#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 11/2567 โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร ที่ประชุมได้รายงานเรื่องการกวดขันพื้นที่ทำการค้าที่ยกเลิกแล้ว ดังนี้ ข้อมูลผู้ค้า ปี 2565 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 86 จุด รวมผู้ค้า 4,500 ราย และพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 738 จุด รวมผู้ค้า 16,550 ราย ปี 2567 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 68 จุด รวมผู้ค้า 3,964 ราย และพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 386 จุด รวมผู้ค้า 11,200 ราย ในปี 2565-2567 ได้ดำเนินการจัดระเบียบทางเท้าให้มีความสะอาดเรียบร้อย ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย โดยดำเนินการให้ถูกกฎหมายและมีการผลักดันให้ผู้ค้าเข้าไปทำการค้าในพื้นที่เอกชน หรือ Hawker Centerสำหรับผลการดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ตั้งแต่เดือน ต.ค. 65 - ก.ย. 66 ลดพื้นที่ทำการค้าแล้ว 191 จุด ผู้ค้า 3,340 ราย ตั้งแต่เดือน ต.ค. 66 - ปัจจุบัน ลดพื้นที่ทำการค้าแล้ว 163 จุด ผู้ค้า 2,224 ราย พื้นที่ที่ยกเลิกทำการค้าสำเร็จ อาทิ ถนนสารสิน เขตปทุมวัน บริเวณท่าเตียน ถนนมหาราช เขตพระนคร หน้าโรเล็กซ์ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน นอกจากนี้ สำนักเทศกิจยังได้ออกตรวจพื้นที่ทำการค้าที่ยกเลิกแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้ค้ากลับมาทำการค้าอีก และตรวจสอบผู้ค้าต่างด้าวย่านสุขุมวิท โดยเมื่อพบการฝ่าฝืนได้แจ้งสำนักงานเขตในพื้นที่ส่งพนักงานสอบสวนต่อไป จากนั้นที่ประชุมได้รายงานผลการแจงนับคนไร้บ้าน แนวทางการจัดทำสำมะโนคนไร้บ้าน การส่งต่อและมาตรการการจัดระเบียบพื้นที่ว่า ข้อมูลการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคนไร้บ้านผ่าน Traffy Fondue ระหว่างวันที่ 1 ก.ย. - 22 ต.ค. 67 กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 172 เรื่อง กรุงเทพเหนือ 83 เรื่อง กรุงเทพใต้ 214 เรื่อง กรุงเทพตะวันออก 45 เรื่อง กรุงธนเหนือ 56 เรื่อง กรุงธนใต้ 30 เรื่อง รวมทั้ง 6 กลุ่มเขต 600 เรื่อง โดย 5 อันดับเขตแรก ที่พบคนไร้บ้านมากที่สุด ได้แก่ เขตพระนคร 117 ราย พญาไท 24 ราย บางรัก 19 ราย คลองเตย 16 ราย ดอนเมือง 16 ราย ส่วนเขตที่ไม่พบคนไร้บ้านเลย 7 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง หนองแขม จอมทอง หนองจอก พระโขนง ทวีวัฒนา และสะพานสูง
อ่านต่อ >10
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
เมื่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปรากฏชัดว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" จะกลับมานั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง ทำเอาทั่วโลกต้องจับตาว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นหลักถ้าย้อนไปดูนโยบายทรัมป์ในสมัยแรก เขาเน้นหนักเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ จนเกิดสงครามการค้ากับจีน คราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน เพราะทรัมป์ประกาศชัดว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ 10-20% น่าสนใจว่าฝั่งรัฐบาลไทยมองเรื่องนี้ต่างกัน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ มองบวกว่าไทยจะได้ประโยชน์ เพราะสหรัฐฯ จะหันมานำเข้าสินค้าจากไทยแทนจีน โดยเฉพาะอาหารและสินค้าไฮเทค ถึงขนาดคาดว่าจะดันส่งออกโตได้ 4-5% ในอีกไม่กี่ปีแต่ EXIM BANK กลับมองว่าเราอาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะสินค้าที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีจีนส่วนใหญ่เป็นพวกสมาร์ทโฟน