#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
หลังจาก “หลานม่า” สร้างกระแสหลังออกฉายในโรงภาพยนตร์ ในขณะนี้ “หลานม่า” ได้กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งหลังจากสตรีมมิ่งใน Netflix โดยเสียงตอบรับจากชาวเน็ตที่ระบุว่า “เรียกน้ำตา” ในหลายซีน โดยซีนหนึ่งที่สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้ใครหลาย ๆ คนคือซีนที่อาม่า ไปหาพี่ชายที่อยู่บ้านหลังใหญ่ เพื่อขอเงินมาสร้างฮวงซุ้ยเพราะรู้ตัวว่าตนเองคงอยู่ได้ไม่นานเพราะเป็นมะเร็ง ซึ่งอาแปะพี่ชายไม่ยอมให้ ทั้งๆ ที่อาม่าไม่ได้สมบัติใด ๆ จากครอบครัว แถมยังเป็นคนดูแลพ่อแม่ นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว พี่ชายยังลั่นวาจาตัดพี่ตัดน้อง ไม่ขอไปร่วมงานศพ เล่นเอาคนดูถึงกับน้ำตาซึม และนำประเด็นดังกล่าวมาถกเถียงสะท้อนถึงปัญหาครอบครัวที่ใครหลายคนเคยเจอล่าสุดในกลุ่มศูนย์รวมซื้อ - ขายบ้านมือสอง ได้มีเอเจ้นท์นำบ้านหลังดังกล่าวมาลงประกาศขาย ซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตดาวคะนอง ซ.จอมทอง โดยบ้านหลังนี้มีพื้นที่ถึง 737 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตร.ม. ใกล้ Big C, Bts วุฒากาศ, เอชียทีคฯ, Terminal, พระราม 3 ซึ่งราคานั้นเอเจ้นท์ได้ตอบในคอมเม้นท์ว่า 90 ล้านบาท ทำเอาชาวเน็ตฮ์อฮากันเลยทีเดียวข้อมูลจาก: Green Real Estate , หลานม่าภาพจาก: Green Real Estate , หลานม่า
อ่านต่อ >20
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุใต้ฝุ่น “ยางิ” ส่งผลให้เกิดอุทกภัยรุนแรงกระทบในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน ขณะนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยระดมสรรพกำลังจากทุกช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชน และสั่งการให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบดูแลสาธารณูปโภคใกล้ชิดชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งไฟฟ้าและประปา จัดทำชุดมาตรการขั้นสูงสุดหรือขั้นพิเศษเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูประชาชนทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งเร่งฟื้นฟูระบบระบบไฟฟ้าและระบบน้ำประปาในพื้นที่ประสบภัยให้กลับมาให้บริการได้ตามปกติโดยเร็วนายจักรพงศ์ คำจันทร์ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า กปภ. ได้วางมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย สนองตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล ดังนี้1. มาตรการที่ 1 สนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำประปา เพื่ออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ2. มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือน้ำประปาฟรี เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย3. มาตรการที่ 3 ยกเว้นการเก็บค่าน้ำประปาและค่าบริการทั่วไป ในเดือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย ให้แก่ผู้ใช้น้ำประเภทที่ 1 ที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ (รหัส 11 12 13 และ 16) เช่น บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ สถานที่พักอาศัยของรัฐ สถานที่พักอาศัยที่มีการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดำเนินการเอง หอพัก แฟลต คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ อาคารชุด ห้องแถว เป็นต้น และผู้ใช้น้ำประเภทที่ 2 ธุรกิจขนาดเล็ก (รหัส 29) เช่น สถานที่ที่อาจมีการอยู่อาศัยและมีการค้าขาย ประกอบการหรือรับจ้าง ที่มีขนาดใหญ่กว่าผู้ใช้น้ำประเภทที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (โฮมสเตย์) เป็นต้น4. มาตรการที่ 4 ขยายเวลาค้างชำระค่าน้ำประปา ของผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 60 วัน (2 รอบบิล) นับตั้งแต่เดือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย5. มาตรการที่ 5 การผ่อนชำระค่าน้ำ หากครบกำหนดชำระเงินค่าน้ำแล้ว ผู้ใช้น้ำไม่สามารถชำระค่าน้ำได้ครบตามจำนวน สามารถขอผ่อนชำระค่าน้ำได้ที่ กปภ.สาขาในพื้นที่ทั้งนี้
