รีเซต

ผ่าผลกระทบจรวด BM-21 เชิงลึก ที่สร้างพื้นที่เสี่ยงลูกหลงเป็นรัศมีสูงสุด 600 เมตร

ผ่าผลกระทบจรวด BM-21 เชิงลึก ที่สร้างพื้นที่เสี่ยงลูกหลงเป็นรัศมีสูงสุด 600 เมตร
TNN ช่อง16
8 ธันวาคม 2568 ( 14:10 )
16

ความรุนแรงของจรวดหลายลำกล้องแบบ BM-21 ที่กัมพูชาใช้ในการโจมตีพลเรือนไทยตามแนวชายแดน ไม่ได้มีแค่ผลจากระยะการยิงที่ลึกเข้ามาในเขตแดนไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นผลจากความแม่นยำของอาวุธที่ต่ำ ทำให้เกิดผลกระทบเป็นวงกว้างรัศมีกว่า 600 เมตร ในแต่ละครั้งที่มีการยิงอีกด้วย

ข้อมูลจรวด BM-21

BM-21 เป็นระบบยิงจรวดหลายลำกล้องขนาด 122 มิลลิเมตร พัฒนาโดยสหภาพโซเวียตเพื่อใช้ในสงครามเย็นช่วงปลายทศวรรษ 1950 โดยออกแบบมาเพื่อสร้างแรงกดดันต่ออำนาจการยิงของอีกฝ่าย (Supression) 

BM-21 จำนวน 1 ระบบ จะมีท่อยิงทั้งหมด 40 ท่อ ยิงต่อเนื่องแบบระดมยิง (salvo) ได้ใน 20 วินาที หรือนัดละ 0.5 วินาที และโจมตีได้ไกล 20 - 30 กิโลเมตร โดยรองรับการยิงจรวดหัวระเบิด (HE) สังหารบุคคล และจรวดต่อต้านรถถัง

ความร้ายแรงที่แท้จริงของจรวด BM-21

ทั้งนี้ ข้อมูลเชิงลึกจากรายงานของศูนย์กำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมนานาชาติเจนีวา (Geneva International Centre for Humanitarian Demining: GICHD) ในปี 2015 ชี้ว่า ระบบจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เป็นอาวุธที่มีความแม่นยำ (Accuracy) และความเที่ยงตรง (Precision) ตำ่มาก

ตามข้อมูลของ GICHD ระบุว่า หากยิงระบบจรวด BM-21 ที่ระยะ 20 กิโลเมตร จะมีค่าความแม่นยำเป้ายิง (Circular Error Probable: CEP) อยู่ที่ 400 เมตร หรือหมายความว่า หากมีการยิง BM-21 จำนวน 100 นัด ที่เล็งไปยังพิกัดเป้าหมาย (Mean Point of Impact: MPI) จะมี 50 นัด ที่ตกคลาดเคลื่อนได้ไกลสูงสุด 400 เมตร จากตำแหน่งที่วางไว้

ในขณะที่อาวุธปืนใหญ่ขนาด 155 มม. ตามมาตรฐาน NATO ที่ระยะการยิง 20 กิโลเมตร จะมีค่า CEP อยู่ที่ 115 เมตร หรือหมายความว่า กระสุนปืนใหญ่ 100 นัด จะคลาดเคลื่อนจากตำแหน่งที่ต้องการยิง (desired MPI) ไม่เกิน 115 เมตร

หรือโดยพื้นฐานแล้ว ทุกครั้งที่ BM-21 ทำการยิงไปยังเป้าหมายที่กำหนด จะมีพื้นที่ในรัศมีกว่า 400 เมตร รอบเป้าหมาย ที่เสี่ยงได้รับลูกหลงในการยิงแต่ละครั้งอีกด้วย

จรวด BM-21 สร้างผลกระทบกว้างขึ้นในเขตชุมชน

นอกจากนี้ ในรายงานฯ ชี้ว่า ระบบจรวด BM-21 ที่ยิงต่อเนื่อง ทำให้นัดถัด ๆ ไปเกิดการคลาดเคลื่อนเนื่องจากแรงสั่นสะเทือนระหว่างการยิง (tip-off) อีกทั้ง ในระหว่างช่วงเร่งความเร็วของจรวด (boost phase) จะเกิดลมต้านการเคลื่อนที่ในแนวขวางที่เบี่ยงเบนทิศทางจรวด ซึ่งอาจทำให้ระยะคลาดเคลื่อน (CEP) มากกว่า 400 เมตร ได้อีกด้วย

และเมื่อ GICHD ได้ศึกษาผลกระทบเพิ่มเติมโดยอิงจากเหตุการณ์ในยูเครนในปี 2015 ก็พบว่า การยิง BM-21 แต่ละชุด จำนวน 40 นัด ที่ระยะการยิง 20 กิโลเมตร ในเขตชุมชน จะสร้างพื้นที่ผลกระทบรุนแรงมากขึ้นและไกลขึ้นสูงสุดเป็นรัศมี 600 เมตร จากตำแหน่งเป้าหมาย จากการพังทลายของอาคารและสิ่งปลูกสร้างที่ทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงเพิ่มเติม

ทั้งนี้ รายงานดังกล่าวต้องการชี้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากการใช้วัตถุระเบิดด้วยแนวคิดทางการทหารยุคเก่า ซึ่งเน้นการโจมตีเป็นวงกว้างเพื่อสร้างแรงกดดันต่ออำนาจการยิงของอีกฝ่าย ซึ่งทำให้เกิดผลกระทบต่อพลเรือนเป็นวงกว้าง

รายละเอียดรายงาน GICHD ในปี 2015 สามารถอ่านทั้งหมด (ภาษาอังกฤษ) ที่ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.gichd.org/fileadmin/uploads/gichd/Publications/Explosive_weapon_effects_web.pdf


ภาพจากรายงานของ GICHD ในปี 2015

หมุดสีแดง: ตำแหน่งตกกระทบของจรวด 122 มม. จากระบบ BM-21 ที่ยิงจากระยะ 20 กม. 

พื้นที่แรเงา: รัศมีความแม่นยำการยิงจากตำแหน่งค่ากลางการยิง (MPI) โดย MPI 50% หมายถึงตำแหน่งกลางที่ต้องการ และ % ที่ลดหลั่นคือความคลาดเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น



ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง