THE RULES OF WEALTH ปิดประตูใส่หน้าความจน โดยซีเอ็ด หรือเวอร์ชันใหม่ที่ชื่อว่า สูตรเด็ดเคล็ดลับมหาเศรษฐี โดยสำนักพิมพ์ Change + ถือเป็นเล่มเดียวกัน ต่างกันก็แค่ปก จะรวบรวมกฎทองเกี่ยวกับฐานะความร่ำรวยในมุมมองของ Richard Templar ที่สรุปอย่างเบ็ดเสร็จพร้อมหยิบไปใช้ได้เลย แปลโดย สมิทธิ์ เอกโชติ หนังสือเล่มนี้จะว่าเรียบง่ายก็ใช่ จะชวนให้ทำอะไรแบบสุดโต่งก็ว่าได้ สำหรับคนที่มีความรู้ทางการเงินในระดับหนึ่ง ครีเอเตอร์เชื่อว่าต้องมีคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นบางอย่างของ Richard แน่ๆ ทั้งในแง่การบริหารจัดการเงินและการทำธุรกิจ ความรู้ความประทับใจในมุมมองของครีเอเตอร์ 1.ถ้าคุณทำงานเป็น ภารโรงทำความสะอาดออฟฟิศรับค่าแรงขั้นต่ำ ชาตินี้คุณไม่มีวันจะรวยได้เลย ต่อให้ทำความสะอาดออฟฟิศตลอด 24 ชั่วโมง แต่คุณอาจจะรวยได้ ก็เพราะว่าคุณไปเปิดบริษัทรับทำความสะอาดของตัวเอง และทำงานหนัก ขยันหาลูกค้ารายใหม่ มีทีมงานที่ฝีมือสุดยอด รักงาน และกระตือรือร้นเท่านั้น สิ่งที่จะบอกก็คือ ต่อให้คุณมีไอเดียทางธุรกิจเป็นเลิศ หรือมีเงินลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แล้วก็ตาม คุณจะทำผลกําไรสูงสุดกลับมาได้ก็ต่อเมื่อ คุณทำงานหนักจริงๆ ใช้ความคิดอย่างสุดพลัง หรือศึกษาเรื่องการลงทุนอย่างชาญฉลาดและบริหารจัดการอย่างระมัดระวังเท่านั้น 2.ว่าด้วยเรื่องกฎของการต่อรอง 2.1ต้องไม่ลืมว่า อะไรเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย เป็นเงื่อนไขที่คุณจะไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว 2.2 ต้องไม่ลืมว่า คุณต้องการอะไร เป้าหมาย และผลลัพธ์สุดท้ายอยู่ตรงไหน 2.3ยึดถือหลักการที่ว่า “สมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย” 2.4 เตรียมใจไว้เสมอว่า “ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง” 2.5 ยืดหยุ่นและลื่นไหลไปตามสถานการณ์ 2.6 รู้เขา รู้เรา ต่อรองร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง 2.7ยื่นข้อเสนอแบบเผื่อต่อให้คุณได้ประโยชน์สูงสุดไว้ก่อน การผ่อนปรนเงื่อนไขลงมาก็จะไม่ใช่เรื่องยาก แต่การเพิ่มข้อเสนอที่อยากได้เข้าไปภายหลังนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 3.ถ้าคุณมีความมุ่งมั่นที่จะสร้างฐานะให้ร่ำรวยจริงๆ แล้ว ในที่สุดคุณก็จะลาออกจากงานประจำ มาทำการค้าเพื่อสร้างอนาคต หรืออาจจะทำงานประจำไปค้าขายไปพร้อมๆ กัน แล้วค่อยลาออกจากงานเมื่อถึงเวลาเหมาะสม หรืออาจจะวางแผนก่อร่างสร้างฐานรอวันเปิดกิจการของตัวเองไปพลางๆ ระหว่างที่ทำงานประจำอยู่ก็ได้ ถ้าคนเรามีวาสนาจะได้รวยเป็นเศรษฐีเงินล้านจริงๆ ไม่ช้าก็เร็ว คนคนนั้นก็ต้องได้ทำการค้า ซื้อมาขายไปอยู่ดี 4.