#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
สรรพากรโชว์ 11 เดือนรีดภาษีทะลุ 1.96 ล้านล้านบาท มั่นใจปีงบ 67 เก็บรายได้ตามเป้า 2.28 ล้านล้านใช้กลยุทธ์ “SMILE RD”ปีหน้ารับเป้า 2.3 ล้านล้าน
#ทันหุ้น นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ2567 นี้ (ตุลาคม 2566 - สิงหาคม 2567) กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 1.96 ล้านล้านบาทสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 8,482 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 47,911 ล้านบาท หรือกว่า 2.5% ทั้งนี้ มั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณ 2567 นี้ กรมจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย 2.28 ล้านล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บรายได้ในรอบ 11 เดือนนั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับมาตรการด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา อาทิ มาตรการ “Easy E-Receipt” ที่ช่วยเหลือประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ
“มาตรการดังกล่าว เป็นแรงส่งให้การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า7.7%”
นางสาวกุลยา กล่าวว่า เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 2.37 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีงบมาณก่อน 4.2% อย่างไรก็ตาม การที่กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามที่กระทรวงการคลังได้มอบหมายไว้ เป็นส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศเอาไว้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์
ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันกรมสรรพากรได้มีกลยุทธ์ในการจัดเก็บภาษี “SMILE RD” ซึ่งเริ่มใช้ในปีงบประมาณ 2567 ได้แก่
S : Simplification การทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต่อ
M : Modernization มีความทันสมัย
I : Inclusivity and Innovation มีความทั่วถึง และมีนวัตกรรมด้วย
L : Legality and Compliance ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมาย
E : Efficiency มีประสิทธิภาพ
R : Responsiveness ตอบสนองความต้องการทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เสียภาษี
D : Digitization ปรับองค์กรมุ่งสู่ Digital First
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบาย “oneRD : ONE TEAM ONE SEAMLESS TAX ECOSYSTEM” ตามที่ปลัดกระทรวงการคลังได้ริเริ่มไว้ ทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต
อ่านต่อ >15
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายวรวิทย์ สุภาอ้วน ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยหลวง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ยังมีน้ำไหลเข้าอ่างฯจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่อง ปัจจุบันอ่างฯมีปริมาณน้ำ 125.20 ล้านลูกบาศก์มเมตรคิดเป็นร้อบละ 92.35 จากความจุสูงสุด 135.5 ล้านลูกบาศก์เมตร โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยหลวง จึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นโดยจะปรับเพิ่มระบายปริมาณอีก 30 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หรือวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร และคาดว่าฝนตกต่อเนื่อง จึงประกาศแจ้งให้เกษตรกรในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่ติดกับลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขา เก็บสิ่งของมีค่าไว้ในที่สูง เพราะการระบายน้ำครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้น้ำในลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขา อาจกระทบกับบ้านเรือนของประชาชน ที่อยู่บริเวณสองฝั่งลำห้วยได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงการระบายน้ำ จะประกาศให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้ง ปัจจุบันลุ่มน้ำห้วยหลวง อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทำให้อ่างฯบางแห่งเต็มความจุ ลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขาล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ถนน และพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นการท่วมรอบแรก โดยล่าสุดแม้ความรุนแรงของฝนจะลดลง ไม่มีน้ำท่วมบ้านเรือนและถนนแล้ว ระดับน้ำในลำห้วยหลวงไม่ล้น แต่ระดับน้ำยังสูงอยู่ วันนี้(7 ก.