
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น - บล.บัวหลวง ระบุ หากการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ กลุ่มเกษตรฯ น่าจะเป็นเพียงไม่กี่กลุ่ม ที่ได้ประโยชน์
โดย 1) หากเปิดทางให้นำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ได้ถูกลง จากการคำนวณรวมค่าขนส่ง ก็ยังต่ำกว่านำเข้าจากเพื่อนบ้านอยู่กว่า 20% 2) การนำเข้าถั่วเหลือง ที่ราคาฝั่งสหรัฐฯ จะสูงกว่าบราซิลจากการขนส่ง แต่เราไม่คิดว่าจะทำให้ราคาผันผวนมากในยุคทรัมป์ 2.0 เพราะ Supply ของถั่วเหลืองทั้งสหรัฐฯ และบราซิล ทำสถิติใหม่ในปี 2568 (ความหมายโดยนัยฯ ก็คือ สินค้าล้นตลาดพอกัน)
ดังนั้น เมื่อสุทธิผลกระทบทั้งสองด้านแล้ว ภาพรวมจะหนุน Upside กำไรทั้งกลุ่มปศุสัตว์ราว 5.7% โดย BTG ได้ประโยชน์สูงสุด (+11%), TFG (+7.5%), CPF (+4.5%) และ GFPT (+4.4%)
3) กลุ่มอาหารและบรรจุภัณฑ์ จากกรณีกังวลราคาเหล็กและอลูมิเนียม อยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยแรงกดดันกำไรกลุ่มเครื่องดื่มราว 3-4%, ITC ราว 7% และ TU ราว 13% แต่อีกด้านผลกระทบจะถูกกลบจากต้นทุนพลังงาน น้ำตาล และเศษแก้วที่ลดลง รวมทั้งมีนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกำไรอยู่แล้ว
ด้านปัจจัยพื้นฐาน ชอบกลุ่มปศุสัตว์มากสุด โดยแนะนำ CPF และ BTG (อัปเกรดจากถือเป็นซื้อ) เป็น Top Pick ส่วน TFG และ GFPT แนะนำซื้อเก็งกำไร สำหรับกลุ่มอื่นๆ ชอบ CBG รองลงมา
อ่านต่อ >7

#ข่าวประชาสัมพันธ์
เครือซีพีและทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดตัว 12 เยาวชนก้าวสู่ "สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 11" เริ่มวันที่ 20 เม.ย.นี้ พบห้องเรียนธรรมะเรียลลิตี ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" ณ สถานปฏิบัติธรรม ธวีธรรม จ.นครราชสีมา รับชมสดตลอด 24 ชม. ผ่านทรูวิชั่นส์ TrueID, TrueVisions NOW และออนไลน์ที่ www.truelittlemonk.com
ให้ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว เครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสานต่อ "สามเณรปลูกปัญญาธรรม" เรียลลิตีธรรมะแห่งแรกของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 เผยโฉม 12 เยาวชนชายที่ผ่านการคัดเลือกจากกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ พร้อมออกเดินทางสู่ สถานปฏิบัติธรรมธวีธรรม (ไร่แสงงาม) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปีนี้ได้รับความเมตตาจาก พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์ใหญ่ นำพาสามเณรทั้ง 12 รูป เรียนรู้และฝึกฝนธรรมะ ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" โดยได้น้อมนำหลักพุทธพจน์ "ความกตัญญูกตเวที" อันเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี ซึ่งเป็นคติธรรมที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ มาเป็นแนวคิดในการดำเนินโครงการฯ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 4 สัปดาห์
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ / ประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ด้วยความเชื่อว่า คุณค่าที่เกิดขึ้นจากโครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม จะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งล้ำค่าที่คนรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้ รวมทั้งเป็นที่พึ่งพาหลักยึดของผู้ใหญ่และประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกัน ผู้ชมรายการเรียลลิตีธรรมะจะได้นำข้อคิดคติธรรมไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต สร้างพลังแห่งศรัทธาเพื่อให้พระพุทธศาสนาคงอยู่สืบไป เครือเจริญโภคภัณฑ์และทรู คอร์ปอเรชั่น จึงเดินหน้าโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ได้ดำเนินมาเป็นปีที่ 11 ด้วยความเมตตาจากพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งรับหน้าที่เป็นพระอาจารย์ใหญ่ ได้วางหลักสูตรและหัวข้อธรรมให้กับสามเณรทั้ง 12 รูป ตลอด 31 วัน ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" โดยน้อมนำหลักพุทธพจน์ที่ว่า "ความกตัญญูกตเวทีเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี" มาเป็นแนวทางหลักในการเรียนรู้ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อให้สามเณรได้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้มีพระคุณ และสามารถตอบแทนพระคุณนั้นผ่านการประพฤติปฏิบัติดี ปลูกฝังคุณ