เมื่อไรก็ตามที่คุณเก่งในเรื่องที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ หรือน้อยคนนักจะทำได้ คุณก็มีสิทธิ์จะตั้งราคาได้ตามใจชอบ และเชื่อผมได้อย่างหนึ่งครับว่า ไม่จำเป็นต้องไปเก่งในเรื่องยากๆ ซับซ้อนอะไร เอาแค่เก่งในเรื่องที่คนเขาต้องการและพร้อมจะจ่ายก็พอ 5.การที่เรากู้ธนาคารมาซื้อบ้านโดยเอาบ้านจำนองกับธนาคารไว้จนกว่าจะใช้หนี้หมดนั้น เราจะมองว่าเป็นการลงทุนและไม่ได้เป็นการกู้ยืมก็ย่อมได้ ถ้าคุณซื้อสินทรัพย์อะไรก็ตามที่เป็นการกู้เงินแล้วผ่อนจ่ายแบบซื้อบ้าน ก็เท่ากับว่าคุณลงทุนเป็นรายเดือน คุณสามารถกะเก็งกำไรได้ตามเหตุตามผลว่า มูลค่าของสินทรัพย์จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าค่าดอกเบี้ยของเงินที่กู้มาซื้อสินทรัพย์ และก็วางใจได้ว่ามูลค่าของสินทรัพย์อย่างบ้านจะเพิ่มขึ้นในระยะยาว ดังนั้น เงินที่คุณวางดาวน์ลงไปและเงินที่ผ่อนชำระจึงกลายสภาพไปเป็นเงินลงทุนของคุณโดยปริยาย ส่วนการเช่าบ้านนั้นไม่ใช่การลงทุนแต่ประการใด จ่ายไปเท่าไรก็หายหมด ไม่ต้องสงสัยเลย 6.การขายคือทักษะสำคัญในการทำธุรกิจ ไม่ว่าคุณจะขายสินค้าอะไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่คุณต้องขายควบคู่กันไปด้วย และถือเป็นสุดยอดสำคัญในบรรดาสินค้าที่ขายทั้งหมด นั่นก็คือ “ขายตัวเอง” ถ้าคุณขายความน่าเชื่อถือของตัวเองให้ลูกค้ายอมรับไม่ได้ ก็อย่าหวังว่าคุณจะขายอะไรอื่นได้ 7.การขายเป็นหัวใจสำคัญของทุกๆ ความสำเร็จ ไม่ว่าคุณจะทำงานอะไรแล้วเกิดรุ่งเรืองร่ำรวยขึ้นมา เชื่อได้เลยว่างานนั้นต้องเกี่ยวข้องกับการขาย เช่น ขายความชำนาญ ขายสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ หรือกระทั่งขายไอเดียเจ๋งๆ คุณไม่มีทางทำเงินได้อยู่แล้วถ้าคุณไม่ขายอะไรสักอย่าง การขายจึงเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในทุกคนที่รวย เขารู้สัจธรรมข้อนี้เป็นอย่างดี 8.นักลงทุนพยายามจะทำกําไรจากการซื้อหุ้นตัวที่พวกเขาคิดว่าในอนาคตมันจะเป็นที่ต้องการของบรรดานักลงทุนคนอื่นๆ เขาจึงยอมจ่ายเงินซื้อหุ้นเหล่านั้นโดยไม่คำนึงถึงราคาพื้นฐาน แต่ไปมุ่งที่มูลค่าของตลาดที่คิดว่าจะขายได้ นี่คือหัวใจสำคัญของการคาดการณ์ในตลาดหุ้น และเป็นเหตุที่ว่าทําไมราคาพื้นฐานของหุ้นแต่ละตัวจึงแตกต่างจากราคาที่มีการซื้อขายในตลาดหุ้น 9.