
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
กรมโยธาฯ เผยผลตรวจสอบอาคารทั่วประเทศ หลังแผ่นดินไหว พบ 68 อาคารเสียหายหนัก ต้องงดใช้งานวันนี้ ( 19 เม.ย. 68 )ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารจากแผ่นดินไหว (ศรต.ยผ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง รายงานผลการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งดำเนินการตรวจสอบระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2568 ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 9,035 อาคาร ผลการประเมินความปลอดภัย แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่- สีเขียว (ใช้งานได้ปกติ) จำนวน 8,511 อาคาร- สีเหลือง (เสียหายปานกลาง ใช้งานได้) จำนวน 456 อาคาร- สีแดง (เสียหายรุนแรง ห้ามใช้งาน) จำนวน 68 อาคารพื้นที่กรุงเทพมหานครการตรวจสอบแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้กลุ่มที่ 1: อาคารภาครัฐรวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน และอาคารราชการต่าง ๆ ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วจำนวน 688 อาคาร จาก 243 หน่วยงานพบว่า- อาคารสีเขียว จำนวน 626 อาคาร- อาคารสีเหลือง จำนวน 60 อาคาร- อาคารสีแดง (งดใช้งานทันที) จำนวน 2 อาคาร
การตรวจสอบดำเนินการร่วมกันโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชนกลุ่มที่ 2: อาคารเอกชน เช่น อาคารสูง โรงแรม คอนโดฯอาคารกลุ่มนี้อยู่ภายใต้ข้อบังคับการตรวจสอบประจำปี โดยเจ้าของอาคารต้องดำเนินการผ่านผู้ตรวจสอบอาคารที่ขึ้นทะเบียน ซึ่งมีอยู่มากกว่า 2,600 ราย สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง
ในปีนี้ กรุงเทพมหานครได้แจ้งให้เจ้าของอาคารกว่า 11,000 แห่ง เข้ารับการตรวจสอบ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีการตรวจสอบแล้วจำนวน 4,627 แห่ง กลุ่มที่ 3: บ้านพักอาศัย และอาคารทั่วไปกรุงเทพมหานครรับผิดชอบการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ประชาชนผ่านระบบ TraffyFondue โดยตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2568 มีประชาชนแจ้งเข้ามาทั้งสิ้น 19,665 เรื่อง และได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 18,096 เรื่องพื้นที่ต่างจังหวัดกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และวิศวกรอาสาภาคเอกชน ดำเนินการตรวจสอบอาคารสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล และอาคารรัฐอื่น ๆ
ผลการตรวจสอบใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 8,347 อาคาร โดยแบ่งเป็น- อาคารสีเขียว จำนวน 7,885 อาคาร- อาคารสีเหลือง จำนวน 396 อาคาร- อาคารสีแดง จำนวน 66 อาคารข้อแนะนำต่อประชาชนก
อ่านต่อ >28

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันพุธ 23 - พฤหัสฯ 24 เมษายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ตามคำเชิญของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด (H.E. Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการสำคัญในการเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมหารือเต็มคณะร่วมกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองจะเป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - กัมพูชา และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารสำคัญต่าง ๆ ร่วมกันนอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา “การเยือนในครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี และเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคง การแก้ปัญหาข้ามแดน เศรษฐกิจ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค” นายจิรายุกล่าว
อ่านต่อ >10

