
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
สถานการณ์น้ำทั่วประเทศ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น.รายงานภาพรวมล่าสุดจากหน่วยงานด้านน้ำ ระบุว่าประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ยังคงเต็มเกือบทั้งหมด ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด1. ภาพรวมสภาพอากาศมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และคาดว่าจะขยายตัวลงสู่ภาคอีสานตอนล่างและทะเลจีนใต้ ทำให้ช่วง 14–15 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มแรงขึ้นและร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางช่วงวันที่ 16–18 พฤศจิกายน มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะเสริมกำลังลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากขึ้นและอาจมีฝนหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขณะที่คลื่นลมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงต่อเนื่อง2. อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมอยู่ที่ 89% ของความจุ หรือ 71,988 ล้าน ลบ.ม.น้ำใช้การได้อยู่ที่ 83% หรือ 47,865 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าอยู่ในระดับสูง ต้องบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มน้ำสำคัญอย่างระมัดระวัง 3. สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูล 13 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.)เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งมีปริมาณน้ำเก็บกักใกล้เต็มทุกแห่ง และยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่องเขื่อนภูมิพล 13,406 ล้าน ลบ.ม. (100%)น้ำไหลเข้า 65.28 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 55.05 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนสิริกิติ์ 9,309 ล้าน ลบ.ม. (98%)น้ำไหลเข้า 13.59 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.01 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 953 ล้าน ลบ.ม. (101%)น้ำไหลเข้า 5.35 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 920 ล้าน ลบ.ม. (96%)น้ำไหลเข้า 11.76 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 15.11 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน สถานีสำคัญในลุ่มเจ้าพระยาสถานี C.2 นครสวรรค์ อัตราการไหล 2,976 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.89 ม.เขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท ระบาย 2,900 ลบ.ม./วินาทีระดับน้ำเหนือเขื่อน +17.540 ม.รทก.ระดับน้ำท้ายเขื่อน +16.670 ม.รทก.สถานี C.29B สามโคก ปทุมธานี ไหลผ่าน 2,427 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.28 ม.4. ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำลุ่มโขงเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สทนช.จัดประชุมสรุปการทำงานของ “ศูนย์บริ
อ่านต่อ >16

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 17 – 22 พฤศจิกายน 2568 ดังนี้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ จังหวัดชุมพร (อำเภอสวี ทุ่งตะโก พะโต๊ะ ละแม และหลังสวน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ชัยบุรี พระแสง เวียงสระ กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก บ้านนาสาร ท่าฉาง และเกาะสมุย และเกาะพงัน) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เชียรใหญ่ ชะอวด หัวไทร เฉลิมพระเกียรติ ปากพนัง พระพรหม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา ขนอม และช้างกลาง) จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด นาโยง ปะเหลียน และย่านตาขาว) จังหวัดพัทลุง (อำเภอกงหรา ตะโหมด ป่าบอน ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต และป่าพะยอม) จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง และท่าแพ) จังหวัดสงขลา (อำเภอเมืองสงขลา ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร รัตภูมิ บางกล่ำ ควนเนียง หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง สะเดา นาหม่อม จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย) จังหวัดปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี หนองจิก โคกโพธิ์ แม่ลาน ยะรัง ยะหริ่ง มายอ ทุ่งยางแดง ปะนาเระ กะพ้อ สายบุรี และไม้แก่น) จังหวัดยะลา (อำเภอเมืองยะลา กาบัง ยะหา กรงปินัง รามัน บันนังสตา และธารโต) จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเมืองนราธิวาส บาเจาะ รือเสาะ ยี่งอ ศรีสาคร ระแงะ ตากใบ เจาะไอร้อง จะแนะ สุคิริน สุไหงปาดี สุไหงโก-ลก และแว้ง)2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่ม
อ่านต่อ >10

