#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
ข่าวดังกล่าว สร้างความตกใจให้กับหลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย โดยกังวลว่า ตัวอย่างไวรัสเหล่านี้ หายไปได้อย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี รวมถึงมันจะก่อให้เกิดโรคระบาดใหม่จนเป็นอันตรายแก่มนุษย์ และทำให้โลกเรากลับไปเหมือนตอนโควิด-19 ระบาดอีกครั้งหรือไม่ ---ไวรัสอันตรายหลุดจากแล็บออสซี---การหายไปของไวรัสอันตรายเหล่านี้ เจ้าหน้าที่มาทราบว่า หายไปตอนปี 2023 โดยที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการหายไปได้ว่า ตัวอย่างเหล่านี้ ถูกขโมยไป หรือว่า ถูกทำลายไปแล้ว “ตัวอย่างเหล่านี้ ถูกย้ายออกไปจากห้องจัดเก็บที่ปลอดภัยและสูญหาย หรือ ไม่มีการระบุสาเหตุ” “ไวรัสถูกย้ายไปยังช่องแช่แข็ง โดยไม่มีการกรอกเอกสารที่สมบูรณ์” ทิม นิโคลส์ รัฐมมนตรีกระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ กล่าว นิโคลส์ กล่าวย้ำด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ได้ใช้มาตรการเชิงรุก รวมถึงการอบรมเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่จำเป็นอีกครั้ง และดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่า ตัวอย่างไวรัสต่าง ๆ เหล่านี้ ถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสม ด้านรัฐบาลออสเตรเลียได้เปิดทำการสอบสวน ชื่อว่า “การสอบสวนมาตรา 9” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีสิ่งใดถูกมองข้ามจากสถานการณ์นี้ รวมถึงจะตรวจสอบนโยบาย และขั้นตอนปฏิบัติในปัจจุบันของห้องแล็บนี้ด้วย ---ไวรัสอะไรที่หายไป ?---ตัวอย่างไวรัสที่หายไป เป็นไวรัสที่ส่งผลอันตรายจนถึงแก่ชีวิตมนุษย์ ได้แก่ ไวรัสเฮนดรา จำนวนเกือบ 100 ขวด, ไวรัสฮานตา จำนวน 2 ขวด และไวรัสลิสซา อีก 223 ขวดไวรัสเฮนดรา ค้นพบครั้งแรกช่วงกลางยุค 1990 มีค้างคาวเป็นพาหะนำเชื้อ และทำให้เกิดการติดเชื้อร้ายแรงในม้าและมนุษย์ โดยมีอัตราการเสียอยู่ที่ 57% ขณะที่ ไวรัสฮานตา มีหนูเป็นพาหะนำเชื้อ และก่อให้เกิดโรคปอดจากไวรัสฮานตา (Hantavirus Pulmonary Syndrome) ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 38% ส่วนไวรัสลิสซา เป็นไวรัสที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคพิษสุนัขบ้า ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตในมนุษย์สูงมาก ---ไทยก็มีแล็บเก็บไวรัสคล้ายออสซี---ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย และเผยว่า ห้องแล็บที่เก็บตัวอย่างไวรัสลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ ก็มีอยู่ในประเทศไทยด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติโครงการดังกล่าว“ประเทศไทยยังมีการเก็บ การครอบครอ
อ่านต่อ >43
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
จากข่าวการระบาดของเชื้อโนโรไวรัสในประเทศจีน ซึ่งมักแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว กรมการแพทย์ เผยในประเทศไทยก็มีการระบาด แต่อาการไม่รุนแรง แนะผู้ปกครองหมั่นดูแลสุขภาพอนามัยเด็ก ๆ เพราะไวรัสชนิดนี้มีความแข็งแกร่ง แพร่เร็ว และยังไม่มียารักษาโดยตรง นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการเเพทย์ เปิดเผยว่า โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร ที่พบได้บ่อยในเด็ก เชื้อนี้มีความสามารถที่จะแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แม้ได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน และทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี หลังจากได้รับเชื้อ มักจะมีอาการภายใน 12- 48 ชั่วโมงอาการแสดงของโรคที่พบได้บ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง อาจมีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และอาจมีภาวะขาดน้ำที่อาจเกิดในผู้ป่วยเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน สถานการณ์ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบมีจำนวนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยนอกมีจำนวนไม่มากนักที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างไรก็ตามการรายงานอาจจะต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อมีราคาค่อนข้างสูง จึงไม่ได้ส่งตรวจในผู้ป่วยทุกราย ยกเว้นในรายที่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย เพื่อใช้ในการแยกโรคเป็นหลักปัจจุบันยังไม่มียาหรือการรักษาเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการดูแลตามอาการที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่ อาการต่าง ๆ จะดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน ในรายที่อาการไม่รุนแรง ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ในกรณีที่อาเจียนและท้องเสีย ให้ทานอาหารอ่อนๆ ร่วมกับให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ตามอาการในรายที่มีภาวะขาดสารน้ำค่อนข้างมาก หรือมีอาเจียน ปวดท้อง และถ่ายตลอด อาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำ ส่งผลให้เกิดภาวะทำให้ช็อค ความดันโลหิตต่ำ พิจารณาให้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยที่จะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำได้แก่ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว วิธีการป้องกันในสถานศึกษาหรือในศูนย์เด็กเล็กแนะนำให้หมั่นรักษาสุขอนามัยด้วยการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ทำความสะอาดพื้นหรือสิ่งแวดล้อม หรือจุดเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน - ปุ
อ่านต่อ >30
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (12 ธ.ค. 67) นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยในการลงพื้นที่จุดตรวจกวดขันจับปรับ ผู้ฝ่าฝืนจอดหรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์บนทางเท้าสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ณ บริเวณหน้าตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน ว่า วันนี้ ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตบางเขน ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ตั้งจุดกวดขันรถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎจราจร ในส่วนของกรุงเทพมหานครได้กวดขันจับปรับเรื่องการขับขี่และจอดบนทางเท้า นอกจากนี้ยังมีกล้อง AI คอยตรวจจับควบคู่กันไป เช่น บริเวณพหลโยธิน 48 ทำให้ผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดลดน้อยลดจากที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณทาง สน.บางเขน ที่ทำงานร่วมกับ กทม. เป็นอย่างดีทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มีการกวดขันรถจักยานยนต์บนทางเท้าจากปัญหาที่ได้รับการร้องเรียน โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 10 ธันวาคม 2567 มีจำนวนผู้กระทำผิดที่กวดขันได้ 5,135 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 598 ราย เปรียบเทียบปรับ 4,537 ราย เป็นเงิน 2,439,160 บาทนอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีกล้อง AI จับภาพผู้ฝ่าฝืนขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 10 ธันวาคม 2567 โดยฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ออกคำสั่งปรับ 20,030 คดี มีผู้ชำระค่าปรับ 2,586 คดี เป็นจำนวนเงิน 566,870 บาท และกรุงเทพมหานครยังได้มีการส่งข้อมูลไรเดอร์ผู้กระทำความผิดขับขี่บนทางเท้า ผ่านกล้อง AI ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึง พฤศจิกายน 2567 ให้กับบริษัทที่ร่วม MOU เป็นจำนวน 7,692 ราย
อ่านต่อ >55