เสื้อผ้า รองเท้า ซึ่งไทยไม่ได้เป็นฐานผลิตอยู่แล้ว แถมยังแข่งขันสู้เวียดนามหรือเม็กซิโกไม่ได้ ซ้ำร้ายอาจโดนสินค้าจีนทะลักเข้ามาตลาดไทยอีกที่น่าห่วงไม่แพ้กันคือเรื่องค่าเงิน หลังประกาศผลเลือกตั้ง เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแรงที่สุดในรอบ 3 ปี กดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลง แบงก์ชาติถึงกับต้องออกมาเตือนว่าค่าเงินจะผันผวนต่อเนื่อง แม้ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี จะมองโลกในแง่ดีว่าทรัมป์เป็นคนเน้นเรื่องเศรษฐกิจ น่าจะช่วยการส่งออกไทยได้ แต่ในความเป็นจริง ไทยคงต้องระวังตัวให้มากคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ ธุรกิจไทยควรทำประกันความเสี่ยงทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออก พร้อมกับรักษามาตรฐานการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้สหรัฐฯ อาจถอนตัวจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศที่สำคัญที่สุด ไทยต้องเดินสายกลาง รักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนให้ดี ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะทั้งสองประเทศต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของเรา การวางตัวเป็นกลางจะช่วยให้ไทยรอดพ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคตยุคทรัมป์ 2.0 จึงเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของเศรษฐกิจไทย ที่ต้องเดินให้รอดท่ามกลางสมรภูมิการค้าระหว่างมหาอำนาจ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการรักษาผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุดภาพ โดนัลด์ ทรัมป์
อ่านต่อ >16
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงจุดยืนของพรรคฯ ในการแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) ว่า ได้มีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เมื่อวันก่อนได้มีการพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคฯยืนยันว่าจะต้องไม่มีการแก้มาตรา 112 และไม่แตะหมวด 1 และ 2 ซึ่งทุกพรรคเห็นตรงกัน เมื่อถามว่า การแก้ รธน.จะผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในขั้นตอนกระบวนการดูว่าจะดำเนินการอย่างไร จะเริ่มในกระบวนการแก้หรือแก้ในรูปแบบใด จะเป็นการแก้รายมาตราหรือทั้งฉบับ แต่ขณะนี้ยังไม่คุยในรายละเอียด พร้อมย้ำว่าตนไม่ขัดข้องที่จะแก้ แต่ขออย่างเดียวไม่แตะมาตรา 112 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็พร้อมหารือรายละเอียด นางนฤมล ยืนยันอีกว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะต้องไม่รวมถึงผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับ มาตรา 112 และคดีทุจริต เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีความเห็นในทิศทางเดียวกันในการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เสนอคนละฉบับ นางนฤมล เปิดเผยว่า การพูดคุยในวงพรรคร่วม พูดคุยประเด็นดังกล่าวนิดเดียว และตนเข้าใจว่ามีหลายร่างกฎหมาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคงจะนัดคุยรายละเอียดกันอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรหรือใช้ร่างไหน พร้อมกับย้ำรับว่า สุดท้ายแล้วต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด และหลักการต้องเห็นตรงกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะใช้ฉบับใดฉบับหนึ่งหรือไม่
อ่านต่อ >5
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าบริหารจัดการ รวบรวม ปริวรรต ถ่ายถอด สังคายนา ใช้ตำรับยาแผนไทยในอดีตมาใช้ในทางการแพทย์ การสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในส่วนตำราการแพทย์แผนไทยและตำรับยาแผนไทย ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 36 ฉบับ ประกอบด้วย ตำราการแพทย์แผนไทย จำนวน 850 รายการ 536 แผ่นศิลา ตำรับยาแผนไทย 54,979 ตำรับ และ นำเข้าระบบฐานข้อมูลภูมิปัญญาอิเล็กทรอนิกส์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร Herbal Medicinal Products Information System : HMPIS 38,776 ตำรับ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย อาทิ ตํารับยาแผนไทยในตําราการแพทย์แผนไทยที่จารึกบนศิลาจารึกในวัดทั่วประเทศ เอกสารโบราณในหอสมุดแห่งชาติ ตำรับ ตำราเฉพาะบุคคล ชุมชน วงศ์ตระกูล ราชสกุล และ สถาบันการศึกษา ปัจจุบัน มีการคัดเลือกและกลั่นกรองตำรับยาแผนไทย จากตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติ หมอพื้นบ้าน และบัญชียาหลักแห่งชาติ มีมติเห็นชอบตำรับยาแผนไทย 16 กลุ่มโรคอาการ กลุ่มโรคเด็ก 25 ตำรับ กลุ่มโรคลม 80 ตำรับ กลุ่มอายุวัฒนะ 2 ตำรับ กลุ่มโรคปาก คอ 19 ตำรับ กลุ่มริดสีดวง 15 ตำรับ กลุ่มกษัย กร่อน 28 ตำรับ กลุ่มโรคผิวหนัง แผล โรคเรื้อน 25 ตำรับ กลุ่มโรคทางเดินปัสสาวะ กามโรค 5 ตำรับ กลุ่มอาการท้องเสีย ท้องเดิน บิด ป่วง 9 ตำรับ กลุ่มโรคหอบ ไอ หืด 4 ตำรับ กลุ่มโรคสตรี 16 ตำรับ กลุ่มยาบำรุง 15 ตำรับ กลุ่มโรคฝี 18 ตำรับ กลุ่มไข้ 24 ตำรับ กลุ่มโรคท้องมาน 5 ตำรับ กลุ่มอื่นๆเช่น ยาถ่าย ยาหยอด ยาประคบ จำนวน 34 ตำรับ รวมทั้งสิ้น 324 ตำรับ เป็นการนำองค์ความรู้ในตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนำไปบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของแพทย์แผนไทย เป็นฐานข้อมูลหลักฐานในการตรวจสอบอ้างอิง การขึ้นทะเบียน ตำรับยาไทย กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อให้โรงพยาบาลนำไปใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน และจัดทำข้อกำหนดมาตรฐานตำรับยาแผนไทยแห่งชาติทางด้าน ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กล่าวว่า สำหรับ หลักเกณฑ์พิจารณา เป็นรายการตำรับ
อ่านต่อ >7
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 11/2567 โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร ที่ประชุมได้รายงานเรื่องการกวดขันพื้นที่ทำการค้าที่ยกเลิกแล้ว ดังนี้ ข้อมูลผู้ค้า ปี 2565 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 86 จุด รวมผู้ค้า 4,500 ราย และพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 738 จุด รวมผู้ค้า 16,550 ราย ปี 2567 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 68 จุด รวมผู้ค้า 3,964 ราย และพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 386 จุด รวมผู้ค้า 11,200 ราย ในปี 2565-2567 ได้ดำเนินการจัดระเบียบทางเท้าให้มีความสะอาดเรียบร้อย ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย โดยดำเนินการให้ถูกกฎหมายและมีการผลักดันให้ผู้ค้าเข้าไปทำการค้าในพื้นที่เอกชน หรือ Hawker Centerสำหรับผลการดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ตั้งแต่เดือน ต.ค. 65 - ก.ย. 66 ลดพื้นที่ทำการค้าแล้ว 191 จุด ผู้ค้า 3,340 ราย ตั้งแต่เดือน ต.