “รัฐบาลเฉพาะกิจ” ที่มีฐานเสียง 146 เสียง การบริหารภายใต้โครงสร้างเช่นนี้ต้องอาศัยวาระร่วมที่จับต้องได้และพิสูจน์ผลได้เร็ว (ภายในหน้าต่างเวลา 4 เดือน) โดยยังต้องรักษาข้อตกลงทางการเมือง 5 ข้อกับผู้สนับสนุนให้ครบถ้วน เพราะเพียงเกิดรอยปริเล็กน้อย ความเชื่อมั่นและเสถียรภาพอาจถดถอยทันทีด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ถูกคาดหวังให้บรรเทาค่าครองชีพและอัดฉีดกำลังซื้อฐานราก “แบบไม่ทิ้งวินัยการคลัง” พรรคแกนนำอย่างภูมิใจไทยวางหมุดหมายไว้ที่การเติมเงินในระบบระดับชุมชนและอาชีพอิสระผ่านมาตรการกระตุ้นเชิงตรงจุด เช่น การขยายสวัสดิการที่ช่วยรายจ่ายประจำวัน (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง) การจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอีและเกษตรกร และการเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่นที่จ้างงานได้ทันที ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนตรรกะว่า “เงินถึงมือ–เศรษฐกิจไหลเวียน–ฐานภาษีขยาย” สาธารณสุขคือสนามที่รัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อ ภูมิใจไทยย้ำแนวทาง “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ด้วยการยกระดับบัตรทองให้ครอบคลุมบริการเชิงป้องกันมากขึ้น (ตรวจคัดกรองโรคเรื้อรัง เวชศาสตร์ครอบครัว) เดินหน้าการแพทย์สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน และใช้กรอบกฎหมายกำกับผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์เพื่อคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย เป้าหมายคือคลายภาระค่ารักษา ลดเวลารอคอย และกระตุ้นเศรษฐกิจสุขภาพในภูมิภาคคมนาคมและค่าพาหนะถูกหยิบเป็น “ตัวลดแรงดันค่าครองชีพ” มาตรการระยะต้นที่พูดกันคือรถเมล์ฟรีในเขตเมืองหลัก การทยอยใช้รถโดยสารไฟฟ้า (EV Bus) เพื่อลดต้นทุนพลังงาน และการเร่งโครงการรางเบา–รางคู่ที่เชื่อมเมืองรอง แนวทางนี้ทำงานคู่กับยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวแบบกระจายตัว เน้นวิถีชุมชน โฮมสเตย์ งานเทศกาลท้องถิ่น และสิทธิอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงรายได้ใหม่เข้าชนบท (และให้หมุนเวียนสู่เอสเอ็มอีท้องถิ่น)พลังงานและสิ่งแวดล้อมถูกมองเป็น “ต้นทุนโครงสร้าง” ที่ต้องผ่อนแรงอย่างยั่งยืน แกนคิดคือพลังงานทดแทนระดับชุมชน (ชีวม
อ่านต่อ >31

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
5 กันยายน 2568 ภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นนายกรัฐมนตรีผลการลงมติปรากฏว่า สส. ลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล 311 เสียง นายชัยเกษม นิติศิริ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง เป็นอันว่านายอนุทิน ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า "พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน...ตลอดไป" 5 กันยายน 2568
อ่านต่อ >25

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันที่ 5 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยวันนี้มีวาระที่ต้องจับตาคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ซึ่งมีการเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหลังจากอภิปรายมา 1 ชั่วโมงกว่าๆ ที่ประชุมจึงลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนระเบียบวาระการให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนน 313 ต่อ 142 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 5ทั้งนี้ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี 2 คน จากนั้นจึงตกลงกรอบเวลาให้อภิปรายได้ 2 ชั่วโมง แบ่งกันฝ่ายละ 1 ชั่วโมง สำหรับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 มีการเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ที่ประชุมลงมติเลือก ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 กำหนดกระบวนการ โดยเริ่มจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องมาจากบัญชีของพรรคการเมืองที่มี สส. ตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88ผู้ที่ถูกเสนอชื่อ จะต้องได้รับการรับรองจาก สส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมี สส. 492 คน หรืออย่างน้อย 50 คน ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการลงมติ ทั้งนี้ การลงมติเลือกจะลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยวิธีการขานชื่อ สส. ตามลำดับตัวอักษร ให้ออกเสียงเป็นรายบุคคล ซึ่งผู้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือไม่น้อยกว่า 247 เสียง ซึ่งเมื่อได้ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนำรายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดย ล่าสุด ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32
อ่านต่อ >38