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น - “สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่งอาณาจักรกัลฟ์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 รวย 2.4 แสนล้านบาท ครองแชมป์ 6 ปีซ้อน “นิติ โอสถานุเคราะห์” นักลงทุนรายใหญ่ทายาทโอสถสภา นั่งอันดับ 2 ถือพอร์ตหุ้นรวมมูลค่า 5.9 หมื่นล้านบาท “หมอเสริฐ” นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ-บางกอกแอร์เวย์ส เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 รวย 5 หมื่นล้านบาท “ตระกูลรัตนาวะดี” ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยมั่งคั่ง 2.4 แสนล้านบาท
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 31 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นในสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 กันยายน 2567
สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2567 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ซึ่งเป็นการครองบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยหุ้นที่สารัชถ์ถือครองในปีนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 240,341.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,513.84 ล้านบาท หรือ 25.95%
สำหรับหุ้นที่สารัชถ์ถือครองประกอบด้วย หุ้น GULF ในสัดส่วน 35.81% สูงเป็นอันดับ 1 บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน 0.67% และ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล (ROCTEC) บริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป ที่ให้บริการด้านงานระบบครบวงจร 4.89%
ความมั่งคั่งของสารัชถ์ที่หดหายไปเมื่อปีที่แล้ว ได้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 240,341.89 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเป็นมูลค่าการถือครองหุ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สารัชถ์ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเมื่อปี 2562 และนับเป็นมูลค่าสูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ตลอด 6ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ สารัชถ์มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปีที่ 2563 ความมั่งคั่งลดลงไปเล็กน้อยที่ 115
อ่านต่อ >20
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
ข่าวดังกล่าว สร้างความตกใจให้กับหลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย โดยกังวลว่า ตัวอย่างไวรัสเหล่านี้ หายไปได้อย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี รวมถึงมันจะก่อให้เกิดโรคระบาดใหม่จนเป็นอันตรายแก่มนุษย์ และทำให้โลกเรากลับไปเหมือนตอนโควิด-19 ระบาดอีกครั้งหรือไม่ ---ไวรัสอันตรายหลุดจากแล็บออสซี---การหายไปของไวรัสอันตรายเหล่านี้ เจ้าหน้าที่มาทราบว่า หายไปตอนปี 2023 โดยที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการหายไปได้ว่า ตัวอย่างเหล่านี้ ถูกขโมยไป หรือว่า ถูกทำลายไปแล้ว “ตัวอย่างเหล่านี้ ถูกย้ายออกไปจากห้องจัดเก็บที่ปลอดภัยและสูญหาย หรือ ไม่มีการระบุสาเหตุ” “ไวรัสถูกย้ายไปยังช่องแช่แข็ง โดยไม่มีการกรอกเอกสารที่สมบูรณ์” ทิม นิโคลส์ รัฐมมนตรีกระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ กล่าว นิโคลส์ กล่าวย้ำด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ได้ใช้มาตรการเชิงรุก รวมถึงการอบรมเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่จำเป็นอีกครั้ง และดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่า ตัวอย่างไวรัสต่าง ๆ เหล่านี้ ถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสม ด้านรัฐบาลออสเตรเลียได้เปิดทำการสอบสวน ชื่อว่า “การสอบสวนมาตรา 9” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีสิ่งใดถูกมองข้ามจากสถานการณ์นี้ รวมถึงจะตรวจสอบนโยบาย และขั้นตอนปฏิบัติในปัจจุบันของห้องแล็บนี้ด้วย ---ไวรัสอะไรที่หายไป ?