
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมด่วนร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา 7 จังหวัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การปะทะและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยมี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยร่วมประชุมจังหวัดที่เข้าร่วมประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาน.ส.ไตรศุลีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 แห่ง ใช้เงินทดรองราชการ และงบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงให้สะดวกสบายที่สุด “ต้องรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน” พร้อมสั่งให้เร่งดำเนินแผนการอพยพให้รัดกุม ปลอดภัย และสื่อสารให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง นายกฯ ยังได้สั่งการเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดชายแดนต้อง เตรียมเลือดให้เพียงพอ ไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน เพื่อรองรับการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ รวมถึงยา–เวชภัณฑ์ที่จำเป็น และให้จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่อพยพอย่างใกล้ชิดรัฐบาลได้อนุมัติ งบดูแลประชาชนจังหวัดละ 100 ล้านบาท ให้ผู้ว่าฯ ใช้จ่ายทันที และหากไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรีระบุว่าสามารถขยายวงเงินเพิ่มเติมได้โดยไม่ล่าช้า นอกจากนี้ยังสั่งให้ผู้ว่าฯ ดูแลอาสาสมัคร อส. และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเฝ้าพื้นที่ ดูแลทรัพย์สิน และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในภาวะวิกฤตผู้ว่าราชการทั้ง 7 จังหวัดรายงานตรงกันว่า ขณะนี้ได้อพยพประชาชนแล้วร้อยละ 80–90 พร้อมติดตั้งศูนย์ช่วยเหลือหลายจุดเพื่อรองรับผู้ได้รับผลกระทบ โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี
อ่านต่อ >54

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดย กองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่า หลังจากกัมพูชาได้เริ่มยิงจรวด BM-21 มายังฝั่งไทยนั้น ล่าสุดตอนนี้ กัมพูชา ยังได้ระดมยิง BM-21 ต่อเนื่อง ตำบลกระสุนตก BM-21 ลงหนักในแผ่นดินไทย พื้นที่- ปราสาทตาควาย- ปราสาทตาเมือน- ช่องปลดต่าง- พระวิหาร- ช่องระยี- ภูมะเขือกองทัพภาคที่ 2 ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลังตำบลกระสุนตก กระสุนปืนใหญ่ ลุงหนัก ในแผ่นดินไทยพื้นที่- พระวิหาร- ภูมะเขือ- เนิน 600- บ้านภูมิซรอล ม.12- ช่องอานม้า- ช่องบก- ปราสาทตาควาย- พลาญยาวตำบลกระสุนตกโดรนพลีชีพ ล่งหนักในแผ่นดินไทยพื้นที่- พญาสัตบรรณ- ช่องอานม้า- เนิน 561 "ทบ. ร่วมกับฝ่ายปกครองเร่งอพยพประชาชนตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา จากสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากเหตุการณ์ที่กัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ใส่พื้นที่บ้านเรือนประชาชนในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ถือเป็นการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาที่มุ่งเป้าโจมตีไปยังพื้นที่พลเรือนของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเหนือจากการปฏิบัติการทางทหารโดยสิ้นเชิง อันเป็นสาเหตุโดยตรงให้ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบต่อความปลอดภัยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การดำรงชีวิต สูญเสียแหล่งทำกิน ขาดรายได้ประจำ และต้องพลัดพรากจากที่อยู่อาศัยกองทัพบก ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามแผนอพยพ ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา เพื่อให้ประชาชนอยู่ในเขตปลอดภัยสูงสุดและลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน อันเป็นความเสียหายที่ประชาชนไม่ควรต้องเผชิญจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ (8 ธันวาคม 2568) ความคืบหน้าในการดำเนินการอพยพในพื้นที่ของ กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด ขณะนี้ได้อพยพประชาชนแล้ว 175,807 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของพื้นที่ทั้งหมดในพื้นที่รับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการอพยพประชาชนครอบคลุม 12 อำเภอ ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ มีประชาชนได้รับการอพยพแล้ว จำน
อ่านต่อ >26