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพตลาดสัปดานี้ ปรับขึ้นมาราว 1.2% สะท้อนความคาดหวังมาตรการกระตุนจากรัฐบาลใหม่ ตอนนี้ ค่อนข้างชัดเจนขึ้นว่าน่าจะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้กลุ่มเชื่อมโยงนโยบายกระตุ้นของพรรคภูมิใจไทยปรับตัวขึ้น ทั้งนโนบายวงกู้ฉุกเฉิน/พักหนี้ หนุนกลุ่ม Domestic play เชื่อมการบริโภคในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก ทั้งกลุ่มค้าปลีก CPALL GLOBAL กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD กลุ่มอสังหาฯ SPALI มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หนุนกลุ่มโรงแรม CENTEL และกลุ่มขนส่งโครงการก่อสร้างต่างๆ หนุนกลุ่มรับเหมาฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงมาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มปิโตรฯ เริ่มเห็นแรง take profit หลังปรับขึ้นมาแรง กับเริ่มเห็นความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังการจ้างงานสหรัฐฯ เริ่มแผ่วลงเร็วต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่องสัปดาห์นี้ขายราว 300 ล้านบาท ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้วขาย 2 หมื่นล้าน ในขณะที่แรงซื้อมาจากสถาบันในประเทศ และรายย่อยหุ้นที่ NVDR เข้าเยอะสัปดาห์นี้ เช่น CPALL BH ในขณะที่ขายเยอะ เช่น TOP PTTEPมองไปสัปดาห์หน้า คาดตลาดยัง sideways กรอบบนที่ 1,280 ความชัดเจนรัฐบาลใหม่ อาจจะยังหนุน sentiment ได้ในช่วงสั้นๆ ภาพโผคณะรัฐมนตรีใหม่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อจากนี้ แต่ภาพ fundamental เวลามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย มาตรการกระตุ้นต่างๆ อาจจะค่อนข้างทำได้ไม่เต็มที่น่าจะจำกัด upside ตลาดระยะสั้น คาดตลาดจะเริ่ม selective มากขึ้น focus หุ้นที่เริ่มเห็นกำไรดีขึ้นเช่นกลุ่มโรงแรม/ร้านอาหาร เช่น CENTEL ตัวเลขรายได้โรงแรมเดือนก.ค.-ส.ค.กลับมาโตได้ YoY แม้ว่ายังอ่อนแอ แต่ธุรกิจร้านอาหาร (ที่คิดเป็นประมาณ 1/3 ของกำไร) กลับมาดีขึ้น (SSSG -1% ก.ค., +5% ส.ค. เทียบไตรมาส 2/68 -3% YoY) มาจากร้านญี่ปุ่น เช่น ottoya, katsuya, shinkanzen sushi, midori sushiในขณะที่ KFC และ Mister donut (รวมกัน 50% ของพอร์ตอาหาร) ยังโต YoY ดี ทำให้มองกำไรไตรมาส 2/68 ที่ผ่านมาทำจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 ถึง High season ไตรมาส 4/68 แต่ต้องเน้นภาพว่าเป็น trading ภาพร้านอาหารที่ดีขึ้นมามาจากการจัด promotion ส่วนนึงด้วย ดังนั้นอาจจะไม่ได้ยั่งยืนมากกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น WHAUP น่าจะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก Data center ที่ชัดที่สุดตัวนึงในตอนนี้ คาดรับร
อ่านต่อ >26

