
#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา ประกาศยกเลิกข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้โดยสารต้องถอดรองเท้าขณะผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ซึ่งเป็นกฎที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2006 โดยมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศทันที นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในรอบเกือบ 20 ปีของระบบตรวจสอบผู้โดยสารในสนามบินของสหรัฐฯการประกาศดังกล่าวมีขึ้นที่สนามบิน Ronald Reagan Washington National โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สะดวกขึ้น แต่ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดเช่นเดิม สำนักงานความปลอดภัยด้านการเดินทาง หรือ TSA เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารเฉลี่ยเกือบ 2.5 ล้านคนต่อวันทั่วประเทศ โดยในอดีตการบังคับให้ถอดรองเท้าเกิดขึ้นจากมาตรการรับมือภัยคุกคาม หลังจากเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายพยายามจุดระเบิดซุกซ่อนในรองเท้าระหว่างเที่ยวบินจากปารีสไปไมอามีเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2001 ซึ่งนำไปสู่การใช้มาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นในเวลาต่อมาแม้ในช่วงหลัง ผู้โดยสารที่ลงทะเบียนในโครงการ TSA PreCheck จะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องถอดรองเท้าและสามารถพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตัวผ่านจุดตรวจได้โดยไม่ต้องแยกออกจากกระเป๋า แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะขยายผลไปยังผู้โดยสารทั่วไปจำนวนมากกระทรวงฯ ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการประเมินอย่างรอบด้านถึงแนวทางปฏิบัติของ TSA โดยอาศัยเทคโนโลยีตรวจสอบสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเดินทางจำนวนมากในโอกาสที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีหน้า องค์กร Airlines for America ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบินรายใหญ่ในประเทศ อาทิ American Airlines, Delta และ United Airlines ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนมาตรการใหม่ โดยระบุว่า การยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวจะช่วยให้ขั้นตอนการเดินทางของผู้โดยสารสะดวกและรวดเร็วขึ้น พร้อมย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประเมินความเสี่ยงและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนั้น ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมและสมเหตุสมผลการปรับเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนความพยายามของหน่วยงานรัฐในการสร้างสมดุลระหว่าง "ความปลอดภัย" กับ "ประสบการณ์ที่ดีของผู้โดยสาร" ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
อ่านต่อ >10

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (14 ก.ค. 2568) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสำนักงานชลประทานทั่วประเทศรายงานระบุว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีน้ำรวมประมาณ 44,275 ล้าน ลบ.ม. หรือราว 58% ของความจุ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 32,000 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำรวม 13,567 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 55% ของความจุอย่างไรก็ตาม จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องช่วง 3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมในหลายจังหวัด ได้แก่ ตราด อ.เขาสมิง: โครงการชลประทานตราดร่วมหน่วยงานในพื้นที่เข้าช่วยเหลือทันที นครพนม 6 อำเภอ เช่น นาหว้า ศรีสงคราม นาแก: ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำกว่า 20 เครื่อง พร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. สกลนคร อ.โพนนาแก้ว: เร่งระบายน้ำลำก่ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า 14–19 ก.ค.นี้ ภาคเหนือและอีสานตอนบนจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อาจเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากอีกครั้งกรมชลประทานจึงกำชับโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงให้ ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์และสิ่งกีดขวางทางน้ำ ปรับแผนระบายน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณฝน เตรียมเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือช่วยเหลือทันทีในจุดเสี่ยง และปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูฝน 9 ข้อของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติอย่างเข้มงวดทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายของ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นการ “บริหารน้ำเชิงรุก” เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุดในฤดูฝนปีนี้
อ่านต่อ >22

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า เราจะยังคงเตรียมมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม เพื่อให้พร้อมอย่างเต็มที่” พร้อมย้ำถึงความต้องการของ EU ในการหาทางออกด้วยการเจรจา ซึ่งมาตรการตอบโต้ปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อสินค้าสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 21,000 ล้านยูโร (24,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ EU มีมาตรการอื่น ๆ เตรียมพร้อมอีกประมาณ 72,000 ล้านยูโร รวมถึงการควบคุมการส่งออกบางส่วน ซึ่งจะนำเสนอต่อประเทศสมาชิกเร็วสุดในวันนี้ ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เรียกร้องให้เร่งเตรียมมาตรการตอบโต้ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้กลไกต่อต้าน หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในวันที่ 1 ส.ค.ขณะที่นายฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ภาษี 30% จะส่งผลกระทบต่อเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ส่งออกในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่างรุนแรงถึงแก่น หากไม่สามารถหาทางออกจากการเจรจาในความขัดแย้งทางการค้าได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวว่ากำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำคนอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าภาษีที่มีขนาดมหาศาลดังกล่าวจะไม่ถูกนำมาใช้ ซึ่งต้องอาศัยความสามัคคีในสหภาพยุโรป และการสื่อสารที่ดีกับประธานาธิบดีสหรัฐฯหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รัฐบาลเยอรมนีอาจต้องเลื่อนการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจออกไป ซึ่งจะบดบังทุกสิ่ง และกระทบอุตสาหกรรมการส่งออกของเยอรมนีจนถึงแก่น ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุว่า อัตราภาษีที่เสนอ 30% ร่วมกับภาษีเฉพาะภาคส่วนที่มีอยู่ และภาษีที่คาดว่าจะเรียกเก็บจากสินค้าสำคัญ จะทำให้อัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐฯ ต่อ EU เพิ่มขึ้น 26 จุดเปอร์เซ็นต์ หากมีการบังคับใช้และคงอยู่อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ GDP ของยูโรโซนลดลงรวม 1.2% จนถึงสิ้นปี 2026 พร้อมชี้ว่า “EU มีแนวโน้มที่จะตอบโต้ภาษี 30% ที่เรียกเก็บโดยทั่วไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ถูกนำมาใช้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การยกระดับความขัดแย้งทางการค้า”
อ่านต่อ >14

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
เริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ จากเดิม 20 บาทต่อเดือน เป็น 60 บาทต่อเดือน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ตราข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการร่วมลดและคัดแยกขยะที่แหล่งกำเนิดหรือต้นทาง สอดคล้องกับสภาวการณ์และค่าใช้จ่ายปัจจุบัน โดยข้อบัญญัติฉบับดังกล่าว ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 มีผลบังคับใช้หลังประกาศ 180 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 28 กันยายน 2568 โดยจะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ จากเดิม 20 บาทต่อเดือน เป็น 60 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 เป็นต้นไปนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานครที่มีการแยกขยะตามกฎหมาย หลักการง่าย ๆ คือ การแยกขยะเปียกออกจากขยะแห้ง ถ้าครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการมีขยะไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อวัน จะเสียค่าจัดเก็บขยะ 20 บาทต่อเดือนเท่าเดิม แต่ถ้าไม่เข้าร่วมโครงการจะเสีย 60 บาท เพียงแค่แยกขยะแล้วใส่ถุงแยกไว้ก็จะมีคนมาเก็บไป ส่วนขยะที่เหลือหากเป็นขยะรีไซเคิลสามารถนำไปขายหรือบริจาคได้เพราะเปลี่ยนเป็นเงินได้ อยากให้มีการลงทะเบียนเยอะ ๆ ขอให้ทุกคนช่วยกัน ขยะไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ขยะเกิดจากพวกเรา ขยะทุกชิ้นมีเจ้าของ ช่วยกันแยกตั้งแต่ต้นทาง กทม. จะดำเนินการให้ดีขึ้น ที่ผ่านมา กทม. ใช้เงินในการจัดการขยะประมาณ 7,000 – 8,000 ล้านบาท ขยะบางอย่างมีมูลค่า ถ้ามารวมกันจะทำให้ไร้มูลค่า ขอยืนยันว่า