
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
"เผ่าภูมิ" ตรวจ "ท่าเรือสงขลา" เร่งผลักดันโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย แก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ หวังปั้นท่าเรือฝั่งอ่าวไทยชิงส่วนแบ่งท่าเรือปีนัง
#ทันหุ้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจผลการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา บนที่ราชพัสดุ สข.1029 และ สข.1030 จังหวัดสงขลา เนื้อที่ราว 78 ไร่ โดยกล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และแก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ซึ่งทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ ต้องขนใส่เรือขนาดเล็กที่มีเครนแทน แล้วถ่ายใส่เรือขนาดใหญ่ที่ท่าเรือสิงคโปร์เพื่อส่งต่อไปยังจีนและญี่ปุ่น ในขณะที่ท่าเรือปีนังขนส่งโดยเรือขนาดใหญ่สู่จีนและญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือสงขลาสูงกว่าท่าเรือปีนัง อีกทั้งยังมีปัญหาความลึกของร่องน้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีความลึกเฉลี่ยเพียง 7 เมตร ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ โดยมติ ครม. ได้จัดให้ บจก. เจ้าพระยาท่าเรือสากล เช่าที่ราชพัสดุ พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา มีกำหนดระยะเวลา 25 ปี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน ราว 10.67%
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงท่าเรือดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้ท่าเรือสงขลาให้รองรับเรือได้หลายขนาดมากขึ้น แก้ไขปัญหาเครนหน้าท่า ปัญหาความลึกร่องน้ำ ตลอดจนช่วยให้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้มากขึ้น จากเดิม 180,000 teu เป็น ประมาณ 450,000 teu และรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดต้นทุนการขนย้ายสินค้า เพื่อทำให้แข่งขันกับท่าเรือปีนังได้ เพราะสามารถบรรทุกสินค้าส่งออกทางเรือไปยังประเทศปลายทางได้โดยตรง เพิ่มศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยตอนล่างในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องเร่งรัดภาคเอกชนให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
อ่านต่อ >80

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
นายกฯสั่ง”คลัง-ธปท.”แก้ปัญหา SMEs ขาดแหล่งทุน เหตุ 10 ปีอุตสาหกรรม SMEsไม่ฟื้น พร้อมมอบ 3 กระทรวงเศรษฐกิจเร่งฟื้นอัตรากำลังการผลิตประเทศ ตั้งเป้าผลักดันจีดีพีปีนี้ ให้ถึง 3.5%
#ทันหุ้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งที่ 7 ประจำปี 2568 ที่จังหวัดสงขลาวันนี้(18 ก.พ.)ว่า ได้ขอให้กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหา SMEs ที่ยังเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้น้อย ทำให้ไม่มีเงินทุนในการปรับปรุงพัฒนากิจการ ซึ่ง SMEs คิดเป็น 75 % ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ
“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการทำให้อุตสาหกรรม SMEs ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งการได้สินเชื่อ จะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น สามารถมีเงินทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจได้ จึงอยากให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่การขยายตัวจีดีพีของไทยต่ำรั้งท้ายในอาเซียนนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอบคำถามนี้ว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งเป้าหมายจีดีพีในปีนี้ที่ 3% และอยากจะผลักดันให้ถึง 3.5% ซึ่งต้องมีการผลักดันในทุกภาคส่วน
“ปัจจัยคือ การลงทุนในประเทศที่ต้องดึงเม็ดเงินลงทุนมาลงทุนในประเทศ เพราะเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่แย่มาพักใหญ่ เราต้องผลักดันในทุกภาคส่วน ไม่สามารถผลักดันเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว สามารถเกิด Miracle ได้ ซึ่งภาคเอกชนก็ต้องเข้ามาช่วยด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้ 3 กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ หาแนวทางการฟื้นอัตรากำลังการผลิตของประเทศ (Capital Utilization) หลังจากอัตรากำลังการผลิตของประเทศขยายตัวลดลง
“ประเด็นดังกล่าวท่านนายกรัฐมนตรีฝากให้ 3 กระทรวงติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่การใช้กำลังการผลิตในประเทศลดลง จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด”
ทั้งนี้ ตนได้ขอบคุณทุกภาคส่วน หลังจากที่สภาพัฒน์ได้รายงานไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วโดยรัฐบาลดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว ทำให้จีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ขยายตัว 3.2% และคาดการณ์ว่า ในปีนี้ แนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“การขยายตัวของจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของ
อ่านต่อ >52

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
”พิชัย“เผย นายกฯสั่งนบข.ดูแลราคาข้าวนาปรัง หวั่นตลาดโลกกดราคา หลังประเมินข้าวนาปรังในปีการผลิตนี้จะออกมามากถึง 6.5 ล้านตัน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ(นบจ.)กังวลปริมาณข้าวนาปรังในปีนี้ที่คาดว่าจะออกมากว่า 6.5 ล้านตัน จะถูกตลาดข้าวโลก กดดันราคาให้ต่ำลง
