
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (6 ธันวาคม 2568) เวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานฟื้นฟูหลังน้ำท่วมบริเวณตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) กว่า 300 นายจากกำลังกว่า 4,000 นายทั่วประเทศ ระดมลงพื้นที่เพื่อเร่งทำความสะอาดและฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ พร้อมกล่าวทักทาย ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมขอบคุณกำลังทหารที่สนับสนุนภารกิจฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งต้องอาศัยแรงคนจำนวนมากภายหลังการตรวจพื้นที่ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า จากที่ได้รับรายงานประชาชนส่วนใหญ่กลับเข้าที่พักกันได้หมดแล้ว โดยศูนย์พักพิงภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันมีผู้พักเหลือเพียงราว 30 รายจากจำนวนผู้ที่ได้ผลกระทบ 10,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหรือกลุ่มเปราะบาง ส่วนประชาชนทั่วไปส่วนมากได้ทยอยกลับบ้านแล้ว โดยตอนนี้ภารกิจใหญ่คือ การเก็บขยะมูลฝอยที่สะสมในช่วงน้ำท่วม และขยะใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทำความสะอาดบ้านของประชาชน พร้อมขอความร่วมมือให้นำขยะมากองหน้าบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดเก็บได้รวดเร็วตามแผนที่กำหนด 14 วัน ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 7 วัน คืน ความเป็นเมืองหาดใหญ่ให้คืนกลับมาปกติ นายกรัฐมนตรีได้กำชับผู้บังคับบัญชาไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการทำงานให้ใช้ความเข้าใจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วย เพราะเจตนารมณ์ของผู้ปฏิบัติงานคือการเข้ามาช่วยพี่น้องประชาชน ซึ่งแม้ในบางพื้นที่อาจจะมีอารมณ์ไม่พอใจบ้าง แต่ไม่มีเหตุปะทะรุนแรง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยว่า แม้รัฐบาลได้โอนเงินช่วยเหลือไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับเงินตามสิทธิ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติอีก 2–3 ขั้นตอน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยจุดที่ต้องเร่งเป็นพิเศษคือ ระบบออนไลน์ที่ดำเนินการล่าช้ากว่าระบบแอนะล็อก ทั้งที่ควรเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด จึงได้กำชับให้ปรับปรุงทันที พร้อมตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้า การจ่ายเงินเยียวยาจะต้องแล้วเสร็จและครอบคลุมทุกครัวเรือนนอกจากนี้ ในวันอังคารที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเพิ่มงบเยียวยาสำหรับประชาชนที่ตกสำรวจ ซึ่งไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลเ
อ่านต่อ >37

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ถือเป็นวันเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการของ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2568 ซึ่งถือเป็นการยกระดับและปฏิรูปกฎหมายแรงงานครั้งสำคัญของประเทศไทย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตแรงงานและเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตครอบครัวกฎหมายดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 และมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน คือวันที่ 7 ธันวาคมนี้ โดยมีสาระสำคัญที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกจ้างอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ • ลาคลอดบุตร เพิ่มจาก 98 เป็น 120 วัน และให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในระหว่างลาคลอดบุตรเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานไม่เกิน60วัน• ลาดูแลบุตรป่วย เพิ่มสิทธิลาได้อีก 15 วัน ในกรณีบุตรเจ็บป่วย พิการ หรือมีความผิดปกติ โดยได้รับค่าจ้าง ร้อยละ50• ลาช่วยภรรยาคลอดบุตร เป็นครั้งแรกในกฎหมายไทย ให้สิทธิคู่สมรสลาได้ 15 วัน ได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน• คุ้มครองลูกจ้างจ้างเหมาบริการในหน่วยงานรัฐ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าลูกจ้างทั่วไป ทั้งค่าแรง วันหยุด และสิทธิการลานางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้สะท้อนนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับมาตรฐานแรงงานไทยให้สอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบัน ส่งเสริมความเท่าเทียมในครอบครัว และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนทั้งนี้ขอให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างศึกษาและเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างราบรื่น และก่อประโยชน์สูงสุดต่อระบบแรงงานของประเทศ