ย.) จะเริ่มจากอ่างฯห้วยหลวงระบาย 3 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เปิดประตูน้ำบ้านหัวขัว อ.กุดจับ ระบายน้ำ 7.9 ล้าน ลบ.ม./วัน , อ่างฯกุดลิงง้อ ความจุอ่างเต็ม 100 % ระบายออก 0.12 ล้าน ลบม./วัน , อ่างฯหนองสำโรงความจุอ่าง 98% ระบายออก 6.8 ล้าน ลบม./วัน , อ่างฯบ้านจั่น ความจุอ่าง 74 % หยุดการระบายน้ำชั่วคราว ขณะที่ประตูน้ำห้วยหลวง บ้านสามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จุดรวมของลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขา จะมีน้ำไหลผ่าน 34.7 ล้าน ลบม./วัน ทำให้สำนักงานชลประทานที่ 5 ได้นำเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 8 เครื่อง มาติดตั้งผลักดันน้ำไหลเร็วลงแม่น้ำโขงให้มากที่สุด ก่อนที่จะมีฝนตกลงมาจากพายุยางิ
อ่านต่อ >16
#ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #TNN ช่อง16
ทีมนักวิจัยที่นำโดยมหาวิทยาลัย Ohio State University ในประเทศสหรัฐอเมริกา ขุดค้นพบเศษดีเอ็นเอของไวรัสโบราณเกือบ 1,700 สายพันธุ์ ที่มีอายุกว่า 41,000 ปี และรอดพ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศครั้งใหญ่ระดับโลกมาถึง 3 ครั้ง โดยทีมนักวิจัย พบเศษดีเอ็นเอเหล่านี้ อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง Guliya Glacier ในเทือกเขาหิมาลัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเขตปกครองตนเองทิเบต ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบว่าไวรัส 3 ใน 4 เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ทั้งนี้ทางนักวิจัยเตรียมศึกษาต่อ เพื่อหาสาเหตุว่าทำไมไวรัสเหล่านี้ จึงสามารถปรับตัว จนมีชีวิตรอดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาได้ ทั้งนี้ ก้อนน้ำแข็ง ที่ได้จากธารน้ำแข็งดังกล่าว เป็นทรัพยากรทางการวิจัยที่มีค่ามาก เพราะมีตัวอย่างน้อยมากในปัจจุบัน สำหรับจะใช้ตรวจสอบและวิจัยเกี่ยวกับเรื่องไวรัสและจุลินทรีย์ ซึ่งจากการตรวจสอบของนักวิจัยเบื้องต้นพบว่า ตัวแกนน้ำแข็งที่พบไวรัสดังกล่าว อยู่ลึกลงไปในธารนำแข็งราว 1,000 ฟุต หรือประมาณ 305 เมตร ซึ่งสามารถแบ่งช่วงของน้ำแข็งออกได้เป็น 9 ช่วง แต่ละช่วงแสดงถึงเวลาที่แตกต่างกัน ตั้งแต่สภาพอากาศเย็นเปลี่ยนไปเป็นอุ่นกว่า 3 รอบ (Cold-to-Warm cycles) ในช่วงราว 160 - 41,000 ปีที่ผ่านมานอกจากนี้ทางนักวิจัยยังได้สกัดดีเอ็นเอ จากแต่ละส่วนของน้ำแข็ง และใช้กระบวนการที่เรียกว่าการวิเคราะห์เมตาจีโนม (metagenomic analysis) เพื่อระบุสายพันธุ์ไวรัส ซึ่งได้ออกมามากถึง 1,700 สายพันธุ์ ตามที่กล่าวไว้ในข้างต้นทั้งนี้ Jean-Michel Claverie ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Aix-Marseille ในประเทศฝรั่งเศส และผู้นำด้านการวิจัยในเรื่องนี้ แสดงความกังวลว่าตัวไวรัสที่ถูกกักขังไว้ อาจหลุดออกมาแพร่สู่คนได้ เนื่องจากภาวะโลกร้อน จนทำให้น้ำแข็งละลายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความสามารถในการปรับตัวของไวรัสเหล่านี้ ที่สามารถมีชีวิตรอดมาได้อย่างยาวนาน ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่า ไวรัสที่แพร่เชื้อสู่สัตว์หรือมนุษย์ อาจจะยังคงแพร่เชื้อได้ภายใต้สภาพเดียวกัน เพราะจากการตรวจสอบไวรัส พบดีเอ็นเอของไวรัสที่แพร่เชื้อสู่สัตว์หรือมนุษย์ อยู่ในน้ำแข็งนี้ด้วยกันถึง 1 ใน 4 ตามรายงานของศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาภูเขาแบบบูรณาการ International Center for Integrated Mountain Development (ICIMOD) ในปี 2023 คาดการณ์ว่าภายในปี 2100 ปริมาณธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิ
อ่านต่อ >16