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการป.ป.ส. แจ้วเตือนภัย พ่อแม่ ผู้ปกครองและประชาชน สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.สได้รับรายงานข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดอันตรายที่แพร่ระบาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและมีอาการสาหัส นั้นเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ”ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ได้รายงานว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีผู้ป่วย 3 ราย เข้ารับการรักษาตัว หลังไปร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แล้วเกิดอาการ หมดสติ กล้ามเนื้อเกร็ง หยุดหายใจ และหัวใจ หยุดเต้น โดยผู้ป่วยทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับการใช้สารเสพติดที่เรียกกันในกลุ่มผู้ใช้ว่า "ขนม" หรือ "ลาบูบู้" ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย และอีก 1 ราย อาการสาหัสและยังคงรักษาตัวในห้องไอซียู จากข้อมูลเบื้องต้น ศูนย์พิษวิทยาฯ คาดการณ์ว่า สารเสพติดดังกล่าว อาจเป็นการใช้ร่วมกันระหว่างยากลุ่มสารกระตุ้นประสาท และยากลุ่มออกฤทธิ์กดประสาท ซึ่งทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์กันอย่างรุนแรง และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ ยังต้องรอผลการตรวจยืนยันชนิดของสารเสพติดจากห้องปฏิบัติการเพื่อความชัดเจนต่อไป “ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับกรณี "เคนมผง" (ส่วนผสมคีตามีนและไดอาซีแพม) ที่เคยคร่าชีวิตผู้ใช้ยาเสพติดจำนวนมากเมื่อราวปี 2565และข้อมูลยาเสพติด "ยาอี ลาบูบู้" จากการตรวจพิสูจน์ของ สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. มีการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดชนิด "ยาอี" ที่มีลักษณะคล้ายตัวการ์ตูน "ลาบูบู้" ที่ได้รับรายงานจากศูนย์พิษวิทยาฯ พบสาร MDMA หรือ ยาอี (Ecstasy) คีตามีน (Ketamine) และกาเฟอีนซึ้งข้อสังเกต ยาอี “ลาบูบู้” จัดเป็นยาอีที่มีสารออกฤทธิ์หลัก MDMA ในปริมาณความเข้มข้นสูง และผสมกับสารออกฤทธิ์คีตามีน และมีกาเฟอีน เป็นส่วนผสมด้วย จึงเพิ่มการออกฤทธิ์ และทำให้เป็นอันตรายมากขึ้น(ยาอี โดยทั่วไป พบ MDMA เพียงร้อยละ 40-50) เลขาฯ ป.ป.ส.ทิ้งท้าย “เตือนยาเสพติดทุกชนิดเป็นอันตรายต่อร่างกาย และเป็นภัยต่อสังคม หากประชาชนท่านใดมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการลักลอบจำหน่าย แหล่งพักยาเสพติด หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แจ้งข้อมูลมายังสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับ เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป”
อ่านต่อ >8

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา 9 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์การขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะเจรจา โดยจะมีกำหนดการเจรจากับตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐฯในวันที่ 23 เม.ย.68 ซึ่งที่ผ่านมาคณะเจรจาของไทยได้ร่วมหารือ และกำหนดยุทธศาสตร์ในการเจรจาเกี่ยวกับภาษีสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบจากมาตรการการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่มีต่อไทย และเดินหน้าขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนเพิ่มเติม โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ และแนวทางในการเจรจาทั้ง 5 แนวทาง ประกอบไปด้วย 1. การเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ ในสินค้าที่ไทยจำเป็นต้องใช้ โดยไทยเตรียมพิจารณานำเข้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ และวัตถุดิบที่ภาคอุตสาหกรรมต้องใช้แต่ผลิตไม่ได้เพียงพอ เช่น วัตถุดิบด้านปิโตรเคมี LNG ธัญพืช หรือเครื่องบินพาณิชย์ เพื่อเติมเต็ม supply chain ของประเทศ รวมถึงสินค้าที่ประเทศไทยเป็น Net Importer อาทิ ชีส ถั่ววอลนัท ผลไม้สดที่ไทยผลิตเองไม่ได้ เช่น เชอรี่ แอปเปิ้ลซึ่งจะเป็นการสร้างสมดุลด้านการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ให้ลดการได้เปรียบดุลการค้า2. การเปิดตลาดและบริหารจัดการด้ารภาษี ลดอุปสรรคทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลพร้อมพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีนำเข้า และบริหารโควตาสินค้าเกษตรที่สหรัฐฯ มีความสามารถในการแข่งขัน เช่น ข้าวโพด เพื่อเปิดตลาดในลักษณะที่ไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ โดยจัดสรรการนำเข้าเฉพาะช่วงที่สินค้าในประเทศขาดแคลน สร้างระบบการค้าที่เป็นธรรมและยืดหยุ่นต่อทุกฝ่าย และการเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่ไทยและสหรัฐฯ เกื้อหนุนกัน โดยรัฐบาลไทยเห็นว่าความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพร่วมกัน3. การลดขั้นตอน และวิธีการทางภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี หรือ Non-Tariff Barriers ที่เป็นอุปสรรคการค้าระหว่างไทย และสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความต้องการขยายการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ4.การตรวจสอบเพิ่มความเข้มงวดสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ป้องกันการสวมสิทธิ์จากประเทศที่สาม โดยรัฐบาลตระหนักถึงความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าราคาต่ำจากประเทศที่สามผ่านไทย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จึงจะมีมาตรการ