อ่านต่อ >24

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยาเผยในช่วงวันที่ 7 – 13 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับในช่วงวันที่ 10 – 12 ธ.ค. จะมีลมตะวันออกพัดเข้ามาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 7 – 10 ธ.ค. ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ส่วนในช่วงวันที่ 11 – 12 ธ.ค. ภาคใต้ตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนบน ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและห่างฝั่งทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและห่างฝั่งทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตลอดช่วง อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลางในช่วงวันที่ 7 – 8 ธ.ค. คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่างในช่วงวันที่ 10 – 11 ธ.ค. 68 ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ตอนบน ส่งผลให้พายุนี้จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วตามลำดับ ข้อควรระวังขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตลอดช่วงในช่วงวันที่ 6 และ 11 – 12 ธ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม และขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
อ่านต่อ >15

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
เช็คที่นี่!! "มนุษย์เงินเดือน" จ่ายเพิ่มเท่าไร ? "ประกันสังคม" ปรับเพดานสมทบเงิน เริ่ม 1 มกราคม 2569
เช็คที่นี่!! "มนุษย์เงินเดือน" จ่ายเพิ่มเท่าไหร่ ? "ประกันสังคม" ปรับเพดานสมทบเงิน เริ่ม 1 มกราคม 2569 ครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี สำนักงานประกันสังคม(สปส.)เตรียมปรับเพดานค่าจ้างขั้นสูงของผู้ประกันตน มาตรา 33 หลังผ่านความเห็นชอบจาก ครม. โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2569 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มผลประโยชน์ระยะยาวแก่ผู้ประกันตนน.ส.กาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ระบุว่า การปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดในครั้งนี้ เป็นการปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดจาก 15,000 บาท ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบมาตั้งแต่ปี 2538 ใช้มาเป็นระยะเวลานาน เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมมีการปรับเปลี่ยน รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น การปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดจะช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม และการดำเนินการผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน ทั้งนายจ้าง ผู้ประกันตน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ปรับเพดานเงินสมทบ 3 ระยะ การดำเนินการปรับเพดานค่าจ้างจะทำแบบทยอยปรับ กำหนดเป็น 3 ช่วงระยะเวลาระยะที่ 1 ปี 2569 - 2571 จะปรับขึ้นเป็น 17,500 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือนระยะที่ 2 ปี 2572-2574 จะปรับเป็น 20,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือนระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป จะใช้เพดานที่ 23,000 บาทจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือนซึ่งการปรับในระยะที่ 1 นี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) อยู่ระหว่างส่งให้รมว.กระทรวงแรงงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก่อนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 การปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดนี้ ไม่ได้ปรับอัตราเงินสมทบ ยังคงจ่ายที่ 5 % ของเงินเดือนเหมือนเดิม ดังนั้น กรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาทอยู่เดิม จะยังจ่ายเงินสมทบเหมือนเดิม ส่วนผู้ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 17,500 บาทขึ้นไป จะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นตามเพดานค่าจ้างใหม่เป็น 875 บาทต่อเดือน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเริ่มใช้เพดานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท ผู้ที่มีเงินเดือน 30,000 บาท จะจ่ายเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 5% ของ 17,500 บาท คือ 875 บาทต่อเดือน (จากเดิมจ่าย 750 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตรา 5 % ของเพดานค่าจ้างสูงสุดเดิมที่ 15,000 บาท) โดยจะต้องจ่ายทั้งฝ่ายผู้ประกันต
