#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นางทองทิพย์ เป๋าจันทึก อายุ 61 ปี แม่ยายของนายวราพล เรียมแสง ลูกเขยซึ่งเดินทางไปทำสวนผักเก็บมะเขือเทศ บวบ และผักชนิดต่างๆ ทางภาคกลางของกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แสดงความเป็นห่วงความปลอดภัยเกรงว่าจะได้รับอันตราย หลังจากที่มีแรงงานไทยในอิสราเอล เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงแล้ว 4 คนและยังบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน นางทองทิพย์ ระบุว่า นายวราพล เพิ่งไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 4 เดือน จากการพูดคุยพบว่า พื้นที่ที่นายวราพลทำงาน ยังปลอดภัย แต่มีเสียงสู้รบและเสียงระเบิดอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ทางครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยเป็นอย่างมาก และอยากให้ลูกเขยกลับมาทำงานที่บ้าน เพราะการไปทำงานที่อิสราเอลใช้เงินทุนของตัวเองไม่ได้มีหนี้สินและเดินทางไปทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ด้านนางจตุพร เรียมแสง ภรรยาของนายวราพล เปิดเผยว่า ได้ติดต่อกับสามีเมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม ทราบว่ายังปลอดภัยดี แต่ก็ได้ระมัดระวังตัวอยู่และทำงานไปด้วย ด้วยความที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็รู้สึกห่วง อยากให้สามีกลับมาบ้าน แต่สามียืนยันว่าจะขอทำงานเพื่อเก็บเงินก่อนเพราะเพิ่งจะไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 4 เดือน จึงได้แต่ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสามีให้ปลอดภัย และอยากให้การสู้รบยุติลงเร็วๆ ผู้สื่อข่าว จ.นครราชสีมา
อ่านต่อ >10
#Fake News #TNN ช่อง16
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “PEA ส่ง SMS ให้ตรวจสอบสิทธิรับเงินคืนประกันที่ www.การไฟฟ้าสำนักงานใหญ่.com” รองลงมาคือเรื่อง “เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบริเวณหน้าวัดพระแก้ว” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความวิตกกังวล ความสับสน ความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้างนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 25-31 ตุลาคม 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 832,483 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 398 ข้อความสำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 365 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 26 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 7 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 278 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 122 เรื่องทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 113 เรื่องกลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 38 เรื่องกลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 19 เรื่องกลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 26 เรื่องกลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 82 เรื่องนายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐ และนโยบายของรัฐ รวมทั้งข่าวที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคม สร้างความวิตกกังวล หรือความเข้าใจผิด และอาจสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่อันดับที่ 1 : เรื่อง PEA ส่ง SMS ให้ตรวจสอบสิทธิรับเงินคืนประกันที่ www.การไฟฟ้าสำนั
อ่านต่อ >18
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยผลการลงทะเบียนรับสิทธิ “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567” ที่สำนักงานประกันสังคม ได้จับมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยเปิดให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ผู้ประกันตนมาตรา 39 และผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงทะเบียนขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนจาก Application SSO Plus ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ซึ่งในวันแรกนี้ มีผู้ประกันตนยื่นขอรับสิทธิกู้กว่า 9,000 ล้านบาท นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมทั้ง นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 นี้ จะช่วยให้ผู้ประกันตนมีสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกสร้างที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 1.59 ต่อปี คงที่เป็นระยะเวลา 5 ปี ในปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR (Minimum Retail Rate) – 2 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 0.5 ต่อปี ในวงเงินไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท โดยหลังจากที่ผู้ประกันตนได้รับหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนจาก Application SSO Plus แล้ว ผู้ประกันตนที่ได้รับหนังสือรับรองเป็นคิวหลัก สามารถยื่นขอสินเชื่อตามช่วงวันที่ระบุในหนังสือรับรอง โดยนำหนังสือรับรองพร้อมด้วยเอกสารประกอบการยื่นขอสินเชื่อตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนด และสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขา หากผู้ประกันตนที่เป็นคิวหลักไม่ได้ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารตามเวลาที่กำหนด สำนักงานประกันสังคมขอสงวนสิทธิและเรียกคิวสำรองต่อไปสำหรับผู้ประกันตนที่ได้รับหนังสือรับรองเป็นคิวสำรอง สามารถตรวจสอบการเรียกคิวได้ทางเว็บไซต์ www.sso.go.th ซึ่งจะประกาศในทุกวันจันทร์ เวลา 13.00 น. และสามารถยื่นขอสินเชื่อตามช่วงวันที่ประกาศแจ้ง โดยจะประกาศตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป นางมารศรี ใจรังษี กล่าวในตอนท้าย
อ่านต่อ >25
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ชื่นชมแนวทางแก้ปัญหาและยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของรัฐบาลไทย โดยระบุว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของไทยและประวัติศาสตร์ในการลดจำนวนผู้ไร้สัญชาติมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตาม ครม. เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ได้เห็นชอบตามที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอในการลดขั้นตอนการให้สัญชาติไทยกับบุคคล UNHCR ชื่นชมความมุ่งมั่นของความเป็นผู้นำของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม ขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ปลดล็อกศักยภาพ เปิดโอกาสทางการศึกษาและการจ้างงาน นอกจากนี้ ยังยกย่องให้ไทย เป็นผู้นำระดับโลกและระดับภูมิภาคในการขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Alliance to End Stateless ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่เปิดตัวโดย UNHCR รวมทั้งได้ให้คำมั่นในการประชุม Global Refugee Forum 2023 เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ รวมทั้งยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันร่วมกับสหประชาชาติในด้านต่างๆ ด้วย นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมของไทยยังได้ร่วมกับ UNHCR ได้จัดหน่วยบริการด้านทะเบียนราษฎรเคลื่อนที่ครบวงจร เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติให้กับกลุ่มชาติพันธุ์มอแกน ณ เกาะพยาม จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ประกาศที่จะทำให้ ”คนไทยทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี“ รวมทั้งมีโอกาสที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียม “ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าการให้สัญชาติไทยนี้ เป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 50 ปี และเป็นขั้นตอนที่รัดกุมและปัจจุบันใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเก็บฐานข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะทำให้รัฐสามารถตรวจสอบและดูแลรวมทั้งควบคุมกลไก ซึ่งในอดีตที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่มีประวัติทำให้หลายครั้งก่ออาชญากรรม ยาเสพติด หรือเรื่องอื่นๆรัฐก็ไม่สามารถติดตามจับกุมเนื่องจากไม่มีถิ่นฐานที่อยู่ และรัฐบาลยืนยันว่ากลุ่มคนนอกเหนือจากนี้เช่นกลุ่มคนสีเทาหรือแรงงานต่างด้าวหรือผู้หลบหนีเข้าเมืองทุกประเภทจะไม่มีสิทธิ์ดังกล่าว“
อ่านต่อ >4
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นางทองทิพย์ เป๋าจันทึก อายุ 61 ปี แม่ยายของนายวราพล เรียมแสง ลูกเขยซึ่งเดินทางไปทำสวนผักเก็บมะเขือเทศ บวบ และผักชนิดต่างๆ ทางภาคกลางของกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แสดงความเป็นห่วงความปลอดภัยเกรงว่าจะได้รับอันตราย หลังจากที่มีแรงงานไทยในอิสราเอล เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงแล้ว 4 คนและยังบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน นางทองทิพย์ ระบุว่า นายวราพล เพิ่งไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 4 เดือน จากการพูดคุยพบว่า พื้นที่ที่นายวราพลทำงาน ยังปลอดภัย แต่มีเสียงสู้รบและเสียงระเบิดอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ทางครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยเป็นอย่างมาก และอยากให้ลูกเขยกลับมาทำงานที่บ้าน เพราะการไปทำงานที่อิสราเอลใช้เงินทุนของตัวเองไม่ได้มีหนี้สินและเดินทางไปทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ด้านนางจตุพร เรียมแสง ภรรยาของนายวราพล เปิดเผยว่า ได้ติดต่อกับสามีเมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม ทราบว่ายังปลอดภัยดี แต่ก็ได้ระมัดระวังตัวอยู่และทำงานไปด้วย ด้วยความที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็รู้สึกห่วง อยากให้สามีกลับมาบ้าน แต่สามียืนยันว่าจะขอทำงานเพื่อเก็บเงินก่อนเพราะเพิ่งจะไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 4 เดือน จึงได้แต่ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสามีให้ปลอดภัย และอยากให้การสู้รบยุติลงเร็วๆ ผู้สื่อข่าว จ.นครราชสีมา