กทม. จะแยกขยะตั้งแต่รถจัดเก็บไปจนถึงปลายทาง ไม่ลำบากมาก อาจต้องปรับพฤติกรรมนิดหน่อย เชื่อว่าถ้าร่วมมือกันจะทำให้เมืองดีขึ้นได้ ในส่วนภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการต่าง ๆ มีการปรับค่าธรรมเนียมขึ้นด้วย อัตราจะแตกต่างจากบ้านเรือน หากรายใหญ่มีการแยกขยะจะสามารถช่วยลดปริมาณขยะได้มาก และจ่ายค่าธรรมเนียมขยะน้อยลง อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองทำเพื่อสังคม เพื่อโลก เป็นหัวใจสำคัญ ช่วงแรกในการดำเนินการจะมีการแจกถุงขยะ แจกสติกเกอร์ หากภาคีเครือข่ายมาร่วมกันมากขึ้น ทำให้สะดวกมากขึ้น ก็จะช่วยได้ กทม. กระตุ้นคนกรุงเทพฯ คัดแยกขยะก่อนทิ้ง ผ่านโครงการบ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียมปัจจุบันกรุงเทพมหานคร ใช้งบประมาณในการจัดการขยะกว่า 7,000 ล้านบาทต่
อ่านต่อ >23

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา ประกาศยกเลิกข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้โดยสารต้องถอดรองเท้าขณะผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ซึ่งเป็นกฎที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2006 โดยมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศทันที นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในรอบเกือบ 20 ปีของระบบตรวจสอบผู้โดยสารในสนามบินของสหรัฐฯการประกาศดังกล่าวมีขึ้นที่สนามบิน Ronald Reagan Washington National โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สะดวกขึ้น แต่ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดเช่นเดิม สำนักงานความปลอดภัยด้านการเดินทาง หรือ TSA เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารเฉลี่ยเกือบ 2.5 ล้านคนต่อวันทั่วประเทศ โดยในอดีตการบังคับให้ถอดรองเท้าเกิดขึ้นจากมาตรการรับมือภัยคุกคาม หลังจากเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายพยายามจุดระเบิดซุกซ่อนในรองเท้าระหว่างเที่ยวบินจากปารีสไปไมอามีเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2001 ซึ่งนำไปสู่การใช้มาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นในเวลาต่อมาแม้ในช่วงหลัง ผู้โดยสารที่ลงทะเบียนในโครงการ TSA PreCheck จะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องถอดรองเท้าและสามารถพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตัวผ่านจุดตรวจได้โดยไม่ต้องแยกออกจากกระเป๋า แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะขยายผลไปยังผู้โดยสารทั่วไปจำนวนมากกระทรวงฯ ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการประเมินอย่างรอบด้านถึงแนวทางปฏิบัติของ TSA โดยอาศัยเทคโนโลยีตรวจสอบสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเดินทางจำนวนมากในโอกาสที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีหน้า องค์กร Airlines for America ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบินรายใหญ่ในประเทศ อาทิ American Airlines, Delta และ United Airlines ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนมาตรการใหม่ โดยระบุว่า การยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวจะช่วยให้ขั้นตอนการเดินทางของผู้โดยสารสะดวกและรวดเร็วขึ้น พร้อมย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประเมินความเสี่ยงและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนั้น ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมและสมเหตุสมผลการปรับเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนความพยายามของหน่วยงานรัฐในการสร้างสมดุลระหว่าง "ความปลอดภัย" กับ "ประสบการณ์ที่ดีของผู้โดยสาร" ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
อ่านต่อ >10

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ (14 ก.ค. 2568) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน นายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และสำนักงานชลประทานทั่วประเทศรายงานระบุว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และกลางทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีน้ำรวมประมาณ 44,275 ล้าน ลบ.ม. หรือราว 58% ของความจุ สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 32,000 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำรวม 13,567 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 55% ของความจุอย่างไรก็ตาม จากฝนที่ตกหนักต่อเนื่องช่วง 3 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมในหลายจังหวัด ได้แก่ ตราด อ.เขาสมิง: โครงการชลประทานตราดร่วมหน่วยงานในพื้นที่เข้าช่วยเหลือทันที นครพนม 6 อำเภอ เช่น นาหว้า ศรีสงคราม นาแก: ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำกว่า 20 เครื่อง พร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชม. สกลนคร อ.โพนนาแก้ว: เร่งระบายน้ำลำก่ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนอย่างต่อเนื่องขณะที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า 14–19 ก.ค.นี้ ภาคเหนือและอีสานตอนบนจะมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อาจเสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากอีกครั้งกรมชลประทานจึงกำชับโครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยงให้ ตรวจสอบอาคารชลศาสตร์และสิ่งกีดขวางทางน้ำ ปรับแผนระบายน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณฝน เตรียมเจ้าหน้าที่พร้อมเครื่องมือช่วยเหลือทันทีในจุดเสี่ยง และปฏิบัติตามมาตรการรับมือฤดูฝน 9 ข้อของคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติอย่างเข้มงวดทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายของ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่เน้นการ “บริหารน้ำเชิงรุก” เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุดในฤดูฝนปีนี้
อ่านต่อ >22

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ระบุว่า เราจะยังคงเตรียมมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม เพื่อให้พร้อมอย่างเต็มที่” พร้อมย้ำถึงความต้องการของ EU ในการหาทางออกด้วยการเจรจา ซึ่งมาตรการตอบโต้ปัจจุบันจะส่งผลกระทบต่อสินค้าสหรัฐฯ มูลค่าประมาณ 21,000 ล้านยูโร (24,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ขณะที่ EU มีมาตรการอื่น ๆ เตรียมพร้อมอีกประมาณ 72,000 ล้านยูโร รวมถึงการควบคุมการส่งออกบางส่วน ซึ่งจะนำเสนอต่อประเทศสมาชิกเร็วสุดในวันนี้ ด้านประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เรียกร้องให้เร่งเตรียมมาตรการตอบโต้ที่น่าเชื่อถือ รวมถึงการใช้กลไกต่อต้าน หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในวันที่ 1 ส.ค.ขณะที่นายฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ภาษี 30% จะส่งผลกระทบต่อเยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ส่งออกในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของยุโรปอย่างรุนแรงถึงแก่น หากไม่สามารถหาทางออกจากการเจรจาในความขัดแย้งทางการค้าได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวว่ากำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับผู้นำคนอื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าภาษีที่มีขนาดมหาศาลดังกล่าวจะไม่ถูกนำมาใช้ ซึ่งต้องอาศัยความสามัคคีในสหภาพยุโรป และการสื่อสารที่ดีกับประธานาธิบดีสหรัฐฯหากสถานการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น รัฐบาลเยอรมนีอาจต้องเลื่อนการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจออกไป ซึ่งจะบดบังทุกสิ่ง และกระทบอุตสาหกรรมการส่งออกของเยอรมนีจนถึงแก่น ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs ระบุว่า อัตราภาษีที่เสนอ 30% ร่วมกับภาษีเฉพาะภาคส่วนที่มีอยู่ และภาษีที่คาดว่าจะเรียกเก็บจากสินค้าสำคัญ จะทำให้อัตราภาษีที่แท้จริงของสหรัฐฯ ต่อ EU เพิ่มขึ้น 26 จุดเปอร์เซ็นต์ หากมีการบังคับใช้และคงอยู่อย่างต่อเนื่อง จะทำให้ GDP ของยูโรโซนลดลงรวม 1.2% จนถึงสิ้นปี 2026 พร้อมชี้ว่า “EU มีแนวโน้มที่จะตอบโต้ภาษี 30% ที่เรียกเก็บโดยทั่วไปในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ถูกนำมาใช้ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การยกระดับความขัดแย้งทางการค้า”
อ่านต่อ >14

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
เริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ จากเดิม 20 บาทต่อเดือน เป็น 60 บาทต่อเดือน กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ตราข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่อง ค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ. 