ทบ.แถลงกัมพูชาเป็นปรปักษ์มากขึ้น พบท่าทีเล็งเป้าพื้นที่ใกล้สนามบิน - โรงพยาบาล

วันนี้ (8 ธ.ค. 2568) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากโจมตีกำลังทหารไทย ส่งผลให้ระดับความเป็นปรปักษ์เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กัมพูชาเริ่มโจมตี พบท่าทีมุ่งทำร้ายฝ่ายไทยชัดเจน

โฆษกกองทัพบกระบุว่า ตั้งแต่วานนี้ (7 ธ.ค. 2568) กัมพูชาได้ใช้อาวุธโจมตีกำลังพลไทยในพื้นที่ภูผาเหล็ก–พลาญหินแปดก้อน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ขณะเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยกำลังปรับปรุงเส้นทางภายในเขตอธิปไตยของประเทศไทย ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 2 นาย การกระทำดังกล่าวถือเป็นความรุนแรงและสะท้อนเจตนามุ่งทำร้ายฝ่ายไทยอย่างชัดเจน ทำให้กองทัพไทยจำเป็นต้องตอบโต้ตามสถานการณ์เพื่อป้องกันตนเองและรักษาความมั่นคง

การปะทะขยายหลายพื้นที่ชายแดนภาคอีสาน

นอกจากนี้ ยังพบการปะทะในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 หลายจุด ได้แก่ ช่องอานม้า ห้วยตามาเรีย ปราสาทตาควาย และปราสาทตาเมือน โดยฝ่ายกัมพูชามีการใช้อาวุธและเครื่องยิงสนับสนุนโจมตีกำลังทหารไทยอย่างต่อเนื่อง พร้อมตรวจพบการเสริมกำลังพล อาวุธ และยุทโธปกรณ์ตลอดแนวชายแดน

กังวลการใช้อาวุธระยะไกลพุ่งเป้าพื้นที่ตอนใน

โฆษก ทบ. ระบุว่า มีสัญญาณว่ากัมพูชาอาจกำหนดพิกัดการใช้อาวุธระยะไกลเข้าสู่พื้นที่ตอนในของไทย ครอบคลุมบริเวณใกล้สนามบินบุรีรัมย์ และพื้นที่ใกล้โรงพยาบาลใน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนราว 30 กิโลเมตร สถานการณ์ดังกล่าวอาจกระทบต่ออธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนอย่างรุนแรง

สูญเสียกำลังพล–พบโจมตีพื้นที่พลเรือน

ตั้งแต่ช่วงกลางดึกต่อเนื่องถึงช่วงเช้าวันนี้ ทหารกัมพูชาได้ใช้อาวุธยิงสนับสนุนโจมตีกำลังทหารไทยในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และพื้นที่อื่น ๆ ทำให้ทหารไทยเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 8 นาย นอกจากนี้ยังตรวจพบการใช้อาวุธจรวด BM21 ยิงใส่ชุมชนพลเรือน บ้านสายโท 10 อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร สะท้อนความพยายามมุ่งทำร้ายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

เร่งอพยพประชาชน ลดผลกระทบจากการสู้รบ

กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 2 ได้ร่วมกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ออกประกาศและอำนวยความสะดวกในการเร่งอพยพประชาชนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อป้องกันอันตรายจากการโจมตีพื้นที่พลเรือน และลดการสูญเสียหากสถานการณ์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

ย้ำตอบโต้ตามหลักสากล ประสานกองทัพอากาศสนับสนุนภารกิจ

พลตรี วินธัย ยืนยันว่ากองทัพบกมีความพร้อมปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ และการตอบโต้จะดำเนินการอย่างเหมาะสมภายใต้หลักกติกาสากล โดยได้ประสานกับกองทัพอากาศในการใช้กำลังทางอากาศสนับสนุน เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการโจมตี ซึ่งจะมุ่งเป้าเฉพาะฐานที่มั่นทางทหารของฝ่ายกัมพูชา หรือพื้นที่ตรวจพบการใช้อาวุธหนักที่เป็นภัยต่อกำลังพลไทย

ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อยับยั้งการโจมตี ยุติสถานการณ์ความรุนแรง และป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทหารและประชาชนชาวไทย เช่นเดียวกับเหตุปะทะเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งอาวุธของฝ่ายกัมพูชาเคยตกใส่พื้นที่พลเรือน ทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต และสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัยและสถานที่สำคัญจำนวนมาก