รู้จัก “Data Center Alley” ในสหรัฐฯ ขุมพลังศูนย์กลาง AI ใช้ไฟเกือบเท่านิวยอร์ก ?

เมืองแอชเบิร์น (Ashburn) ในรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อการมาถึงของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เร่งให้เกิดการสร้างศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้นอย่างมหาศาล จนเกิดความกังวลด้านพลังงานและน้ำ รวมถึงผลกระทบต่อชุมชน

เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในฐานะศูนย์กลางข้อมูลที่มีความหนาแน่นสูงสุดแห่งหนึ่งของโลก จนได้รับฉายาว่า "Data Center Alley" โดยเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีชั้นสูง รวมถึงศูนย์ข้อมูลบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Amazon และมีปริมาณการรับส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตทั่วโลกไหลผ่านถึงร้อยละ 70 

เหตุผลที่บริษัทผู้ให้บริการข้อมูลต่าง ๆ สนใจพื้นที่บริเวณนี้ เนื่องจากทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่มีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มีนโยบายที่สนับสนุนธุรกิจ และพลังงานราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากอาคารเพนทากอน และหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ 

การเกิดขึ้นของ AI ได้ผลักดันอุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูลไปสู่ความท้าทายใหม่ เนื่องจากศูนย์ข้อมูลที่รองรับ AI ต้องการพลังงาน โครงสร้างที่ใหญ่และแข็งแรงกว่าเดิม รวมถึงไฟฟ้ามหาศาล เพื่อใช้ฝึกเอไอ ทำให้เจอปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ความต้องการน้ำที่มากขึ้น เพื่อรองรับระบบทำความเย็นด้วยของเหลว (Liquid Cooling) แทนเครื่องปรับอากาศทั่วไป

มีข้อมูลระบุว่า หากนับแค่ศูนย์ข้อมูลที่อยู่ในรัฐเวอร์จิเนียเพียงอย่างเดียว ในปีที่แล้วมีอัตราการใช้ไฟฟ้าไปเกือบห้าเท่า เทียบกับการใช้ไฟของนิวยอร์ก ความต้องการทั้งหมดนี้ สร้างความกังวลขึ้นในชุมชน ทั้งเรื่องของการก่อสร้างและการใช้ทรัพยากรเพื่อหล่อเลี้ยงศูนย์ข้อมูล 

เช่นในเมืองแอชเบิร์น ที่มีข้อมูลระบุว่าภายในพื้นที่ 40 ตารางกิโลเมตร มีศูนย์ข้อมูลที่ดำเนินการอยู่แล้วถึง 152 แห่ง และยังมีโครงการก่อสร้างใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระแสการลงทุนใน AI ที่สร้างการแข่งขันเพื่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