เขากล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลราคาข้าวเปลือกโดยเฉพาะข้าวนาปรังในฤดูการผลิตนี้ ซึ่งสถานการณ์ข้าวล่าสุด ได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชยว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลข้าวนาปรัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเปลือกเจ้าที่ออกมาแล้วเกือบ 10% และจะทยอยออกมากขึ้นในเดือน มี.ค.-เม.ย. ในพื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของภาคเหนือล่าง โดยส่วนใหญ่ ข้าวนาปรังจะมีการส่งออกเป็นทั้งข้าวขาวและข้าวนึ่ง ซึ่งในปีนี้ราคาข้าวสารขาวในตลาดโลกปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอินเดีย มีการส่งออกข้าวขาวมากขึ้น และคู่แข่งอย่างเวียดนาม ก็เสนอขายในราคาต่ำกว่าไทยส่งผลให้ระดับราคาข้าวเปลือก จึงได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ให้เร่งผลักดันตลาดต่างประเทศเป้าหมายเช่น แอฟริกาใต้ ฟิลิปปินส์
สำหรับสถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปี 2567/2568 คาดว่าจะมีปริมาณรวม 6.53 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 1.08 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้น 20%จากปีก่อนที่มีปริมาณอยู่ที่ 5.45 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนด้านผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในเดือน ก.พ. นี้ โดยจะออกกระจุกตัวช่วง มี.ค. - เม.ย. ประมาณ 68% หรือ 4.42 ล้านตัน สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 17 ก.พ. ข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ย 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,445 บาท/ตัน (ลดลง 30%) ทั้งนี้ ราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ก.ย.2567 เป็นต้นมา
ส่วนข้าวชนิดอื่นๆ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ย 16,000 บาท/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,850 บาท/ตัน (เพิ่มขึ้น 8%) ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ย13,250 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก13,300 บาท/ตัน (ลดลง 0.4%) ข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ย 12,100 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก14,400 บาท/ตัน (ลดลง 16%) และข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,445 บาท/ตัน(ลดลง 30%)
ทั้งนี้ ในส่วนของ นบข. ได้ออกมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/2568 ไปแล้ว 3 มาตรการ เป้าหมาย 8.5 ล้านตัน เ
อ่านต่อ >13

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#GDP #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวช้า
เศรษฐกิจไทยขยายตัวเร่งขึ้นเป็น 3.2% YoY ในไตรมาส 4/67 จาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/67แต่ต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 3.8% YoY สำหรับไตรมาสนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจหลักๆมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่งทั้งสินค้าและบริการ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรของตลาด โดยเฉพาะหลังจากผลประกอบการรายงานออกมาต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง
อัตราการเติบโตของ GDP ไทยอ่อนแอกว่าคาดในไตรมาส 4/2567
เศรษฐกิจไทยขยายตัว 0.4% QoQ และ 3.2% YoY ในไตรมาส 4/2567 เร่งขึ้นจาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/2567 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.8% YoY ด้านการเติบโตของ GDP ทั้งปี FY2567 อยู่ที่ 2.5% ปรับตัวขึ้นจาก 2.0% ในปี 2566 แต่ยังต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 2.7% การเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2567มีสาเหตุจากการบริโภคของภาคเอกชนที่เร่งตัวน้อยกว่าคาด และการลงทุนจากภาคเอกชนที่หดตัวแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% YoY ในไตรมาส 3/2567 เป็น 3.4% YoY ในไตรมาส 4/2567 โดยมีแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายในภาคบริการขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าคงทน สินค้ากึ่งคงทน และสินค้าไม่คงทนดูทรงตัว ขณะที่ด้านการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 5.4% YoY เทียบกับ 6.1% YoY ในไตรมาสก่อน
การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัว โดยลดลง 2.1% YoY ในไตรมาส 4/2567 หลังจากที่ลดลง 2.5% YoY ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งถูกฉุดจากการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่อ่อนแอและกิจกรรมการก่อสร้างที่ซบเซา ขณะเดียวกัน การลงทุนภาครัฐขยายตัว 39.4% YoY เพิ่มขึ้นจาก 25.2% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อน
การส่งออกขยายตัวดี 11.5% YoY โดยมีการปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาคสินค้าและบริการการส่งออกสินค้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส หนุนจากทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและภาคการผลิต ส่วนการส่งออกภาคบริการยังคงเติบโตแข็งแกร่งที่ 22.9% YoY ในไตรมาส 4/2567 จาก 22.3% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า
.
