รัสเซียยินดี สหรัฐฯ เลิกเรียกรัสเซียเป็นภัยคุกคามโดยตรง

สำนักข่าว TASS ของรัสเซีย รายงานว่า ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย แถลงตอบรับและพอใจต่อแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัสเซีย และยังไม่มีการระบุให้รัสเซียเป็นภัยคุกคามโดยตรงของสหรัฐฯ ในแผนยุทธศาสตร์ดังกล่าว

ท่าทีดังกล่าว นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่รัสเซียจะชื่นชมแผนยุทธศาสตร์ลักษณะเช่นนี้จากสหรัฐฯ ที่เป็นอดีตปรปักษ์ในยุคสงครามเย็น

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ที่ รัสเซียผนวกไครเมีย (Crimea)ในปี 2014 และเข้ารุกรานยูเครนในปี 2022 ยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ได้กำหนดให้รัสเซียเป็นผู้รุกรานหรือเป็นภัยคุกคามที่พยายามบ่อนทำลายระเบียบโลกหลังสงครามเย็นด้วยกำลัง

สำหรับแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ อธิบายวิสัยทัศน์ของทรัมป์ ว่า เป็นวิสัยทัศน์เกี่ยวกับสัจนิยมที่ยืดหยุ่น และ สหรัฐฯ ควรรื้อฟื้นหลักการมอนโร ในยุคศตวรรษ 19 ที่ประกาศให้ซีกโลกตะวันตกเป็นเขตอิทธิพลของสหรัฐฯ  

แผนยุทธศาสตร์ฯ ที่ทรัมป์ลงนามรับรองให้มีผลบังคับใช้แล้ว ยังเตือนว่ายุโรปจะเผชิญการลบล้างด้านอารยธรรม และเป็นผลประโยชน์หลักของสหรัฐฯ ที่จะเจรจาหาแนวทางยุติสงครามในยูเครน และรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการฟื้นฟูความมีเสถียรภาพด้านความมั่นคงกับรัสเซียอีกครั้ง

ในอีกด้านหนึ่ง Axios สื่อของสหรัฐฯ รายงานว่า การเจรจาระหว่างผู้แทนสหรัฐฯ นำโดย สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และ จาเร็ด คูชเนอร์ ลูกเขยของทรัมป์ กับคณะผู้แทนเจรจาของยูเครน นำโดย รุสเทม อุเมรอฟ ตลอด 3 วันที่ผ่านมาที่รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว การเจรจารอบนี้มุ่งเน้นที่รายละเอียดประเด็นพรมแดนและการรับประกันความมั่นคงที่สหรัฐฯ จะมีต่อยูเครน 

Axios ระบุว่า ประเด็นเกี่ยวกับพรมแดนดูจะเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากรัสเซียยังคงเรียกร้องให้ยูเครนถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากภูมิภาคดอนบาสส์ที่รัสเซียยึดครองอยู่ แต่ยูเครนยังไม่ยินยอม ส่วนประเด็นการรับประกันความมั่นคงต่อยูเครนมีความคืบหน้าอย่างมาก