#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
คอนเทนต์เกี่ยวความลี้ลับจากโลกที่เรามิอาจมองเห็น ก็ได้รับผลตอบรับดีอย่างมาก เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ที่บ่งบอกได้เด่นชัดว่า สังคมไทยยังคงมีความเชื่อในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับผีสาง นางไม้ จะน่ากลัวสักแค่ไหน ก็ไม่มีเรื่องไหนที่น่ากลัวไปมากกว่า “คนเล่นของ” เมื่อคนต่างทำร้ายด้วยกันเอง ผ่านพิธีกรรมสายมืด ซึ่งบางครั้งกฎหมายก็ไม่สามารถเอาผิดคนทำได้ เหลือเพียงแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม แต่ในอดีตเคยรู้หรือไม่ว่า ไทยเองก็เคยมีกระทรวงที่คอยตัดสินคดีความเกี่ยวกับเรื่องราวของไสยศาสตร์ คล้ายกับกระทรวงเวทมนตร์ ที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ Harry Potter แต่ของไทยเราใช้ชื่อว่า “กระทรวงแพทยาคม” ---รู้จัก “แพทยาคม” กระทรวงที่ว่าความเรื่องคุณไสย---“กระทรวงแพทยาคม” หรือที่เรามักจะเรียกติดปากกันบ่อยในโซเชียลว่า “กระทรวงเวทมนตร์” เป็นหน่วยงานเก่าแก่ในอดีตที่คอยตัดสินคดีความเกี่ยวกับไสยเวท คาถา อาคมต่าง ๆ โดยคาดว่า กระทรวงนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาข้อมูลจากรายงานการวิจัย โครงการศึกษารวบรวมข้อมูลด้านการเมืองการปกครองของไทย ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสถาบันฝ่ายตุลาการ จัดทำโดย ศูนย์วิจัย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2546 กล่าวถึงการตรากฎหมายวิธีสบัญญัติ พระธรรมนูญศาลยุติธรรม เมื่อปี 2165 ในสมัยพระเจ้าทรวงธรรม จากกฎหมายฉบับนี้ ทำให้ทราบได้ว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา มีศาลที่พิจารณาอรรถคดีต่าง ๆ ทั้งหมด 14 ประเภท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ศาลกระทรวงแพทยา” มีไว้เพื่อพิจารณาความกล่าวหาว่าเป็นกระสือกระหัง ทําเวทมนต์ อาคม ใส่ว่านยา ทําเสน่ห์ยาแฝดยาเมา รีดลูก โดยผู้เสียหายไม่ถึงตาย หรือคดีพราหมณ์โยคีเป็นโจทก์จําเลยหาความกัน เป็นต้น ถ้าความเกิดในหัวเมืองขุนหมื่นกรมแพทยาหัวเมืองเป็นผู้พิจารณาจากข้อความดังกล่าว เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ที่สะท้อนได้ว่า ไทยเองก็นำเรื่องไสยศาสตร์ เข้ามาผูกโยงต่อการดำเนินชีวิต และตอกย้ำความเชื่อ เรื่องการเล่นของ คุณไสย ใส่คนด้วยกันเอง ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสิทร์ตอนต้น ในสมัยรัชกาลที่ 3 กระทรวงแพทยาคม ก็ถูกลดบทบาทและอำนาจลง จากกระทรวง เหลือเป็น “ศาลกรมแพทยา” แต่ยังคงเป็นศาลที่ชำระคดีความเกี่ยวกับการกระทำอาคมเวทวิทยาคมแก่กัน จากนั้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5 เริ่มมีการปรับปรุงระบบตุลาการ ซึ่งกระบวนการศาลบางอย่าง
อ่านต่อ >12
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ ( 5 ต.ค. 67 )นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ขึ้นบินตรวจสภาพพื้นที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ตัวเมืองเชียงใหม่ และเส้นทางแม่น้ำปิงจากตัวเมือง ไปจนถึงอำเภอแม่แตง โดยพบว่าน้ำปิงได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ริมตลิ่งและขยายวงกว้างไปในหลายพื้นที่นอกจากนี้ยังบินสำรวจบริเวณลำน้ำแตง พื้นที่ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง และบริเวณศูนย์บริบาลช้าง ของมูลนิธิศูนยย์อนุรักษ์ช้าง และสิ่งแวดล้อม ที่ถูกน้ำท่วมสูง จนต้องอพยพช้างกว่า 100 เชือก หมา แมวและสัตว์พิการป่วย กว่า 3 พันตัวออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยส่วนแม่น้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่ได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง อาทิบริเวณถนนอัษฎาธร หน้าโครงการตลาดจริงใจมาเก็ต สี่แยกที่นอนปีนัง พ่อค้าแม่ค้าที่ขนพืชผักผลไม้ไปขายที่ตลาดเมืองใหม่ ต้องย้ายมาขายริมถนนอัษฎาธร เพราะตลาดเมืองใหม่ที่ตั้งอยู่ริมน้ำปิงระดับน้ำท่วมสูง ขณะที่บริเวณถนนอัษฎาธรเอง น้ำก็เริ่มทะลักท่วม เนื่องจากคลองแม่ข่ามีน้ำท่วมสูงเพราะแม่น้ำปิงหนุน ขณะที่ย่านสันป่าข่อย ตำบลวัดเกต ระดับน้ำปิงที่ท่วมสูง ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายทรัพย์สินไปไว้บนที่สูง และอพยพออกมาจากบ้านกันแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือและเร่งอพยพชาวบ้านออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนจนกว่าระดับน้ำปิงจะลดลงด้าน สำนักงานชลประทานที่ 1 รายงานระดับน้ำปิงที่จุด P1 สะพานนวรัฐ ล่าสุดอยู่ที่ 5 เมตร 28 เซนติเมตร แนวโน้มทรงตัว ซึ่งสูงทำลายสถิติใหม่ในรอบ 50 ปี โดยในช่วงที่ระดับน้ำขึ้นสูงต่อเนื่องด้วยความเร็วและแรงได้ทำให้พนังกั้นน้ำและกระสอบทรายที่เทศบาลนครเชียงใหม่ทำไว้ป้องกันการไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมืองพังลงไหลตามกันมาตลอดแนวแม่น้ำปิง ตั้งแต่พนังที่ตำรวจภูธภาค 5 ย่านเชียงใหม่แลนด์ และบริเวณตลาดวโรรส หรือกาดหลวง และตลาดต้นลำไย ทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมผิวถนน ร้านค้า บ้านเรือนประชาชนแบบวงกว้างในจุดที่ไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน ทั้งถนนสายท่าแพ ลอยเคราะห์ ศรีดอนไชย เจริญเมือง แก้วนวรัฐ สี่แยกศาลเด็กรวมถึงสถานีขนส่งหนองหอย และถนนหนองหอยตลอดสาย ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักอีกแห่ง แต่ไม่สามารถขวางทางไปของน้ำได้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากติดค้างอยู่ตามถนนและในโรงแรมหลายแห่ง ไม่สามารถเข้าและออกได้ เนื่องจากมีการปิดถนนเ
อ่านต่อ >32
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชียลหลังจาก The Ghost Radio ได้เผยแพร่เรื่องเล่าจากทางบ้าน “ทำไมดูเป็นคนดีจัง” โดยเป็นเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การถูกหมอดูทำคุณไสยใส่ เพื่อที่จะ “ขโมยดวง” เพื่อประโยชน์บางอย่างให้ตนเอง เรื่องนี้เป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าการขโมยดวง ทำได้จริงหรือ? บางคนถึงกับบอกว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยได้ยิน “ขโมยดวง” คืออะไร “ทำไมดูเป็นคนดีจัง” ถูกนำไปประเด็นพูดคุยกันในรายการดัง “โหนกระแส” ในตอนหนึ่ง “หนุ่ม กรรชัย” ได้ต่อสายสัมภาษณ์ “หมอเทียม วัดหนัง” ผู้ที่ได้รับฉายาว่าจอมขมังเวทย์ ว่าการขโมยดวงนั้นคืออะไร สามารถทำได้หรือไม่? หมอเทียมอ้างว่าสามารถทำได้ ซึ่งตัวหมอดูจะอาศัยประโยชน์จากคนที่มาดูดวง จากวัน เดือน ปี เกิด และเวลาตกฟาก จากนั้นจะทำให้ผู้ที่มาดูดวงจิตใจผูกติด ลุ่มหลงอยู่กับหมอดู บอกให้ทำอะไร ก็เชื่อฟังไปหมด คนที่จะตกเป็นเหยื่อนั้นต้องเป็นช่วยที่ดวงตก จิตตก หมอดูก็จะดูฤกษ์ก่อนทำพิธีขโมยดวง “ขโมยดวง” มีจริงไหมในความคิด “อ.