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าพร้อมกับแนวโน้มที่ท้าทาย
สภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP ไทยปี FY2568 ในช่วง 2.3-3.3% ที่ค่ากลาง 2.8% เทียบกับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ 2.4% สภาพั
อ่านต่อ >43

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
"เผ่าภูมิ" ตรวจ "ท่าเรือสงขลา" เร่งผลักดันโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย แก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ หวังปั้นท่าเรือฝั่งอ่าวไทยชิงส่วนแบ่งท่าเรือปีนัง
#ทันหุ้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจผลการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา บนที่ราชพัสดุ สข.1029 และ สข.1030 จังหวัดสงขลา เนื้อที่ราว 78 ไร่ โดยกล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และแก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ซึ่งทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ ต้องขนใส่เรือขนาดเล็กที่มีเครนแทน แล้วถ่ายใส่เรือขนาดใหญ่ที่ท่าเรือสิงคโปร์เพื่อส่งต่อไปยังจีนและญี่ปุ่น ในขณะที่ท่าเรือปีนังขนส่งโดยเรือขนาดใหญ่สู่จีนและญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือสงขลาสูงกว่าท่าเรือปีนัง อีกทั้งยังมีปัญหาความลึกของร่องน้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีความลึกเฉลี่ยเพียง 7 เมตร ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ โดยมติ ครม. ได้จัดให้ บจก. เจ้าพระยาท่าเรือสากล เช่าที่ราชพัสดุ พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา มีกำหนดระยะเวลา 25 ปี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน ราว 10.67%
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงท่าเรือดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้ท่าเรือสงขลาให้รองรับเรือได้หลายขนาดมากขึ้น แก้ไขปัญหาเครนหน้าท่า ปัญหาความลึกร่องน้ำ ตลอดจนช่วยให้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้มากขึ้น จากเดิม 180,000 teu เป็น ประมาณ 450,000 teu และรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดต้นทุนการขนย้ายสินค้า เพื่อทำให้แข่งขันกับท่าเรือปีนังได้ เพราะสามารถบรรทุกสินค้าส่งออกทางเรือไปยังประเทศปลายทางได้โดยตรง เพิ่มศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยตอนล่างในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องเร่งรัดภาคเอกชนให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
อ่านต่อ >80

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
นายกฯสั่ง”คลัง-ธปท.”แก้ปัญหา SMEs ขาดแหล่งทุน เหตุ 10 ปีอุตสาหกรรม SMEsไม่ฟื้น พร้อมมอบ 3 กระทรวงเศรษฐกิจเร่งฟื้นอัตรากำลังการผลิตประเทศ ตั้งเป้าผลักดันจีดีพีปีนี้ ให้ถึง 3.5%
#ทันหุ้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรครั้งที่ 7 ประจำปี 2568 ที่จังหวัดสงขลาวันนี้(18 ก.พ.)ว่า ได้ขอให้กระทรวงการคลัง และ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)หารือร่วมกัน เพื่อแก้ไขปัญหา SMEs ที่ยังเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้น้อย ทำให้ไม่มีเงินทุนในการปรับปรุงพัฒนากิจการ ซึ่ง SMEs คิดเป็น 75 % ของผู้ประกอบการทั้งประเทศ
“ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการทำให้อุตสาหกรรม SMEs ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งการได้สินเชื่อ จะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านั้น สามารถมีเงินทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจได้ จึงอยากให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนกรณีที่การขยายตัวจีดีพีของไทยต่ำรั้งท้ายในอาเซียนนั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวตอบคำถามนี้ว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งเป้าหมายจีดีพีในปีนี้ที่ 3% และอยากจะผลักดันให้ถึง 3.5% ซึ่งต้องมีการผลักดันในทุกภาคส่วน
“ปัจจัยคือ การลงทุนในประเทศที่ต้องดึงเม็ดเงินลงทุนมาลงทุนในประเทศ เพราะเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะที่แย่มาพักใหญ่ เราต้องผลักดันในทุกภาคส่วน ไม่สามารถผลักดันเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว สามารถเกิด Miracle ได้ ซึ่งภาคเอกชนก็ต้องเข้ามาช่วยด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นอกจากนี้ ตนยังสั่งการให้ 3 กระทรวงเศรษฐกิจ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ หาแนวทางการฟื้นอัตรากำลังการผลิตของประเทศ (Capital Utilization) หลังจากอัตรากำลังการผลิตของประเทศขยายตัวลดลง