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
การโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ปิดฉากด้วยรัฐบาลเสียงข้างน้อยอายุสั้น ภายใต้เงื่อนไข “ยุบสภาภายใน 4 เดือน” และกรอบการทำงานที่ต้องพึ่งพาคะแนนจากพรรคการเมืองอื่นในสภาทุกครั้งที่ต้องผลักดันวาระสำคัญ นี่คือช่วงเวลาที่การเมืองไทยเดินบนรางแคบ ซึ่งความเร็วไม่ได้สำคัญเท่ากับ “การรักษาสมดุล” ระหว่างคำมั่นทางการเมืองและการแก้ปัญหาประเทศในระยะสั้นโจทย์แรกคือความชัดเจนของ “รัฐบาลเฉพาะกิจ” ที่มีฐานเสียง 146 เสียง การบริหารภายใต้โครงสร้างเช่นนี้ต้องอาศัยวาระร่วมที่จับต้องได้และพิสูจน์ผลได้เร็ว (ภายในหน้าต่างเวลา 4 เดือน) โดยยังต้องรักษาข้อตกลงทางการเมือง 5 ข้อกับผู้สนับสนุนให้ครบถ้วน เพราะเพียงเกิดรอยปริเล็กน้อย ความเชื่อมั่นและเสถียรภาพอาจถดถอยทันทีด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลใหม่ถูกคาดหวังให้บรรเทาค่าครองชีพและอัดฉีดกำลังซื้อฐานราก “แบบไม่ทิ้งวินัยการคลัง” พรรคแกนนำอย่างภูมิใจไทยวางหมุดหมายไว้ที่การเติมเงินในระบบระดับชุมชนและอาชีพอิสระผ่านมาตรการกระตุ้นเชิงตรงจุด เช่น การขยายสวัสดิการที่ช่วยรายจ่ายประจำวัน (ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง) การจัดสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอีและเกษตรกร และการเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานท้องถิ่นที่จ้างงานได้ทันที ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนตรรกะว่า “เงินถึงมือ–เศรษฐกิจไหลเวียน–ฐานภาษีขยาย” สาธารณสุขคือสนามที่รัฐบาลชุดนี้มีแต้มต่อ ภูมิใจไทยย้ำแนวทาง “ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ด้วยการยกระดับบัตรทองให้ครอบคลุมบริการเชิงป้องกันมากขึ้น (ตรวจคัดกรองโรคเรื้อรัง เวชศาสตร์ครอบครัว) เดินหน้าการแพทย์สมุนไพรที่ได้มาตรฐาน และใช้กรอบกฎหมายกำกับผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์เพื่อคุณภาพและความปลอดภัยของผู้ป่วย เป้าหมายคือคลายภาระค่ารักษา ลดเวลารอคอย และกระตุ้นเศรษฐกิจสุขภาพในภูมิภาคคมนาคมและค่าพาหนะถูกหยิบเป็น “ตัวลดแรงดันค่าครองชีพ” มาตรการระยะต้นที่พูดกันคือรถเมล์ฟรีในเขตเมืองหลัก การทยอยใช้รถโดยสารไฟฟ้า (EV Bus) เพื่อลดต้นทุนพลังงาน และการเร่งโครงการรางเบา–รางคู่ที่เชื่อมเมืองรอง แนวทางนี้ทำงานคู่กับยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวแบบกระจายตัว เน้นวิถีชุมชน โฮมสเตย์ งานเทศกาลท้องถิ่น และสิทธิอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย เพื่อดึงรายได้ใหม่เข้าชนบท (และให้หมุนเวียนสู่เอสเอ็มอีท้องถิ่น)พลังงานและสิ่งแวดล้อมถูกมองเป็น “ต้นทุนโครงสร้าง” ที่ต้องผ่อนแรงอย่างยั่งยืน แกนคิดคือพลังงานทดแทนระดับชุมชน (ชีวม
อ่านต่อ >31

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
5 กันยายน 2568 ภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาวาระให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนายไชยชนก ชิดชอบ ส.ส.บุรีรัมย์ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนนายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นนายกรัฐมนตรีผลการลงมติปรากฏว่า สส. ลงมติเลือกนายอนุทิน ชาญวีรกูล 311 เสียง นายชัยเกษม นิติศิริ 152 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง เป็นอันว่านายอนุทิน ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า "พรรคเพื่อไทย พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ตามครรลองของรัฐสภา ยึดมั่นหลักการประชาธิปไตย ขอขอบคุณทุกแรงใจ นโยบายหลายเรื่องที่ยังค้างไว้ เราจะรอวันกลับมาสานต่อให้สำเร็จ เพื่อคนไทยทุกคน...ตลอดไป" 5 กันยายน 2568
อ่านต่อ >25

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันที่ 5 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยวันนี้มีวาระที่ต้องจับตาคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ซึ่งมีการเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหลังจากอภิปรายมา 1 ชั่วโมงกว่าๆ ที่ประชุมจึงลงมติเห็นด้วยให้เลื่อนระเบียบวาระการให้ความเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ขึ้นมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนน 313 ต่อ 142 งดออกเสียง 4 ไม่ลงคะแนน 5ทั้งนี้ นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี 2 คน จากนั้นจึงตกลงกรอบเวลาให้อภิปรายได้ 2 ชั่วโมง แบ่งกันฝ่ายละ 1 ชั่วโมง สำหรับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 มีการเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ที่ประชุมลงมติเลือก ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 กำหนดกระบวนการ โดยเริ่มจากการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องมาจากบัญชีของพรรคการเมืองที่มี สส. ตั้งแต่ 25 คนขึ้นไป ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88ผู้ที่ถูกเสนอชื่อ จะต้องได้รับการรับรองจาก สส.ไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมี สส. 492 คน หรืออย่างน้อย 50 คน ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการลงมติ ทั้งนี้ การลงมติเลือกจะลงคะแนนโดยเปิดเผยด้วยวิธีการขานชื่อ สส. ตามลำดับตัวอักษร ให้ออกเสียงเป็นรายบุคคล ซึ่งผู้ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน สส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือไม่น้อยกว่า 247 เสียง ซึ่งเมื่อได้ผู้ที่ได้รับความเห็นชอบแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนำรายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดย ล่าสุด ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเลือก “อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 32
อ่านต่อ >38