อ่านต่อ >101

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น-กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ลง 1 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ รองรับกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เผยสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ทิศทางอ่อนตัว ส่งผลดีต่อฐานะกองทุนฯ ภาระหนี้ลดลง โดยจะเป็นการปรับลด 2 ระยะครั้งละ 50 สตางค์ ครั้งแรก 28 มี.ค. และครั้ง 2 วันที่ 4 เม.ย. 2568
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. ได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้สอดรับกับสถานการณ์ และความเหมาะสม โดยพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงสำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร
ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน
“การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กระตุ้นการเดินทาง เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์”
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (มกราคม 2568 - วันที่ 23 มีนาคม 2568) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท
อ่านต่อ >14

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในเชิงบวก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพในยูเครน รวมถึงแนวโน้มที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดไว้ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อเวลา 04:05 น. ET (08:05 น. GMT) ดัชนี DAX ของเยอรมนีปรับตัวขึ้น 0.8% ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 0.8% และดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษขยับขึ้น 0.4%
ภาษีศุลกากรแบบเฉพาะเจาะจง
ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปเปิดสัปดาห์ด้วยการปรับตัวขึ้น หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์วางแผนกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น แทนที่จะเป็นมาตรการทั่วไปสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
รายงานจาก Bloomberg และ Wall Street Journal เมื่อวันอาทิตย์ระบุว่า ทรัมป์คาดว่าจะไม่บังคับใช้ภาษีที่เฉพาะเจาะจงต่อภาคอุตสาหกรรมในสัปดาห์หน้า แต่จะกำหนดภาษีแบบตอบโต้เฉพาะบางประเทศที่มีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ สูง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่าอาจมี “ความยืดหยุ่น” ในแผนภาษีศุลกากรของเขา ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระดับโลกที่กดดันตลาดก่อนหน้านี้ โดยแผนภาษีดังกล่าวมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน
ความคืบหน้าในการหยุดยิงในยูเครน?
นักลงทุนยังติดตามการเจรจาระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่รัสเซียในซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อหาข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครน หลังจากที่คณะผู้แทนสหรัฐฯ ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ยูเครนเมื่อวันอาทิตย์
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ แสดงความมองโลกในแง่ดีเมื่อวันอาทิตย์ โดยกล่าวว่าเขาเชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ต้องการยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมานานถึงสามปี
"ผมคิดว่าในวันจันทร์นี้ เราจะได้เห็นความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหยุดยิงในทะเลดำระหว่างทั้งสองประเทศ และจากจุดนั้น เราน่าจะสามารถนำไปสู่การหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบ" วิตคอฟฟ์กล่าว
ดัชนี PMI ของยูโรโซนเตรียมเผยข้อมูล
ในอีกด้านหนึ่ง นักลงทุนเตรียมติดตามการเปิดเผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยุโรป ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิตและบริการของภูมิภาค
ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักลงจาก 2.75% เป็น 2.5% เมื่อต้นเดือนนี้ พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิ
อ่านต่อ >12

