
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
”พิชัย“เล็งปรับเงื่อนไขเก็บภาษีดึงเงินได้จากการลงทุนเข้าประเทศ หลังพบว่า นักลงทุนยังถือเงินไว้ในต่างประเทศ
#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษ "ทิศทางเศรษฐกิจและการเงินไทย 2025" ในงานสัมมนา Investment Forum 2025 "33 years ONEAM : Make Your Portfolio Great Again" ว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
เขากล่าวว่า ขณะนี้ การลงทุนในประเทศน้อยลง ขณะที่ คนที่มีรายได้จากการลงทุน ก็นำเงินไปลงทุนต่างประเทศ แต่พบว่า เงินที่นำเข้ามาน้อยกว่าเงินที่นำไปลงทุน เราก็อยากแก้ไขหรือจูงใจให้มีการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ ในปัจจุบันคนไทยที่มีเงินได้จากต่างประเทศ เมื่อนำเงินรายได้นั้นเข้าประเทศ จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาล ซึ่งตนกำลังพิจารณาทบทวนกฎหมายนี้ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
”ในปัจจุบันมีคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อนำเงินเข้ามาแล้วต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาลอีก โดยข้อกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้าประเทศนั้น เป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของกลุ่มประเทศโออีซีดี“
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กรมสรรพากร ซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้าประเทศ ได้ตั้งเกณฑ์ว่า กรณีคนไทยที่มีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ หากนำเงินได้นั้น เข้าประเทศในปีภาษีเดียวกับปีที่เกิดเงินได้ จะต้องมีภาระภาษีเงินได้ แต่หากนำเงินได้นั้นเข้าประทศในปีภาษีถัดจากปีที่มีเงินได้ จะไม่มีภาระภาษี ทำให้ภาคธุรกิจมีเงินได้ในต่างประเทศใช้ช่องของกฎหมายนี้ เลี่ยงภาษี โดยนำเงินได้เข้าประทศในปีถัดจากปีที่เก็บภาษีเงินได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วกรมสรรพากรได้แก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าว โดยแก้เป็น ไม่ว่าจะนำเงินได้นั้น เข้าประเทศในปีใด ก็ต้องมีภาระเสียภาษีจากเงินได้นั้นๆ
อ่านต่อ >22

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#GDP #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวช้า
เศรษฐกิจไทยขยายตัวเร่งขึ้นเป็น 3.2% YoY ในไตรมาส 4/67 จาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/67แต่ต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 3.8% YoY สำหรับไตรมาสนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจหลักๆมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่งทั้งสินค้าและบริการ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรของตลาด โดยเฉพาะหลังจากผลประกอบการรายงานออกมาต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง
อัตราการเติบโตของ GDP ไทยอ่อนแอกว่าคาดในไตรมาส 4/2567
เศรษฐกิจไทยขยายตัว 0.4% QoQ และ 3.2% YoY ในไตรมาส 4/2567 เร่งขึ้นจาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/2567 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.8% YoY ด้านการเติบโตของ GDP ทั้งปี FY2567 อยู่ที่ 2.5% ปรับตัวขึ้นจาก 2.0% ในปี 2566 แต่ยังต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 2.7% การเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2567มีสาเหตุจากการบริโภคของภาคเอกชนที่เร่งตัวน้อยกว่าคาด และการลงทุนจากภาคเอกชนที่หดตัวแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% YoY ในไตรมาส 3/2567 เป็น 3.4% YoY ในไตรมาส 4/2567 โดยมีแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายในภาคบริการขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าคงทน สินค้ากึ่งคงทน และสินค้าไม่คงทนดูทรงตัว ขณะที่ด้านการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 5.4% YoY เทียบกับ 6.1% YoY ในไตรมาสก่อน
การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัว โดยลดลง 2.1% YoY ในไตรมาส 4/2567 หลังจากที่ลดลง 2.5% YoY ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งถูกฉุดจากการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่อ่อนแอและกิจกรรมการก่อสร้างที่ซบเซา ขณะเดียวกัน การลงทุนภาครัฐขยายตัว 39.4% YoY เพิ่มขึ้นจาก 25.2% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อน
การส่งออกขยายตัวดี 11.5% YoY โดยมีการปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาคสินค้าและบริการการส่งออกสินค้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส หนุนจากทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและภาคการผลิต ส่วนการส่งออกภาคบริการยังคงเติบโตแข็งแกร่งที่ 22.9% YoY ในไตรมาส 4/2567 จาก 22.3% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า
.