อ่านต่อ >10
#Fake News #TNN ช่อง16
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมรายสัปดาห์ ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุดอันดับที่ 1 เรื่อง “PEA ส่ง SMS ให้ตรวจสอบสิทธิรับเงินคืนประกันที่ www.การไฟฟ้าสำนักงานใหญ่.com” รองลงมาคือเรื่อง “เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมบริเวณหน้าวัดพระแก้ว” โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความวิตกกังวล ความสับสน ความเข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้างนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 25-31 ตุลาคม 2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 832,483 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 398 ข้อความสำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 365 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 26 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 7 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 278 เรื่อง และจากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 122 เรื่องทั้งนี้ กระทรวงดีอี ได้แบ่งข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วยกลุ่มที่ 1 : นโยบายรัฐบาล ข่าวสารทางราชการ ความสงบเรียบร้อยของสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงภายในประเทศ จำนวน 113 เรื่องกลุ่มที่ 2 : ผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายจำนวน 38 เรื่องกลุ่มที่ 3 : ภัยพิบัติ จำนวน 19 เรื่องกลุ่มที่ 4 : เศรษฐกิจ จำนวน 26 เรื่องกลุ่มที่ 5 : กลุ่มอาชญากรรมออนไลน์ จำนวน 82 เรื่องนายเวทางค์ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ได้รับความสนใจในลำดับต้นๆ ในสัปดาห์นี้ พบว่าเป็นข่าวเกี่ยวกับหน่วยงานรัฐ และนโยบายของรัฐ รวมทั้งข่าวที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ โดยเฉพาะเหตุการณ์น้ำท่วม ซึ่งส่งผลกระทบต่อสังคม สร้างความวิตกกังวล หรือความเข้าใจผิด และอาจสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่อันดับที่ 1 : เรื่อง PEA ส่ง SMS ให้ตรวจสอบสิทธิรับเงินคืนประกันที่ www.การไฟฟ้าสำนั
อ่านต่อ >18
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยผลการลงทะเบียนรับสิทธิ “โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน ปี 2567” ที่สำนักงานประกันสังคม ได้จับมือกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยเปิดให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ผู้ประกันตนมาตรา 39 และผู้ประกันตนมาตรา 40 ลงทะเบียนขอหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนจาก Application SSO Plus ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ซึ่งในวันแรกนี้ มีผู้ประกันตนยื่นขอรับสิทธิกู้กว่า 9,000 ล้านบาท นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน รวมทั้ง นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ผู้ใช้แรงงาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ดียิ่งขึ้น โดยโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน พ.ศ. 2567 นี้ จะช่วยให้ผู้ประกันตนมีสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อที่อยู่อาศัย ปลูกสร้างที่อยู่อาศัย หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างที่อยู่อาศัยได้อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพียงร้อยละ 1.59 ต่อปี คงที่เป็นระยะเวลา 5 ปี ในปีที่ 6 – 8 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR (Minimum Retail Rate) – 2 ต่อปี และตั้งแต่ปีที่ 9 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR – 0.5 ต่อปี ในวงเงินไม่เกินรายละ 2 ล้านบาท โดยหลังจากที่ผู้ประกันตนได้รับหนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนจาก Application SSO Plus แล้ว ผู้ประกันตนที่ได้รับหนังสือรับรองเป็นคิวหลัก สามารถยื่นขอสินเชื่อตามช่วงวันที่ระบุในหนังสือรับรอง โดยนำหนังสือรับรองพร้อมด้วยเอกสารประกอบการยื่นขอสินเชื่อตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์กำหนด และสามารถยื่นขอสินเชื่อได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ทุกสาขา หากผู้ประกันตนที่เป็นคิวหลักไม่ได้ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารตามเวลาที่กำหนด สำนักงานประกันสังคมขอสงวนสิทธิและเรียกคิวสำรองต่อไปสำหรับผู้ประกันตนที่ได้รับหนังสือรับรองเป็นคิวสำรอง สามารถตรวจสอบการเรียกคิวได้ทางเว็บไซต์ www.sso.go.th ซึ่งจะประกาศในทุกวันจันทร์ เวลา 13.00 น. และสามารถยื่นขอสินเชื่อตามช่วงวันที่ประกาศแจ้ง โดยจะประกาศตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป นางมารศรี ใจรังษี กล่าวในตอนท้าย