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น - บล.บัวหลวง ระบุ หากการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ กลุ่มเกษตรฯ น่าจะเป็นเพียงไม่กี่กลุ่ม ที่ได้ประโยชน์
โดย 1) หากเปิดทางให้นำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ได้ถูกลง จากการคำนวณรวมค่าขนส่ง ก็ยังต่ำกว่านำเข้าจากเพื่อนบ้านอยู่กว่า 20% 2) การนำเข้าถั่วเหลือง ที่ราคาฝั่งสหรัฐฯ จะสูงกว่าบราซิลจากการขนส่ง แต่เราไม่คิดว่าจะทำให้ราคาผันผวนมากในยุคทรัมป์ 2.0 เพราะ Supply ของถั่วเหลืองทั้งสหรัฐฯ และบราซิล ทำสถิติใหม่ในปี 2568 (ความหมายโดยนัยฯ ก็คือ สินค้าล้นตลาดพอกัน)
ดังนั้น เมื่อสุทธิผลกระทบทั้งสองด้านแล้ว ภาพรวมจะหนุน Upside กำไรทั้งกลุ่มปศุสัตว์ราว 5.7% โดย BTG ได้ประโยชน์สูงสุด (+11%), TFG (+7.5%), CPF (+4.5%) และ GFPT (+4.4%)
3) กลุ่มอาหารและบรรจุภัณฑ์ จากกรณีกังวลราคาเหล็กและอลูมิเนียม อยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยแรงกดดันกำไรกลุ่มเครื่องดื่มราว 3-4%, ITC ราว 7% และ TU ราว 13% แต่อีกด้านผลกระทบจะถูกกลบจากต้นทุนพลังงาน น้ำตาล และเศษแก้วที่ลดลง รวมทั้งมีนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกำไรอยู่แล้ว
ด้านปัจจัยพื้นฐาน ชอบกลุ่มปศุสัตว์มากสุด โดยแนะนำ CPF และ BTG (อัปเกรดจากถือเป็นซื้อ) เป็น Top Pick ส่วน TFG และ GFPT แนะนำซื้อเก็งกำไร สำหรับกลุ่มอื่นๆ ชอบ CBG รองลงมา
อ่านต่อ >7

#ข่าวประชาสัมพันธ์
เครือซีพีและทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดตัว 12 เยาวชนก้าวสู่ "สามเณรปลูกปัญญาธรรม ปี 11" เริ่มวันที่ 20 เม.ย.นี้ พบห้องเรียนธรรมะเรียลลิตี ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" ณ สถานปฏิบัติธรรม ธวีธรรม จ.นครราชสีมา รับชมสดตลอด 24 ชม. ผ่านทรูวิชั่นส์ TrueID, TrueVisions NOW และออนไลน์ที่ www.truelittlemonk.com
ให้ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัว เครือเจริญโภคภัณฑ์ และทรู คอร์ปอเรชั่น เดินหน้าสานต่อ "สามเณรปลูกปัญญาธรรม" เรียลลิตีธรรมะแห่งแรกของไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 เผยโฉม 12 เยาวชนชายที่ผ่านการคัดเลือกจากกว่า 6,000 คนทั่วประเทศ พร้อมออกเดินทางสู่ สถานปฏิบัติธรรมธวีธรรม (ไร่แสงงาม) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ปีนี้ได้รับความเมตตาจาก พระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์ใหญ่ นำพาสามเณรทั้ง 12 รูป เรียนรู้และฝึกฝนธรรมะ ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" โดยได้น้อมนำหลักพุทธพจน์ "ความกตัญญูกตเวที" อันเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี ซึ่งเป็นคติธรรมที่ได้รับประทานจากสมเด็จพระสังฆราชฯ มาเป็นแนวคิดในการดำเนินโครงการฯ ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 4 สัปดาห์
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ / ประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "ด้วยความเชื่อว่า คุณค่าที่เกิดขึ้นจากโครงการสามเณรปลูกปัญญาธรรม จะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้พระพุทธศาสนาเป็นสิ่งล้ำค่าที่คนรุ่นใหม่จะได้เรียนรู้ รวมทั้งเป็นที่พึ่งพาหลักยึดของผู้ใหญ่และประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกัน ผู้ชมรายการเรียลลิตีธรรมะจะได้นำข้อคิดคติธรรมไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิต สร้างพลังแห่งศรัทธาเพื่อให้พระพุทธศาสนาคงอยู่สืบไป เครือเจริญโภคภัณฑ์และทรู คอร์ปอเรชั่น จึงเดินหน้าโครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีนี้ได้ดำเนินมาเป็นปีที่ 11 ด้วยความเมตตาจากพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ซึ่งรับหน้าที่เป็นพระอาจารย์ใหญ่ ได้วางหลักสูตรและหัวข้อธรรมให้กับสามเณรทั้ง 12 รูป ตลอด 31 วัน ภายใต้แนวคิด "กตัญญูคู่ความดี" โดยน้อมนำหลักพุทธพจน์ที่ว่า "ความกตัญญูกตเวทีเป็นพื้นฐานของการเป็นคนดี" มาเป็นแนวทางหลักในการเรียนรู้ตลอดระยะเวลา 4 สัปดาห์ เพื่อให้สามเณรได้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้มีพระคุณ และสามารถตอบแทนพระคุณนั้นผ่านการประพฤติปฏิบัติดี ปลูกฝังคุณ
อ่านต่อ >101