ค. 66 - ปัจจุบัน ลดพื้นที่ทำการค้าแล้ว 163 จุด ผู้ค้า 2,224 ราย พื้นที่ที่ยกเลิกทำการค้าสำเร็จ อาทิ ถนนสารสิน เขตปทุมวัน บริเวณท่าเตียน ถนนมหาราช เขตพระนคร หน้าโรเล็กซ์ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน นอกจากนี้ สำนักเทศกิจยังได้ออกตรวจพื้นที่ทำการค้าที่ยกเลิกแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้ค้ากลับมาทำการค้าอีก และตรวจสอบผู้ค้าต่างด้าวย่านสุขุมวิท โดยเมื่อพบการฝ่าฝืนได้แจ้งสำนักงานเขตในพื้นที่ส่งพนักงานสอบสวนต่อไป จากนั้นที่ประชุมได้รายงานผลการแจงนับคนไร้บ้าน แนวทางการจัดทำสำมะโนคนไร้บ้าน การส่งต่อและมาตรการการจัดระเบียบพื้นที่ว่า ข้อมูลการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคนไร้บ้านผ่าน Traffy Fondue ระหว่างวันที่ 1 ก.ย. - 22 ต.ค. 67 กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 172 เรื่อง กรุงเทพเหนือ 83 เรื่อง กรุงเทพใต้ 214 เรื่อง กรุงเทพตะวันออก 45 เรื่อง กรุงธนเหนือ 56 เรื่อง กรุงธนใต้ 30 เรื่อง รวมทั้ง 6 กลุ่มเขต 600 เรื่อง โดย 5 อันดับเขตแรก ที่พบคนไร้บ้านมากที่สุด ได้แก่ เขตพระนคร 117 ราย พญาไท 24 ราย บางรัก 19 ราย คลองเตย 16 ราย ดอนเมือง 16 ราย ส่วนเขตที่ไม่พบคนไร้บ้านเลย 7 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง หนองแขม จอมทอง หนองจอก พระโขนง ทวีวัฒนา และสะพานสูง
อ่านต่อ >10
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
เมื่อผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปรากฏชัดว่า "โดนัลด์ ทรัมป์" จะกลับมานั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้ง ทำเอาทั่วโลกต้องจับตาว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะประเทศไทยที่พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศเป็นหลักถ้าย้อนไปดูนโยบายทรัมป์ในสมัยแรก เขาเน้นหนักเรื่องการปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของสหรัฐฯ จนเกิดสงครามการค้ากับจีน คราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน เพราะทรัมป์ประกาศชัดว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯ 10-20% น่าสนใจว่าฝั่งรัฐบาลไทยมองเรื่องนี้ต่างกัน นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ มองบวกว่าไทยจะได้ประโยชน์ เพราะสหรัฐฯ จะหันมานำเข้าสินค้าจากไทยแทนจีน โดยเฉพาะอาหารและสินค้าไฮเทค ถึงขนาดคาดว่าจะดันส่งออกโตได้ 4-5% ในอีกไม่กี่ปีแต่ EXIM BANK กลับมองว่าเราอาจได้ไม่คุ้มเสีย เพราะสินค้าที่สหรัฐฯ จะขึ้นภาษีจีนส่วนใหญ่เป็นพวกสมาร์ทโฟน เสื้อผ้า รองเท้า ซึ่งไทยไม่ได้เป็นฐานผลิตอยู่แล้ว แถมยังแข่งขันสู้เวียดนามหรือเม็กซิโกไม่ได้ ซ้ำร้ายอาจโดนสินค้าจีนทะลักเข้ามาตลาดไทยอีกที่น่าห่วงไม่แพ้กันคือเรื่องค่าเงิน หลังประกาศผลเลือกตั้ง เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแรงที่สุดในรอบ 3 ปี กดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลง แบงก์ชาติถึงกับต้องออกมาเตือนว่าค่าเงินจะผันผวนต่อเนื่อง แม้ "แพทองธาร ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี จะมองโลกในแง่ดีว่าทรัมป์เป็นคนเน้นเรื่องเศรษฐกิจ น่าจะช่วยการส่งออกไทยได้ แต่ในความเป็นจริง ไทยคงต้องระวังตัวให้มากคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ ธุรกิจไทยควรทำประกันความเสี่ยงทั้งด้านอัตราแลกเปลี่ยนและการส่งออก พร้อมกับรักษามาตรฐานการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แม้สหรัฐฯ อาจถอนตัวจากข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศที่สำคัญที่สุด ไทยต้องเดินสายกลาง รักษาสมดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีนให้ดี ไม่เอนเอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะทั้งสองประเทศต่างเป็นคู่ค้าสำคัญของเรา การวางตัวเป็นกลางจะช่วยให้ไทยรอดพ้นจากผลกระทบของสงครามการค้าที่อาจรุนแรงขึ้นในอนาคตยุคทรัมป์ 2.0 จึงเป็นความท้าทายครั้งใหม่ของเศรษฐกิจไทย ที่ต้องเดินให้รอดท่ามกลางสมรภูมิการค้าระหว่างมหาอำนาจ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการรักษาผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุดภาพ โดนัลด์ ทรัมป์
