
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงผลการประชุม โดยมีรายละเอียดดังนี้การประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ จะจัดขึ้นทุกวันทำการ โดยในวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี และศุกร์ จะเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. ส่วนวันอังคารจะประชุมเวลา 13.30 น. และหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวเวลา 12.00 น. โดยจะมีคณะโฆษกของศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้แก่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นโฆษกด้านการต่างประเทศ และพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษกด้านความมั่นคง เป็นผู้แถลงข่าว ไทยขอยืนยันไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใดนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ ว่า 1) ในประเด็นสถานการณ์ชายแดน ไทยขอยืนยันว่าไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใด แต่เป็นการปรับเวลาการเปิด-ปิดด่าน เพื่อควบคุมการเข้าออกตามสถานการณ์และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศระงับการนำเข้าผักและผลไม้จากไทยทุกชนิด ซึ่งเป็นมาตรการฝ่ายเดียวของทางกัมพูชา โดยหน่วยงานไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพื้นที่ เร่งประสานงานในการกระจายผลผลิตไปยังพื้นที่อื่น ๆ ภายในประเทศ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่2) กรณีข้อสงสัยเรื่องการขุดลอกคูเลตฝั่งไทย ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทยอย่างถูกต้อง ไม่ได้ละเมิด MOU ปี 2543 แต่อย่างใด ไทยยึดมั่นในพันธกรณีตาม MOU ดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันกำหนด3) ด้านกลไกความร่วมมือทวิภาคี ไทยยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อการใช้กลไก JBC และ RBC เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ การประชุม JBC ล่าสุดมีผลเป็นที่น่าพอใจ และฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว ส่วนการประชุม RBC กำลังหารือกำหนดวันประชุมร่วมกัน และจะแจ้งให้ทราบทันทีที่ได้ข้อสรุปขอให้ยึดหลัก "รอบคอบ
อ่านต่อ >7

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ดร.วิรัช ฉัตรดรงค์ รองประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ส.อ.ท. ร่วมเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 88.1 ปรับตัวลดลง จาก 89.9 ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์อุทกภัยและการรั่วไหลของสารเคมีในภาคเหนือ กระทบต่อภาคเกษตรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ประกอบกับคู่ค้าในต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอการสั่งซื้อสินค้า จากการเร่งสต็อกสินค้าในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้นความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าชายแดนในระยะสั้น อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ส่งออก รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อาทิ ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง กระทบกำลังซื้อในภูมิภาค ภาวะอุปทานส่วนเกินในจีนและความไม่แน่นอนของการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังคงส่งผลให้เกิดการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนเพิ่มขึ้นกระทบยอดขายผู้ผลิตในประเทศ และปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุนสะท้อนจากยอดการจัดตั้งธุรกิจ (ช่วงเดือน มกราคม-เมษายน 2568) ลดลง -4.39%(YoY) ขณะที่ยอดการเลิกกิจการเพิ่มขึ้น 8.34%(YoY)อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม ยังคงมีปัจจัยบวกจากธนาคารพาณิชย์มีการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำให้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน รวมถึงต้นทุนค่าพลังงานยังคงทรงตัวจากมาตรการตรึงราคาของภาครัฐ เช่น ค่าไฟฟ้า 3.98 บาท/หน่วย (งวดเดือน พฤษภาคม–สิงหาคม 2568) และน้ำมันดีเซล 31.94 บาท/ลิตร จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,351 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 64.2% เศรษฐกิจโลก 61.2% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 50.3% ราคาน้ำมัน 26.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.6% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 32.8%ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 91.7 ลดลงจาก 93.3 ในเดือนเมษายน 2568 เนื่องจากผู้ประกอบยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับ Reciprocal T