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าพร้อมกับแนวโน้มที่ท้าทาย
สภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP ไทยปี FY2568 ในช่วง 2.3-3.3% ที่ค่ากลาง 2.8% เทียบกับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ 2.4% สภาพั
อ่านต่อ >20

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
"เผ่าภูมิ" ตรวจ "ท่าเรือสงขลา" เร่งผลักดันโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย แก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ หวังปั้นท่าเรือฝั่งอ่าวไทยชิงส่วนแบ่งท่าเรือปีนัง
#ทันหุ้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจผลการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา บนที่ราชพัสดุ สข.1029 และ สข.1030 จังหวัดสงขลา เนื้อที่ราว 78 ไร่ โดยกล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และแก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ซึ่งทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ ต้องขนใส่เรือขนาดเล็กที่มีเครนแทน แล้วถ่ายใส่เรือขนาดใหญ่ที่ท่าเรือสิงคโปร์เพื่อส่งต่อไปยังจีนและญี่ปุ่น ในขณะที่ท่าเรือปีนังขนส่งโดยเรือขนาดใหญ่สู่จีนและญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือสงขลาสูงกว่าท่าเรือปีนัง อีกทั้งยังมีปัญหาความลึกของร่องน้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีความลึกเฉลี่ยเพียง 7 เมตร ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ โดยมติ ครม. ได้จัดให้ บจก. เจ้าพระยาท่าเรือสากล เช่าที่ราชพัสดุ พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา มีกำหนดระยะเวลา 25 ปี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน ราว 10.67%
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงท่าเรือดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้ท่าเรือสงขลาให้รองรับเรือได้หลายขนาดมากขึ้น แก้ไขปัญหาเครนหน้าท่า ปัญหาความลึกร่องน้ำ ตลอดจนช่วยให้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้มากขึ้น จากเดิม 180,000 teu เป็น ประมาณ 450,000 teu และรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดต้นทุนการขนย้ายสินค้า เพื่อทำให้แข่งขันกับท่าเรือปีนังได้ เพราะสามารถบรรทุกสินค้าส่งออกทางเรือไปยังประเทศปลายทางได้โดยตรง เพิ่มศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยตอนล่างในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องเร่งรัดภาคเอกชนให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
อ่านต่อ >64

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น-"พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค"รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน แจงความคืบหน้าร่างกฎหมายกํากับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เตรียมเร่งผลิตระบบโซลาร์ราคาถูกวางจำหน่ายในปีนี้ 10,000 เครื่อง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์พิเศษโดยเปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกํากับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย นั่นคือ กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ตนจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็ว ๆ นี้ โดยขณะนี้กำลังรอให้ทางสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ และจะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง
ในส่วนของการปรับลดค่าไฟนั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ตนได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางปรับลดค่าไฟมาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2567 ที่ผ่านมา เพื่อหาทางปรับลดค่าไฟให้ได้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย และมีแนวโน้มว่าจะทำได้ แต่ต้องปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างและหลักเกณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับระบบ Pool Gas แต่เผอิญว่าต้นปี 2568 มีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องจะให้ลดค่าไฟลงมาเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย และสํานักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ซึ่งกำกับดูแลเรื่องค่าไฟ ก็ออกมาบอกว่าสามารถลดได้ ซึ่งสำหรับตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีพลังงานต้องพยายามบริหารจัดการอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการขึ้นค่าไฟทุก 4 เดือน จนสามารถตรึ
อ่านต่อ >53

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
”พิชัย“เล็งปรับเงื่อนไขเก็บภาษีดึงเงินได้จากการลงทุนเข้าประเทศ หลังพบว่า นักลงทุนยังถือเงินไว้ในต่างประเทศ
#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษ "ทิศทางเศรษฐกิจและการเงินไทย 2025" ในงานสัมมนา Investment Forum 2025 "33 years ONEAM : Make Your Portfolio Great Again" ว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
เขากล่าวว่า ขณะนี้ การลงทุนในประเทศน้อยลง ขณะที่ คนที่มีรายได้จากการลงทุน ก็นำเงินไปลงทุนต่างประเทศ แต่พบว่า เงินที่นำเข้ามาน้อยกว่าเงินที่นำไปลงทุน เราก็อยากแก้ไขหรือจูงใจให้มีการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ ในปัจจุบันคนไทยที่มีเงินได้จากต่างประเทศ เมื่อนำเงินรายได้นั้นเข้าประเทศ จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาล ซึ่งตนกำลังพิจารณาทบทวนกฎหมายนี้ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
”ในปัจจุบันมีคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อนำเงินเข้ามาแล้วต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาลอีก โดยข้อกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้าประเทศนั้น เป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของกลุ่มประเทศโออีซีดี“
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กรมสรรพากร ซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้าประเทศ ได้ตั้งเกณฑ์ว่า กรณีคนไทยที่มีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ หากนำเงินได้นั้น เข้าประเทศในปีภาษีเดียวกับปีที่เกิดเงินได้ จะต้องมีภาระภาษีเงินได้ แต่หากนำเงินได้นั้นเข้าประทศในปีภาษีถัดจากปีที่มีเงินได้ จะไม่มีภาระภาษี ทำให้ภาคธุรกิจมีเงินได้ในต่างประเทศใช้ช่องของกฎหมายนี้ เลี่ยงภาษี โดยนำเงินได้เข้าประทศในปีถัดจากปีที่เก็บภาษีเงินได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วกรมสรรพากรได้แก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าว โดยแก้เป็น ไม่ว่าจะนำเงินได้นั้น เข้าประเทศในปีใด ก็ต้องมีภาระเสียภาษีจากเงินได้นั้นๆ
อ่านต่อ >22

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#GDP #ทันหุ้น – บทวิเคราะห์ โดย บล.กสิกรไทย
เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวช้า
เศรษฐกิจไทยขยายตัวเร่งขึ้นเป็น 3.2% YoY ในไตรมาส 4/67 จาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/67แต่ต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 3.8% YoY สำหรับไตรมาสนี้
ปัจจัยขับเคลื่อนการขยายตัวของเศรษฐกิจหลักๆมาจากการส่งออกที่แข็งแกร่งทั้งสินค้าและบริการ ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังฟื้นตัวช้า
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้ากว่าคาดอาจนำไปสู่การปรับลดประมาณการกำไรของตลาด โดยเฉพาะหลังจากผลประกอบการรายงานออกมาต่ำกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง
อัตราการเติบโตของ GDP ไทยอ่อนแอกว่าคาดในไตรมาส 4/2567
เศรษฐกิจไทยขยายตัว 0.4% QoQ และ 3.2% YoY ในไตรมาส 4/2567 เร่งขึ้นจาก 3.0% YoY ในไตรมาส 3/2567 แต่ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 3.8% YoY ด้านการเติบโตของ GDP ทั้งปี FY2567 อยู่ที่ 2.5% ปรับตัวขึ้นจาก 2.0% ในปี 2566 แต่ยังต่ำกว่าประมาณการของตลาดที่ 2.7% การเติบโตของ GDP ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 4/2567มีสาเหตุจากการบริโภคของภาคเอกชนที่เร่งตัวน้อยกว่าคาด และการลงทุนจากภาคเอกชนที่หดตัวแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
การบริโภคภาคเอกชนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3.3% YoY ในไตรมาส 3/2567 เป็น 3.4% YoY ในไตรมาส 4/2567 โดยมีแรงหนุนหลักจากการใช้จ่ายในภาคบริการขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าคงทน สินค้ากึ่งคงทน และสินค้าไม่คงทนดูทรงตัว ขณะที่ด้านการใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้น 5.4% YoY เทียบกับ 6.1% YoY ในไตรมาสก่อน
การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัว โดยลดลง 2.1% YoY ในไตรมาส 4/2567 หลังจากที่ลดลง 2.5% YoY ในไตรมาส 3/2567 ซึ่งถูกฉุดจากการจดทะเบียนรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่อ่อนแอและกิจกรรมการก่อสร้างที่ซบเซา ขณะเดียวกัน การลงทุนภาครัฐขยายตัว 39.4% YoY เพิ่มขึ้นจาก 25.2% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดจากผลของฐานที่ต่ำในปีก่อน
การส่งออกขยายตัวดี 11.5% YoY โดยมีการปรับตัวดีขึ้นทั้งในภาคสินค้าและบริการการส่งออกสินค้าแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 ไตรมาส หนุนจากทั้งผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและภาคการผลิต ส่วนการส่งออกภาคบริการยังคงเติบโตแข็งแกร่งที่ 22.9% YoY ในไตรมาส 4/2567 จาก 22.3% YoY ในไตรมาสก่อนหน้า
.