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายพิริยพล คงวาณิช นักกลยุทธ์ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุนเพื่อบริหารความมั่งคั่ง บล.บัวหลวง เปิดเผยว่า ภาพตลาดสัปดานี้ ปรับขึ้นมาราว 1.2% สะท้อนความคาดหวังมาตรการกระตุนจากรัฐบาลใหม่ ตอนนี้ ค่อนข้างชัดเจนขึ้นว่าน่าจะเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ทำให้กลุ่มเชื่อมโยงนโยบายกระตุ้นของพรรคภูมิใจไทยปรับตัวขึ้น ทั้งนโนบายวงกู้ฉุกเฉิน/พักหนี้ หนุนกลุ่ม Domestic play เชื่อมการบริโภคในประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจฐานราก ทั้งกลุ่มค้าปลีก CPALL GLOBAL กลุ่มเช่าซื้อ MTC SAWAD กลุ่มอสังหาฯ SPALI มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว หนุนกลุ่มโรงแรม CENTEL และกลุ่มขนส่งโครงการก่อสร้างต่างๆ หนุนกลุ่มรับเหมาฯ ส่วนกลุ่มที่ปรับลงมาจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มปิโตรฯ เริ่มเห็นแรง take profit หลังปรับขึ้นมาแรง กับเริ่มเห็นความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัว หลังการจ้างงานสหรัฐฯ เริ่มแผ่วลงเร็วต่างชาติกลับมาขายต่อเนื่องสัปดาห์นี้ขายราว 300 ล้านบาท ต่อเนื่องจากเดือนที่แล้วขาย 2 หมื่นล้าน ในขณะที่แรงซื้อมาจากสถาบันในประเทศ และรายย่อยหุ้นที่ NVDR เข้าเยอะสัปดาห์นี้ เช่น CPALL BH ในขณะที่ขายเยอะ เช่น TOP PTTEPมองไปสัปดาห์หน้า คาดตลาดยัง sideways กรอบบนที่ 1,280 ความชัดเจนรัฐบาลใหม่ อาจจะยังหนุน sentiment ได้ในช่วงสั้นๆ ภาพโผคณะรัฐมนตรีใหม่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางต่อจากนี้ แต่ภาพ fundamental เวลามีรัฐบาลเสียงข้างน้อย มาตรการกระตุ้นต่างๆ อาจจะค่อนข้างทำได้ไม่เต็มที่น่าจะจำกัด upside ตลาดระยะสั้น คาดตลาดจะเริ่ม selective มากขึ้น focus หุ้นที่เริ่มเห็นกำไรดีขึ้นเช่นกลุ่มโรงแรม/ร้านอาหาร เช่น CENTEL ตัวเลขรายได้โรงแรมเดือนก.ค.-ส.ค.กลับมาโตได้ YoY แม้ว่ายังอ่อนแอ แต่ธุรกิจร้านอาหาร (ที่คิดเป็นประมาณ 1/3 ของกำไร) กลับมาดีขึ้น (SSSG -1% ก.ค., +5% ส.ค. เทียบไตรมาส 2/68 -3% YoY) มาจากร้านญี่ปุ่น เช่น ottoya, katsuya, shinkanzen sushi, midori sushiในขณะที่ KFC และ Mister donut (รวมกัน 50% ของพอร์ตอาหาร) ยังโต YoY ดี ทำให้มองกำไรไตรมาส 2/68 ที่ผ่านมาทำจุดต่ำสุดไปแล้ว น่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องในไตรมาส 3/68 ถึง High season ไตรมาส 4/68 แต่ต้องเน้นภาพว่าเป็น trading ภาพร้านอาหารที่ดีขึ้นมามาจากการจัด promotion ส่วนนึงด้วย ดังนั้นอาจจะไม่ได้ยั่งยืนมากกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น WHAUP น่าจะเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก Data center ที่ชัดที่สุดตัวนึงในตอนนี้ คาดรับร
อ่านต่อ >26