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองอุตุนิยมวิทยาการบิน กรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า ช่วง 9-13 ธ.ค. ยังมีมวลอากาศเย็นแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระลอกๆ ตอนเช้าอากาศเย็น แดดแรงกลางวันอากาศร้อน (เมฆมีน้อย) ฝนน้อย และยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนาม ช่วงวันที่ 9-11 ธ.ค. และจะอ่อนกำลังลง ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย ส่วนสภาพอากาศในช่วง 12-13 ธ.ค. จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตก (Westerly trough) พัดปกคลุมภาคเหนือตอนบน ส่วนลมระดับล่างยังเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ ลมระดับกลางๆ ทิศทางเปลี่ยนแปลง ส่วนภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง มีลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ทำให้สภาพอากาศมีความแปรปรวน มีเมฆเพิ่มขึ้นและมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ความชื้นเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ช่วง 11-12 ธ.ค.68 มรสุมที่แรงขึ้นและพัดปกคลุมภาคใต้ ต้องเฝ้าระวัง จากนั้นคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงวันที่ 14-23 ธ.ค. จะได้สัมผัสกับอากาศเย็นถึงหนาวอย่างต่อเนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนช้างแรง จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน อากาศจะเย็นลง และมีลมแรง วางแผนไปสัมผัสอากาศเย็นถึงหนาวเหมะที่สุดในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบน สำหรับภาคใต้เมื่อลมหนาวพัดแรงขึ้น พัดเข้าหาฝั่งอ่าวไทย จะทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งต่อเนื่องได้อีกครั้ง (14 - 16 ธ.ค.) แต่ส่วนใหญ่ยังประเมินเป็นฝนปานกลาง-หนัก อาจมีแนวร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่างโดยเฉพาะบริเวณ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส คลื่นลมแรงขึ้น ยังต้องเฝ้าระวังฝนที่จะตกสะสม อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูได้ และติดตามเป็นระยะๆ
อ่านต่อ >816

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว เป็นการดำเนินการตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง เพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของทหารและประชาชน จากการที่ฝ่ายกัมพูชามีการยิงเข้ามาในพื้นที่ บ.หนองจาน ตั้งแต่วานนี้ ตลอดจนตรวจพบการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธหนักเข้าประชิดชายแดน อีกทั้งได้ตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ ชนิด PMN-2 ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเตรียมการนำมาใช้ในพื้นที่ และยังใช้อาวุธหนักยิงใส่บ้านเรือนประชาชนจนได้รับความเสียหายในพื้นที่ บ้านโคกทหารต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตประชาชนและอธิปไตยของไทยกองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา ขอยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการอย่างเต็มกำลังความสามารถ ภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเอง จนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
อ่านต่อ >21

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมด่วนร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา 7 จังหวัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การปะทะและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยมี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยร่วมประชุมจังหวัดที่เข้าร่วมประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาน.ส.ไตรศุลีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 แห่ง ใช้เงินทดรองราชการ และงบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงให้สะดวกสบายที่สุด “ต้องรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน” พร้อมสั่งให้เร่งดำเนินแผนการอพยพให้รัดกุม ปลอดภัย และสื่อสารให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง นายกฯ ยังได้สั่งการเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดชายแดนต้อง เตรียมเลือดให้เพียงพอ ไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน เพื่อรองรับการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ รวมถึงยา–เวชภัณฑ์ที่จำเป็น และให้จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่อพยพอย่างใกล้ชิดรัฐบาลได้อนุมัติ งบดูแลประชาชนจังหวัดละ 100 ล้านบาท ให้ผู้ว่าฯ ใช้จ่ายทันที และหากไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรีระบุว่าสามารถขยายวงเงินเพิ่มเติมได้โดยไม่ล่าช้า นอกจากนี้ยังสั่งให้ผู้ว่าฯ ดูแลอาสาสมัคร อส. และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเฝ้าพื้นที่ ดูแลทรัพย์สิน และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในภาวะวิกฤตผู้ว่าราชการทั้ง 7 จังหวัดรายงานตรงกันว่า ขณะนี้ได้อพยพประชาชนแล้วร้อยละ 80–90 พร้อมติดตั้งศูนย์ช่วยเหลือหลายจุดเพื่อรองรับผู้ได้รับผลกระทบ โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี
อ่านต่อ >54

