รีเซต

5 ความไม่สบายใจ หลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วม ติดบนหลังคา 5 วัน สมองและหัวใจต้องสู้กับอะไรบ้าง?

5 ความไม่สบายใจ หลังเผชิญวิกฤตน้ำท่วม ติดบนหลังคา 5 วัน สมองและหัวใจต้องสู้กับอะไรบ้าง?
TNN ช่อง16
28 พฤศจิกายน 2568 ( 00:24 )
24

เพจเฟซบุ๊ก คลินิกสุขภาพจิตนายแพทย์เจษฎา ของ นพ.เจษฎา ทองเถาว์ แพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ จิตแพทย์ประจำ รพ.พระศรีมหาโพธิ์ จ.อุบลราชธานี ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ 5 ความไม่สบายทางใจที่อาจเกิดขึ้นในระยะแรก หลังเผชิญน้ำท่วมร้ายแรง โดยระบุว่า


5 ความไม่สบายทางใจที่อาจเกิดขึ้น (ในระยะแรก) หลังเผชิญน้ำท่วมร้ายแรง ติดบนหลังคา 5 วัน สมองและหัวใจต้องสู้กับอะไรบ้าง?


หลังระดับน้ำเริ่มลดลง และทีมกู้ภัยเริ่มนำผู้คนที่ติดอยู่บนหลังคา–บนชั้นดาดฟ้า ลงมาสู่ที่ปลอดภัย

สิ่งที่เรามองเห็นคือภาพของความโล่งใจ และเสียงร้องไห้ที่ปล่อยออกมาหลังเก็บกลั้นมานานหลายวัน แต่สิ่งที่ตามมาในใจหลังเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้

อาจเป็นความไม่สบายทางใจ 5 รูปแบบที่พบได้บ่อยมากในเหตุการณ์ภัยพิบัติ


1. ภาวะหัวใจยังหวาดผวา (Hypervigilance)

แม้จะลงจากหลังคาแล้ว แต่สมองยังทำงานในโหมดฉุกเฉินอยู่

งานวิจัยพบว่าผู้ประสบภัยกว่า 70% ยังมีอาการเฝ้าระวังภัยสูงต่อเนื่องอีกหลายวัน–หลายสัปดาห์ เช่น

-ได้ยินเสียงน้ำแล้วสะดุ้ง

 -หวาดกลัวเสียงดัง

-ใจนึกว่า “ต้องหนีหรือเปล่า?”

-นอนไม่หลับเพราะสมองยังคิดว่าต้องตื่นระวังภัย

2.ใจลอย เหม่อ สมองว่าง (Dissociation)

 หลายคนเล่าว่า หลังจากถูกช่วยลงมา “เหมือนตัวเองยังอยู่บนหลังคา”

“เหมือนเสียงรอบตัวเบาลงหมด” “ยืนอยู่พื้นดิน แต่ใจยังรู้สึกเหมือนลอยอยู่”

นี่คืออาการ dissociation แบบชั่วคราว

เป็นกลไกที่สมองใช้ตอนเจอความเครียดเกินรับได้

คล้ายภาพในหนังที่ตัวละครหลุดจากความจริงช่วงหนึ่ง

เป็นกลไกปกป้องใจไม่ให้เจ็บจนเกินไปครับ


3. ภาวะเหนื่อยใจเฉียบพลัน (Acute Emotional Exhaustion)

 หลังผ่าน 120 ชั่วโมงที่ต้องสู้กับความหิว ความหวัง ความสิ้นหวังสลับกัน

คนจำนวนมากไม่ได้ร้องเพราะกลัว แต่ร้องเพราะ “ใจมันไม่ไหวแล้ว”

จากสถิติพบว่า ผู้ประสบภัยกว่า 50% มีอาการ emotional exhaustion ภายใน 3 วันแรกหลังถูกช่วยออกมา อาการที่พบได้

 เหนื่อยง่ายมาก  น้ำตาไหลเอง  สมองคิดอะไรไม่ออก  เดินช้าลง  พูดน้อย


4. ความรู้สึกผิดแปลกของการอยุ่รอด (Survivor’s Guilt)

หลายคนเล่าว่า “หนูดีใจที่รอด…แต่ก็รู้สึกผิดที่คุณยายบ้านข้างๆ ไม่รอด”

“ลุงมีแรงขึ้นหลังคา แต่เพื่อนลุงไม่มี ลุงเลยไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจ”

ภาวะนี้คือ Survivor’s Guilt ซึ่งพบได้ประมาณ 30–40% ในผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติ

สมองจะตีความว่า “ทำไมฉันรอด แต่บางคนไม่รอด?”

เป็นภาวะที่ทำให้คนบางคนร้องไห้หนักขึ้นตอนได้ยินว่ามีคนยังติดอยู่ หรือมีการพบศพเพิ่ม


5. ความโดดเดี่ยวค้างคา (Echo of Loneliness)

 คนที่ติดอยู่บนหลังคานานกว่า 3–5 วัน มักเกิดอาการโดดเดี่ยวในใจแบบตกค้าง

แม้อยู่ในที่ปลอดภัยแล้วก็ตาม ผู้รอดชีวิตจำนวนมากยังรู้สึกอ้างว้่างง เหมือนไม่มีใครได้ยิน

แม้จะยืนท่ามกลางทีมกู้ภัยแล้ว

หมอเคยคุยกับผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง เธอบอกว่า “ตอนอยู่บนหลังคา ไม่ได้กลัวตายเท่ากลัวว่าจะไม่มีใครหาเจอ หนูขอได้ยินเสียงคนเรียกหนูมากกว่าได้กินน้ำอีก”

และเมื่อทีมกู้ภัยเรียกชื่อเธอได้ถูกต้อง เธอร้องไห้ทันทีเหมือนหัวใจถูกปลดจากโซ่ที่มองไม่เห็น

ความโดดเดี่ยว ทำร้ายใจได้มากกว่าความหิวด้วยซ้ำ


สุดท้ายนี้ ความไม่สบายใจเหล่านี้ไม่ใช่ความอ่อนแอ มันคือปฏิกิริยาของหัวใจมนุษย์ ที่ถูกกดดันจนเกินขีดจำกัด

ถูกบีบไว้ด้วยความหวังและความกลัว และถูกดึงออกมาสู่โลกที่ปลอดภัยอีกครั้งแบบกะทันหัน

สิ่งที่เราให้เขาได้คือ พูดช้า ๆ  สัมผัสเบาๆ ให้เวลาตั้งตัว และบอกว่า “ตอนนี้คุณปลอดภัยแล้วครับ”

คำๆ เดียวนี้ ช่วยให้หัวใจที่เหนื่อยที่สุดฟื้นคืนกลับมาได้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง