ทดสอบ "ความเครียด" จากวิกฤตโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ ที่ทำให้ใจพัง
กรมสุขภาพจิตระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่ พบกลุ่มญาติผู้เสียชีวิตเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาเครียด ไม่สบายใจ กังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น 64.7% มีอาการนอนไม่หลับ 23.5% หูแว่ว หวาดระแวง 5.9% อื่นๆ 5.9% ในขณะที่บางรายไม่สามารถผ่านความสูญเสียนี้ไปได้โดยปกติ
วันนี้ TrueID จึงจัดชวนทุกคนมาทดสอบจิตใจตัวเองด้วยการจับสัญญาณเตือนพร้อมกับการทำแบบทดสอบประเมินความเครียดจากช่วงโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น พร้อมความสูญเสียที่ไม่มีวันกลับของครอบครัวที่มีผู้ติดเชื้อโควิด
สาเหตุความเครียดจากมาตรการล็อกดาวน์
1.ความกังวลว่าจะติดเชื้อ เพราะตระหนักได้ว่าโอกาสติดใกล้ตัวมากขึ้น แม้ต้องเรียนรู้การอยู่กับโรคโควิด แต่ขณะเดียวกันก็มีความกลัว โดยเฉพาะการระบาดระลอกนี้มีการระบาดวงกว้างมากขึ้น
2.การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตใหม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัย สำหรับตัวเราเองและคนที่เรารัก
คนที่ได้รับผลกระทบทางจิตใจจากมาตรการล็อกดาวน์โควิด
1.เด็กที่สูญเสียผู้ปกครอง แบ่งเป็น 2 กรณี ดังนี้
- กรณีเด็กเล็ก เด็กอนุบาล ซึ่งยังแยกไม่ได้ระหว่างการมีชีวิตอยู่กับการเสียชีวิต
จะมีการพูดหรือปฏิบัติต่อคนที่จากไปแล้วเสมือนคนๆ นั้นยังไม่เสียชีวิต เช่น เรียกชื่อ คุยด้วย ชวนกินอาหาร อาจจะทำให้ญาติผู้ดูแลเกิดความสะเทือนใจ แต่ภาวะอารมณ์ของผู้ใหญ่จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้เด็กผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปได้ โดยขอให้ใช้คำอธิบายแบบง่ายๆ ให้เข้าใจว่าคนที่เสียชีวิตไปแล้วไม่สามารถทำอะไรบางอย่างที่เคยทำได้ แต่เราสามารถเก็บสิ่งของบางอย่างแทนความรู้สึกได้ เช่น การนอนกอดหมอน ซึ่งผู้ใหญ่สามารถทำร่วมกับเด็กได้
- กรณีเด็กโต หรือวัยรุ่น
จะเข้าใจแล้วว่าการเสียชีวิตหมายความว่าอย่างไร แต่ผู้ใหญ่ต้องให้โอกาสในการพูดคุย เพราะเด็กก็กังวลใจต่อการสูญเสียคนที่รัก โดยเฉพาะเด็กที่เริ่มโตจะเริ่มคิดถึงอนาคตตัวเอง และเริ่มคิดถึงผลกระทบจากการเสียคนที่จะดูแลเขา หากมีผู้ใหญ่คนที่เขาเชื่อมั่น มีคนที่ยังพูดคุยให้เขาเข้าใจความรู้สึกของความสูญเสีย เขาจะผ่านสถานการณ์เหล่านี้ได้ดีขึ้น
2.ผู้ใหญ่ที่สูญเสียคนในครอบครัว
สำหรับผู้ใหญ่ เราพบว่าส่วนใหญ่คือสมาชิกในครอบครัวป่วยพร้อมกัน แต่บางคนเสียชีวิต บางคนยังอยู่ระหว่างการรักษา ทำให้เกิดสถานการณ์ที่อยากจะทำอะไรบางอย่างแต่ทำไม่ได้ คือ ไม่ได้ร่ำลาคนที่สูญเสีย และความรู้สึกว่าไม่ได้ไปส่งเขาในวันที่จากไป เนื่องจากการจัดการเรื่องศพ โดยให้ยึดมั่นว่าคนที่เสียชีวิตไปแล้วเขายังคงเป็นที่รักของเรา และเรายังสามารถทำกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงเขาได้
สัญญาณความเครียด
อาการทางร่างกาย
- ปวดหัว ปวดตามร่างกาย
- ใจเต้นผิดปกติ ใจสั่น
- ความดันโลหิตสูง
- หายใจลำบาก
- ปัสสาวะบ่อย
- เหงื่อออกมาก
- ลำไส้แปรปรวน ท้องเสีย
- ชอบดึงผม กัดเล็บ
อาการทางจิตใจ
- ย้ำคิดย้ำทำ
- มองโลกในแง่ร้าย
- ไม่มั่นใจตัวเอง
- ไม่มีสมาธิ
อาการทางอารมณ์
- ตื่นเต้น
- รู้สึกซึมเศร้า
- หงุดหงิดง่าย โมโหง่าย
- เบื่อหน่ายง่าย
