เกาหลีใต้เผย เกาหลีเหนืออาจมีหัวรบนิวเคลียร์มากถึง 150 ลูกแล้ว

การคำนวณนี้อ้างอิงจาก อัตราการผลิตวัสดุนิวเคลียร์ฟิชชัน การขยายโรงงานเสริมความเข้มข้นยูเรเนียม และสัญญาณต่าง ๆ จากโครงการนิวเคลียร์ที่กำลังเร่งตัวขึ้น

ดร.ลี ซัง-กยู หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงนิวเคลียร์ของ KIDA ระบุว่า ปี 2030 อาวุธนิวเคลียร์อาจแตะ 200 ลูก และปี 2040 อาจทะยานสู่ 400 ลูก

KIDA เชื่อว่าการเพิ่มกำลังผลิตยูเรเนียมเข้มข้น (HEU) และพลูโตเนียมจะทำให้เป้าหมายนี้เป็นไปได้ หากเกาหลีเหนือยังเดินหน้าในทิศทางปัจจุบัน

ดร.ลีเปิดเผยว่าเกาหลีเหนืออาจมีหัวรบจากยูเรเนียม 115-131 ลูก หัวรบจากพลูโตเนียม 15-19 ลูก สะท้อนว่าโครงสร้างการผลิตวัสดุนิวเคลียร์อาจใหญ่โตและก้าวหน้าเกินกว่าที่โลกตะวันตกประเมินไว้เดิม

รายงานของ IAEA และเว็บไซต์ 38 North ชี้ว่า มีอาคารใหม่ที่ น่าจะใช้เสริมกำลังการเสริมความเข้มข้นยูเรเนียม โรงงานหลายส่วนของศูนย์นิวเคลียร์ยงบยอนกำลังถูกปรับปรุงและขยาย เครื่องปฏิกรณ์ 5 เมกะวัตต์เทอร์มอล เดินเครื่องอย่างต่อเนื่อง เตาปฏิกรณ์น้ำเบาต้นแบบ (LWR) อยู่ในช่วงทดสอบก่อนใช้งานจริง และพบร่องรอยของเครื่องแลกเปลี่ยนความร้อน (heat exchangers) สัญญาณของการเตรียมใช้งานเครื่องหมุนเหวี่ยงจำนวนมาก

ดร.ลี ระบุว่าโครงการเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เปิดตัวต่อสาธารณะในปีนี้ ยังไม่สมบูรณ์ในหลายจุด ได้แก่ ระบบปฏิบัติการรบ ท่อยิงขีปนาวุธโซนาร์ เตาปฏิกรณ์ที่ต้อง “ย่อขนาด” ให้เหมาะกับเรือดำน้ำ ซึ่งการพัฒนาเตาปฏิกรณ์ยูเรเนียมเสริมความเข้มข้น 20% ขึ้นไปแบบเรือดำน้ำจริงอาจใช้เวลาอย่างน้อย 10 ปี  ยกเว้นว่ารัสเซียให้ความช่วยเหลือแบบลับ ๆ 

หลังซัมมิตเกาหลีเหนือ-รัสเซียเมื่อปี 2023 ความร่วมมือด้านทหารและเทคโนโลยีของทั้งสองฝ่ายถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดย KIDA เตือนว่า รัสเซียอาจมอบแบบแปลน วัสดุ หรือชิ้นส่วนสำคัญให้เกาหลีเหนือ ซึ่งจะเร่งโครงการนี้ได้มาก

แม้เกาหลีเหนือจะพยายามสร้างภาพว่ามีขีดความสามารถโจมตีนิวเคลียร์ครั้งที่สอง แต่ KIDA ชี้ว่าระบบโดยรวมยังไม่สมบูรณ์ โดยจอน คยองจู นักวิจัย อธิบายว่า ภายนอก เกาหลีเหนือสร้างภาพเหมือนมีศักยภาพดังกล่าว แต่การจะใช้งานจริงทางทหารยังต้องการการพัฒนาอีกมาก หมายความว่าเกาหลีเหนือมีภาพลักษณ์ของความพร้อม แต่ยังไม่มีระบบครบวงจรสำหรับสงครามนิวเคลียร์จำกัดขนาด (limited nuclear conflict)