แม้การวิเคราะห์ทางเทคนิคจะฟังดูดี แต่มักไม่ค่อยสมเหตุสมผล จงยับยั้งชั่งใจในการกระโจนเข้าตลาดหุ้น แล้วไล่ซื้อตามกระแสที่ยั่วยวนใจ ถ้าคุณต้องการลงทุนในตลาดหุ้น ควรมองหาบริษัทที่ราคาหุ้นไม่ได้วูบวาบตามอารมณ์ตลาด แต่เป็นราคาที่สะท้อนมูลค่าอันแท้จริง ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นบริษัทที่ผลิตหรือสร้างสิ่งที่คนทั่วไปมองว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในอนาคต 10.การยับยั้งชั่งใจที่จะไม่จับจ่ายใช้สอยในทันทีที่เกิดความอยากสําคัญมาก ถ้าคุณเห็นข้าวของอะไรที่อยากได้ อย่าเพิ่งซื้อเดี๋ยวนั้น ให้รอไปก่อน เพื่อดูว่าคุณยังอยากได้ของสิ่งนั้นอยู่หรือเปล่า การทําแบบนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้ความอยากผ่านพ้นไปจากช่วงเวลานั้น เมื่อคุณยืดเวลาสักสัปดาห์และระยะทางให้ห่างออกมา โอกาสที่คุณจะซื้อสิ่งของที่ไม่จําเป็นก็จะลดลง 11.ความลับของการหาเงินคือ ไม่มีความลับ คุณซื้อสินค้ามาอย่างหนึ่ง พอขายแล้วได้ราคามากกว่าที่ซื้อ คุณก็ได้กําไร หลักการนี้ใช้ได้กับทุกอย่างใน โลกการเงิน ตลาดหุ้น การลงทุน อสังหาริมทรัพย์ กองทุนต่างๆ การจัดการด้านการเงิน การจัดการด้านงบประมาณ การคาดการณ์เกี่ยวกับตลาดการค้าในอนาคต การซื้อทองหรือแม้แต่เรื่องอื่นๆในชีวิตประจำวัน 12. เป็นความเข้าใจผิดกันมาตลอดว่า การมีอำนาจบริหารเบ็ดเสร็จเป็นเรื่องไม่ดี และที่ปรึกษาทางธุรกิจส่วนมากก็จะสนับสนุนให้มีการกระจายหุ้น แต่ผมมีข้อสังเกตว่า คนรวยที่ประสบความสำเร็จจะไม่ทำอย่างนั้น พวกเขาจะยึดผลประโยชน์ของตัวเองเอาไว้แน่น อาจจะขอยืมเงินหรือกู้เงินบ้าง และยอมให้ยอดหนี้สูงชนเพดาน แต่จะไม่ยอมขายหุ้นของตัวเองเด็ดขาด 13.กฎ 10 ข้อที่จะทำให้คุณมั่นใจว่า คุณเลือกคนได้ตรงกับงานที่จะให้พวกเขาทำ 1. ต้องชัดเจนว่าคุณต้องการทำอะไร และใครคือคนที่คุณต้องการให้ทำสิ่งนั้น 2. ต้องชัดเจนในสิ่งที่คุณมอบหมายให้คนอื่นทำแทนคุณ และอย่าลืมบอกเรื่องค่าตอบแทน และแนวทางในการทำงานให้เขารู้ด้วย 3. ใส่ใจดูแลคนที่คุณจ้างเขามาทำงาน เพราะพวกเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่เห็นเขาเป็นเครื่องจักร 4. ติดตามผลงานเป็นระยะ ให้กําลังใจ และสร้างแรงบันดาลใจให้เขา มีความจงรักภักดี 5. บอกให้พวกเขารู้ว่ากลยุทธ์ระยะยาวคืออะไร เพราะตอนนี้พวกเขา ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในอนาคตของคุณแล้ว 6. หากพวกเขาทําอะไรผิดพลาดไปบ้าง (ไม่มีใครที่ไม่เคยทําพลาด แม้กระทั่งตัวคุณ) ก็จงให้อภัย แล้วรีบแก้ไขเสีย 7. ชมเชยผลงานที่เห็นว่าดีอย่างสม่ําเสมอ เพราะไม่มีอะไรจะเสริมกําลังใจได้มากกว่าการชื่นชม และการตบรางวัลเป็นตัวเงิน 8. ตั้งเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้อย่างแท้จริง อย่าเสียเวลาหวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 9. จงทําตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้พวกเขาเกิดความเคารพชื่นชม (ไม่มีใครอยากทํางานร่วมกับคนไม่ดีหรอกครับ) ถ้าคุณตั้งมาตรฐานไว้สูงแล้ว ก็ต้องปฏิบัติตนให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ตั้งไว้ด้วย 10. จําไว้ว่าคุณเป็นเจ้านาย ไม่ใช่เพื่อน จงวางตัวให้เหมาะสมกับสถานภาพ รักษาระยะห่าง และใช้อํานาจหน้าที่ให้สมตําแหน่ง 14.มีอยู่ 5 เรื่องที่คุณต้องจดจําให้ขึ้นใจ หากคุณกําลังแสวงหาขุมทรัพย์ 1. เวลาคือสิ่งสําคัญ ถ้ามัวแต่ชักช้า โอกาสก็จะหลุดลอยไป (แต่ถ้า เร็วเกินไปก็อาจจะเสียเรื่องได้) ธรรมชาติของตลาดย่อมมีการ เปลี่ยนแปลง แฟชั่นก็มีวันตกยุค สินค้าก็อาจเสื่อมความนิยม 2. คุณต้องเอาจริงเอาจัง ไม่มีใครรู้ว่าโอกาสจะมาถึงเมื่อไร โอกาสที่ซ่อนอยู่จะปรากฏแก่คนที่ต้องการมันเท่านั้น 3. คุณต้องมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะโอกาสที่ซ่อนอยู่มี จํากัด คุณจึงต้องโดดเด่น ต้องเป็นคนที่แตกต่างไม่เหมือนใคร มีความพิเศษ คิดสร้างสรรค์ 4. คุณต้องรู้ว่าตัวเองกําลังทําอะไรอยู่ การสร้างความมั่งคั่งเป็นทักษะอีกด้านหนึ่งที่คุณต้องเรียนรู้ การจะมองหาโอกาสและใช้ประโยชน์จากโอกาสได้ คุณก็ต้องให้โอกาสตัวเองด้วย คุณไม่สามารถหยิบงบการเงินขึ้นมา แล้วบอกว่าคุณเข้าใจเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้อ่าน การศึกษาอะไรก็ตามต้องอาศัยเวลา การทุ่มเท และการรับผิดชอบอย่างยิ่ง คุณต้องรู้ก่อนว่าคุณมีดีอะไรอยู่ในตัว คุณถึงจะมองหิน โอกาสได้ชัดเจนขึ้น เทคนิคการจัดการที่เรียกว่า การวิเคราะห์ SWOT ซึ่งเป็นคําย่อของคําว่า Strengths (จุดแข็ง), Weaknesses (จุดอ่อน), Opportunities (โอกาส), Threats (ความเสี่ยง) จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองได้ดีขึ้น 5. จงทำตัวให้น่าสนใจ คุณต้องแต่งตัวให้ดูดี สะอาดสะอ้าน ถึงจะมีเสน่ห์ดึงดูด โดยภาพรวมครีเอเตอร์ไม่แนะนำเล่มนี้เท่าไหร่ ถ้าสนใจหนังสือบริหารจัดการเงินส่วนบุคคล แนะนำโค้ชหนุ่ม จักรพงษ์จะเหมาะกับ Lifestyle คนไทยมากกว่าและมีแนวคิดที่รอบคอบกว่า ส่วนเรื่องหุ้นและการทำธุรกิจของ The Rules of Wealth ถือว่ายังผิวเผินเกินไปสำหรับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้ เครดิตภาพ ภาพปก โดย AI ภาพที่ 1 2 3 4 5 โดยผู้เขียน บทความอื่นๆที่น่าสนใจ รีวิวหนังสือ The Rules of Management เก่งเรื่องคน เข้มเรื่องงาน บาลานซ์เรื่องชีวิต รีวิวหนังสือ คิด ทำอย่างฉลาด สู่โอกาสรุ่งในองค์กร (The Rules of Work) รีวิวหนังสือ วิชาคนตัวเล็ก (Small rules) เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !