สรุปศึกชายแดนสระแก้ว 8 ธ.ค. ไทยยึดคืน 3 จุด–อพยพ 9,630 คน

สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา 8 ธันวาคม 2568 ไทยยึดคืนพื้นที่ 3 จุด–อพยพประชาชนกว่า 9,600 คน

สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่ยกระดับความตึงเครียดมาตลอดทั้งวันในพื้นที่จังหวัดสระแก้วยังคงต่อเนื่อง หลังศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 1 รายงานว่าฝ่ายกัมพูชาได้เพิ่มกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และอาวุธหนักเข้าประชิดแนวชายแดนตั้งแต่ช่วงเช้า ส่งผลให้กองกำลังบูรพาต้องเร่งประเมินภัยคุกคามทุกระยะ

เวลา 13.40 น. กกล.บูรพาตรวจพบกระสุนปืนเล็กยิงมาจากฝั่งกัมพูชาเข้าใส่พื้นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง ฝ่ายไทยจึงตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังเพื่อปกป้องชีวิตกำลังพลและอธิปไตยของชาติ จากนั้นเวลา 14.20 น. หน่วยทหารได้ดำเนินกลยุทธ์ตอบโต้เชิงรุกต่อที่หมายสำคัญในฝั่งตรงข้าม เพื่อยึดคืนพื้นที่ความมั่นคง 3 แห่ง ได้แก่ บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง และบ้านคลองแผง อำเภอตาพระยา โดยสามารถทำลายที่มั่นดัดแปลงของฝ่ายกัมพูชาบางส่วนได้สำเร็จ

ความคืบหน้าต่อมา เวลา 17.00 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ 12 รายงานว่าสามารถเข้าควบคุมที่หมายบริเวณบ้านไปรจัน ฝั่งตรงข้ามบ้านหนองหญ้าแก้วได้เรียบร้อย หน่วยข่าวกรองทหารยืนยันว่าในปฏิบัติการครั้งนี้ไม่พบการใช้จรวดหลายลำกล้อง BM-21 จากฝั่งกัมพูชา

ด้านกำลังพลไทย มีรายงานผู้บาดเจ็บรวม 3 นาย ส่วนใหญ่เกิดจากแรงอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายตรงข้าม ได้แก่

• ส.อ.นพชัย คลังแสง บาดเจ็บบริเวณปากและมีอาการแน่นหน้าอกจากแรงระเบิด
• ส.อ.ธีรวัฒน์ วงด้วง มีอาการแน่นหน้าอกและหูอื้อ
• จ.ส.อ.สิรวิชญ์ อะมะมูล เจ็บบริเวณสะโพกจากแรงระเบิด

ทั้งสามนายถูกนำส่งโรงพยาบาลในพื้นที่ และแพทย์ยืนยันว่าอาการปลอดภัยทั้งหมด

ขณะเดียวกัน การปะทะต่อเนื่องทำให้ฝ่ายปกครองร่วมกับทหารต้องอพยพประชาชนเข้าสู่ศูนย์พักพิงชั่วคราว 5 พื้นที่ในสระแก้ว รวมจำนวน 9,630 คน โดยศูนย์ อ.ตาพระยาและโคกสูงมีจำนวนผู้ลี้ภัยภายในพื้นที่มากที่สุด อย่างไรก็ตาม มีรายงานเหตุเศร้าระหว่างการอพยพเมื่อพระสงฆ์วัย 82 ปีจากวัดเนินสมบูรณ์เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวหลังตกใจเสียงปืนใหญ่ และมรณภาพภายหลังนำส่งโรงพยาบาลตาพระยา

พล.ท.วรยส เหลือสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1 พร้อม พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ได้อยู่ในพื้นที่เพื่อสั่งการโดยตรง ยืนยันว่ากำลังพลทุกนายพร้อมปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยไทยอย่างเต็มกำลัง พร้อมประสานทุกหน่วยงานดูแลความปลอดภัยประชาชนอย่างใกล้ชิดตลอดคืน