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น-กบน. มีมติปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้ราคาขายปลีกกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ลง 1 บาท/ลิตร เพื่อบรรเทาค่าครองชีพ รองรับกลับภูมิลำเนา ท่องเที่ยว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ เผยสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ทิศทางอ่อนตัว ส่งผลดีต่อฐานะกองทุนฯ ภาระหนี้ลดลง โดยจะเป็นการปรับลด 2 ระยะครั้งละ 50 สตางค์ ครั้งแรก 28 มี.ค. และครั้ง 2 วันที่ 4 เม.ย. 2568
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กบน. ได้ประชุมเพื่อกำหนดแนวทางดูแลราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้สอดรับกับสถานการณ์ และความเหมาะสม โดยพิจารณาจากแนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่ปรับลดลง และสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เริ่มมีรายรับเพิ่มขึ้น ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ปรับอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงลงสำหรับกลุ่มน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซล ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันลดลงรวม 1 บาทต่อลิตร
ซึ่งการปรับลดราคาดังกล่าวจะดำเนินการเป็น 2 ระยะ ครั้งละ 50 สตางค์ต่อลิตร ได้แก่ ครั้งที่ 1 วันที่ 28 มีนาคม 2568 และครั้งที่ 2 วันที่ 4 เมษายน 2568 เพื่อให้เกิดผลกระทบเชิงบวกต่อประชาชน
“การปรับลดอัตราเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจากน้ำมันเบนซิน-ดีเซล ครั้งนี้ เพื่อเป็นของขวัญให้ประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2568 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มดีเซล คิดเป็น 2 ใน 3 ของปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการเดินทางกลับภูมิลำเนา และเป็นการส่งเสริมสถาบันครอบครัว กระตุ้นการเดินทาง เพื่อการท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์”
สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) รายงานถึงสถานการณ์ และฐานะของกองทุนน้ำมันฯ ในช่วงต้นปี (มกราคม 2568 - วันที่ 23 มีนาคม 2568) พบว่า ฐานะกองทุนน้ำมันฯ มีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยด้านราคาน้ำมันดิบดูไบช่วงที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ส่งผลให้กองทุนน้ำมันฯ มีรายรับเฉลี่ยกว่า 8,000 ล้านบาท/เดือน ทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันฯ จากเดิมเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 กองทุนฯ ติดลบอยู่ที่ 75,945 ล้านบาท (บัญชีน้ำมันติดลบ 64,066 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบ 47,597 ล้านบาท
อ่านต่อ >14

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#หุ้นต่างประเทศ #ทันหุ้น – ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในวันจันทร์ เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ในเชิงบวก ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพในยูเครน รวมถึงแนวโน้มที่ภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ อาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดไว้ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เมื่อเวลา 04:05 น. ET (08:05 น. GMT) ดัชนี DAX ของเยอรมนีปรับตัวขึ้น 0.8% ดัชนี CAC 40 ของฝรั่งเศสเพิ่มขึ้น 0.8% และดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษขยับขึ้น 0.4%
ภาษีศุลกากรแบบเฉพาะเจาะจง
ดัชนีตลาดหุ้นยุโรปเปิดสัปดาห์ด้วยการปรับตัวขึ้น หลังมีรายงานว่าประธานาธิบดีทรัมป์วางแผนกำหนดอัตราภาษีศุลกากรแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น แทนที่จะเป็นมาตรการทั่วไปสำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ
รายงานจาก Bloomberg และ Wall Street Journal เมื่อวันอาทิตย์ระบุว่า ทรัมป์คาดว่าจะไม่บังคับใช้ภาษีที่เฉพาะเจาะจงต่อภาคอุตสาหกรรมในสัปดาห์หน้า แต่จะกำหนดภาษีแบบตอบโต้เฉพาะบางประเทศที่มีมูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ สูง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่าอาจมี “ความยืดหยุ่น” ในแผนภาษีศุลกากรของเขา ซึ่งช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระดับโลกที่กดดันตลาดก่อนหน้านี้ โดยแผนภาษีดังกล่าวมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน
ความคืบหน้าในการหยุดยิงในยูเครน?