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (6 กันยายน 2567) เวลา 15.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 จะเดินทางมายังตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายภาพเดี่ยวในเครื่องแบบปกติขาว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ออกเดินทางจากทำเนียบรัฐบาลโดยรถตู้ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดเตรียมไว้ ไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เพื่อเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในเวลาประมาณ 18.15 น. ต่อไปทั้งนี้ วันพรุ่งนี้ ( 7 กันยายน 2567) นายกรัฐมนตรีจะนำคณะรัฐมนตรี ถ่ายภาพหมู่ ณ สนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษด้วยภาพจาก รัฐบาลไทย
อ่านต่อ >33
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
สรรพากรโชว์ 11 เดือนรีดภาษีทะลุ 1.96 ล้านล้านบาท มั่นใจปีงบ 67 เก็บรายได้ตามเป้า 2.28 ล้านล้านใช้กลยุทธ์ “SMILE RD”ปีหน้ารับเป้า 2.3 ล้านล้าน
#ทันหุ้น นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ2567 นี้ (ตุลาคม 2566 - สิงหาคม 2567) กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 1.96 ล้านล้านบาทสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 8,482 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 47,911 ล้านบาท หรือกว่า 2.5% ทั้งนี้ มั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณ 2567 นี้ กรมจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย 2.28 ล้านล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บรายได้ในรอบ 11 เดือนนั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับมาตรการด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา อาทิ มาตรการ “Easy E-Receipt” ที่ช่วยเหลือประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ
“มาตรการดังกล่าว เป็นแรงส่งให้การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า7.7%”
นางสาวกุลยา กล่าวว่า เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 2.37 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีงบมาณก่อน 4.2% อย่างไรก็ตาม การที่กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามที่กระทรวงการคลังได้มอบหมายไว้ เป็นส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศเอาไว้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์
ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันกรมสรรพากรได้มีกลยุทธ์ในการจัดเก็บภาษี “SMILE RD” ซึ่งเริ่มใช้ในปีงบประมาณ 2567 ได้แก่
S : Simplification การทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต่อ
M : Modernization มีความทันสมัย
I : Inclusivity and Innovation มีความทั่วถึง และมีนวัตกรรมด้วย
L : Legality and Compliance ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมาย
E : Efficiency มีประสิทธิภาพ
R : Responsiveness ตอบสนองความต้องการทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เสียภาษี
D : Digitization ปรับองค์กรมุ่งสู่ Digital First
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบาย “oneRD : ONE TEAM ONE SEAMLESS TAX ECOSYSTEM” ตามที่ปลัดกระทรวงการคลังได้ริเริ่มไว้ ทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต
อ่านต่อ >15
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายวรวิทย์ สุภาอ้วน ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยหลวง จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า ยังมีน้ำไหลเข้าอ่างฯจำนวนมากอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะมีฝนตกต่อเนื่อง ปัจจุบันอ่างฯมีปริมาณน้ำ 125.20 ล้านลูกบาศก์มเมตรคิดเป็นร้อบละ 92.35 จากความจุสูงสุด 135.5 ล้านลูกบาศก์เมตร โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยหลวง จึงจำเป็นต้องระบายน้ำเพิ่มขึ้นโดยจะปรับเพิ่มระบายปริมาณอีก 30 ลูกบาศก์เมตร/วินาที หรือวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร และคาดว่าฝนตกต่อเนื่อง