---ตัวอย่างไวรัสที่หายไป เป็นไวรัสที่ส่งผลอันตรายจนถึงแก่ชีวิตมนุษย์ ได้แก่ ไวรัสเฮนดรา จำนวนเกือบ 100 ขวด, ไวรัสฮานตา จำนวน 2 ขวด และไวรัสลิสซา อีก 223 ขวดไวรัสเฮนดรา ค้นพบครั้งแรกช่วงกลางยุค 1990 มีค้างคาวเป็นพาหะนำเชื้อ และทำให้เกิดการติดเชื้อร้ายแรงในม้าและมนุษย์ โดยมีอัตราการเสียอยู่ที่ 57% ขณะที่ ไวรัสฮานตา มีหนูเป็นพาหะนำเชื้อ และก่อให้เกิดโรคปอดจากไวรัสฮานตา (Hantavirus Pulmonary Syndrome) ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 38% ส่วนไวรัสลิสซา เป็นไวรัสที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคพิษสุนัขบ้า ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตในมนุษย์สูงมาก ---ไทยก็มีแล็บเก็บไวรัสคล้ายออสซี---ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย และเผยว่า ห้องแล็บที่เก็บตัวอย่างไวรัสลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ ก็มีอยู่ในประเทศไทยด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติโครงการดังกล่าว“ประเทศไทยยังมีการเก็บ การครอบครอ
อ่านต่อ >43
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
จากข่าวการระบาดของเชื้อโนโรไวรัสในประเทศจีน ซึ่งมักแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กโดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว กรมการแพทย์ เผยในประเทศไทยก็มีการระบาด แต่อาการไม่รุนแรง แนะผู้ปกครองหมั่นดูแลสุขภาพอนามัยเด็ก ๆ เพราะไวรัสชนิดนี้มีความแข็งแกร่ง แพร่เร็ว และยังไม่มียารักษาโดยตรง นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการเเพทย์ เปิดเผยว่า โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร ที่พบได้บ่อยในเด็ก เชื้อนี้มีความสามารถที่จะแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว แม้ได้รับเชื้อในปริมาณเพียงเล็กน้อย เนื่องจากสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้เป็นเวลานาน และทนต่อความร้อนและน้ำยาฆ่าเชื้อต่าง ๆ ได้ดี หลังจากได้รับเชื้อ มักจะมีอาการภายใน 12- 48 ชั่วโมงอาการแสดงของโรคที่พบได้บ่อย คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเป็นน้ำ ปวดท้อง อาจมีไข้ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตามตัว และอาจมีภาวะขาดน้ำที่อาจเกิดในผู้ป่วยเด็กเล็ก หรือผู้สูงอายุ ส่วนใหญ่จะหายได้เองภายใน 1-3 วัน สถานการณ์ในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี พบมีจำนวนมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยนอกมีจำนวนไม่มากนักที่มีอาการรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างไรก็ตามการรายงานอาจจะต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อมีราคาค่อนข้างสูง จึงไม่ได้ส่งตรวจในผู้ป่วยทุกราย ยกเว้นในรายที่ต้องนอนโรงพยาบาล หรือมีความเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย เพื่อใช้ในการแยกโรคเป็นหลักปัจจุบันยังไม่มียาหรือการรักษาเฉพาะเจาะจง แต่เป็นการดูแลตามอาการที่เกิดขึ้น และส่วนใหญ่ อาการต่าง ๆ จะดีขึ้นได้ในเวลา 3-4 วัน ในรายที่อาการไม่รุนแรง ให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ในกรณีที่อาเจียนและท้องเสีย ให้ทานอาหารอ่อนๆ ร่วมกับให้ยาแก้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง ตามอาการในรายที่มีภาวะขาดสารน้ำค่อนข้างมาก หรือมีอาเจียน ปวดท้อง และถ่ายตลอด อาจเกิดอันตรายจากการขาดน้ำ ส่งผลให้เกิดภาวะทำให้ช็อค ความดันโลหิตต่ำ พิจารณาให้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด และติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิด ผู้ป่วยที่จะมีโอกาสเกิดอันตรายจากการขาดน้ำได้แก่ ผู้ป่วยเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว วิธีการป้องกันในสถานศึกษาหรือในศูนย์เด็กเล็กแนะนำให้หมั่นรักษาสุขอนามัยด้วยการล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ทำความสะอาดพื้นหรือสิ่งแวดล้อม หรือจุดเสี่ยงที่คาดไม่ถึง ที่เราสัมผัสในชีวิตประจำวัน - ปุ