อ่านต่อ >25
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (UNHCR) ชื่นชมแนวทางแก้ปัญหาและยุติภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติของรัฐบาลไทย โดยระบุว่า ถือเป็นก้าวสำคัญของไทยและประวัติศาสตร์ในการลดจำนวนผู้ไร้สัญชาติมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตาม ครม. เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2567 ที่ได้เห็นชอบตามที่ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอในการลดขั้นตอนการให้สัญชาติไทยกับบุคคล UNHCR ชื่นชมความมุ่งมั่นของความเป็นผู้นำของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม ขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ ปลดล็อกศักยภาพ เปิดโอกาสทางการศึกษาและการจ้างงาน นอกจากนี้ ยังยกย่องให้ไทย เป็นผู้นำระดับโลกและระดับภูมิภาคในการขจัดภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ โดยเป็นหนึ่งในสมาชิกผู้ก่อตั้ง Global Alliance to End Stateless ซึ่งเป็นโครงการริเริ่มที่เปิดตัวโดย UNHCR รวมทั้งได้ให้คำมั่นในการประชุม Global Refugee Forum 2023 เพื่อแก้ไขปัญหาภาวะไร้รัฐไร้สัญชาติ รวมทั้งยังมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันร่วมกับสหประชาชาติในด้านต่างๆ ด้วย นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรมของไทยยังได้ร่วมกับ UNHCR ได้จัดหน่วยบริการด้านทะเบียนราษฎรเคลื่อนที่ครบวงจร เพื่อแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลและสัญชาติให้กับกลุ่มชาติพันธุ์มอแกน ณ เกาะพยาม จังหวัดระนอง ซึ่งเป็นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ประกาศที่จะทำให้ ”คนไทยทุกคนมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี“ รวมทั้งมีโอกาสที่จะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเท่าเทียม “ทั้งนี้รัฐบาลยืนยันว่าการให้สัญชาติไทยนี้ เป็นการดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่า 50 ปี และเป็นขั้นตอนที่รัดกุมและปัจจุบันใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการเก็บฐานข้อมูลต่างๆ ซึ่งจะทำให้รัฐสามารถตรวจสอบและดูแลรวมทั้งควบคุมกลไก ซึ่งในอดีตที่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่มีประวัติทำให้หลายครั้งก่ออาชญากรรม ยาเสพติด หรือเรื่องอื่นๆรัฐก็ไม่สามารถติดตามจับกุมเนื่องจากไม่มีถิ่นฐานที่อยู่ และรัฐบาลยืนยันว่ากลุ่มคนนอกเหนือจากนี้เช่นกลุ่มคนสีเทาหรือแรงงานต่างด้าวหรือผู้หลบหนีเข้าเมืองทุกประเภทจะไม่มีสิทธิ์ดังกล่าว“
อ่านต่อ >4
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นางทองทิพย์ เป๋าจันทึก อายุ 61 ปี แม่ยายของนายวราพล เรียมแสง ลูกเขยซึ่งเดินทางไปทำสวนผักเก็บมะเขือเทศ บวบ และผักชนิดต่างๆ ทางภาคกลางของกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล แสดงความเป็นห่วงความปลอดภัยเกรงว่าจะได้รับอันตราย หลังจากที่มีแรงงานไทยในอิสราเอล เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงแล้ว 4 คนและยังบาดเจ็บสาหัสอีก 1 คน นางทองทิพย์ ระบุว่า นายวราพล เพิ่งไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 4 เดือน จากการพูดคุยพบว่า พื้นที่ที่นายวราพลทำงาน ยังปลอดภัย แต่มีเสียงสู้รบและเสียงระเบิดอยู่เป็นระยะๆ ทำให้ทางครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยเป็นอย่างมาก และอยากให้ลูกเขยกลับมาทำงานที่บ้าน เพราะการไปทำงานที่อิสราเอลใช้เงินทุนของตัวเองไม่ได้มีหนี้สินและเดินทางไปทำงานถูกต้องตามกฎหมาย ด้านนางจตุพร เรียมแสง ภรรยาของนายวราพล เปิดเผยว่า ได้ติดต่อกับสามีเมื่อคืนวันที่ 31 ตุลาคม ทราบว่ายังปลอดภัยดี แต่ก็ได้ระมัดระวังตัวอยู่และทำงานไปด้วย ด้วยความที่เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็รู้สึกห่วง อยากให้สามีกลับมาบ้าน แต่สามียืนยันว่าจะขอทำงานเพื่อเก็บเงินก่อนเพราะเพิ่งจะไปทำงานที่อิสราเอลได้เพียง 4 เดือน จึงได้แต่ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองสามีให้ปลอดภัย และอยากให้การสู้รบยุติลงเร็วๆ ผู้สื่อข่าว จ.นครราชสีมา
อ่านต่อ >10