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
ความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดย กองทัพภาคที่ 2 แจ้งว่า หลังจากกัมพูชาได้เริ่มยิงจรวด BM-21 มายังฝั่งไทยนั้น ล่าสุดตอนนี้ กัมพูชา ยังได้ระดมยิง BM-21 ต่อเนื่อง ตำบลกระสุนตก BM-21 ลงหนักในแผ่นดินไทย พื้นที่- ปราสาทตาควาย- ปราสาทตาเมือน- ช่องปลดต่าง- พระวิหาร- ช่องระยี- ภูมะเขือกองทัพภาคที่ 2 ยืนหยัดปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มกำลังตำบลกระสุนตก กระสุนปืนใหญ่ ลุงหนัก ในแผ่นดินไทยพื้นที่- พระวิหาร- ภูมะเขือ- เนิน 600- บ้านภูมิซรอล ม.12- ช่องอานม้า- ช่องบก- ปราสาทตาควาย- พลาญยาวตำบลกระสุนตกโดรนพลีชีพ ล่งหนักในแผ่นดินไทยพื้นที่- พญาสัตบรรณ- ช่องอานม้า- เนิน 561 "ทบ. ร่วมกับฝ่ายปกครองเร่งอพยพประชาชนตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา จากสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ที่มีแนวโน้มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงจากเหตุการณ์ที่กัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ใส่พื้นที่บ้านเรือนประชาชนในอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงเช้าของวันที่ 8 ธันวาคม 2568 ถือเป็นการปฏิบัติของฝ่ายกัมพูชาที่มุ่งเป้าโจมตีไปยังพื้นที่พลเรือนของประเทศไทย ซึ่งเป็นพื้นที่นอกเหนือจากการปฏิบัติการทางทหารโดยสิ้นเชิง อันเป็นสาเหตุโดยตรงให้ประชาชนในพื้นที่ต้องได้รับผลกระทบต่อความปลอดภัยทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ การดำรงชีวิต สูญเสียแหล่งทำกิน ขาดรายได้ประจำ และต้องพลัดพรากจากที่อยู่อาศัยกองทัพบก ได้สั่งการให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 บูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามแผนอพยพ ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 เป็นต้นมา เพื่อให้ประชาชนอยู่ในเขตปลอดภัยสูงสุดและลดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน อันเป็นความเสียหายที่ประชาชนไม่ควรต้องเผชิญจากการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ (8 ธันวาคม 2568) ความคืบหน้าในการดำเนินการอพยพในพื้นที่ของ กองทัพภาคที่ 1 รับผิดชอบพื้นที่ 4 อำเภอของจังหวัดสระแก้ว ได้แก่ อำเภอตาพระยา โคกสูง อรัญประเทศ และคลองหาด ขณะนี้ได้อพยพประชาชนแล้ว 175,807 คน คิดเป็นร้อยละ 81 ของพื้นที่ทั้งหมดในพื้นที่รับผิดชอบของ กองทัพภาคที่ 2 ดำเนินการอพยพประชาชนครอบคลุม 12 อำเภอ ใน 4 จังหวัดชายแดน ได้แก่ จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี สุรินทร์ และบุรีรัมย์ มีประชาชนได้รับการอพยพแล้ว จำน
อ่านต่อ >26

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองอุตุนิยมวิทยาการบิน กรมอุตุนิยมวิทยา เผยว่า ช่วง 9-13 ธ.ค. ยังมีมวลอากาศเย็นแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนเป็นระลอกๆ ตอนเช้าอากาศเย็น แดดแรงกลางวันอากาศร้อน (เมฆมีน้อย) ฝนน้อย และยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนาม ช่วงวันที่ 9-11 ธ.ค. และจะอ่อนกำลังลง ไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย ส่วนสภาพอากาศในช่วง 12-13 ธ.ค. จะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันตก (Westerly trough) พัดปกคลุมภาคเหนือตอนบน ส่วนลมระดับล่างยังเป็นลมตะวันออกเฉียงเหนือ ลมระดับกลางๆ ทิศทางเปลี่ยนแปลง ส่วนภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลาง มีลมตะวันออก ตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุม ทำให้สภาพอากาศมีความแปรปรวน มีเมฆเพิ่มขึ้นและมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บริเวณภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ความชื้นเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นบริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ช่วง 11-12 ธ.ค.68 มรสุมที่แรงขึ้นและพัดปกคลุมภาคใต้ ต้องเฝ้าระวัง จากนั้นคาดการณ์สภาพอากาศในช่วงวันที่ 14-23 ธ.ค. จะได้สัมผัสกับอากาศเย็นถึงหนาวอย่างต่อเนื่องจากมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางถึงค่อนช้างแรง จะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน อากาศจะเย็นลง และมีลมแรง วางแผนไปสัมผัสอากาศเย็นถึงหนาวเหมะที่สุดในช่วงนี้บริเวณประเทศไทยตอนบน สำหรับภาคใต้เมื่อลมหนาวพัดแรงขึ้น พัดเข้าหาฝั่งอ่าวไทย จะทำให้ภาคใต้มีฝนกระจายเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งต่อเนื่องได้อีกครั้ง (14 - 16 ธ.ค.) แต่ส่วนใหญ่ยังประเมินเป็นฝนปานกลาง-หนัก อาจมีแนวร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนล่างโดยเฉพาะบริเวณ จ.ปัตตานี ยะลา นราธิวาส คลื่นลมแรงขึ้น ยังต้องเฝ้าระวังฝนที่จะตกสะสม อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟูได้ และติดตามเป็นระยะๆ
อ่านต่อ >816