อ่านต่อ >68

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (6 ธันวาคม 2568) เวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานฟื้นฟูหลังน้ำท่วมบริเวณตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) กว่า 300 นายจากกำลังกว่า 4,000 นายทั่วประเทศ ระดมลงพื้นที่เพื่อเร่งทำความสะอาดและฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ พร้อมกล่าวทักทาย ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมขอบคุณกำลังทหารที่สนับสนุนภารกิจฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งต้องอาศัยแรงคนจำนวนมากภายหลังการตรวจพื้นที่ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า จากที่ได้รับรายงานประชาชนส่วนใหญ่กลับเข้าที่พักกันได้หมดแล้ว โดยศูนย์พักพิงภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันมีผู้พักเหลือเพียงราว 30 รายจากจำนวนผู้ที่ได้ผลกระทบ 10,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหรือกลุ่มเปราะบาง ส่วนประชาชนทั่วไปส่วนมากได้ทยอยกลับบ้านแล้ว โดยตอนนี้ภารกิจใหญ่คือ การเก็บขยะมูลฝอยที่สะสมในช่วงน้ำท่วม และขยะใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทำความสะอาดบ้านของประชาชน พร้อมขอความร่วมมือให้นำขยะมากองหน้าบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดเก็บได้รวดเร็วตามแผนที่กำหนด 14 วัน ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 7 วัน คืน ความเป็นเมืองหาดใหญ่ให้คืนกลับมาปกติ นายกรัฐมนตรีได้กำชับผู้บังคับบัญชาไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการทำงานให้ใช้ความเข้าใจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วย เพราะเจตนารมณ์ของผู้ปฏิบัติงานคือการเข้ามาช่วยพี่น้องประชาชน ซึ่งแม้ในบางพื้นที่อาจจะมีอารมณ์ไม่พอใจบ้าง แต่ไม่มีเหตุปะทะรุนแรง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยว่า แม้รัฐบาลได้โอนเงินช่วยเหลือไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับเงินตามสิทธิ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติอีก 2–3 ขั้นตอน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยจุดที่ต้องเร่งเป็นพิเศษคือ ระบบออนไลน์ที่ดำเนินการล่าช้ากว่าระบบแอนะล็อก ทั้งที่ควรเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด จึงได้กำชับให้ปรับปรุงทันที พร้อมตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้า การจ่ายเงินเยียวยาจะต้องแล้วเสร็จและครอบคลุมทุกครัวเรือนนอกจากนี้ ในวันอังคารที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเพิ่มงบเยียวยาสำหรับประชาชนที่ตกสำรวจ ซึ่งไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลเ
อ่านต่อ >37

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ถือเป็นวันเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการของ พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2568 ซึ่งถือเป็นการยกระดับและปฏิรูปกฎหมายแรงงานครั้งสำคัญของประเทศไทย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตแรงงานและเสริมความสมดุลระหว่างการทำงานกับชีวิตครอบครัวกฎหมายดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 และมีผลใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 30 วัน คือวันที่ 7 ธันวาคมนี้ โดยมีสาระสำคัญที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกจ้างอย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ • ลาคลอดบุตร เพิ่มจาก 98 เป็น 120 วัน และให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างในระหว่างลาคลอดบุตรเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานไม่เกิน60วัน• ลาดูแลบุตรป่วย เพิ่มสิทธิลาได้อีก 15 วัน ในกรณีบุตรเจ็บป่วย พิการ หรือมีความผิดปกติ โดยได้รับค่าจ้าง ร้อยละ50• ลาช่วยภรรยาคลอดบุตร เป็นครั้งแรกในกฎหมายไทย ให้สิทธิคู่สมรสลาได้ 15 วัน ได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน• คุ้มครองลูกจ้างจ้างเหมาบริการในหน่วยงานรัฐ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่าลูกจ้างทั่วไป