จึงประกาศแจ้งให้เกษตรกรในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่ติดกับลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขา เก็บสิ่งของมีค่าไว้ในที่สูง เพราะการระบายน้ำครั้งนี้ อาจจะส่งผลให้น้ำในลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขา อาจกระทบกับบ้านเรือนของประชาชน ที่อยู่บริเวณสองฝั่งลำห้วยได้ หากมีการเปลี่ยนแปลงการระบายน้ำ จะประกาศให้ทราบล่วงหน้าอีกครั้ง ปัจจุบันลุ่มน้ำห้วยหลวง อยู่ในช่วงเฝ้าระวัง จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องก่อนหน้านี้ ทำให้อ่างฯบางแห่งเต็มความจุ ลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขาล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือน ถนน และพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งเป็นการท่วมรอบแรก โดยล่าสุดแม้ความรุนแรงของฝนจะลดลง ไม่มีน้ำท่วมบ้านเรือนและถนนแล้ว ระดับน้ำในลำห้วยหลวงไม่ล้น แต่ระดับน้ำยังสูงอยู่ วันนี้(7 ก.ย.) จะเริ่มจากอ่างฯห้วยหลวงระบาย 3 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เปิดประตูน้ำบ้านหัวขัว อ.กุดจับ ระบายน้ำ 7.9 ล้าน ลบ.ม./วัน , อ่างฯกุดลิงง้อ ความจุอ่างเต็ม 100 % ระบายออก 0.12 ล้าน ลบม./วัน , อ่างฯหนองสำโรงความจุอ่าง 98% ระบายออก 6.8 ล้าน ลบม./วัน , อ่างฯบ้านจั่น ความจุอ่าง 74 % หยุดการระบายน้ำชั่วคราว ขณะที่ประตูน้ำห้วยหลวง บ้านสามพร้าว อ.เมืองอุดรธานี จุดรวมของลำห้วยหลวง และลำห้วยสาขา จะมีน้ำไหลผ่าน 34.7 ล้าน ลบม./วัน ทำให้สำนักงานชลประทานที่ 5 ได้นำเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 8 เครื่อง มาติดตั้งผลักดันน้ำไหลเร็วลงแม่น้ำโขงให้มากที่สุด ก่อนที่จะมีฝนตกลงมาจากพายุยางิ
อ่านต่อ >16
#ข่าววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี #TNN ช่อง16
ทีมนักวิจัยที่นำโดยมหาวิทยาลัย Ohio State University ในประเทศสหรัฐอเมริกา ขุดค้นพบเศษดีเอ็นเอของไวรัสโบราณเกือบ 1,700 สายพันธุ์ ที่มีอายุกว่า 41,000 ปี และรอดพ้นจากการเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศครั้งใหญ่ระดับโลกมาถึง 3 ครั้ง โดยทีมนักวิจัย พบเศษดีเอ็นเอเหล่านี้ อยู่ใต้ธารน้ำแข็ง Guliya Glacier ในเทือกเขาหิมาลัย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเขตปกครองตนเองทิเบต ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยพบว่าไวรัส 3 ใน 4 เป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่ถูกค้นพบ ทั้งนี้ทางนักวิจัยเตรียมศึกษาต่อ เพื่อหาสาเหตุว่าทำไมไวรัสเหล่านี้ จึงสามารถปรับตัว จนมีชีวิตรอดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศมาได้ ทั้งนี้ ก้อนน้ำแข็ง ที่ได้จากธารน้ำแข็งดังกล่าว เป็นทรัพยากรทางการวิจัยที่มีค่ามาก เพราะมีตัวอย่างน้อยมากในปัจจุบัน สำหรับจะใช้ตรวจสอบและวิจัยเกี่ยวกับเรื่องไวรัสและจุลินทรีย์ ซึ่งจากการตรวจสอบของนักวิจัยเบื้องต้นพบว่า ตัวแกนน้ำแข็งที่พบไวรัสดังกล่าว อยู่ลึกลงไปในธารนำแข็งราว 1,000 ฟุต หรือประมาณ 305 เมตร ซึ่งสามารถแบ่งช่วงของน้ำแข็งออกได้เป็น 9 ช่วง แต่ละช่วงแสดงถึงเวลาที่แตกต่างกัน ตั้งแต่สภาพอากาศเย็นเปลี่ยนไปเป็นอุ่นกว่า 3 รอบ (Cold-to-Warm cycles) ในช่วงราว 160 - 41,000 ปีที่ผ่านมานอกจากนี้ทางนักวิจัยยังได้สกัดดีเอ็นเอ จากแต่ละส่วนของน้ำแข็ง และใช้กระบวนการที่เรียกว่าการวิเคราะห์เมตาจีโนม (metagenomic analysis) เพื่อระบุสายพันธุ์ไวรัส ซึ่งได้ออกมามากถึง 1,700 สายพันธุ์ ตามที่กล่าวไว้ในข้างต้นทั้งนี้ Jean-Michel Claverie ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Aix-Marseille ในประเทศฝรั่งเศส และผู้นำด้านการวิจัยในเรื่องนี้ แสดงความกังวลว่าตัวไวรัสที่ถูกกักขังไว้ อาจหลุดออกมาแพร่สู่คนได้ เนื่องจากภาวะโลกร้อน จนทำให้น้ำแข็งละลายอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความสามารถในการปรับตัวของไวรัสเหล่านี้ ที่สามารถมีชีวิตรอดมาได้อย่างยาวนาน ซึ่งอาจบ่งชี้ได้ว่า ไวรัสที่แพร่เชื้อสู่สัตว์หรือมนุษย์ อาจจะยังคงแพร่เชื้อได้ภายใต้สภาพเดียวกัน เพราะจากการตรวจสอบไวรัส พบดีเอ็นเอของไวรัสที่แพร่เชื้อสู่สัตว์หรือมนุษย์ อยู่ในน้ำแข็งนี้ด้วยกันถึง 1 ใน 4 ตามรายงานของศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาภูเขาแบบบูรณาการ International Center for Integrated Mountain Development (ICIMOD) ในปี 2023 คาดการณ์ว่าภายในปี 2100 ปริมาณธารน้ำแข็งในเทือกเขาหิ