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
เปิดแนวทางรับมือ “วิกฤตลุ่มเจ้าพระยา”ท่ามกลางสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาที่ทะลักเข้าเต็มพื้นที่ภาคกลางทั้งสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังยกประตูเขื่อน เพิ่มการระบายอยู่ที่ 2,900 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเร่งระบายมวลน้ำทางตอนเหนือ หน่วยงานด้านน้ำต้องเร่งประสานทุกระบบชลประทาน เพื่อบริหารจัดการมวลน้ำมหาศาลให้ผ่านพ้นพื้นที่วิกฤตโดยไม่สร้างความเสียหายเพิ่มเติมขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำต่างชี้ว่าการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาทองในการระบายน้ำก่อนน้ำทะเลหนุน คือปัจจัยชี้ชะตาว่าลุ่มเจ้าพระยาจะรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ได้หรือไม่ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ โดยกรมชลประทานกำลังบริหารจัดการน้ำจากภาคเหนือ ปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมาบรรจบกันที่นครสวรรค์ ก่อนลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท“ตอนนี้เราคงการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประมาณ 5–7 วัน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างน้ำเหนือกับน้ำในพื้นที่ตอนล่าง หากประเมินแล้วว่าปริมาณน้ำเหนือเริ่มลดลง ก็จะทยอยปรับลดการระบายลงตามลำดับ” ดร.ธเนศร์ กล่าวปัจจุบันมีการระบายน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานรวม 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 48 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยเน้นการผันน้ำเข้าสู่ระบบทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ส่วนฝั่งตะวันออกใช้คลองชัยนาท–ป่าสัก และคลองชัยนาท–อยุธยา ส่วนฝั่งตะวันตกผันผ่านปากคลองมะขามเฒ่า–อู่ทอง แม่น้ำน้อย และแม่น้ำท่าจีน ซึ่งขณะนี้เดินเต็มศักยภาพแล้วอย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องผันน้ำเข้าทุ่งเกษตรกรรม กรมชลประทานจะต้องเจรจาและขออนุญาต จากเจ้าของพื้นที่ก่อน เพราะหลายจุดไม่ใช่ทุ่งรับน้ำตามแผน โดยอาจนำน้ำเข้าเพียงระดับ 20–30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้เสียหาย และยังสามารถเก็บน้ำไว้ใช้ทำนาปรังในฤดูแล้งได้ด้วยดร.ธเนศร์ ย้ำว่าสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มมีแนวโน้มลดลงแล้ว การบริหารจัดการน่าจะเป็นไปตามแผน แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ของแม่น้ำปิงที่รับการระบายจากเขื่อนภูมิพล เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญของสถานการณ์น้ำที่บริเวน จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ด้าน นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซ
อ่านต่อ >31

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันยอดขายของบริษัทมาจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกิจการในต่างประเทศประมาณ 62% และมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกจำนวน 5% นับรวมประมาณ 2 ใน 3 ของยอดขายที่มาจากต่างประเทศที่บริษัทมีการลงทุนและร่วมลงทุนรวม 16 ประเทศ มีการค้าระหว่างประเทศที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกค้าส่งชั้นนำในอีกมากกว่า 50 ประเทศ ทั้งนี้ ยอดขาย 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 430,335 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมผลจากการแปลงค่าของงบการเงินของกิจการต่างประเทศจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น บริษัทฯ จะมียอดขายเติบโตประมาณ 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ที่ 24,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 57% จากการบริหารด้านประสิทธิภาพการดำเนินการตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิผล รวมถึง ต้นทุนที่ลดลงจากราคากากถั่วเหลืองในหลายประเทศทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่มีปัจจัยหลากหลายประการกระทบการดำเนินงาน ทั้งเรื่องโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ มาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา กำลังซื้อที่ยังไม่ดีขึ้นในหลายประเทศ บริษัทฯจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระมัดระวังการลงทุน พยายามปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 138,565 ล้านบาท หากไม่นับรวมผลกระทบจากการแปลงค่าเงิน รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้น 2 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้น 16.5% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 15.4% จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และราคากากถั่วเหลืองโลกที่ลดลง อย่างไรก็ตามด้วยมาตรฐานการบันทึกบัญชีเรื่องการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ของสุกรมีผลขาดทุนที่ 1,115 ล้านบาท และส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าจำนวน 2,463 ล้านบาท ที่ลดลง 33% ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 5,186 ล้านบาท ลดลง 29% จากปีก่อน นายประสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึง แนวโน้มของธุรกิจว่าด้วยสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต รวมถึงสถานการณ์โลกร้อนที่เ
อ่านต่อ >21

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
สถานการณ์น้ำทั่วประเทศ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น.รายงานภาพรวมล่าสุดจากหน่วยงานด้านน้ำ ระบุว่าประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ยังคงเต็มเกือบทั้งหมด ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด1. ภาพรวมสภาพอากาศมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และคาดว่าจะขยายตัวลงสู่ภาคอีสานตอนล่างและทะเลจีนใต้ ทำให้ช่วง 14–15 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มแรงขึ้นและร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางช่วงวันที่ 16–18 พฤศจิกายน มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะเสริมกำลังลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากขึ้นและอาจมีฝนหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขณะที่คลื่นลมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงต่อเนื่อง2. อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมอยู่ที่ 89% ของความจุ หรือ 71,988 ล้าน ลบ.ม.น้ำใช้การได้อยู่ที่ 83% หรือ 47,865 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าอยู่ในระดับสูง ต้องบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มน้ำสำคัญอย่างระมัดระวัง 3. สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูล 13 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.)เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งมีปริมาณน้ำเก็บกักใกล้เต็มทุกแห่ง และยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่องเขื่อนภูมิพล 13,406 ล้าน ลบ.ม. (100%)น้ำไหลเข้า 65.28 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 55.05 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนสิริกิติ์ 9,309 ล้าน ลบ.ม. (98%)น้ำไหลเข้า 13.59 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.01 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 953 ล้าน ลบ.ม. (101%)น้ำไหลเข้า 5.35 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 920 ล้าน ลบ.ม. (96%)น้ำไหลเข้า 11.76 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 15.11 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน สถานีสำคัญในลุ่มเจ้าพระยาสถานี C.2 นครสวรรค์ อัตราการไหล 2,976 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.89 ม.เขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท ระบาย 2,900 ลบ.ม./วินาทีระดับน้ำเหนือเขื่อน +17.540 ม.รทก.ระดับน้ำท้ายเขื่อน +16.670 ม.รทก.สถานี C.29B สามโคก ปทุมธานี ไหลผ่าน 2,427 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.28 ม.4. ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำลุ่มโขงเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สทนช.จัดประชุมสรุปการทำงานของ “ศูนย์บริ
อ่านต่อ >16

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับจะมีคลื่นกระแสลมฝ่ายตะวันออกเคลื่อนเข้าปกคลุมภาคใต้ ส่งผลให้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งในพื้นที่ภาคใต้ ทั้งนี้ สทนช. ได้ประเมินวิเคราะห์สภาพอากาศ สถานการณ์น้ำ และคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดินโคลนถล่ม ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พบว่ามีพื้นที่เสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำ เนื่องจากระบายน้ำไม่ทัน ในช่วงวันที่ 17 – 22 พฤศจิกายน 2568 ดังนี้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้1. พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังอยู่เป็นประจำเนื่องจากระบายไม่ทัน บริเวณ จังหวัดชุมพร (อำเภอสวี ทุ่งตะโก พะโต๊ะ ละแม และหลังสวน) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ชัยบุรี พระแสง เวียงสระ กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก บ้านนาสาร ท่าฉาง และเกาะสมุย และเกาะพงัน) จังหวัดภูเก็ต (อำเภอเมืองภูเก็ต กะทู้ และถลาง) จังหวัดนครศรีธรรมราช (อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เชียรใหญ่ ชะอวด