#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง "ประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการประชามติ จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเกณฑ์การผ่านประชามติโดยต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง (เกินกว่า 50%) ของผู้มีสิทธิ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.37 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 21.83 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 15.50 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 10.46 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.84 ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจสำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกำหนดเกณฑ์การผ่านประชามติ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.54 ระบุว่า เสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ (ต้องได้มากกว่า 50%) รองลงมา ร้อยละ 26.57 ระบุว่าเสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (แต่ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) ร้อยละ 12.52 ระบุว่าเสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) แต่ต้องมากกว่าผู้ลงคะแนนช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจด้านความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.63 ระบุว่าต้องการมาก รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่ต้องการเลย ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างต้องการ ร้อยละ 19.08 ระบุว่าไม่ค่อยต้องการ และร้อยละ 0.93 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจท้ายที่สุดเมื่อสอบความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าต้องการมากและค่อนข้างต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (จำนวน 694 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 78.97 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา รองลงมา ร้อยละ 19.16 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและร้อยละ 1.87 ระบุว่า ไม่ตอบภาพจาก: AFP
อ่านต่อ >141
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เห็นด้วยกับการกับการยกระดับรายได้ของแรงงานไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่มีความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยมีความผันผวน และเปราะบางจากภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อประเทศและภาคธุรกิจไทยให้เผชิญกับความท้าทายรอบด้านดังนั้น กกร. จึงขอเสนอแนะแนวทางการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้1. สถานการณ์สภาพเศรษฐกิจต่อนโยบายค่าจ้างขั้นต่า 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ กกร. เห็นว่า การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จังหวัด ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการจ้างงานของทุกภาคส่วนที่ใช้แรงงาน ทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการภาคเกษตร ภาคบริการ และภาคธุรกิจในทุกระดับ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยอีกทั้งจากผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ มากกว่า 90% ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ และ 30% มีมติไม่ขอปรับขึ้นค่าจ้าง โดยทั้งนี้ คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าจ้างตามตัวแปรปัจจัยทางเศรษฐกิจ และความสามารถของแต่ละจังหวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่ดังนั้น หากคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีกลาง จะพิจารณาในทิศทางที่แตกต่าง และไม่สอดคล้องตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ ควรมีหลักการสูตรคำนวณ และเหตุผลที่ชัดเจนโปร่งใส ที่สามารถชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไตรภาคีจังหวัด และผู้ประกอบการ/นายจ้าง ผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมากได้นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังขยายตัวรุนแรง และความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้า ยิ่งเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อภาคธุรกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้2. เหตุผล และข
อ่านต่อ >20
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายชนาณัติ แสงอรุณ เลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย ระบุว่า การนวดบิดคอไม่มีในศาสตร์การแพทย์แผนไทย แต่อาจพบได้ในการจัดกระดูกของหมอแผนปัจจุบัน หรือที่เรียกว่าไคโรแพรคติก (Chiropractic) พร้อมเตือนประชาชนว่าการนวดเพื่อการรักษา มีความแตกต่างกับการนวดเพื่อสุขภาพ โดยการนวดเพื่อสุขภาพหมอนวดสามารถทำการนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเมื่อยล้า และลดความเครียด ส่วนการนวดรักษา ที่เน้นในเรื่องของการนวดแก้อาการ ซึ่งตรงนี้สามารถทำได้เฉพาะผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ตามกฎหมายเท่านั้นสำหรับการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยตามกฎหมาย จะมีสภาการแพทย์แผนไทยทำหน้าที่ดูแลกำกับมาตรฐานบริการ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นด้านเวชกรรมไทย ด้านเภสัชกรรมไทย ด้านการผดุงครรภ์ไทย การนวดไทย และการแพทย์พื้นบ้านไทย ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทยพ.ศ 2556 ส่วนแพทย์ที่จะทำการรักษาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยต้องผ่านการเรียนในระดับปริญญาตรี และมีการสอบใบประกอบโรคศิลปแยกตามสาขา สำหรับการนวดรักษาอาการปวดคอ ไหล่ หลัง หรือการนวดแก้อาการ หากไม่ได้ทำโดยผู้ผ่านการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาต ถือว่าเป็นการกระทำแบบหมอเถื่อนทั้งหมด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ประกอบกิจการเจ้าของร้านนวดอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ 2541ในฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสถานพยาบาลเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนร้านนวดที่เป็นร้านนวดเพื่อสุขภาพต้องผ่านการขึ้นทะเบียนและมีใบอนุญาตเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพพ.ศ 2559 ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นร้านนวดเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านต่อ >17