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้าพร้อมกับแนวโน้มที่ท้าทาย
สภาพัฒน์ฯ คงคาดการณ์ GDP ไทยปี FY2568 ในช่วง 2.3-3.3% ที่ค่ากลาง 2.8% เทียบกับประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่ 2.4% สภาพั
อ่านต่อ >20

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
"เผ่าภูมิ" ตรวจ "ท่าเรือสงขลา" เร่งผลักดันโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย แก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ หวังปั้นท่าเรือฝั่งอ่าวไทยชิงส่วนแบ่งท่าเรือปีนัง
#ทันหุ้น นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ตรวจผลการดำเนินโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา บนที่ราชพัสดุ สข.1029 และ สข.1030 จังหวัดสงขลา เนื้อที่ราว 78 ไร่ โดยกล่าวว่า โครงการนี้จะช่วยผลักดันและขับเคลื่อนโครงการพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย และแก้ไขปัญหาการไม่มีเครนหน้าท่า ซึ่งทำให้เรือใหญ่ไปจีนและญี่ปุ่นที่ไม่มีเครนไม่สามารถเข้าจอดเพื่อรับส่งสินค้าได้ ต้องขนใส่เรือขนาดเล็กที่มีเครนแทน แล้วถ่ายใส่เรือขนาดใหญ่ที่ท่าเรือสิงคโปร์เพื่อส่งต่อไปยังจีนและญี่ปุ่น ในขณะที่ท่าเรือปีนังขนส่งโดยเรือขนาดใหญ่สู่จีนและญี่ปุ่นโดยตรง ทำให้ต้นทุนค่าขนส่งสินค้าผ่านท่าเรือสงขลาสูงกว่าท่าเรือปีนัง อีกทั้งยังมีปัญหาความลึกของร่องน้ำ ซึ่งที่ผ่านมามีความลึกเฉลี่ยเพียง 7 เมตร ทำให้เรือใหญ่ไม่สามารถเข้าเทียบท่าได้
ทั้งนี้ กรมธนารักษ์ โดยมติ ครม. ได้จัดให้ บจก. เจ้าพระยาท่าเรือสากล เช่าที่ราชพัสดุ พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อพัฒนาโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา มีกำหนดระยะเวลา 25 ปี โดยบริษัทฯ ได้เริ่มพัฒนาตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2567 เป็นต้นมา ปัจจุบัน ผลการดำเนินงานล่าช้ากว่าแผน ราว 10.67%
นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า การปรับปรุงท่าเรือดังกล่าวจะช่วยสร้างโอกาสให้ท่าเรือสงขลาให้รองรับเรือได้หลายขนาดมากขึ้น แก้ไขปัญหาเครนหน้าท่า ปัญหาความลึกร่องน้ำ ตลอดจนช่วยให้รองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้มากขึ้น จากเดิม 180,000 teu เป็น ประมาณ 450,000 teu และรับน้ำหนักได้มากขึ้น ลดต้นทุนการขนย้ายสินค้า เพื่อทำให้แข่งขันกับท่าเรือปีนังได้ เพราะสามารถบรรทุกสินค้าส่งออกทางเรือไปยังประเทศปลายทางได้โดยตรง เพิ่มศักยภาพของท่าเรือน้ำลึกฝั่งอ่าวไทยตอนล่างในการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ไปยังประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ทั้งนี้ ต้องเร่งรัดภาคเอกชนให้การก่อสร้างเป็นไปตามแผนที่กำหนด
อ่านต่อ >64

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
#ทันหุ้น-"พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค"รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน แจงความคืบหน้าร่างกฎหมายกํากับกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซ เผยวิธีลดค่าไฟฟ้าให้ต่ำกว่า 4 บาท เตรียมเร่งผลิตระบบโซลาร์ราคาถูกวางจำหน่ายในปีนี้ 10,000 เครื่อง
นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์พิเศษโดยเปิดเผยถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับร่างกฎหมายกํากับการประกอบกิจการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงและก๊าซว่า ภาพรวมเป็นไปด้วยดี แต่ก็มีข้อท้วงติงจากผู้เชี่ยวชาญว่าอาจมีช่องโหว่ในเรื่องของการกำหนดราคาก๊าซ เพราะกฎหมายฉบับนี้จะดูแลประชาชนไปถึงเรื่องของก๊าซด้วย นั่นคือ กรณีของก๊าซหุงต้ม LPG และก๊าซที่ใช้สำหรับรถยนต์ ตนจึงได้มอบหมายให้กรมธุรกิจพลังงาน และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน รวมทั้งผู้ชำนาญการช่วยกันทบทวนเพื่อปรับปรุงร่างกฎหมายในส่วนของก๊าซ เพื่อดูแลการกำหนดราคาให้ถูกต้องเหมาะสม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ส่วนร่างกฎหมายเกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกในการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้ยื่นร่างกฎหมายนี้เข้าสภาฯไปแล้วก่อนหน้านี้ ขณะที่ทางรัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานก็จะเสนอร่างกฎหมายส่งเสริมการใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เข้าสู่สภาฯ ในเร็ว ๆ นี้ โดยขณะนี้กำลังรอให้ทางสํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบร่างฯ ของกระทรวงพลังงานแล้วเสร็จ และจะเร่งนำเข้าสู่กระบวนการทำประชาพิจารณ์โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15-20 วัน ก่อนนำส่งเข้าสภาฯ เพื่อพิจารณาประกอบกับร่างฯ ที่เสนอจากพรรคการเมือง
ในส่วนของการปรับลดค่าไฟนั้น นายพีระพันธุ์กล่าวว่า ตนได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางปรับลดค่าไฟมาตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2567 ที่ผ่านมา เพื่อหาทางปรับลดค่าไฟให้ได้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย และมีแนวโน้มว่าจะทำได้ แต่ต้องปรับปรุงแก้ไขโครงสร้างและหลักเกณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับระบบ Pool Gas แต่เผอิญว่าต้นปี 2568 มีประเด็นเพิ่มเติมเรื่องจะให้ลดค่าไฟลงมาเหลือ 3.70 บาทต่อหน่วย และสํานักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. ซึ่งกำกับดูแลเรื่องค่าไฟ ก็ออกมาบอกว่าสามารถลดได้ ซึ่งสำหรับตนถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะตลอดปี 2567 ที่ผ่านมา ตนในฐานะรัฐมนตรีพลังงานต้องพยายามบริหารจัดการอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้มีการขึ้นค่าไฟทุก 4 เดือน จนสามารถตรึ
อ่านต่อ >53

#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
”พิชัย“เล็งปรับเงื่อนไขเก็บภาษีดึงเงินได้จากการลงทุนเข้าประเทศ หลังพบว่า นักลงทุนยังถือเงินไว้ในต่างประเทศ
#ทันหุ้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยภายหลังปาฐกถาพิเศษ "ทิศทางเศรษฐกิจและการเงินไทย 2025" ในงานสัมมนา Investment Forum 2025 "33 years ONEAM : Make Your Portfolio Great Again" ว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
เขากล่าวว่า ขณะนี้ การลงทุนในประเทศน้อยลง ขณะที่ คนที่มีรายได้จากการลงทุน ก็นำเงินไปลงทุนต่างประเทศ แต่พบว่า เงินที่นำเข้ามาน้อยกว่าเงินที่นำไปลงทุน เราก็อยากแก้ไขหรือจูงใจให้มีการนำเงินกลับเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ ในปัจจุบันคนไทยที่มีเงินได้จากต่างประเทศ เมื่อนำเงินรายได้นั้นเข้าประเทศ จะต้องเสียภาษีเงินได้ให้กับรัฐบาล ซึ่งตนกำลังพิจารณาทบทวนกฎหมายนี้ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
”ในปัจจุบันมีคนไทยไปลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อนำเงินเข้ามาแล้วต้องเสียภาษีให้กับรัฐบาลอีก โดยข้อกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้าประเทศนั้น เป็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เป็นสอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของกลุ่มประเทศโออีซีดี“
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ กรมสรรพากร ซึ่งทำหน้าที่จัดเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศที่นำเข้าประเทศ ได้ตั้งเกณฑ์ว่า กรณีคนไทยที่มีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ หากนำเงินได้นั้น เข้าประเทศในปีภาษีเดียวกับปีที่เกิดเงินได้ จะต้องมีภาระภาษีเงินได้ แต่หากนำเงินได้นั้นเข้าประทศในปีภาษีถัดจากปีที่มีเงินได้ จะไม่มีภาระภาษี ทำให้ภาคธุรกิจมีเงินได้ในต่างประเทศใช้ช่องของกฎหมายนี้ เลี่ยงภาษี โดยนำเงินได้เข้าประทศในปีถัดจากปีที่เก็บภาษีเงินได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้วกรมสรรพากรได้แก้ไขกฎเกณฑ์ดังกล่าว โดยแก้เป็น ไม่ว่าจะนำเงินได้นั้น เข้าประเทศในปีใด ก็ต้องมีภาระเสียภาษีจากเงินได้นั้นๆ
อ่านต่อ >22