อ่านต่อ >20

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
กรมโยธาฯ เผยผลตรวจสอบอาคารทั่วประเทศ หลังแผ่นดินไหว พบ 68 อาคารเสียหายหนัก ต้องงดใช้งานวันนี้ ( 19 เม.ย. 68 )ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารจากแผ่นดินไหว (ศรต.ยผ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง รายงานผลการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งดำเนินการตรวจสอบระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2568 ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 9,035 อาคาร ผลการประเมินความปลอดภัย แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่- สีเขียว (ใช้งานได้ปกติ) จำนวน 8,511 อาคาร- สีเหลือง (เสียหายปานกลาง ใช้งานได้) จำนวน 456 อาคาร- สีแดง (เสียหายรุนแรง ห้ามใช้งาน) จำนวน 68 อาคารพื้นที่กรุงเทพมหานครการตรวจสอบแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้กลุ่มที่ 1: อาคารภาครัฐรวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน และอาคารราชการต่าง ๆ ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วจำนวน 688 อาคาร จาก 243 หน่วยงานพบว่า- อาคารสีเขียว จำนวน 626 อาคาร- อาคารสีเหลือง จำนวน 60 อาคาร- อาคารสีแดง (งดใช้งานทันที) จำนวน 2 อาคาร
การตรวจสอบดำเนินการร่วมกันโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชนกลุ่มที่ 2: อาคารเอกชน เช่น อาคารสูง โรงแรม คอนโดฯอาคารกลุ่มนี้อยู่ภายใต้ข้อบังคับการตรวจสอบประจำปี โดยเจ้าของอาคารต้องดำเนินการผ่านผู้ตรวจสอบอาคารที่ขึ้นทะเบียน ซึ่งมีอยู่มากกว่า 2,600 ราย สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง
ในปีนี้ กรุงเทพมหานครได้แจ้งให้เจ้าของอาคารกว่า 11,000 แห่ง เข้ารับการตรวจสอบ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีการตรวจสอบแล้วจำนวน 4,627 แห่ง กลุ่มที่ 3: บ้านพักอาศัย และอาคารทั่วไปกรุงเทพมหานครรับผิดชอบการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ประชาชนผ่านระบบ TraffyFondue โดยตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2568 มีประชาชนแจ้งเข้ามาทั้งสิ้น 19,665 เรื่อง และได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 18,096 เรื่องพื้นที่ต่างจังหวัดกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และวิศวกรอาสาภาคเอกชน ดำเนินการตรวจสอบอาคารสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล และอาคารรัฐอื่น ๆ
ผลการตรวจสอบใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 8,347 อาคาร โดยแบ่งเป็น- อาคารสีเขียว จำนวน 7,885 อาคาร- อาคารสีเหลือง จำนวน 396 อาคาร- อาคารสีแดง จำนวน 66 อาคารข้อแนะนำต่อประชาชนก
อ่านต่อ >28

#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันพุธ 23 - พฤหัสฯ 24 เมษายน 2568 ณ กรุงพนมเปญ ตามคำเชิญของสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด (H.E. Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการสำคัญในการเข้าร่วมพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ ณ สำนักนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา พร้อมหารือเต็มคณะร่วมกับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีทั้งสองจะเป็นประธานในพิธีเปิดตราสัญลักษณ์ ครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย - กัมพูชา และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารสำคัญต่าง ๆ ร่วมกันนอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร มีกำหนดการเข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา “การเยือนในครั้งนี้ ถือเป็นการเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี และเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 75 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งจะเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคง การแก้ปัญหาข้ามแดน เศรษฐกิจ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในระดับภูมิภาค” นายจิรายุกล่าว