นักลงทุนยังติดตามการเจรจาระหว่างคณะผู้แทนสหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่รัสเซียในซาอุดีอาระเบียในวันจันทร์ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อหาข้อตกลงหยุดยิงในสงครามยูเครน หลังจากที่คณะผู้แทนสหรัฐฯ ได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ยูเครนเมื่อวันอาทิตย์
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษของสหรัฐฯ แสดงความมองโลกในแง่ดีเมื่อวันอาทิตย์ โดยกล่าวว่าเขาเชื่อว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ต้องการยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมานานถึงสามปี
"ผมคิดว่าในวันจันทร์นี้ เราจะได้เห็นความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการหยุดยิงในทะเลดำระหว่างทั้งสองประเทศ และจากจุดนั้น เราน่าจะสามารถนำไปสู่การหยุดยิงอย่างเต็มรูปแบบ" วิตคอฟฟ์กล่าว
ดัชนี PMI ของยูโรโซนเตรียมเผยข้อมูล
ในอีกด้านหนึ่ง นักลงทุนเตรียมติดตามการเปิดเผยข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นของยุโรป ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกิจกรรมทางธุรกิจในภาคการผลิตและบริการของภูมิภาค
ทั้งนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักลงจาก 2.75% เป็น 2.5% เมื่อต้นเดือนนี้ พร้อมทั้งปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิ
อ่านต่อ >12

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น - บล.บัวหลวง ระบุ หากการเจรจาการค้าระหว่างไทย-สหรัฐฯ กลุ่มเกษตรฯ น่าจะเป็นเพียงไม่กี่กลุ่ม ที่ได้ประโยชน์
โดย 1) หากเปิดทางให้นำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐฯ ได้ถูกลง จากการคำนวณรวมค่าขนส่ง ก็ยังต่ำกว่านำเข้าจากเพื่อนบ้านอยู่กว่า 20% 2) การนำเข้าถั่วเหลือง ที่ราคาฝั่งสหรัฐฯ จะสูงกว่าบราซิลจากการขนส่ง แต่เราไม่คิดว่าจะทำให้ราคาผันผวนมากในยุคทรัมป์ 2.0 เพราะ Supply ของถั่วเหลืองทั้งสหรัฐฯ และบราซิล ทำสถิติใหม่ในปี 2568 (ความหมายโดยนัยฯ ก็คือ สินค้าล้นตลาดพอกัน)
ดังนั้น เมื่อสุทธิผลกระทบทั้งสองด้านแล้ว ภาพรวมจะหนุน Upside กำไรทั้งกลุ่มปศุสัตว์ราว 5.7% โดย BTG ได้ประโยชน์สูงสุด (+11%), TFG (+7.5%), CPF (+4.5%) และ GFPT (+4.4%)
3) กลุ่มอาหารและบรรจุภัณฑ์ จากกรณีกังวลราคาเหล็กและอลูมิเนียม อยู่ในระดับที่จัดการได้ โดยแรงกดดันกำไรกลุ่มเครื่องดื่มราว 3-4%, ITC ราว 7% และ TU ราว 13% แต่อีกด้านผลกระทบจะถูกกลบจากต้นทุนพลังงาน น้ำตาล และเศษแก้วที่ลดลง รวมทั้งมีนวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพกำไรอยู่แล้ว
ด้านปัจจัยพื้นฐาน ชอบกลุ่มปศุสัตว์มากสุด โดยแนะนำ CPF และ BTG (อัปเกรดจากถือเป็นซื้อ) เป็น Top Pick ส่วน TFG และ GFPT แนะนำซื้อเก็งกำไร สำหรับกลุ่มอื่นๆ ชอบ CBG รองลงมา
อ่านต่อ >7