อ่านต่อ >30
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (12 ธ.ค. 67) นายสิทธิชัย อรัณยกานนท์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยในการลงพื้นที่จุดตรวจกวดขันจับปรับ ผู้ฝ่าฝืนจอดหรือขับขี่รถยนต์ รถจักรยานยนต์บนทางเท้าสาธารณะ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการปรับเป็นพินัย พ.ศ. 2565 ณ บริเวณหน้าตลาดยิ่งเจริญ เขตบางเขน ว่า วันนี้ ฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขตบางเขน ร่วมกับ สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ตั้งจุดกวดขันรถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎจราจร ในส่วนของกรุงเทพมหานครได้กวดขันจับปรับเรื่องการขับขี่และจอดบนทางเท้า นอกจากนี้ยังมีกล้อง AI คอยตรวจจับควบคู่กันไป เช่น บริเวณพหลโยธิน 48 ทำให้ผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดลดน้อยลดจากที่ผ่านมา และต้องขอขอบคุณทาง สน.บางเขน ที่ทำงานร่วมกับ กทม. เป็นอย่างดีทั้งนี้ กรุงเทพมหานครได้มีการกวดขันรถจักยานยนต์บนทางเท้าจากปัญหาที่ได้รับการร้องเรียน โดยตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 10 ธันวาคม 2567 มีจำนวนผู้กระทำผิดที่กวดขันได้ 5,135 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 598 ราย เปรียบเทียบปรับ 4,537 ราย เป็นเงิน 2,439,160 บาทนอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีกล้อง AI จับภาพผู้ฝ่าฝืนขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า ตั้งแต่ 1 ตุลาคม ถึง 10 ธันวาคม 2567 โดยฝ่ายเทศกิจ สำนักงานเขต ออกคำสั่งปรับ 20,030 คดี มีผู้ชำระค่าปรับ 2,586 คดี เป็นจำนวนเงิน 566,870 บาท และกรุงเทพมหานครยังได้มีการส่งข้อมูลไรเดอร์ผู้กระทำความผิดขับขี่บนทางเท้า ผ่านกล้อง AI ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ถึง พฤศจิกายน 2567 ให้กับบริษัทที่ร่วม MOU เป็นจำนวน 7,692 ราย
อ่านต่อ >55
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น - “สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่งอาณาจักรกัลฟ์ แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 รวย 2.4 แสนล้านบาท ครองแชมป์ 6 ปีซ้อน “นิติ โอสถานุเคราะห์” นักลงทุนรายใหญ่ทายาทโอสถสภา นั่งอันดับ 2 ถือพอร์ตหุ้นรวมมูลค่า 5.9 หมื่นล้านบาท “หมอเสริฐ” นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เจ้าของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ-บางกอกแอร์เวย์ส เศรษฐีหุ้นอันดับ 3 รวย 5 หมื่นล้านบาท “ตระกูลรัตนาวะดี” ครองแชมป์ตระกูลเศรษฐีหุ้นไทยมั่งคั่ง 2.4 แสนล้านบาท
วารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยติดต่อกันปีนี้เป็นปีที่ 31 แล้ว โดยวัดจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นในสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ mai ตามการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดภายในวันที่ 30 กันยายน 2567
สำหรับผลการจัดอันดับเศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2567 ปรากฏว่า แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปี 2567 ยังคงเป็นของ สารัชถ์ รัตนาวะดี รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) ซึ่งเป็นการครองบัลลังก์แชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน โดยหุ้นที่สารัชถ์ถือครองในปีนี้มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 240,341.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49,513.84 ล้านบาท หรือ 25.95%