อ่านต่อ >10

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการป.ป.ส. แจ้วเตือนภัย พ่อแม่ ผู้ปกครองและประชาชน สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.สได้รับรายงานข้อมูลจากศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี เกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติดอันตรายที่แพร่ระบาดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและมีอาการสาหัส นั้นเลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า ”ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี ได้รายงานว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีผู้ป่วย 3 ราย เข้ารับการรักษาตัว หลังไปร่วมกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แล้วเกิดอาการ หมดสติ กล้ามเนื้อเกร็ง หยุดหายใจ และหัวใจ หยุดเต้น โดยผู้ป่วยทั้งหมดมีความเชื่อมโยงกับการใช้สารเสพติดที่เรียกกันในกลุ่มผู้ใช้ว่า "ขนม" หรือ "ลาบูบู้" ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย และอีก 1 ราย อาการสาหัสและยังคงรักษาตัวในห้องไอซียู จากข้อมูลเบื้องต้น ศูนย์พิษวิทยาฯ คาดการณ์ว่า สารเสพติดดังกล่าว อาจเป็นการใช้ร่วมกันระหว่างยากลุ่มสารกระตุ้นประสาท และยากลุ่มออกฤทธิ์กดประสาท ซึ่งทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์กันอย่างรุนแรง และเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ทั้งนี้ ยังต้องรอผลการตรวจยืนยันชนิดของสารเสพติดจากห้องปฏิบัติการเพื่อความชัดเจนต่อไป “ทั้งนี้ เหตุการณ์นี้มีความคล้ายคลึงกับกรณี "เคนมผง" (ส่วนผสมคีตามีนและไดอาซีแพม) ที่เคยคร่าชีวิตผู้ใช้ยาเสพติดจำนวนมากเมื่อราวปี 2565และข้อมูลยาเสพติด "ยาอี ลาบูบู้" จากการตรวจพิสูจน์ของ สถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. มีการตรวจพิสูจน์ยาเสพติดชนิด "ยาอี" ที่มีลักษณะคล้ายตัวการ์ตูน "ลาบูบู้" ที่ได้รับรายงานจากศูนย์พิษวิทยาฯ พบสาร MDMA หรือ ยาอี (Ecstasy) คีตามีน (Ketamine) และกาเฟอีนซึ้งข้อสังเกต ยาอี “ลาบูบู้” จัดเป็นยาอีที่มีสารออกฤทธิ์หลัก MDMA ในปริมาณความเข้มข้นสูง และผสมกับสารออกฤทธิ์คีตามีน และมีกาเฟอีน เป็นส่วนผสมด้วย จึงเพิ่มการออกฤทธิ์ และทำให้เป็นอันตรายมากขึ้น(ยาอี โดยทั่วไป พบ MDMA เพียงร้อยละ 40-50) เลขาฯ ป.ป.ส.ทิ้งท้าย “เตือนยาเสพติดทุกชนิดเป็นอันตรายต่อร่างกาย และเป็นภัยต่อสังคม หากประชาชนท่านใดมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการลักลอบจำหน่าย แหล่งพักยาเสพติด หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แจ้งข้อมูลมายังสายด่วน ป.ป.ส. โทร. 1386 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลของท่านจะถูกเก็บเป็นความลับ เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป”
อ่านต่อ >8

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
รัฐบาลไทยภายใต้การนำของนางสาวแพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา 9 คน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เพื่อติดตามสถานการณ์การขึ้นภาษีของสหรัฐอเมริกา โดยมีนายพิชัย ชุณหวชิร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นหัวหน้าคณะเจรจา โดยจะมีกำหนดการเจรจากับตัวแทนของรัฐบาลสหรัฐฯในวันที่ 23 เม.ย.68 ซึ่งที่ผ่านมาคณะเจรจาของไทยได้ร่วมหารือ และกำหนดยุทธศาสตร์ในการเจรจาเกี่ยวกับภาษีสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบจากมาตรการการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่มีต่อไทย และเดินหน้าขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนเพิ่มเติม โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์ และแนวทางในการเจรจาทั้ง 5 แนวทาง ประกอบไปด้วย 1. การเพิ่มการนำเข้าจากสหรัฐฯ ในสินค้าที่ไทยจำเป็นต้องใช้ โดยไทยเตรียมพิจารณานำเข้าพลังงาน เช่น ก๊าซธรรมชาติ และวัตถุดิบที่ภาคอุตสาหกรรมต้องใช้แต่ผลิตไม่ได้เพียงพอ เช่น วัตถุดิบด้านปิโตรเคมี LNG ธัญพืช หรือเครื่องบินพาณิชย์ เพื่อเติมเต็ม supply chain