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ ( 8 ธ.ค. 67 )นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว เชิญชวนประชาชนติดตามการแถลงผลงานรัฐบาล ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ภายใต้ชื่อ 2568 โอกาสไทยทำได้จริง จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริงนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้นำแถลงในเวลา 10.00 น. ซึ่งจะมีการชี้แจงให้ทราบถึงผลการทำงานในช่วงเวลา 90 วันรัฐบาลทำอะไรบ้าง และปัจจุบันทำอะไรอยู่ และในอนาคตประเทศไทยจะเดินไปทิศทางไหน ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา 10.00 น. ทางช่อง NBT2HD และ Facebook Live : Live NBT2HDทั้งนี้ต้องติดตามแผนการทำงานของรัฐบาลในปีถัดไป ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ได้ดำเนินการ และจะเดินหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยคำกล่าวนายกรัฐมนตรี ที่ว่า "การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย โดยเฉพาะ 10 นโยบายเร่งด่วน ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ให้ความสำคัญกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และเร่งผลักดันการแจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ,การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว, การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด, การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เป็นต้นส่วนอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ที่ นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือ นอมินี ในประเทศไทย โดยส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมทางออนไลน์ หลอกลวงภาคธุรกิจและประชาชน ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้( 9 ธ.ค) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้น
อ่านต่อ >36
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง "ประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการประชามติ จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเกณฑ์การผ่านประชามติโดยต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง (เกินกว่า 50%) ของผู้มีสิทธิ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.37 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 21.83 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 15.50 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 10.46 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.84 ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจสำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกำหนดเกณฑ์การผ่านประชามติ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.54 ระบุว่า เสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ (ต้องได้มากกว่า 50%) รองลงมา ร้อยละ 26.57 ระบุว่าเสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (แต่ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) ร้อยละ 12.52 ระบุว่าเสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) แต่ต้องมากกว่าผู้ลงคะแนนช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจด้านความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.63 ระบุว่าต้องการมาก รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่ต้องการเลย ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างต้องการ ร้อยละ 19.08 ระบุว่าไม่ค่อยต้องการ และร้อยละ 0.93 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจท้ายที่สุดเมื่อสอบความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าต้องการมากและค่อนข้างต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (จำนวน 694 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 78.97 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา รองลงมา ร้อยละ 19.16 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและร้อยละ 1.87 ระบุว่า ไม่ตอบภาพจาก: AFP
อ่านต่อ >141
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เห็นด้วยกับการกับการยกระดับรายได้ของแรงงานไทยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่มีความกังวลเป็นอย่างยิ่ง ต่อนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยมีความผันผวน และเปราะบางจากภูมิรัฐศาสตร์ ที่ส่งผลต่อประเทศและภาคธุรกิจไทยให้เผชิญกับความท้าทายรอบด้านดังนั้น กกร. จึงขอเสนอแนะแนวทางการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงบริบททางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ รวมถึงผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ ดังต่อไปนี้1. สถานการณ์สภาพเศรษฐกิจต่อนโยบายค่าจ้างขั้นต่า 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ กกร. เห็นว่า การกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศนั้น ไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่จังหวัด ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการจ้างงานของทุกภาคส่วนที่ใช้แรงงาน ทั้งทางตรง และทางอ้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการภาคเกษตร ภาคบริการ และภาคธุรกิจในทุกระดับ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทยอีกทั้งจากผลการพิจารณาของคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัด ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ มากกว่า 90% ไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาทเท่ากันทั่วประเทศ และ 30% มีมติไม่ขอปรับขึ้นค่าจ้าง โดยทั้งนี้ คณะอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัด มีมติเห็นชอบให้ปรับขึ้นค่าจ้างตามตัวแปรปัจจัยทางเศรษฐกิจ และความสามารถของแต่ละจังหวัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของแต่ละพื้นที่ดังนั้น หากคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีกลาง จะพิจารณาในทิศทางที่แตกต่าง และไม่สอดคล้องตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมการฯ ควรมีหลักการสูตรคำนวณ และเหตุผลที่ชัดเจนโปร่งใส ที่สามารถชี้แจงต่อคณะอนุกรรมการไตรภาคีจังหวัด และผู้ประกอบการ/นายจ้าง ผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมากได้นอกจากนี้ สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่กำลังขยายตัวรุนแรง และความไม่แน่นอนต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างประเทศของประเทศมหาอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อาทิ สหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยได้เปรียบดุลการค้า ยิ่งเป็นปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เพื่อป้องกันผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อภาคธุรกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้2. เหตุผล และข
อ่านต่อ >20
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายชนาณัติ แสงอรุณ เลขาธิการสภาการแพทย์แผนไทย ระบุว่า การนวดบิดคอไม่มีในศาสตร์การแพทย์แผนไทย แต่อาจพบได้ในการจัดกระดูกของหมอแผนปัจจุบัน หรือที่เรียกว่าไคโรแพรคติก (Chiropractic) พร้อมเตือนประชาชนว่าการนวดเพื่อการรักษา มีความแตกต่างกับการนวดเพื่อสุขภาพ โดยการนวดเพื่อสุขภาพหมอนวดสามารถทำการนวดเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดความเมื่อยล้า และลดความเครียด ส่วนการนวดรักษา ที่เน้นในเรื่องของการนวดแก้อาการ ซึ่งตรงนี้สามารถทำได้เฉพาะผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ตามกฎหมายเท่านั้นสำหรับการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยตามกฎหมาย จะมีสภาการแพทย์แผนไทยทำหน้าที่ดูแลกำกับมาตรฐานบริการ ซึ่งจะแบ่งออกเป็นด้านเวชกรรมไทย ด้านเภสัชกรรมไทย ด้านการผดุงครรภ์ไทย การนวดไทย และการแพทย์พื้นบ้านไทย ซึ่งอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทยพ.ศ 2556 ส่วนแพทย์ที่จะทำการรักษาตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยต้องผ่านการเรียนในระดับปริญญาตรี และมีการสอบใบประกอบโรคศิลปแยกตามสาขา สำหรับการนวดรักษาอาการปวดคอ ไหล่ หลัง หรือการนวดแก้อาการ หากไม่ได้ทำโดยผู้ผ่านการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาต ถือว่าเป็นการกระทำแบบหมอเถื่อนทั้งหมด ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และผู้ประกอบกิจการเจ้าของร้านนวดอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ 2541ในฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสถานพยาบาลเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนร้านนวดที่เป็นร้านนวดเพื่อสุขภาพต้องผ่านการขึ้นทะเบียนและมีใบอนุญาตเป็นสถานประกอบการเพื่อสุขภาพตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพพ.ศ 2559 ซึ่งหากไม่ได้รับอนุญาตถือว่าเป็นร้านนวดเถื่อน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
อ่านต่อ >17
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ ( 8 ธ.ค. 67 )นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว เชิญชวนประชาชนติดตามการแถลงผลงานรัฐบาล ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ ภายใต้ชื่อ 2568 โอกาสไทยทำได้จริง จากผลงานที่เป็นรูปธรรม สู่อนาคตที่ทำได้จริงนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้นำแถลงในเวลา 10.00 น. ซึ่งจะมีการชี้แจงให้ทราบถึงผลการทำงานในช่วงเวลา 90 วันรัฐบาลทำอะไรบ้าง และปัจจุบันทำอะไรอยู่ และในอนาคตประเทศไทยจะเดินไปทิศทางไหน ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดตั้งแต่เวลา 10.00 น. ทางช่อง NBT2HD และ Facebook Live : Live NBT2HDทั้งนี้ต้องติดตามแผนการทำงานของรัฐบาลในปีถัดไป ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ได้ดำเนินการ และจะเดินหน้าเพื่อให้บรรลุเป้าหมายตามที่ได้แถลงนโยบายต่อที่ประชุมรัฐสภาไว้เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ด้วยคำกล่าวนายกรัฐมนตรี ที่ว่า "การสร้างโอกาสอย่างเท่าเทียม ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี เพื่อนำพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่คนไทย โดยเฉพาะ 10 นโยบายเร่งด่วน ทั้งเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย ให้ความสำคัญกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรก และเร่งผลักดันการแจกเงินหมื่นกระตุ้นเศรษฐกิจ ,การเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยว, การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเด็ดขาด, การเร่งแก้ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ เป็นต้นส่วนอีกหนึ่งประเด็นสำคัญ ที่ นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือ นอมินี ในประเทศไทย โดยส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมทางออนไลน์ หลอกลวงภาคธุรกิจและประชาชน ขณะที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้( 9 ธ.ค) ได้เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างชาติที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 2/2567 เพื่อเร่งออกมาตรการที่จะส่งผลให้การแก้ไขปัญหาเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ทั้งในระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาวทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมายเพื่อกำหนดนโยบายและมาตรการที่จำเป็นเร่งด่วนในการป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้เปิดปฏิบัติการตรวจค้น
อ่านต่อ >36
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง "ประชามติและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 2-3 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการประชามติ จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับเกณฑ์การผ่านประชามติโดยต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่ง (เกินกว่า 50%) ของผู้มีสิทธิ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 51.37 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 21.83 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 15.50 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 10.46 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.84 ระบุว่าไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจสำหรับความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการกำหนดเกณฑ์การผ่านประชามติ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.54 ระบุว่า เสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ (ต้องได้มากกว่า 50%) รองลงมา ร้อยละ 26.57 ระบุว่าเสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (แต่ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) ร้อยละ 12.52 ระบุว่าเสียงเห็นชอบต้องเป็นเสียงส่วนใหญ่ (ไม่จำเป็นต้องถึง 50%) แต่ต้องมากกว่าผู้ลงคะแนนช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน และร้อยละ 1.37 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจด้านความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 27.63 ระบุว่าต้องการมาก รองลงมา ร้อยละ 27.02 ระบุว่า ไม่ต้องการเลย ร้อยละ 25.34 ระบุว่า ค่อนข้างต้องการ ร้อยละ 19.08 ระบุว่าไม่ค่อยต้องการ และร้อยละ 0.93 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจท้ายที่สุดเมื่อสอบความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าต้องการมากและค่อนข้างต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (จำนวน 694 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 78.97 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา รองลงมา ร้อยละ 19.16 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับและร้อยละ 1.87 ระบุว่า ไม่ตอบภาพจาก: AFP
อ่านต่อ >141