อ่านต่อ >16
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะหัวหน้าพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงจุดยืนของพรรคฯ ในการแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) ว่า ได้มีการหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เมื่อวันก่อนได้มีการพูดคุยกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคฯยืนยันว่าจะต้องไม่มีการแก้มาตรา 112 และไม่แตะหมวด 1 และ 2 ซึ่งทุกพรรคเห็นตรงกัน เมื่อถามว่า การแก้ รธน.จะผ่านสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ใช่หรือไม่ นางนฤมล กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่ต้องรับผิดชอบในขั้นตอนกระบวนการดูว่าจะดำเนินการอย่างไร จะเริ่มในกระบวนการแก้หรือแก้ในรูปแบบใด จะเป็นการแก้รายมาตราหรือทั้งฉบับ แต่ขณะนี้ยังไม่คุยในรายละเอียด พร้อมย้ำว่าตนไม่ขัดข้องที่จะแก้ แต่ขออย่างเดียวไม่แตะมาตรา 112 ซึ่งไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็พร้อมหารือรายละเอียด นางนฤมล ยืนยันอีกว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะต้องไม่รวมถึงผู้ที่กระทำผิดเกี่ยวกับ มาตรา 112 และคดีทุจริต เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องมีความเห็นในทิศทางเดียวกันในการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพราะขณะนี้พรรคเพื่อไทย (พท.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เสนอคนละฉบับ นางนฤมล เปิดเผยว่า การพูดคุยในวงพรรคร่วม พูดคุยประเด็นดังกล่าวนิดเดียว และตนเข้าใจว่ามีหลายร่างกฎหมาย โดยส่วนใหญ่จะเป็นของพรรคเพื่อไทย ซึ่งคงจะนัดคุยรายละเอียดกันอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรหรือใช้ร่างไหน พร้อมกับย้ำรับว่า สุดท้ายแล้วต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งหมด และหลักการต้องเห็นตรงกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันว่าจะใช้ฉบับใดฉบับหนึ่งหรือไม่
อ่านต่อ >5
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าบริหารจัดการ รวบรวม ปริวรรต ถ่ายถอด สังคายนา ใช้ตำรับยาแผนไทยในอดีตมาใช้ในทางการแพทย์ การสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะในส่วนตำราการแพทย์แผนไทยและตำรับยาแผนไทย ปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 36 ฉบับ ประกอบด้วย ตำราการแพทย์แผนไทย จำนวน 850 รายการ 536 แผ่นศิลา ตำรับยาแผนไทย 54,979 ตำรับ และ นำเข้าระบบฐานข้อมูลภูมิปัญญาอิเล็กทรอนิกส์การแพทย์แผนไทยและสมุนไพร Herbal Medicinal Products Information System : HMPIS 38,776 ตำรับ ตามคำแนะนำของคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย อาทิ ตํารับยาแผนไทยในตําราการแพทย์แผนไทยที่จารึกบนศิลาจารึกในวัดทั่วประเทศ เอกสารโบราณในหอสมุดแห่งชาติ ตำรับ ตำราเฉพาะบุคคล ชุมชน วงศ์ตระกูล ราชสกุล และ สถาบันการศึกษา ปัจจุบัน มีการคัดเลือกและกลั่นกรองตำรับยาแผนไทย จากตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติ หมอพื้นบ้าน และบัญชียาหลักแห่งชาติ มีมติเห็นชอบตำรับยาแผนไทย 16 กลุ่มโรคอาการ กลุ่มโรคเด็ก 25 ตำรับ กลุ่มโรคลม 80 ตำรับ กลุ่มอายุวัฒนะ 2 ตำรับ กลุ่มโรคปาก คอ 19 ตำรับ กลุ่มริดสีดวง 15 ตำรับ กลุ่มกษัย กร่อน 