ของประเทศ รวมถึงสินค้าที่ประเทศไทยเป็น Net Importer อาทิ ชีส ถั่ววอลนัท ผลไม้สดที่ไทยผลิตเองไม่ได้ เช่น เชอรี่ แอปเปิ้ลซึ่งจะเป็นการสร้างสมดุลด้านการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ให้ลดการได้เปรียบดุลการค้า2. การเปิดตลาดและบริหารจัดการด้ารภาษี ลดอุปสรรคทางการค้าของสหรัฐฯ ซึ่งรัฐบาลพร้อมพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีนำเข้า และบริหารโควตาสินค้าเกษตรที่สหรัฐฯ มีความสามารถในการแข่งขัน เช่น ข้าวโพด เพื่อเปิดตลาดในลักษณะที่ไม่กระทบต่อผู้ผลิตในประเทศ โดยจัดสรรการนำเข้าเฉพาะช่วงที่สินค้าในประเทศขาดแคลน สร้างระบบการค้าที่เป็นธรรมและยืดหยุ่นต่อทุกฝ่าย และการเป็นพันธมิตรและหุ้นส่วนเศรษฐกิจในอุตสาหกรรมที่ไทยและสหรัฐฯ เกื้อหนุนกัน โดยรัฐบาลไทยเห็นว่าความร่วมมือในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพร่วมกัน3. การลดขั้นตอน และวิธีการทางภาษี ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ รวมถึงมาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี หรือ Non-Tariff Barriers ที่เป็นอุปสรรคการค้าระหว่างไทย และสหรัฐฯ บนพื้นฐานของความต้องการขยายการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ4.การตรวจสอบเพิ่มความเข้มงวดสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ป้องกันการสวมสิทธิ์จากประเทศที่สาม โดยรัฐบาลตระหนักถึงความกังวลของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าราคาต่ำจากประเทศที่สามผ่านไทย เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี จึงจะมีมาตรการ
อ่านต่อ >20

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
กรมโยธาฯ เผยผลตรวจสอบอาคารทั่วประเทศ หลังแผ่นดินไหว พบ 68 อาคารเสียหายหนัก ต้องงดใช้งานวันนี้ ( 19 เม.ย. 68 )ศูนย์รับแจ้งเพื่อตรวจสอบความเสียหายของอาคารจากแผ่นดินไหว (ศรต.ยผ.) กรมโยธาธิการและผังเมือง รายงานผลการตรวจสอบอาคารที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ซึ่งดำเนินการตรวจสอบระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2568 ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด รวมทั้งสิ้น 9,035 อาคาร ผลการประเมินความปลอดภัย แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่- สีเขียว (ใช้งานได้ปกติ) จำนวน 8,511 อาคาร- สีเหลือง (เสียหายปานกลาง ใช้งานได้) จำนวน 456 อาคาร- สีแดง (เสียหายรุนแรง ห้ามใช้งาน) จำนวน 68 อาคารพื้นที่กรุงเทพมหานครการตรวจสอบแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้กลุ่มที่ 1: อาคารภาครัฐรวมถึงโรงพยาบาล โรงเรียน และอาคารราชการต่าง ๆ ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้วจำนวน 688 อาคาร จาก 243 หน่วยงานพบว่า- อาคารสีเขียว จำนวน 626 อาคาร- อาคารสีเหลือง จำนวน 60 อาคาร- อาคารสีแดง (งดใช้งานทันที) จำนวน 2 อาคาร
การตรวจสอบดำเนินการร่วมกันโดย กรมโยธาธิการและผังเมือง สภาวิศวกร วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ตรวจสอบอาคาร และวิศวกรอาสาภาคเอกชนกลุ่มที่ 2: อาคารเอกชน เช่น อาคารสูง โรงแรม คอนโดฯอาคารกลุ่มนี้อยู่ภายใต้ข้อบังคับการตรวจสอบประจำปี โดยเจ้าของอาคารต้องดำเนินการผ่านผู้ตรวจสอบอาคารที่ขึ้นทะเบียน ซึ่งมีอยู่มากกว่า 2,600 ราย สามารถตรวจสอบรายชื่อได้ที่เว็บไซต์กรมโยธาธิการและผังเมือง
ในปีนี้ กรุงเทพมหานครได้แจ้งให้เจ้าของอาคารกว่า 11,000 แห่ง เข้ารับการตรวจสอบ ซึ่งได้รับรายงานว่ามีการตรวจสอบแล้วจำนวน 4,627 แห่ง กลุ่มที่ 3: บ้านพักอาศัย และอาคารทั่วไปกรุงเทพมหานครรับผิดชอบการให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ประชาชนผ่านระบบ TraffyFondue โดยตั้งแต่วันที่ 28 มีนาคม – 18 เมษายน 2568 มีประชาชนแจ้งเข้ามาทั้งสิ้น 19,665 เรื่อง และได้ดำเนินการแล้วเสร็จ 18,096 เรื่องพื้นที่ต่างจังหวัดกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้สั่งการให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และวิศวกรอาสาภาคเอกชน ดำเนินการตรวจสอบอาคารสาธารณะ เช่น โรงพยาบาล และอาคารรัฐอื่น ๆ
ผลการตรวจสอบใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 8,347 อาคาร โดยแบ่งเป็น- อาคารสีเขียว จำนวน 7,885 อาคาร- อาคารสีเหลือง จำนวน 396 อาคาร- อาคารสีแดง จำนวน 66 อาคารข้อแนะนำต่อประชาชนก
อ่านต่อ >28