อ่านต่อ >20
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
ดราม่าสอบครู: กรณี "ครูเบญ" เปิดโปงปัญหาเชิงระบบ เรื่องราวของ "ครูเบญ" น.ส.เบญญาภา วัย 24 ปี ได้จุดประกายการถกเถียงครั้งใหญ่เกี่ยวกับความโปร่งใสและมาตรฐานในระบบการคัดเลือกครูของไทย เหตุการณ์เริ่มต้นในต้นเดือนกันยายน 2567 เมื่อเธอตัดสินใจเข้าร่วมการสอบบรรจุเป็นพนักงานราชการตำแหน่งครูผู้สอนที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ด้วยความหวังที่จะได้กลับไปทำงานใกล้บ้านและดูแลครอบครัววันที่ 9 กันยายน 2567 เมื่อ สพม.สระแก้ว ประกาศผลสอบครั้งแรก ปรากฏว่า "ครูเบญ" สอบได้อันดับ 1 ด้วยความดีใจ เธอตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่กรุงเทพฯ และเตรียมตัวย้ายกลับบ้านเกิด แต่ความสุขของเธอกลับเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 12 กันยายน เพียงสามวันหลังจากประกาศผลครั้งแรก สพม.สระแก้ว ออกประกาศผลสอบฉบับใหม่ โดยชื่อของ "ครูเบญ" หายไปจากรายชื่อผู้สอบผ่านโดยสิ้นเชิงด้วยความสับสนและผิดหวัง "ครูเบญ" พยายามติดต่อสอบถามไปยัง สพม.สระแก้ว แต่กลับได้รับเพียงคำขอโทษ โดยปราศจากคำอธิบายที่ชัดเจน ทางหน่วยงานอ้างว่าความผิดพลาดเกิดจากการเฉลยคำตอบผิดและการประมวลผลคลาดเคลื่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในกระบวนการจัดสอบตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การออกข้อสอบไปจนถึงการตรวจและประมวลผลด้วยความรู้สึกว่าตนเองถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม "ครูเบญ" ตัดสินใจนำเรื่องราวมาเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่องราวของเธอได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความโปร่งใสของกระบวนการสอบ และความเป็นไปได้ของการทุจริต กระแสสังคมออนไลน์แสดงความสงสัยในความโปร่งใส และให้กำลังใจ "ครูเบญ" ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาและร่วมเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับ "ครูเบญ" วันที่ 16 กันยายน 2567 "ครูเบญ" พร้อมด้วยตัวแทนจากมูลนิธิฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการสอบ การกระทำนี้ยกระดับประเด็นจากปัญหาส่วนบุคคลสู่ประเด็นระดับชาติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กำหนดกรอบเวลาให้ได้ข้อสรุปภายใน 7 วัน และสั่งชะลอการรายงานตัวของผู้สอบผ่านคนอื่นๆ ไว้ก่อน แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังกรณีน
อ่านต่อ >30
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเวทีวิชาการ ประจำปี 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 – 11 โดยมีคณะผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม นายอนุกูล กล่าวว่า งานเวทีวิชาการ ประจำปี 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “พัฒนาสังคมทุกช่วงวัยแก้ไขวิกฤติประชากร” ซึ่งสอดรับกับนโยบายสำคัญของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) คือ “นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ถือเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตประชากรของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย 5 มาตรการสำคัญ ครอบคลุมกลุ่มคนทุกช่วงวัย โดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ (สสว.) เป็นหน่วยงานวิชาการที่จะช่วยสนับสนุนภารกิจของกระทรวง พม. ให้บรรลุผลสำเร็จ โดยให้บริการวิชาการและข้อมูลด้านสังคมที่สอดคล้องและเป็นประโยชน์กับหน่วยงานต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัต ทั้งในเรื่องโครงสร้างประชากร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนวโน้มของปัญหาทางสังคมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ สสว. จะต้องตระหนักรู้ในบทบาทภารกิจ เพื่อยกระดับและพัฒนางานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาประกอบการคิดวิเคราะห์ให้เห็นความท้าทาย จากสถานการณ์ปัญหา และวางแนวทางการขับเคลื่อนงานเชิงนโยบาย ยุทธศาสตร์ โดยเชื่อมโยงกับหุ้นส่วนในระดับพื้นที่ อาทิ ท้องถิ่น สถาบันวิชาการ เป็นต้นนายอนุกูล กล่าวต่อว่า การจัดเวทีวิชาการในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่ทุกท่านจะได้เห็นผลของการขับเคลื่อนงานวิชาการ รวมทั้งข้อเสนอเชิงนโยบายด้านสังคมตามบริบทของพื้นที่ ที่มาจากความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไกการทำงานร่วมกับกระทรวง พม. มาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลงานการถอดบทเรียนความสำเร็จที่ทุกภาคส่วนสามารถนำไปปรับใช้ ขยายผล ต่อยอด ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานตามบริบทพื้นที่ปฏิบัติการทางสังคม ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณท่านผู้ทรงคุณ
อ่านต่อ >8
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
หลังจาก “หลานม่า” สร้างกระแสหลังออกฉายในโรงภาพยนตร์ ในขณะนี้ “หลานม่า” ได้กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งหลังจากสตรีมมิ่งใน Netflix โดยเสียงตอบรับจากชาวเน็ตที่ระบุว่า “เรียกน้ำตา” ในหลายซีน โดยซีนหนึ่งที่สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้ใครหลาย ๆ คนคือซีนที่อาม่า ไปหาพี่ชายที่อยู่บ้านหลังใหญ่ เพื่อขอเงินมาสร้างฮวงซุ้ยเพราะรู้ตัวว่าตนเองคงอยู่ได้ไม่นานเพราะเป็นมะเร็ง ซึ่งอาแปะพี่ชายไม่ยอมให้ ทั้งๆ ที่อาม่าไม่ได้สมบัติใด ๆ จากครอบครัว แถมยังเป็นคนดูแลพ่อแม่ นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว พี่ชายยังลั่นวาจาตัดพี่ตัดน้อง ไม่ขอไปร่วมงานศพ เล่นเอาคนดูถึงกับน้ำตาซึม และนำประเด็นดังกล่าวมาถกเถียงสะท้อนถึงปัญหาครอบครัวที่ใครหลายคนเคยเจอล่าสุดในกลุ่มศูนย์รวมซื้อ - ขายบ้านมือสอง ได้มีเอเจ้นท์นำบ้านหลังดังกล่าวมาลงประกาศขาย ซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตดาวคะนอง ซ.จอมทอง โดยบ้านหลังนี้มีพื้นที่ถึง 737 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตร.ม. ใกล้ Big C, Bts วุฒากาศ, เอชียทีคฯ, Terminal, พระราม 3 ซึ่งราคานั้นเอเจ้นท์ได้ตอบในคอมเม้นท์ว่า 90 ล้านบาท ทำเอาชาวเน็ตฮ์อฮากันเลยทีเดียวข้อมูลจาก: Green Real Estate , หลานม่าภาพจาก: Green Real Estate , หลานม่า
อ่านต่อ >20
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุใต้ฝุ่น “ยางิ” ส่งผลให้เกิดอุทกภัยรุนแรงกระทบในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานตอนบน ขณะนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงมหาดไทยระดมสรรพกำลังจากทุกช่องทางเข้าช่วยเหลือประชาชน และสั่งการให้รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่รับผิดชอบดูแลสาธารณูปโภคใกล้ชิดชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทั้งไฟฟ้าและประปา จัดทำชุดมาตรการขั้นสูงสุดหรือขั้นพิเศษเพื่อช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูประชาชนทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย รวมทั้งเร่งฟื้นฟูระบบระบบไฟฟ้าและระบบน้ำประปาในพื้นที่ประสบภัยให้กลับมาให้บริการได้ตามปกติโดยเร็วนายจักรพงศ์ คำจันทร์ รองผู้ว่าการ (ปฏิบัติการ 2) รักษาการแทนผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า กปภ. ได้วางมาตรการในการช่วยเหลือเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ประสบภัย สนองตามนโยบายของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐบาล ดังนี้1. มาตรการที่ 1 สนับสนุนน้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำประปา เพื่ออุปโภคบริโภคให้เพียงพอ2. มาตรการที่ 2 ช่วยเหลือน้ำประปาฟรี