อ่านต่อ >13

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ จัดทรัพย์เด่น ทำเลดี ราคาน่าจับจองทั่วประเทศ ลดสูงสุด 50% กับ “มหกรรมบ้านมือสอง GHB ALL HOME EXPO ประจำปี 2568 ครั้งที่ 4“ ระหว่างวันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 – 20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง พิเศษ !! ลูกค้าจองซื้อทรัพย์ภายในงานรับฟรีของสมนาคุณมากมาย นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานปรับโครงสร้างหนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. เดินหน้าร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมมุ่งช่วยให้คนไทยมีบ้าน” เป็นของตัวเอง จัดงาน “มหกรรมบ้านมือสอง GHB ALL HOME EXPO ประจำปี 2568 ครั้งที่ 4” ระหว่างวันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 – 20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง นำทรัพย์เด่น ทำเลดีทั่วประเทศ พร้อมส่วนลดสูงสุด 50% จากราคาปกติ มาจำหน่ายในราคาพิเศษ ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า โดยมีทรัพย์ในเขตภูมิภาคที่น่าสนใจ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 98.5 ตารางวา โครงการอารยา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ราคา 1,865,000 บาท ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเมืองระยอง และเหมาะแก่การอยู่อาศัย ส่วนในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล มีทรัพย์ที่น่าสนใจ อาทิทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เนื้อที่ 30 ตารางวา โครงการเมืองเอก อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ราคา 1,690,000 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์อยู่ในหมู่บ้านที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน เดินทางได้หลายเส้นทาง และใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ขณะที่รายการทรัพย์ที่มีราคาขายต่ำสุดเพียง 320,000 บาท เท่านั้น! คือ ทาวน์เฮ้าส์ 1 ชั้น เนื้อที่ 16.9 ตารางวา โครงการแก้วขวัญ 2 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี สำหรับผู้ที่จองซื้อทรัพย์ภายในงาน รับฟรี กระเป๋าผ้าแคนวาส บ้านมือสอง ธอส. 1 ท่าน ต่อ 1 ใบ และ พิเศษ !! 3 ต่อ ต่อที่ 1 รับบัตรกำนัลแทนเงินสด มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 20 รางวัล 1 ท่าน ต่อ 1 รางวัล (สำหรับทรัพย์ในเขตกรุงเทพ ฯ - ปริมณฑล และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค อย่างละ 10 ใบ) สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์ภายในงาน และทำสัญญาจะซื้อจะขาย ภายใน 5 วันทำการ หลังจบงาน, ต่อที่ 2 สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 0% คงที่ 2 ปีแรก สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์ ภายในระยะเวลาการจัดงานและยื่นขอสินเชื่อภายใน 45 วัน นับถัดจากวั
อ่านต่อ >11

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากสาธารณภัย โดยเฉพาะภัยสึนามิซึ่งเป็นสาธารณภัยที่ได้เคยเกิดขึ้นและสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี 2568 นี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จัดการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัย (Crisis Management Exercise: C-MEX 25) ภายใต้สถานการณ์ภัยจากสึนามิ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 ในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และจังหวัดสตูล ซึ่งถือเป็นการฝึกระดับประเทศครั้งยิ่งใหญ่ที่ทั้ง 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันจะได้ร่วมกันทดสอบการวางแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและการนำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสู่การปฏิบัติในทุกระดับในการรับมือกับเหตุการณ์สึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นสำหรับการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัย (C-MEX 25) ในช่วงวันที่ 24 - 27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกมลา และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จะมีการเสวนาในหัวข้อ “สึนามิมหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเลกับความเสี่ยงที่ต้องเรียนรู้และเข้าใจ” และการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เรื่อง “แจ้งเตือนภัยและการจัดการในภาวะฉุกเฉินกรณีภัยจากสึนามิ“ รวมทั้งหน่วยงานที่เข้ารับการฝึกฯ จะร่วมซักซ้อมการปฏิบัติ การฝึกปฏิบัติ (Drill) ใน 5 สถานี ได้แก่ สถานีการแจ้งเตือนและอพยพ สถานีศูนย์พักพิงชั่วคราว