สำหรับหุ้นที่สารัชถ์ถือครองประกอบด้วย หุ้น GULF ในสัดส่วน 35.81% สูงเป็นอันดับ 1 บมจ.ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น (ITC) ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงที่เป็นบริษัทลูกของไทยยูเนี่ยน 0.67% และ บมจ.ร็อคเทค โกลบอล (ROCTEC) บริษัทในเครือบีทีเอส กรุ๊ป ที่ให้บริการด้านงานระบบครบวงจร 4.89%
ความมั่งคั่งของสารัชถ์ที่หดหายไปเมื่อปีที่แล้ว ได้กลับมามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 240,341.89 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเป็นมูลค่าการถือครองหุ้นที่สูงที่สุดนับตั้งแต่สารัชถ์ก้าวเข้ามาเป็นแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยเมื่อปี 2562 และนับเป็นมูลค่าสูงสุดในทำเนียบเศรษฐีหุ้นไทยตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปัจจุบัน
ทั้งนี้ ตลอด 6ปีของการครองแชมป์เศรษฐีหุ้นไทย มูลค่าหุ้นที่สารัชถ์ถือครองอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาททุกปี โดยในปี 2562 ซึ่งเป็นปีแรกที่ก้าวขึ้นครองแชมป์ สารัชถ์มีความมั่งคั่งรวม 120,959.99 ล้านบาท ต่อมาในปีที่ 2563 ความมั่งคั่งลดลงไปเล็กน้อยที่ 115
อ่านต่อ >20
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
ข่าวดังกล่าว สร้างความตกใจให้กับหลายประเทศ ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย โดยกังวลว่า ตัวอย่างไวรัสเหล่านี้ หายไปได้อย่างไร จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากตกไปอยู่ในมือของผู้ไม่หวังดี รวมถึงมันจะก่อให้เกิดโรคระบาดใหม่จนเป็นอันตรายแก่มนุษย์ และทำให้โลกเรากลับไปเหมือนตอนโควิด-19 ระบาดอีกครั้งหรือไม่ ---ไวรัสอันตรายหลุดจากแล็บออสซี---การหายไปของไวรัสอันตรายเหล่านี้ เจ้าหน้าที่มาทราบว่า หายไปตอนปี 2023 โดยที่ยังไม่สามารถระบุสาเหตุของการหายไปได้ว่า ตัวอย่างเหล่านี้ ถูกขโมยไป หรือว่า ถูกทำลายไปแล้ว “ตัวอย่างเหล่านี้ ถูกย้ายออกไปจากห้องจัดเก็บที่ปลอดภัยและสูญหาย หรือ ไม่มีการระบุสาเหตุ” “ไวรัสถูกย้ายไปยังช่องแช่แข็ง โดยไม่มีการกรอกเอกสารที่สมบูรณ์” ทิม นิโคลส์ รัฐมมนตรีกระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ กล่าว นิโคลส์ กล่าวย้ำด้วยว่า กระทรวงสาธารณสุขรัฐควีนส์แลนด์ได้ใช้มาตรการเชิงรุก รวมถึงการอบรมเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับข้อปฏิบัติที่จำเป็นอีกครั้ง และดำเนินการตรวจสอบ เพื่อให้มั่นใจว่า ตัวอย่างไวรัสต่าง ๆ เหล่านี้ ถูกจัดเก็บอย่างเหมาะสม ด้านรัฐบาลออสเตรเลียได้เปิดทำการสอบสวน ชื่อว่า “การสอบสวนมาตรา 9” มีวัตถุประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่า จะไม่มีสิ่งใดถูกมองข้ามจากสถานการณ์นี้ รวมถึงจะตรวจสอบนโยบาย และขั้นตอนปฏิบัติในปัจจุบันของห้องแล็บนี้ด้วย ---ไวรัสอะไรที่หายไป ?---ตัวอย่างไวรัสที่หายไป เป็นไวรัสที่ส่งผลอันตรายจนถึงแก่ชีวิตมนุษย์ ได้แก่ ไวรัสเฮนดรา จำนวนเกือบ 100 ขวด, ไวรัสฮานตา จำนวน 2 ขวด และไวรัสลิสซา อีก 223 ขวดไวรัสเฮนดรา ค้นพบครั้งแรกช่วงกลางยุค 1990 มีค้างคาวเป็นพาหะนำเชื้อ และทำให้เกิดการติดเชื้อร้ายแรงในม้าและมนุษย์ โดยมีอัตราการเสียอยู่ที่ 57% ขณะที่ ไวรัสฮานตา มีหนูเป็นพาหะนำเชื้อ และก่อให้เกิดโรคปอดจากไวรัสฮานตา (Hantavirus Pulmonary Syndrome) ซึ่งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 38% ส่วนไวรัสลิสซา เป็นไวรัสที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคพิษสุนัขบ้า ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตในมนุษย์สูงมาก ---ไทยก็มีแล็บเก็บไวรัสคล้ายออสซี---ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกมาแสดงความกังวลต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย และเผยว่า ห้องแล็บที่เก็บตัวอย่างไวรัสลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ ก็มีอยู่ในประเทศไทยด้วย พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติโครงการดังกล่าว“ประเทศไทยยังมีการเก็บ การครอบครอ
อ่านต่อ >43