เบียร์ - หมอบี”ขณะที่ อาจารย์เบียร์ เจ้าของช่องคนตื่นธรรม ระบุว่า ตนเองนั้นเคยเป็นหมอดูมาก่อน การดูดวงเป็นเรื่องของการแสวงหาผลประโยชน์จากคนมีความทุกข์ เป็นเรื่องของรายได้สรรหาของมาทำพิธี เรื่องของการขโมยดวงมันไม่มีหรอก เป็นการปรุงเแต่งไปกันเอง แต่ถ้าเรื่องของการขโมยสมอง ขโมยความฉลาด มีจริงแน่นอน การขโมยดวงเป็นเรื่องของคนที่อ่อนแอทางความเชื่อ คนที่เชื่อยังไงก็ต้องเสียเงินเสียทองกับเรื่องพวกนี้แน่นอน ถ้าคุณฉลาดให้ตายยังไงก็ไม่เสียเงินแน่นอน ทางด้านหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ อินฟลูเอนเซอร์เกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ Club Priday X โดยระบุว่า ต้องถามว่าดวงคืออะไรก่อน แค่เป็นการทำนายบอกว่าอดีตอนาคตเป็นอย่างไร? เรื่องแบบนี้มันขโมยได้ด้วยเหรอ? ยกตัวอย่างพรุ่งนี้เราจะกินอะไร เรื่องแบบนี้มันขโมยได้ด้วยเหรอ กรรมคือการกระทำ มันมีปัจจัยการสร้างเหตุ ทุกอย่างที่เราทำขึ้นทั้งนั้น การสะเดาะห์เคราะห์มันไม่มีอยู่จริง มันอยู่ที่พฤติกรรมของเราถ้าเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงได้ชีวิตมันมีอยู่แค่นี้ ภาพจาก: AFP
อ่านต่อ >20
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.เวลา 10.20 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย 2 รมช. นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายอัครา พรหมเผ่า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี โดยเริ่มต้นที่วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวภายหลังการติดตามสถานการณ์น้ำว่า จากที่ได้รับฟังสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯเหมือนในปี 2554 แน่นอน เนื่องด้วยปริมาณน้ำและน้ำที่ยังเก็บกักได้เพิ่ม ตามที่รองอธิบดี กรมชลประทานรายงานข้อมูลมา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประสานกับกรมชลประทานตลอด เพื่อเตรียมแผนระบายน้ำหากมีพายุและปริมาณน้ำฝนลงมาเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งมีการจัดการสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำในคลองระบายน้ำต่าง ๆ เมื่อถามถึงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งล่าสุด ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯได้ประเมินความเสียหาย และวางงบประมาณที่จะต้องใช้ในการฟื้นฟูทั้งหมดประมาณ 3,700 ล้านบาทและได้ส่งข้อมูลไปให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ในสัปดาห์หน้า โดยงบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องของข้าว เช่น การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อแจกจ่าย รวมทั้งช่วยเหลือภาคปศุสัตว์และประมงที่ได้รับความเสียหายด้วย“กระทรวงเกษตรฯได้หารือกัน เนื่องจากมีข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ว่า กว่าน้ำจะลด กว่าจะได้งบประมาณมา และของจะไปถึง อาจจะไม่อยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกแล้ว จึงได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรกรฯ และให้ติดตามเรื่องที่สำนักงบประมาณตามที่ได้เสนอไปว่า ในบางพื้นที่ ในบางจุด ในบางงบฯ จะขอเปลี่ยนแปลงเป็นการฟื้นฟูด้วยเม็ดเงินเพิ่มเติมให้เกษตรกรได้หรือไม่”ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวชี้แจงถึงการออกประกาศเตือน ลุ่มเจ้าพระยาฉบับที่ 10 พื้นที่ 11 จังหวัด เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มว่า การที่เราจะระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกิน 2,000 ลบ.