สถานีการค้นหาผู้ประสบภัย สถานีการแพทย์ และสถานีกู้ภัยทางน้ำและอากาศยาน ภูเก็ต ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการฝึก C-MEX 25 ระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย. 68 ทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และจังหวัดสตูล จะมีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรเข้าพื้นที่ โดยเฉพาะที่ตำบลกมลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ในการจัดการฝึกฯ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่และสาธารณชนทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก เพราะเป็นสถานการณ์สมมติสำหรับการฝึกเพื่อเตรียมพร้อมการป้องกันและบรรเทาสาธา
อ่านต่อ >13

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงผลการประชุม โดยมีรายละเอียดดังนี้การประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ จะจัดขึ้นทุกวันทำการ โดยในวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี และศุกร์ จะเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. ส่วนวันอังคารจะประชุมเวลา 13.30 น. และหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวเวลา 12.00 น. โดยจะมีคณะโฆษกของศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้แก่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นโฆษกด้านการต่างประเทศ และพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษกด้านความมั่นคง เป็นผู้แถลงข่าว ไทยขอยืนยันไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใดนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ ว่า 1) ในประเด็นสถานการณ์ชายแดน ไทยขอยืนยันว่าไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใด แต่เป็นการปรับเวลาการเปิด-ปิดด่าน เพื่อควบคุมการเข้าออกตามสถานการณ์และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศระงับการนำเข้าผักและผลไม้จากไทยทุกชนิด ซึ่งเป็นมาตรการฝ่ายเดียวของทางกัมพูชา โดยหน่วยงานไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพื้นที่ เร่งประสานงานในการกระจายผลผลิตไปยังพื้นที่อื่น ๆ ภายในประเทศ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่2) กรณีข้อสงสัยเรื่องการขุดลอกคูเลตฝั่งไทย ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทยอย่างถูกต้อง ไม่ได้ละเมิด MOU ปี 2543 แต่อย่างใด ไทยยึดมั่นในพันธกรณีตาม MOU ดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันกำหนด3) ด้านกลไกความร่วมมือทวิภาคี ไทยยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อการใช้กลไก JBC และ RBC เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ การประชุม JBC ล่าสุดมีผลเป็นที่น่าพอใจ และฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว ส่วนการประชุม RBC กำลังหารือกำหนดวันประชุมร่วมกัน และจะแจ้งให้ทราบทันทีที่ได้ข้อสรุปขอให้ยึดหลัก "รอบคอบ
อ่านต่อ >7

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วย ดร.วิรัช ฉัตรดรงค์ รองประธานสายงานเศรษฐกิจและวิชาการ ส.อ.ท. ร่วมเปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนพฤษภาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 88.1 ปรับตัวลดลง จาก 89.9 ในเดือนเมษายน 2568 ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์อุทกภัยและการรั่วไหลของสารเคมีในภาคเหนือ กระทบต่อภาคเกษตรและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ประกอบกับคู่ค้าในต่างประเทศมีแนวโน้มชะลอการสั่งซื้อสินค้า จากการเร่งสต็อกสินค้าในช่วงก่อนหน้า โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้นความขัดแย้งในพื้นที่ชายแดน ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าชายแดนในระยะสั้น อีกทั้งค่าเงินบาทแข็งค่าเร็วเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค ส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ส่งออก รวมถึงราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ อาทิ ข้าว ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง กระทบกำลังซื้อในภูมิภาค ภาวะอุปทานส่วนเกินในจีนและความไม่แน่นอนของการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ ยังคงส่งผลให้เกิดการทะลักเข้ามาของสินค้าจีนเพิ่มขึ้นกระทบยอดขายผู้ผลิตในประเทศ และปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้ธุรกิจ ส่งผลให้เกิดการชะลอการลงทุนสะท้อนจากยอดการจัดตั้งธุรกิจ (ช่วงเดือน มกราคม-เมษายน 2568) ลดลง -4.39%(YoY) ขณะที่ยอดการเลิกกิจการเพิ่มขึ้น 8.34%(YoY)อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤษภาคม ยังคงมีปัจจัยบวกจากธนาคารพาณิชย์มีการทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ทำให้ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน รวมถึงต้นทุนค่าพลังงานยังคงทรงตัวจากมาตรการตรึงราคาของภาครัฐ เช่น ค่าไฟฟ้า 3.98 บาท/หน่วย (งวดเดือน พฤษภาคม–สิงหาคม 2568) และน้ำมันดีเซล 31.94 บาท/ลิตร จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,351 ราย ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในเดือนพฤษภาคม 2568 พบว่าปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 64.2% เศรษฐกิจโลก 61.2% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 50.3% ราคาน้ำมัน 26.5% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 17.6% ส่วนปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) 32.8%ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวลดลงเช่นกัน อยู่ที่ระดับ 91.7 ลดลงจาก 93.3 ในเดือนเมษายน 2568 เนื่องจากผู้ประกอบยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับ Reciprocal T
อ่านต่อ >13

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ จัดทรัพย์เด่น ทำเลดี ราคาน่าจับจองทั่วประเทศ ลดสูงสุด 50% กับ “มหกรรมบ้านมือสอง GHB ALL HOME EXPO ประจำปี 2568 ครั้งที่ 4“ ระหว่างวันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 – 20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง พิเศษ !! ลูกค้าจองซื้อทรัพย์ภายในงานรับฟรีของสมนาคุณมากมาย นายวิทยา แสนภักดี รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานปรับโครงสร้างหนี้ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธอส. เดินหน้าร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมมุ่งช่วยให้คนไทยมีบ้าน” เป็นของตัวเอง จัดงาน “มหกรรมบ้านมือสอง GHB ALL HOME EXPO ประจำปี 2568 ครั้งที่ 4” ระหว่างวันที่ 20 – 22 มิถุนายน 2568 เวลา 10.30 – 20.00 น. ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง นำทรัพย์เด่น ทำเลดีทั่วประเทศ พร้อมส่วนลดสูงสุด 50% จากราคาปกติ มาจำหน่ายในราคาพิเศษ ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ คอนโดมิเนียม อาคารพาณิชย์ และที่ดินเปล่า โดยมีทรัพย์ในเขตภูมิภาคที่น่าสนใจ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 98.5 ตารางวา โครงการอารยา อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง ราคา 1,865,000 บาท ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเมืองระยอง และเหมาะแก่การอยู่อาศัย ส่วนในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล มีทรัพย์ที่น่าสนใจ อาทิทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เนื้อที่ 30 ตารางวา โครงการเมืองเอก อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ราคา 1,690,000 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์อยู่ในหมู่บ้านที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน เดินทางได้หลายเส้นทาง และใกล้แหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย ขณะที่รายการทรัพย์ที่มีราคาขายต่ำสุดเพียง 320,000 บาท เท่านั้น! คือ ทาวน์เฮ้าส์ 1 ชั้น เนื้อที่ 16.9 ตารางวา โครงการแก้วขวัญ 2 อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี สำหรับผู้ที่จองซื้อทรัพย์ภายในงาน รับฟรี กระเป๋าผ้าแคนวาส บ้านมือสอง ธอส. 1 ท่าน ต่อ 1 ใบ และ พิเศษ !! 3 ต่อ ต่อที่ 1 รับบัตรกำนัลแทนเงินสด มูลค่า 1,000 บาท จำนวน 20 รางวัล 1 ท่าน ต่อ 1 รางวัล (สำหรับทรัพย์ในเขตกรุงเทพ ฯ - ปริมณฑล และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค อย่างละ 10 ใบ) สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์ภายในงาน และทำสัญญาจะซื้อจะขาย ภายใน 5 วันทำการ หลังจบงาน, ต่อที่ 2 สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ 0% คงที่ 2 ปีแรก สำหรับลูกค้าที่จองซื้อทรัพย์ ภายในระยะเวลาการจัดงานและยื่นขอสินเชื่อภายใน 45 วัน นับถัดจากวั
อ่านต่อ >11