- อ่อนล้า ไม่อยากทำอะไร
- วิตกกังวล
- เมื่อเครียดแล้วอยากดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่
หากมีอาการเหล่านี้สัก 2- 3 อย่าง คุณอาจกำลังโดนโรคเครียดเล่นงานอยู่ และหากปล่อยให้ตัวเองมีความเครียดเรื้อรัง อาการต่างๆ ข้างต้นอาจรุนแรงขึ้นโดยเฉพาะผลกระทบทางร่างกาย เช่น โรคกรดไหลย้อน ลำไส้แปรปรวน ปวดศีรษะไมเกรน ความดันโลหิตสูง หากปล่อยให้กระทบร่างกายไปนานๆ อาจเกิดโรคร้ายอย่างมะเร็งได้ในระยะยาว
ทดสอบความเครียดในตัวคุณ
1.แบบประเมินความเครียด (ST5) กรมสุขภาพจิต
https://www.dmh.go.th/covid19/test/qtest5/
2.แบบทดสอบภาวะซึมเศร้า PHQ-9 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
https://med.mahidol.ac.th/th/depression_risk
3.แบบทดสอบระดับความเครียด อูก้า
https://app.ooca.co/user/stress-test
4.แบบประเมินความเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 8 คำถาม (8Q) กรมสุขภาพจิต
https://www.dmh.go.th/covid19/test/8q/
หากไม่แน่ใจว่าจำเป็นต้องปรึกษาจิตแพทย์หรือไม่ เราอยากให้ลองทำแบบประเมินสภาพจิตใจ เพื่อวัดระดับความเครียด และเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ ได้เข้าใจตัวเอง พร้อมรับมือกับความเครียดที่ต้องเผชิญได้มากขึ้น
การป้องกันโรคเครียด
โรคเครียดเป็นปัญหาสุขภาพที่ป้องกันได้ยาก เนื่องจากสถานการณ์อันตรายอันเป็นสาเหตุของโรคเครียดนั้น ควบคุมไม่ได้
1.ปรึกษาจิตแพทย์ เป็นวิธีรักษาโรคเครียดที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเครียดที่เกิดอาการรุนแรงและเป็นมานาน โดยแพทย์จะช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียด รวมทั้งช่วยให้ผู้ป่วยจัดการอาการของโรคที่เกิดขึ้นได้
2.ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ
3.ฝึกหายใจลึก ๆ ทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือนวด เพื่อให้ร่างกายผ่อนคลาย รวมทั้งทำจิตใจให้แจ่มใส
4.พบปะสังสรรค์กับเพื่อน หรือพูดคุยกับครอบครัว
5.หางานอดิเรกทำในยามว่าง เช่น อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง
6.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบถ้วน
7.หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ รวมทั้งงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือใช้สารเสพติดอื่น ๆ
8.ใช้ยารักษาโรคเครียด เพื่อบรรเทาอาการปวดของร่างกาย ปัญหาการนอนหลับ หรืออาการซึมเศร้า โดยยาที่ใช้รักษาโรคเครียด
โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ , กรมสุขภาพจิต , โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล , อู้ก้า , พบแพทย์
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “โควิด-19” ทำให้เครียดหรือเปล่า? รับมือให้ทันก่อนจะเครียดเพราะโควิด
- Fake News เยอะ? เสพข่าว "โควิด19" ยังไงไม่ให้เครียดหรือเป็นโรคจิตเวชไปกว่านี้
- เครียดแล้วต้องโทรหาใคร? รวมสายด่วนเช็กใจ สำหรับคนอยากระบายแทนพิมพ์แชท
- “ล็อกดาวน์” อีกครั้ง ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
- จับสัญญาณ "อยากฆ่าตัาย" ในวิกฤตโควิด-19 เราจะช่วยได้อย่างไร?
- วิธีลดเครียด “เรียนออนไลน์” ในช่วงโควิด-19 ระบาด
- ติดโควิดใครว่าไม่เครียด! รู้วิธีจัดการความเครียดสำหรับผู้ป่วยโควิด-19
- อย่าปล่อยให้เครียด! เช็คสุขภาพใจช่วงโควิด ไปกับกรมสุขภาพจิตกันเถอะ