“ประเด็นดังกล่าวท่านนายกรัฐมนตรีฝากให้ 3 กระทรวงติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตัวเลขการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น แต่การใช้กำลังการผลิตในประเทศลดลง จึงขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันเร่งหามาตรการป้องกันปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด”
ทั้งนี้ ตนได้ขอบคุณทุกภาคส่วน หลังจากที่สภาพัฒน์ได้รายงานไตรมาสสุดท้ายปีที่แล้วโดยรัฐบาลดำเนินนโยบายมาถูกทางแล้ว ทำให้จีดีพีในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ขยายตัว 3.2% และคาดการณ์ว่า ในปีนี้ แนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“การขยายตัวของจีดีพีไตรมาสที่ 4 ของ
อ่านต่อ >52

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
”พิชัย“เผย นายกฯสั่งนบข.ดูแลราคาข้าวนาปรัง หวั่นตลาดโลกกดราคา หลังประเมินข้าวนาปรังในปีการผลิตนี้จะออกมามากถึง 6.5 ล้านตัน
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะประธานกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ(นบจ.)กังวลปริมาณข้าวนาปรังในปีนี้ที่คาดว่าจะออกมากว่า 6.5 ล้านตัน จะถูกตลาดข้าวโลก กดดันราคาให้ต่ำลง
เขากล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดูแลราคาข้าวเปลือกโดยเฉพาะข้าวนาปรังในฤดูการผลิตนี้ ซึ่งสถานการณ์ข้าวล่าสุด ได้รับรายงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชยว่า ช่วงนี้เป็นฤดูกาลข้าวนาปรัง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้าวเปลือกเจ้าที่ออกมาแล้วเกือบ 10% และจะทยอยออกมากขึ้นในเดือน มี.ค.-เม.ย. ในพื้นที่ภาคกลางและบางส่วนของภาคเหนือล่าง โดยส่วนใหญ่ ข้าวนาปรังจะมีการส่งออกเป็นทั้งข้าวขาวและข้าวนึ่ง ซึ่งในปีนี้ราคาข้าวสารขาวในตลาดโลกปรับตัวลดลง เนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่อย่างอินเดีย มีการส่งออกข้าวขาวมากขึ้น และคู่แข่งอย่างเวียดนาม ก็เสนอขายในราคาต่ำกว่าไทยส่งผลให้ระดับราคาข้าวเปลือก จึงได้สั่งการกระทรวงพาณิชย์ให้เร่งผลักดันตลาดต่างประเทศเป้าหมายเช่น แอฟริกาใต้ ฟิลิปปินส์
สำหรับสถานการณ์ข้าวเปลือกเจ้านาปรัง ปี 2567/2568 คาดว่าจะมีปริมาณรวม 6.53 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 1.08 ล้านตันข้าวเปลือก หรือเพิ่มขึ้น 20%จากปีก่อนที่มีปริมาณอยู่ที่ 5.45 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนด้านผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดแล้วในเดือน ก.พ. นี้ โดยจะออกกระจุกตัวช่วง มี.ค. - เม.ย. ประมาณ 68% หรือ 4.42 ล้านตัน สำหรับราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 17 ก.พ. ข้าวเปลือกเจ้าเฉลี่ย 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,445 บาท/ตัน (ลดลง 30%) ทั้งนี้ ราคาปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ ก.ย.2567 เป็นต้นมา
ส่วนข้าวชนิดอื่นๆ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ข้าวเปลือกหอมมะลิ เฉลี่ย 16,000 บาท/ตัน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 14,850 บาท/ตัน (เพิ่มขึ้น 8%) ข้าวเปลือกเหนียว เฉลี่ย13,250 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก13,300 บาท/ตัน (ลดลง 0.4%) ข้าวเปลือกปทุมธานี เฉลี่ย 12,100 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก14,400 บาท/ตัน (ลดลง 16%) และข้าวเปลือกเจ้า เฉลี่ย 8,650 บาท/ตัน ปรับลดลงจาก 12,445 บาท/ตัน(ลดลง 30%)
ทั้งนี้ ในส่วนของ นบข. ได้ออกมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกปีการผลิต 2567/2568 ไปแล้ว 3 มาตรการ เป้าหมาย 8.5 ล้านตัน เ
อ่านต่อ >13

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#GDP #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวช้า
เศรษฐกิจไทยขยายตัวเร่งขึ้นเป็น 3.2% YoY ในไตรมาส 4/67 จาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/67แต่ต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 3.8% YoY สำหรับไตรมาสนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจหลักๆมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่งทั้งสินค้าและบริการ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรของตลาด โดยเฉพาะหลังจากผลประกอบการรายงานออกมาต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง
อัตราการเติบโตของ GDP ไทยอ่อนแอกว่าคาดในไตรมาส 4/2567
เศรษฐกิจไทยขยายตัว 0.4% QoQ และ 3.2% YoY ในไตรมาส 4/2567 เร่งขึ้นจาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/2567 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.8% YoY ด้านการเติบโตของ GDP ทั้งปี FY2567 อยู่ที่ 2.5% ปรับตัวขึ้นจาก 2.0% ในปี 2566 แต่ยังต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 2.7% การเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2567มีสาเหตุจากการบริโภคของภาคเอกชนที่เร่งตัวน้อยกว่าคาด และการลงทุนจากภาคเอกชนที่หดตัวแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% YoY ในไตรมาส 3/2567 เป็น 3.4% YoY ในไตรมาส 4/2567 โดยมีแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายในภาคบริการขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าคงทน สินค้ากึ่งคงทน และสินค้าไม่คงทนดูทรงตัว ขณะที่ด้านการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 5.4% YoY เทียบกับ 6.1% YoY ในไตรมาสก่อน
การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัว โดยลดลง 2.1% YoY ในไตรมาส 4/2567 หลังจากที่ลดลง 2.5% YoY ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งถูกฉุดจากการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่อ่อนแอและกิจกรรมการก่อสร้างที่ซบเซา ขณะเดียวกัน การลงทุนภาครัฐขยายตัว 39.4% YoY เพิ่มขึ้นจาก 25.2% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อน
การส่งออกขยายตัวดี 11.5% YoY โดยมีการปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาคสินค้าและบริการการส่งออกสินค้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส หนุนจากทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและภาคการผลิต ส่วนการส่งออกภาคบริการยังคงเติบโตแข็งแกร่งที่ 22.9% YoY ในไตรมาส 4/2567 จาก 22.3% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า
.
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าพร้อมกับแนวโน้มที่ท้าทาย
สภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP ไทยปี FY2568 ในช่วง 2.3-3.3% ที่ค่ากลาง 2.8% เทียบกับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ 2.4% สภาพั
อ่านต่อ >43

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
"เผ่าภูมิ" ตรวจ "ท่าเรือสงขลา" เร่งผลักดันโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย แก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ หวังปั้นท่าเรือฝั่งอ่าวไทยชิงส่วนแบ่งท่าเรือปีนัง
#ทันหุ้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจผลการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา บนที่ราชพัสดุ สข.1029 และ สข.1030 จังหวัดสงขลา เนื้อที่ราว 78 ไร่ โดยกล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และแก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ซึ่งทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ ต้องขนใส่เรือขนาดเล็กที่มีเครนแทน แล้วถ่ายใส่เรือขนาดใหญ่ที่ท่าเรือสิงคโปร์เพื่อส่งต่อไปยังจีนและญี่ปุ่น ในขณะที่ท่าเรือปีนังขนส่งโดยเรือขนาดใหญ่สู่จีนและญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือสงขลาสูงกว่าท่าเรือปีนัง อีกทั้งยังมีปัญหาความลึกของร่องน้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีความลึกเฉลี่ยเพียง 7 เมตร ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ โดยมติ ครม. ได้จัดให้ บจก. เจ้าพระยาท่าเรือสากล เช่าที่ราชพัสดุ พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา มีกำหนดระยะเวลา 25 ปี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน ราว 10.67%
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงท่าเรือดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้ท่าเรือสงขลาให้รองรับเรือได้หลายขนาดมากขึ้น แก้ไขปัญหาเครนหน้าท่า ปัญหาความลึกร่องน้ำ ตลอดจนช่วยให้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้มากขึ้น จากเดิม 180,000 teu เป็น ประมาณ 450,000 teu และรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดต้นทุนการขนย้ายสินค้า เพื่อทำให้แข่งขันกับท่าเรือปีนังได้ เพราะสามารถบรรทุกสินค้าส่งออกทางเรือไปยังประเทศปลายทางได้โดยตรง เพิ่มศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยตอนล่างในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องเร่งรัดภาคเอกชนให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
อ่านต่อ >80