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและลดผลกระทบจากสาธารณภัย โดยเฉพาะภัยสึนามิซึ่งเป็นสาธารณภัยที่ได้เคยเกิดขึ้นและสร้างความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งในปี 2568 นี้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกับสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ จัดการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัย (Crisis Management Exercise: C-MEX 25) ภายใต้สถานการณ์ภัยจากสึนามิ ซึ่งกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายน 2568 ในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ประกอบด้วย จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และจังหวัดสตูล ซึ่งถือเป็นการฝึกระดับประเทศครั้งยิ่งใหญ่ที่ทั้ง 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามันจะได้ร่วมกันทดสอบการวางแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและการนำแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปสู่การปฏิบัติในทุกระดับในการรับมือกับเหตุการณ์สึนามิที่อาจจะเกิดขึ้นสำหรับการฝึกการบริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัย (C-MEX 25) ในช่วงวันที่ 24 - 27 มิถุนายน 2568 ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กกมลา และโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 36 อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต จะมีการเสวนาในหัวข้อ “สึนามิมหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเลกับความเสี่ยงที่ต้องเรียนรู้และเข้าใจ” และการบรรยายจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ เรื่อง “แจ้งเตือนภัยและการจัดการในภาวะฉุกเฉินกรณีภัยจากสึนามิ“ รวมทั้งหน่วยงานที่เข้ารับการฝึกฯ จะร่วมซักซ้อมการปฏิบัติ การฝึกปฏิบัติ (Drill) ใน 5 สถานี ได้แก่ สถานีการแจ้งเตือนและอพยพ สถานีศูนย์พักพิงชั่วคราว สถานีการค้นหาผู้ประสบภัย สถานีการแพทย์ และสถานีกู้ภัยทางน้ำและอากาศยาน ภูเก็ต ทั้งนี้ ในช่วงที่มีการฝึก C-MEX 25 ระหว่างวันที่ 24-27 มิ.ย. 68 ทั้ง 6 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง ระนอง และจังหวัดสตูล จะมีการเคลื่อนย้ายทรัพยากรเข้าพื้นที่ โดยเฉพาะที่ตำบลกมลา อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นพื้นที่ในการจัดการฝึกฯ จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่และสาธารณชนทราบ เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนก เพราะเป็นสถานการณ์สมมติสำหรับการฝึกเพื่อเตรียมพร้อมการป้องกันและบรรเทาสาธา
อ่านต่อ >13

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (วันพุธที่ 18 มิถุนายน 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลังการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และ พลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมแถลงผลการประชุม โดยมีรายละเอียดดังนี้การประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ จะจัดขึ้นทุกวันทำการ โดยในวันจันทร์ พุธ พฤหัสบดี และศุกร์ จะเริ่มประชุมเวลา 09.30 น. ส่วนวันอังคารจะประชุมเวลา 13.30 น. และหลังการประชุมจะมีการแถลงข่าวเวลา 12.00 น. โดยจะมีคณะโฆษกของศูนย์เฉพาะกิจฯ ได้แก่ นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เป็นโฆษกด้านการต่างประเทศ และพลเรือตรี สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นโฆษกด้านความมั่นคง เป็นผู้แถลงข่าว ไทยขอยืนยันไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใดนายนิกรเดช พลางกูร โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวสรุปสาระสำคัญของการประชุมศูนย์เฉพาะกิจฯ ว่า 1) ในประเด็นสถานการณ์ชายแดน ไทยขอยืนยันว่าไม่เคยดำเนินมาตรการ "ปิดด่าน" แต่อย่างใด แต่เป็นการปรับเวลาการเปิด-ปิดด่าน เพื่อควบคุมการเข้าออกตามสถานการณ์และเพื่อความปลอดภัยของประชาชนตามแนวชายแดน ทั้งนี้ เมื่อวานนี้ฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศระงับการนำเข้าผักและผลไม้จากไทยทุกชนิด ซึ่งเป็นมาตรการฝ่ายเดียวของทางกัมพูชา โดยหน่วยงานไทย โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าพื้นที่ เร่งประสานงานในการกระจายผลผลิตไปยังพื้นที่อื่น ๆ ภายในประเทศ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่2) กรณีข้อสงสัยเรื่องการขุดลอกคูเลตฝั่งไทย ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการในเขตอธิปไตยของไทยอย่างถูกต้อง ไม่ได้ละเมิด MOU ปี 2543 แต่อย่างใด ไทยยึดมั่นในพันธกรณีตาม MOU ดังกล่าว ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันกำหนด3) ด้านกลไกความร่วมมือทวิภาคี ไทยยืนยันว่าให้ความสำคัญต่อการใช้กลไก JBC และ RBC เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยความจริงใจ บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ การประชุม JBC ล่าสุดมีผลเป็นที่น่าพอใจ และฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม JBC สมัยพิเศษในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ตอบรับแล้ว ส่วนการประชุม RBC กำลังหารือกำหนดวันประชุมร่วมกัน และจะแจ้งให้ทราบทันทีที่ได้ข้อสรุปขอให้ยึดหลัก "รอบคอบ
อ่านต่อ >7