หัวไทร เฉลิมพระเกียรติ ปากพนัง พระพรหม สิชล นบพิตำ ท่าศาลา ขนอม และช้างกลาง) จังหวัดตรัง (อำเภอเมืองตรัง ห้วยยอด นาโยง ปะเหลียน และย่านตาขาว) จังหวัดพัทลุง (อำเภอกงหรา ตะโหมด ป่าบอน ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต และป่าพะยอม) จังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตูล ควนโดน ควนกาหลง และท่าแพ) จังหวัดสงขลา (อำเภอเมืองสงขลา ระโนด กระแสสินธุ์ สทิงพระ สิงหนคร รัตภูมิ บางกล่ำ ควนเนียง หาดใหญ่ คลองหอยโข่ง สะเดา นาหม่อม จะนะ นาทวี เทพา และสะบ้าย้อย) จังหวัดปัตตานี (อำเภอเมืองปัตตานี หนองจิก โคกโพธิ์ แม่ลาน ยะรัง ยะหริ่ง มายอ ทุ่งยางแดง ปะนาเระ กะพ้อ สายบุรี และไม้แก่น) จังหวัดยะลา (อำเภอเมืองยะลา กาบัง ยะหา กรงปินัง รามัน บันนังสตา และธารโต) จังหวัดนราธิวาส (อำเภอเมืองนราธิวาส บาเจาะ รือเสาะ ยี่งอ ศรีสาคร ระแงะ ตากใบ เจาะไอร้อง จะแนะ สุคิริน สุไหงปาดี สุไหงโก-ลก และแว้ง)2. เฝ้าระวังอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็กที่ม
อ่านต่อ >10

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
เปิดแนวทางรับมือ “วิกฤตลุ่มเจ้าพระยา”ท่ามกลางสถานการณ์น้ำในลุ่มเจ้าพระยาที่ทะลักเข้าเต็มพื้นที่ภาคกลางทั้งสิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยายังยกประตูเขื่อน เพิ่มการระบายอยู่ที่ 2,900 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเร่งระบายมวลน้ำทางตอนเหนือ หน่วยงานด้านน้ำต้องเร่งประสานทุกระบบชลประทาน เพื่อบริหารจัดการมวลน้ำมหาศาลให้ผ่านพ้นพื้นที่วิกฤตโดยไม่สร้างความเสียหายเพิ่มเติมขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำต่างชี้ว่าการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงเวลาทองในการระบายน้ำก่อนน้ำทะเลหนุน คือปัจจัยชี้ชะตาว่าลุ่มเจ้าพระยาจะรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ได้หรือไม่ ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ โดยกรมชลประทานกำลังบริหารจัดการน้ำจากภาคเหนือ ปิง วัง ยม น่าน ที่ไหลมาบรรจบกันที่นครสวรรค์ ก่อนลงสู่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท“ตอนนี้เราคงการระบายน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาไว้ที่ 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ประมาณ 5–7 วัน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างน้ำเหนือกับน้ำในพื้นที่ตอนล่าง หากประเมินแล้วว่าปริมาณน้ำเหนือเริ่มลดลง ก็จะทยอยปรับลดการระบายลงตามลำดับ” ดร.ธเนศร์ กล่าวปัจจุบันมีการระบายน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานรวม 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 48 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน โดยเน้นการผันน้ำเข้าสู่ระบบทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก ส่วนฝั่งตะวันออกใช้คลองชัยนาท–ป่าสัก และคลองชัยนาท–อยุธยา ส่วนฝั่งตะวันตกผันผ่านปากคลองมะขามเฒ่า–อู่ทอง แม่น้ำน้อย และแม่น้ำท่าจีน ซึ่งขณะนี้เดินเต็มศักยภาพแล้วอย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องผันน้ำเข้าทุ่งเกษตรกรรม กรมชลประทานจะต้องเจรจาและขออนุญาต จากเจ้าของพื้นที่ก่อน เพราะหลายจุดไม่ใช่ทุ่งรับน้ำตามแผน โดยอาจนำน้ำเข้าเพียงระดับ 20–30 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้เสียหาย และยังสามารถเก็บน้ำไว้ใช้ทำนาปรังในฤดูแล้งได้ด้วยดร.ธเนศร์ ย้ำว่าสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาเริ่มมีแนวโน้มลดลงแล้ว การบริหารจัดการน่าจะเป็นไปตามแผน แต่ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ของแม่น้ำปิงที่รับการระบายจากเขื่อนภูมิพล เพราะจะเป็นตัวแปรสำคัญของสถานการณ์น้ำที่บริเวน จ.นครสวรรค์ ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา ด้าน นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซ
อ่านต่อ >31

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ปัจจุบันยอดขายของบริษัทมาจากต่างประเทศเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนยอดขายจากกิจการในต่างประเทศประมาณ 62% และมีการส่งออกไปต่างประเทศอีกจำนวน 5% นับรวมประมาณ 2 ใน 3 ของยอดขายที่มาจากต่างประเทศที่บริษัทมีการลงทุนและร่วมลงทุนรวม 16 ประเทศ มีการค้าระหว่างประเทศที่จำหน่ายในร้านค้าปลีกค้าส่งชั้นนำในอีกมากกว่า 50 ประเทศ ทั้งนี้ ยอดขาย 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 430,335 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมผลจากการแปลงค่าของงบการเงินของกิจการต่างประเทศจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น บริษัทฯ จะมียอดขายเติบโตประมาณ 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกปีนี้ที่ 24,112 