ทั้งค่าแรง วันหยุด และสิทธิการลานางสาวลลิดา เพริศวิวัฒนา ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้สะท้อนนโยบายของรัฐบาลในการยกระดับมาตรฐานแรงงานไทยให้สอดคล้องกับบริบทสังคมปัจจุบัน ส่งเสริมความเท่าเทียมในครอบครัว และสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เอื้อต่อคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืนทั้งนี้ขอให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างศึกษาและเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมายแรงงานฉบับใหม่ เพื่อให้การบังคับใช้เป็นไปอย่างราบรื่น และก่อประโยชน์สูงสุดต่อระบบแรงงานของประเทศ
อ่านต่อ >24

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กรมอุตุนิยมวิทยาเผยในช่วงวันที่ 7 – 13 ธ.ค. ประเทศไทยตอนบนมีอุณหภูมิลดลง โดยมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง สำหรับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 2 – 4 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออก อุณหภูมิจะลดลง 1 – 3 องศาเซลเซียส เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ประกอบกับในช่วงวันที่ 10 – 12 ธ.ค. จะมีลมตะวันออกพัดเข้ามาปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และอ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นได้บางพื้นที่สำหรับภาคใต้ในช่วงวันที่ 7 – 10 ธ.ค. ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ส่วนในช่วงวันที่ 11 – 12 ธ.ค. ภาคใต้ตอนบนจะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เนื่องจากมีลมตะวันออกพัดปกคลุมบริเวณอ่าวไทยตอนบน ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและห่างฝั่งทะเลอันดามันจะมีกำลังปานกลาง โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนบนและห่างฝั่งทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตลอดช่วง อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ มีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนลงทะเลจีนใต้ตอนกลางในช่วงวันที่ 7 – 8 ธ.ค. คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่างในช่วงวันที่ 10 – 11 ธ.ค. 68 ในขณะที่บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามและทะเลจีนใต้ตอนบน ส่งผลให้พายุนี้จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วตามลำดับ ข้อควรระวังขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ตลอดช่วงในช่วงวันที่ 6 และ 11 – 12 ธ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม และขอให้เกษตรกรบริเวณประเทศไทยตอนบนเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตร ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
อ่านต่อ >15

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
เช็คที่นี่!! "มนุษย์เงินเดือน" จ่ายเพิ่มเท่าไร ? "ประกันสังคม" ปรับเพดานสมทบเงิน เริ่ม 1 มกราคม 2569
เช็คที่นี่!! "มนุษย์เงินเดือน" จ่ายเพิ่มเท่าไหร่ ? "ประกันสังคม" ปรับเพดานสมทบเงิน เริ่ม 1 มกราคม 2569 ครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี สำนักงานประกันสังคม(สปส.)เตรียมปรับเพดานค่าจ้างขั้นสูงของผู้ประกันตน มาตรา 33 หลังผ่านความเห็นชอบจาก ครม. โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มกราคม 2569 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเพิ่มผลประโยชน์ระยะยาวแก่ผู้ประกันตนน.ส.กาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม(สปส.) ระบุว่า การปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดในครั้งนี้ เป็นการปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดจาก 15,000 บาท ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบมาตั้งแต่ปี 2538 ใช้มาเป็นระยะเวลานาน เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมมีการปรับเปลี่ยน รวมถึงประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น การปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดจะช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม และการดำเนินการผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน ทั้งนายจ้าง ผู้ประกันตน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ปรับเพดานเงินสมทบ 3 ระยะ การดำเนินการปรับเพดานค่าจ้างจะทำแบบทยอยปรับ กำหนดเป็น 3 ช่วงระยะเวลาระยะที่ 1 ปี 2569 - 2571 จะปรับขึ้นเป็น 17,500 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือนระยะที่ 2 ปี 2572-2574 จะปรับเป็น 20,000 บาท จ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือนระยะที่ 3 ตั้งแต่ปี 2575 เป็นต้นไป จะใช้เพดานที่ 23,000 บาทจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือนซึ่งการปรับในระยะที่ 1 นี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) อยู่ระหว่างส่งให้รมว.กระทรวงแรงงานลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษา ก่อนมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 การปรับเพดานค่าจ้างสูงสุดนี้ ไม่ได้ปรับอัตราเงินสมทบ ยังคงจ่ายที่ 5 % ของเงินเดือนเหมือนเดิม ดังนั้น กรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่เงินเดือนไม่เกิน 15,000 บาทอยู่เดิม จะยังจ่ายเงินสมทบเหมือนเดิม ส่วนผู้ที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 17,500 บาทขึ้นไป จะต้องจ่ายเงินสมทบเพิ่มขึ้นตามเพดานค่าจ้างใหม่เป็น 875 บาทต่อเดือน ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเริ่มใช้เพดานค่าจ้างสูงสุด 17,500 บาท ผู้ที่มีเงินเดือน 30,000 บาท จะจ่ายเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 5% ของ 17,500 บาท คือ 875 บาทต่อเดือน (จากเดิมจ่าย 750 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นอัตรา 5 % ของเพดานค่าจ้างสูงสุดเดิมที่ 15,000 บาท) โดยจะต้องจ่ายทั้งฝ่ายผู้ประกันต
อ่านต่อ >68

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (6 ธันวาคม 2568) เวลา 11.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานฟื้นฟูหลังน้ำท่วมบริเวณตลาดกิมหยง เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยมีเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร (อส.) กว่า 300 นายจากกำลังกว่า 4,000 นายทั่วประเทศ ระดมลงพื้นที่เพื่อเร่งทำความสะอาดและฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ พร้อมกล่าวทักทาย ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ร่วมกันให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ พร้อมขอบคุณกำลังทหารที่สนับสนุนภารกิจฟื้นฟูเมืองหาดใหญ่ครั้งนี้ ซึ่งต้องอาศัยแรงคนจำนวนมากภายหลังการตรวจพื้นที่ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ว่า จากที่ได้รับรายงานประชาชนส่วนใหญ่กลับเข้าที่พักกันได้หมดแล้ว โดยศูนย์พักพิงภายในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัจจุบันมีผู้พักเหลือเพียงราว 30 รายจากจำนวนผู้ที่ได้ผลกระทบ 10,000 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยหรือกลุ่มเปราะบาง ส่วนประชาชนทั่วไปส่วนมากได้ทยอยกลับบ้านแล้ว โดยตอนนี้ภารกิจใหญ่คือ การเก็บขยะมูลฝอยที่สะสมในช่วงน้ำท่วม และขยะใหม่ที่เกิดขึ้นจากการทำความสะอาดบ้านของประชาชน พร้อมขอความร่วมมือให้นำขยะมากองหน้าบ้าน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดเก็บได้รวดเร็วตามแผนที่กำหนด 14 วัน ซึ่งขณะนี้เหลืออีก 7 วัน คืน ความเป็นเมืองหาดใหญ่ให้คืนกลับมาปกติ นายกรัฐมนตรีได้กำชับผู้บังคับบัญชาไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการทำงานให้ใช้ความเข้าใจ ปฏิบัติหน้าที่ด้วย เพราะเจตนารมณ์ของผู้ปฏิบัติงานคือการเข้ามาช่วยพี่น้องประชาชน ซึ่งแม้ในบางพื้นที่อาจจะมีอารมณ์ไม่พอใจบ้าง แต่ไม่มีเหตุปะทะรุนแรง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังเปิดเผยความคืบหน้าการจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยว่า แม้รัฐบาลได้โอนเงินช่วยเหลือไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ยังพบว่ามีประชาชนบางส่วนยังไม่ได้รับเงินตามสิทธิ เนื่องจากต้องผ่านขั้นตอนการอนุมัติอีก 2–3 ขั้นตอน โดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยจุดที่ต้องเร่งเป็นพิเศษคือ ระบบออนไลน์ที่ดำเนินการล่าช้ากว่าระบบแอนะล็อก ทั้งที่ควรเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด จึงได้กำชับให้ปรับปรุงทันที พร้อมตั้งเป้าว่าภายในสัปดาห์หน้า การจ่ายเงินเยียวยาจะต้องแล้วเสร็จและครอบคลุมทุกครัวเรือนนอกจากนี้ ในวันอังคารที่จะถึงนี้ นายกรัฐมนตรีเตรียมนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเพิ่มงบเยียวยาสำหรับประชาชนที่ตกสำรวจ ซึ่งไม่ได้อยู่ในฐานข้อมูลเ
อ่านต่อ >37