28 ตำรับ กลุ่มโรคผิวหนัง แผล โรคเรื้อน 25 ตำรับ กลุ่มโรคทางเดินปัสสาวะ กามโรค 5 ตำรับ กลุ่มอาการท้องเสีย ท้องเดิน บิด ป่วง 9 ตำรับ กลุ่มโรคหอบ ไอ หืด 4 ตำรับ กลุ่มโรคสตรี 16 ตำรับ กลุ่มยาบำรุง 15 ตำรับ กลุ่มโรคฝี 18 ตำรับ กลุ่มไข้ 24 ตำรับ กลุ่มโรคท้องมาน 5 ตำรับ กลุ่มอื่นๆเช่น ยาถ่าย ยาหยอด ยาประคบ จำนวน 34 ตำรับ รวมทั้งสิ้น 324 ตำรับ เป็นการนำองค์ความรู้ในตำราการแพทย์แผนไทยของชาติและตำรับยาแผนไทยของชาติไปใช้ให้เกิดประโยชน์ โดยนำไปบรรจุในหลักสูตรการเรียนการสอนของแพทย์แผนไทย เป็นฐานข้อมูลหลักฐานในการตรวจสอบอ้างอิง การขึ้นทะเบียน ตำรับยาไทย กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อผลักดันเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติเพื่อให้โรงพยาบาลนำไปใช้ทดแทนยาแผนปัจจุบัน และจัดทำข้อกำหนดมาตรฐานตำรับยาแผนไทยแห่งชาติทางด้าน ดร.นันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย กล่าวว่า สำหรับ หลักเกณฑ์พิจารณา เป็นรายการตำรับ
อ่านต่อ >7
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานของกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 11/2567 โดยมี พญ.วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร นายต่อศักดิ์ โชติมงคล ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุม ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า เขตพระนคร ที่ประชุมได้รายงานเรื่องการกวดขันพื้นที่ทำการค้าที่ยกเลิกแล้ว ดังนี้ ข้อมูลผู้ค้า ปี 2565 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 86 จุด รวมผู้ค้า 4,500 ราย และพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 738 จุด รวมผู้ค้า 16,550 ราย ปี 2567 มีพื้นที่ทำการค้าจุดผ่อนผัน 68 จุด รวมผู้ค้า 3,964 ราย และพื้นที่ทำการค้านอกจุดผ่อนผัน 386 จุด รวมผู้ค้า 11,200 ราย ในปี 2565-2567 ได้ดำเนินการจัดระเบียบทางเท้าให้มีความสะอาดเรียบร้อย ประชาชนเดินทางสะดวก ปลอดภัย โดยดำเนินการให้ถูกกฎหมายและมีการผลักดันให้ผู้ค้าเข้าไปทำการค้าในพื้นที่เอกชน หรือ Hawker Centerสำหรับผลการดำเนินการจัดระเบียบพื้นที่ทำการค้า ตั้งแต่เดือน ต.ค. 65 - ก.ย. 66 ลดพื้นที่ทำการค้าแล้ว 191 จุด ผู้ค้า 3,340 ราย ตั้งแต่เดือน ต.ค. 66 - ปัจจุบัน ลดพื้นที่ทำการค้าแล้ว 163 จุด ผู้ค้า 2,224 ราย พื้นที่ที่ยกเลิกทำการค้าสำเร็จ อาทิ ถนนสารสิน เขตปทุมวัน บริเวณท่าเตียน ถนนมหาราช เขตพระนคร หน้าโรเล็กซ์ ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน นอกจากนี้ สำนักเทศกิจยังได้ออกตรวจพื้นที่ทำการค้าที่ยกเลิกแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้ค้ากลับมาทำการค้าอีก และตรวจสอบผู้ค้าต่างด้าวย่านสุขุมวิท โดยเมื่อพบการฝ่าฝืนได้แจ้งสำนักงานเขตในพื้นที่ส่งพนักงานสอบสวนต่อไป จากนั้นที่ประชุมได้รายงานผลการแจงนับคนไร้บ้าน แนวทางการจัดทำสำมะโนคนไร้บ้าน การส่งต่อและมาตรการการจัดระเบียบพื้นที่ว่า ข้อมูลการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคนไร้บ้านผ่าน Traffy Fondue ระหว่างวันที่ 1 ก.ย. - 22 ต.ค. 67 กลุ่มเขตกรุงเทพกลาง 172 เรื่อง กรุงเทพเหนือ 83 เรื่อง กรุงเทพใต้ 214 เรื่อง กรุงเทพตะวันออก 45 เรื่อง กรุงธนเหนือ 56 เรื่อง กรุงธนใต้ 30 เรื่อง รวมทั้ง 6 กลุ่มเขต 600 เรื่อง โดย 5 อันดับเขตแรก ที่พบคนไร้บ้านมากที่สุด ได้แก่ เขตพระนคร 117 ราย พญาไท 24 ราย บางรัก 19 ราย คลองเตย 16 ราย ดอนเมือง 16 ราย ส่วนเขตที่ไม่พบคนไร้บ้านเลย 7 เขต ได้แก่ เขตลาดกระบัง หนองแขม จอมทอง หนองจอก พระโขนง ทวีวัฒนา และสะพานสูง
อ่านต่อ >10