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 57% จากการบริหารด้านประสิทธิภาพการดำเนินการตลอดห่วงโซ่อุปทาน และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิผล รวมถึง ต้นทุนที่ลดลงจากราคากากถั่วเหลืองในหลายประเทศทั่วโลกที่อยู่ในระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา นายประสิทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้เป็นอีกปีหนึ่งที่มีปัจจัยหลากหลายประการกระทบการดำเนินงาน ทั้งเรื่องโรคระบาดในการเลี้ยงสัตว์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ มาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา กำลังซื้อที่ยังไม่ดีขึ้นในหลายประเทศ บริษัทฯจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ระมัดระวังการลงทุน พยายามปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขาย 138,565 ล้านบาท หากไม่นับรวมผลกระทบจากการแปลงค่าเงิน รายได้จากการขายจะเพิ่มขึ้น 2 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีอัตรากำไรขั้นต้น 16.5% ดีขึ้นจากปีก่อนที่ระดับ 15.4% จากการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และราคากากถั่วเหลืองโลกที่ลดลง อย่างไรก็ตามด้วยมาตรฐานการบันทึกบัญชีเรื่องการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของสินทรัพย์ของสุกรมีผลขาดทุนที่ 1,115 ล้านบาท และส่วนได้ในกำไรของบริษัทร่วมและการร่วมค้าจำนวน 2,463 ล้านบาท ที่ลดลง 33% ทำให้กำไรสุทธิในไตรมาส 3 อยู่ที่ 5,186 ล้านบาท ลดลง 29% จากปีก่อน นายประสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึง แนวโน้มของธุรกิจว่าด้วยสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต รวมถึงสถานการณ์โลกร้อนที่เ
อ่านต่อ >21

#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
สถานการณ์น้ำทั่วประเทศ 13 พฤศจิกายน 2568 เวลา 07.00 น.รายงานภาพรวมล่าสุดจากหน่วยงานด้านน้ำ ระบุว่าประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคกลางตอนล่าง กรุงเทพฯ–ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ขณะเดียวกันปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำใหญ่ยังคงเต็มเกือบทั้งหมด ส่งผลต่อการบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด1. ภาพรวมสภาพอากาศมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และคาดว่าจะขยายตัวลงสู่ภาคอีสานตอนล่างและทะเลจีนใต้ ทำให้ช่วง 14–15 พฤศจิกายน 2568 ภาคใต้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง จากอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่เริ่มแรงขึ้นและร่องมรสุมที่พาดผ่านภาคใต้ตอนกลางช่วงวันที่ 16–18 พฤศจิกายน มวลอากาศเย็นระลอกใหม่จะเสริมกำลังลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้จะมีฝนมากขึ้นและอาจมีฝนหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขณะที่คลื่นลมอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงต่อเนื่อง2. อ่างเก็บน้ำทั่วประเทศปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมอยู่ที่ 89% ของความจุ หรือ 71,988 ล้าน ลบ.ม.น้ำใช้การได้อยู่ที่ 83% หรือ 47,865 ล้าน ลบ.ม. ถือว่าอยู่ในระดับสูง ต้องบริหารจัดการน้ำลงสู่ลุ่มน้ำสำคัญอย่างระมัดระวัง 3. สถานการณ์ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (ข้อมูล 13 พ.ย. 68 เวลา 06.00 น.)เขื่อนหลักทั้ง 4 แห่งมีปริมาณน้ำเก็บกักใกล้เต็มทุกแห่ง และยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่องเขื่อนภูมิพล 13,406 ล้าน ลบ.ม. (100%)น้ำไหลเข้า 65.28 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 55.05 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนสิริกิติ์ 9,309 ล้าน ลบ.ม. (98%)น้ำไหลเข้า 13.59 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.01 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน 953 ล้าน ลบ.ม. (101%)น้ำไหลเข้า 5.35 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 5.18 ล้าน ลบ.ม.ต่อวันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 920 ล้าน ลบ.ม. (96%)น้ำไหลเข้า 11.76 ล้าน ลบ.ม. / ระบาย 15.11 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน สถานีสำคัญในลุ่มเจ้าพระยาสถานี C.2 นครสวรรค์ อัตราการไหล 2,976 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.89 ม.เขื่อนเจ้าพระยา ชัยนาท ระบาย 2,900 ลบ.ม./วินาทีระดับน้ำเหนือเขื่อน +17.540 ม.รทก.ระดับน้ำท้ายเขื่อน +16.670 ม.รทก.สถานี C.29B สามโคก ปทุมธานี ไหลผ่าน 2,427 ลบ.ม./วินาที ต่ำกว่าตลิ่ง 0.28 ม.4. ความคืบหน้าการบริหารจัดการน้ำลุ่มโขงเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 สทนช.จัดประชุมสรุปการทำงานของ “ศูนย์บริ
อ่านต่อ >16