เพื่อทำความสะอาดบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย3. มาตรการที่ 3 ยกเว้นการเก็บค่าน้ำประปาและค่าบริการทั่วไป ในเดือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย ให้แก่ผู้ใช้น้ำประเภทที่ 1 ที่อยู่อาศัยและอื่น ๆ (รหัส 11 12 13 และ 16) เช่น บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ สถานที่พักอาศัยของรัฐ สถานที่พักอาศัยที่มีการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ดำเนินการเอง หอพัก แฟลต คอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ อาคารชุด ห้องแถว เป็นต้น และผู้ใช้น้ำประเภทที่ 2 ธุรกิจขนาดเล็ก (รหัส 29) เช่น สถานที่ที่อาจมีการอยู่อาศัยและมีการค้าขาย ประกอบการหรือรับจ้าง ที่มีขนาดใหญ่กว่าผู้ใช้น้ำประเภทที่อยู่อาศัย อุตสาหกรรมสิ่งทอ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว (โฮมสเตย์) เป็นต้น4. มาตรการที่ 4 ขยายเวลาค้างชำระค่าน้ำประปา ของผู้ใช้น้ำทุกประเภท เป็นระยะเวลา 60 วัน (2 รอบบิล) นับตั้งแต่เดือนที่ประสบอุทกภัย ซึ่งหน่วยงานราชการประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอุทกภัย5. มาตรการที่ 5 การผ่อนชำระค่าน้ำ หากครบกำหนดชำระเงินค่าน้ำแล้ว ผู้ใช้น้ำไม่สามารถชำระค่าน้ำได้ครบตามจำนวน สามารถขอผ่อนชำระค่าน้ำได้ที่ กปภ.สาขาในพื้นที่ทั้งนี้
อ่านต่อ >20
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
ดราม่าสอบครู: กรณี "ครูเบญ" เปิดโปงปัญหาเชิงระบบ เรื่องราวของ "ครูเบญ" น.ส.เบญญาภา วัย 24 ปี ได้จุดประกายการถกเถียงครั้งใหญ่เกี่ยวกับความโปร่งใสและมาตรฐานในระบบการคัดเลือกครูของไทย เหตุการณ์เริ่มต้นในต้นเดือนกันยายน 2567 เมื่อเธอตัดสินใจเข้าร่วมการสอบบรรจุเป็นพนักงานราชการตำแหน่งครูผู้สอนที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ด้วยความหวังที่จะได้กลับไปทำงานใกล้บ้านและดูแลครอบครัววันที่ 9 กันยายน 2567 เมื่อ สพม.สระแก้ว ประกาศผลสอบครั้งแรก ปรากฏว่า "ครูเบญ" สอบได้อันดับ 1 ด้วยความดีใจ เธอตัดสินใจลาออกจากงานประจำที่กรุงเทพฯ และเตรียมตัวย้ายกลับบ้านเกิด แต่ความสุขของเธอกลับเป็นเพียงช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 12 กันยายน เพียงสามวันหลังจากประกาศผลครั้งแรก สพม.สระแก้ว ออกประกาศผลสอบฉบับใหม่ โดยชื่อของ "ครูเบญ" หายไปจากรายชื่อผู้สอบผ่านโดยสิ้นเชิงด้วยความสับสนและผิดหวัง "ครูเบญ" พยายามติดต่อสอบถามไปยัง สพม.สระแก้ว แต่กลับได้รับเพียงคำขอโทษ โดยปราศจากคำอธิบายที่ชัดเจน ทางหน่วยงานอ้างว่าความผิดพลาดเกิดจากการเฉลยคำตอบผิดและการประมวลผลคลาดเคลื่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาในกระบวนการจัดสอบตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การออกข้อสอบไปจนถึงการตรวจและประมวลผลด้วยความรู้สึกว่าตนเองถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม "ครูเบญ" ตัดสินใจนำเรื่องราวมาเปิดเผยต่อสาธารณะผ่านโซเชียลมีเดีย เรื่องราวของเธอได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความโปร่งใสของกระบวนการสอบ และความเป็นไปได้ของการทุจริต กระแสสังคมออนไลน์แสดงความสงสัยในความโปร่งใส และให้กำลังใจ "ครูเบญ" ในการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือ โดยเสนอตัวเป็นที่ปรึกษาและร่วมเดินทางไปยื่นเรื่องร้องเรียนกับ "ครูเบญ" วันที่ 16 กันยายน 2567 "ครูเบญ" พร้อมด้วยตัวแทนจากมูลนิธิฯ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในกระบวนการสอบ การกระทำนี้ยกระดับประเด็นจากปัญหาส่วนบุคคลสู่ประเด็นระดับชาติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการตอบสนองอย่างรวดเร็ว โดยสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กำหนดกรอบเวลาให้ได้ข้อสรุปภายใน 7 วัน และสั่งชะลอการรายงานตัวของผู้สอบผ่านคนอื่นๆ ไว้ก่อน แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังกรณีน
อ่านต่อ >30
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ปลัด พม.) เป็นประธานในพิธีเปิดงานเวทีวิชาการ ประจำปี 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ 1 – 11 โดยมีคณะผู้บริหาร และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม นายอนุกูล กล่าวว่า งานเวทีวิชาการ ประจำปี 2567 กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “พัฒนาสังคมทุกช่วงวัยแก้ไขวิกฤติประชากร” ซึ่งสอดรับกับนโยบายสำคัญของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) คือ “นโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ถือเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาวิกฤตประชากรของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย 5 มาตรการสำคัญ ครอบคลุมกลุ่มคนทุกช่วงวัย โดยสำนักงานส่งเสริมและสนับสนุนวิชาการ (สสว.) เป็นหน่วยงานวิชาการที่จะช่วยสนับสนุนภารกิจของกระทรวง พม. ให้บรรลุผลสำเร็จ โดยให้บริการวิชาการและข้อมูลด้านสังคมที่สอดคล้องและเป็นประโยชน์กับหน่วยงานต่าง ๆ ในระดับพื้นที่ ทั้งนี้ การขับเคลื่อนนโยบาย 5x5 ฝ่าวิกฤตประชากร มีความเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นพลวัต ทั้งในเรื่องโครงสร้างประชากร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนวโน้มของปัญหาทางสังคมที่มีความซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงภัยพิบัติทางธรรมชาติอื่น ๆ ที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งสำคัญ ที่ สสว. จะต้องตระหนักรู้ในบทบาทภารกิจ เพื่อยกระดับและพัฒนางานให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาประกอบการคิดวิเคราะห์ให้เห็นความท้าทาย จากสถานการณ์ปัญหา และวางแนวทางการขับเคลื่อนงานเชิงนโยบาย ยุทธศาสตร์ โดยเชื่อมโยงกับหุ้นส่วนในระดับพื้นที่ อาทิ ท้องถิ่น สถาบันวิชาการ เป็นต้นนายอนุกูล กล่าวต่อว่า การจัดเวทีวิชาการในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ดีที่ทุกท่านจะได้เห็นผลของการขับเคลื่อนงานวิชาการ รวมทั้งข้อเสนอเชิงนโยบายด้านสังคมตามบริบทของพื้นที่ ที่มาจากความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลไกการทำงานร่วมกับกระทรวง พม. มาอย่างต่อเนื่อง เป็นผลงานการถอดบทเรียนความสำเร็จที่ทุกภาคส่วนสามารถนำไปปรับใช้ ขยายผล ต่อยอด ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินงานตามบริบทพื้นที่ปฏิบัติการทางสังคม ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณท่านผู้ทรงคุณ
อ่านต่อ >8
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
หลังจาก “หลานม่า” สร้างกระแสหลังออกฉายในโรงภาพยนตร์ ในขณะนี้ “หลานม่า” ได้กลับมาสร้างกระแสอีกครั้งหลังจากสตรีมมิ่งใน Netflix โดยเสียงตอบรับจากชาวเน็ตที่ระบุว่า “เรียกน้ำตา” ในหลายซีน โดยซีนหนึ่งที่สร้างความเจ็บปวดหัวใจให้ใครหลาย ๆ คนคือซีนที่อาม่า ไปหาพี่ชายที่อยู่บ้านหลังใหญ่ เพื่อขอเงินมาสร้างฮวงซุ้ยเพราะรู้ตัวว่าตนเองคงอยู่ได้ไม่นานเพราะเป็นมะเร็ง ซึ่งอาแปะพี่ชายไม่ยอมให้ ทั้งๆ ที่อาม่าไม่ได้สมบัติใด ๆ จากครอบครัว แถมยังเป็นคนดูแลพ่อแม่ นอกจากจะไม่ได้เงินแล้ว พี่ชายยังลั่นวาจาตัดพี่ตัดน้อง ไม่ขอไปร่วมงานศพ เล่นเอาคนดูถึงกับน้ำตาซึม และนำประเด็นดังกล่าวมาถกเถียงสะท้อนถึงปัญหาครอบครัวที่ใครหลายคนเคยเจอล่าสุดในกลุ่มศูนย์รวมซื้อ - ขายบ้านมือสอง ได้มีเอเจ้นท์นำบ้านหลังดังกล่าวมาลงประกาศขาย ซึ่งบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในเขตดาวคะนอง ซ.จอมทอง โดยบ้านหลังนี้มีพื้นที่ถึง 737 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตร.ม. ใกล้ Big C, Bts วุฒากาศ, เอชียทีคฯ, Terminal, พระราม 3 ซึ่งราคานั้นเอเจ้นท์ได้ตอบในคอมเม้นท์ว่า 90 ล้านบาท ทำเอาชาวเน็ตฮ์อฮากันเลยทีเดียวข้อมูลจาก: Green Real Estate , หลานม่าภาพจาก: Green Real Estate , หลานม่า
อ่านต่อ >20