อ่านต่อ >16
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
วันนี้ (6 กันยายน 2567) เวลา 15.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 จะเดินทางมายังตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อถ่ายภาพเดี่ยวในเครื่องแบบปกติขาว ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะนำคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ออกเดินทางจากทำเนียบรัฐบาลโดยรถตู้ที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดเตรียมไว้ ไปยังพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เพื่อเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ในเวลาประมาณ 18.15 น. ต่อไปทั้งนี้ วันพรุ่งนี้ ( 7 กันยายน 2567) นายกรัฐมนตรีจะนำคณะรัฐมนตรี ถ่ายภาพหมู่ ณ สนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษด้วยภาพจาก รัฐบาลไทย
อ่านต่อ >33
#ข่าวการเงิน การลงทุน #ทันหุ้น
สรรพากรโชว์ 11 เดือนรีดภาษีทะลุ 1.96 ล้านล้านบาท มั่นใจปีงบ 67 เก็บรายได้ตามเป้า 2.28 ล้านล้านใช้กลยุทธ์ “SMILE RD”ปีหน้ารับเป้า 2.3 ล้านล้าน
#ทันหุ้น นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ2567 นี้ (ตุลาคม 2566 - สิงหาคม 2567) กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 1.96 ล้านล้านบาทสูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 8,482 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 47,911 ล้านบาท หรือกว่า 2.5% ทั้งนี้ มั่นใจว่าสิ้นปีงบประมาณ 2567 นี้ กรมจะสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามเป้าหมาย 2.28 ล้านล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บรายได้ในรอบ 11 เดือนนั้น ส่วนหนึ่งสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับมาตรการด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา อาทิ มาตรการ “Easy E-Receipt” ที่ช่วยเหลือประชาชนและร้านค้าที่เข้าร่วมออกใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax invoice & e-Receipt) และมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ
“มาตรการดังกล่าว เป็นแรงส่งให้การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคภายในประเทศยังคงขยายตัวได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า7.7%”
นางสาวกุลยา กล่าวว่า เป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมในปีงบประมาณ 2568 อยู่ที่ 2.37 ล้านล้านบาท สูงกว่าปีงบมาณก่อน 4.2% อย่างไรก็ตาม การที่กรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ได้ตามที่กระทรวงการคลังได้มอบหมายไว้ เป็นส่วนสำคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศเอาไว้ได้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ เศรษฐกิจขยายตัวต่ำกว่าคาดการณ์
ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันกรมสรรพากรได้มีกลยุทธ์ในการจัดเก็บภาษี “SMILE RD” ซึ่งเริ่มใช้ในปีงบประมาณ 2567 ได้แก่
S : Simplification การทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต่อ
M : Modernization มีความทันสมัย
I : Inclusivity and Innovation มีความทั่วถึง และมีนวัตกรรมด้วย
L : Legality and Compliance ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมาย
E : Efficiency มีประสิทธิภาพ
R : Responsiveness ตอบสนองความต้องการทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เสียภาษี
D : Digitization ปรับองค์กรมุ่งสู่ Digital First
นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบาย “oneRD : ONE TEAM ONE SEAMLESS TAX ECOSYSTEM” ตามที่ปลัดกระทรวงการคลังได้ริเริ่มไว้ ทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต
อ่านต่อ >15