2568 เพื่อส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจให้ประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการร่วมลดและคัดแยกขยะที่แหล่งกำเนิดหรือต้นทาง สอดคล้องกับสภาวการณ์และค่าใช้จ่ายปัจจุบัน โดยข้อบัญญัติฉบับดังกล่าว ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 มีผลบังคับใช้หลังประกาศ 180 วัน ซึ่งตรงกับวันที่ 28 กันยายน 2568 โดยจะเริ่มจัดเก็บค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ จากเดิม 20 บาทต่อเดือน เป็น 60 บาทต่อเดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2568 เป็นต้นไปนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า น่าจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานครที่มีการแยกขยะตามกฎหมาย หลักการง่าย ๆ คือ การแยกขยะเปียกออกจากขยะแห้ง ถ้าครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการมีขยะไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อวัน จะเสียค่าจัดเก็บขยะ 20 บาทต่อเดือนเท่าเดิม แต่ถ้าไม่เข้าร่วมโครงการจะเสีย 60 บาท เพียงแค่แยกขยะแล้วใส่ถุงแยกไว้ก็จะมีคนมาเก็บไป ส่วนขยะที่เหลือหากเป็นขยะรีไซเคิลสามารถนำไปขายหรือบริจาคได้เพราะเปลี่ยนเป็นเงินได้ อยากให้มีการลงทะเบียนเยอะ ๆ ขอให้ทุกคนช่วยกัน ขยะไม่ได้เกิดจากธรรมชาติ ขยะเกิดจากพวกเรา ขยะทุกชิ้นมีเจ้าของ ช่วยกันแยกตั้งแต่ต้นทาง กทม. จะดำเนินการให้ดีขึ้น ที่ผ่านมา กทม. ใช้เงินในการจัดการขยะประมาณ 7,000 – 8,000 ล้านบาท ขยะบางอย่างมีมูลค่า ถ้ามารวมกันจะทำให้ไร้มูลค่า ขอยืนยันว่า กทม. จะแยกขยะตั้งแต่รถจัดเก็บไปจนถึงปลายทาง ไม่ลำบากมาก อาจต้องปรับพฤติกรรมนิดหน่อย เชื่อว่าถ้าร่วมมือกันจะทำให้เมืองดีขึ้นได้ ในส่วนภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการต่าง ๆ มีการปรับค่าธรรมเนียมขึ้นด้วย อัตราจะแตกต่างจากบ้านเรือน หากรายใหญ่มีการแยกขยะจะสามารถช่วยลดปริมาณขยะได้มาก และจ่ายค่าธรรมเนียมขยะน้อยลง อยากให้ทุกคนรู้สึกว่าตัวเองทำเพื่อสังคม เพื่อโลก เป็นหัวใจสำคัญ ช่วงแรกในการดำเนินการจะมีการแจกถุงขยะ แจกสติกเกอร์ หากภาคีเครือข่ายมาร่วมกันมากขึ้น ทำให้สะดวกมากขึ้น ก็จะช่วยได้ กทม. กระตุ้นคนกรุงเทพฯ คัดแยกขยะก่อนทิ้ง ผ่านโครงการบ้านนี้ไม่เทรวม แยกขยะลดค่าธรรมเนียมปัจจุบันกรุงเทพมหานคร ใช้งบประมาณในการจัดการขยะกว่า 7,000 ล้านบาทต่
อ่านต่อ >23

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา ประกาศยกเลิกข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้โดยสารต้องถอดรองเท้าขณะผ่านจุดตรวจรักษาความปลอดภัยในสนามบิน ซึ่งเป็นกฎที่บังคับใช้มาตั้งแต่ปี 2006 โดยมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศทันที นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในรอบเกือบ 20 ปีของระบบตรวจสอบผู้โดยสารในสนามบินของสหรัฐฯการประกาศดังกล่าวมีขึ้นที่สนามบิน Ronald Reagan Washington National โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้สะดวกขึ้น แต่ยังคงยึดมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดเช่นเดิม สำนักงานความปลอดภัยด้านการเดินทาง หรือ TSA เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการตรวจคัดกรองผู้โดยสารเฉลี่ยเกือบ 2.5 ล้านคนต่อวันทั่วประเทศ โดยในอดีตการบังคับให้ถอดรองเท้าเกิดขึ้นจากมาตรการรับมือภัยคุกคาม หลังจากเหตุการณ์ที่ผู้ก่อการร้ายพยายามจุดระเบิดซุกซ่อนในรองเท้าระหว่างเที่ยวบินจากปารีสไปไมอามีเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2001 ซึ่งนำไปสู่การใช้มาตรการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นในเวลาต่อมาแม้ในช่วงหลัง ผู้โดยสารที่ลงทะเบียนในโครงการ TSA PreCheck จะได้รับสิทธิ์ไม่ต้องถอดรองเท้าและสามารถพกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตัวผ่านจุดตรวจได้โดยไม่ต้องแยกออกจากกระเป๋า แต่การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะขยายผลไปยังผู้โดยสารทั่วไปจำนวนมากกระทรวงฯ ระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการประเมินอย่างรอบด้านถึงแนวทางปฏิบัติของ TSA โดยอาศัยเทคโนโลยีตรวจสอบสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเดินทางจำนวนมากในโอกาสที่สหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีหน้า องค์กร Airlines for America ซึ่งเป็นตัวแทนของสายการบินรายใหญ่ในประเทศ อาทิ American Airlines, Delta และ United Airlines ได้ออกแถลงการณ์สนับสนุนมาตรการใหม่ โดยระบุว่า การยกเลิกข้อบังคับดังกล่าวจะช่วยให้ขั้นตอนการเดินทางของผู้โดยสารสะดวกและรวดเร็วขึ้น พร้อมย้ำว่าการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการประเมินความเสี่ยงและการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงนั้น ถือเป็นแนวทางที่เหมาะสมและสมเหตุสมผลการปรับเปลี่ยนครั้งนี้สะท้อนความพยายามของหน่วยงานรัฐในการสร้างสมดุลระหว่าง "ความปลอดภัย" กับ "ประสบการณ์ที่ดีของผู้โดยสาร" ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเดินทางที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้
อ่านต่อ >10