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
กองทัพภาคที่ 1 ขอยืนยันการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว เป็นการดำเนินการตอบโต้ตามกฎการใช้กำลัง เพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศและความปลอดภัยของทหารและประชาชน จากการที่ฝ่ายกัมพูชามีการยิงเข้ามาในพื้นที่ บ.หนองจาน ตั้งแต่วานนี้ ตลอดจนตรวจพบการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธหนักเข้าประชิดชายแดน อีกทั้งได้ตรวจพบทุ่นระเบิดใหม่ ชนิด PMN-2 ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเตรียมการนำมาใช้ในพื้นที่ และยังใช้อาวุธหนักยิงใส่บ้านเรือนประชาชนจนได้รับความเสียหายในพื้นที่ บ้านโคกทหารต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตประชาชนและอธิปไตยของไทยกองทัพภาคที่ 1 โดย กกล.บูรพา ขอยืนยันว่าจะยังคงเดินหน้าปฏิบัติการอย่างเต็มกำลังความสามารถ ภายใต้กฎการปะทะและสิทธิในการป้องกันตนเอง จนกว่าภัยคุกคามในพื้นที่ชายแดน จ.สระแก้ว จะยุติเพื่ออธิปไตยของไทยและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
อ่านต่อ >21

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ประชุมด่วนร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา 7 จังหวัดผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อติดตามสถานการณ์การปะทะและการอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยมี น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้บริหารกระทรวงมหาดไทยร่วมประชุมจังหวัดที่เข้าร่วมประกอบด้วย ตราด จันทบุรี สระแก้ว บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนที่ตึงเครียดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคมที่ผ่านมาน.ส.ไตรศุลีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 7 แห่ง ใช้เงินทดรองราชการ และงบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) อย่างเต็มที่ เพื่อดูแลประชาชนในศูนย์พักพิงให้สะดวกสบายที่สุด “ต้องรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน” พร้อมสั่งให้เร่งดำเนินแผนการอพยพให้รัดกุม ปลอดภัย และสื่อสารให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง นายกฯ ยังได้สั่งการเพิ่มเติมว่า โรงพยาบาลทุกแห่งในจังหวัดชายแดนต้อง เตรียมเลือดให้เพียงพอ ไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน เพื่อรองรับการรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการปะทะ รวมถึงยา–เวชภัณฑ์ที่จำเป็น และให้จัดทีมแพทย์เคลื่อนที่เพื่อดูแลประชาชนในพื้นที่อพยพอย่างใกล้ชิดรัฐบาลได้อนุมัติ งบดูแลประชาชนจังหวัดละ 100 ล้านบาท ให้ผู้ว่าฯ ใช้จ่ายทันที และหากไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรีระบุว่าสามารถขยายวงเงินเพิ่มเติมได้โดยไม่ล่าช้า นอกจากนี้ยังสั่งให้ผู้ว่าฯ ดูแลอาสาสมัคร อส. และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเฝ้าพื้นที่ ดูแลทรัพย์สิน และสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ในภาวะวิกฤตผู้ว่าราชการทั้ง 7 จังหวัดรายงานตรงกันว่า ขณะนี้ได้อพยพประชาชนแล้วร้อยละ 80–90 พร้อมติดตั้งศูนย์ช่วยเหลือหลายจุดเพื่อรองรับผู้ได้รับผลกระทบ โดยได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี
อ่านต่อ >54