อ่านต่อ >32
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
คอนเทนต์เกี่ยวความลี้ลับจากโลกที่เรามิอาจมองเห็น ก็ได้รับผลตอบรับดีอย่างมาก เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ที่บ่งบอกได้เด่นชัดว่า สังคมไทยยังคงมีความเชื่อในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับผีสาง นางไม้ จะน่ากลัวสักแค่ไหน ก็ไม่มีเรื่องไหนที่น่ากลัวไปมากกว่า “คนเล่นของ” เมื่อคนต่างทำร้ายด้วยกันเอง ผ่านพิธีกรรมสายมืด ซึ่งบางครั้งกฎหมายก็ไม่สามารถเอาผิดคนทำได้ เหลือเพียงแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม แต่ในอดีตเคยรู้หรือไม่ว่า ไทยเองก็เคยมีกระทรวงที่คอยตัดสินคดีความเกี่ยวกับเรื่องราวของไสยศาสตร์ คล้ายกับกระทรวงเวทมนตร์ ที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ Harry Potter แต่ของไทยเราใช้ชื่อว่า “กระทรวงแพทยาคม” ---รู้จัก “แพทยาคม” กระทรวงที่ว่าความเรื่องคุณไสย---“กระทรวงแพทยาคม” หรือที่เรามักจะเรียกติดปากกันบ่อยในโซเชียลว่า “กระทรวงเวทมนตร์” เป็นหน่วยงานเก่าแก่ในอดีตที่คอยตัดสินคดีความเกี่ยวกับไสยเวท คาถา อาคมต่าง ๆ โดยคาดว่า กระทรวงนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาข้อมูลจากรายงานการวิจัย โครงการศึกษารวบรวมข้อมูลด้านการเมืองการปกครองของไทย ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสถาบันฝ่ายตุลาการ จัดทำโดย ศูนย์วิจัย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2546 กล่าวถึงการตรากฎหมายวิธีสบัญญัติ พระธรรมนูญศาลยุติธรรม เมื่อปี 2165 ในสมัยพระเจ้าทรวงธรรม จากกฎหมายฉบับนี้ ทำให้ทราบได้ว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา มีศาลที่พิจารณาอรรถคดีต่าง ๆ ทั้งหมด 14 ประเภท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ศาลกระทรวงแพทยา” มีไว้เพื่อพิจารณาความกล่าวหาว่าเป็นกระสือกระหัง ทําเวทมนต์ อาคม ใส่ว่านยา ทําเสน่ห์ยาแฝดยาเมา รีดลูก โดยผู้เสียหายไม่ถึงตาย หรือคดีพราหมณ์โยคีเป็นโจทก์จําเลยหาความกัน เป็นต้น ถ้าความเกิดในหัวเมืองขุนหมื่นกรมแพทยาหัวเมืองเป็นผู้พิจารณาจากข้อความดังกล่าว เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ที่สะท้อนได้ว่า ไทยเองก็นำเรื่องไสยศาสตร์ เข้ามาผูกโยงต่อการดำเนินชีวิต และตอกย้ำความเชื่อ เรื่องการเล่นของ คุณไสย ใส่คนด้วยกันเอง ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสิทร์ตอนต้น ในสมัยรัชกาลที่ 3 กระทรวงแพทยาคม ก็ถูกลดบทบาทและอำนาจลง จากกระทรวง เหลือเป็น “ศาลกรมแพทยา” แต่ยังคงเป็นศาลที่ชำระคดีความเกี่ยวกับการกระทำอาคมเวทวิทยาคมแก่กัน จากนั้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5 เริ่มมีการปรับปรุงระบบตุลาการ ซึ่งกระบวนการศาลบางอย่าง
อ่านต่อ >12
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
วันนี้ ( 5 ต.ค. 67 )นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ขึ้นบินตรวจสภาพพื้นที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่ตัวเมืองเชียงใหม่ และเส้นทางแม่น้ำปิงจากตัวเมือง ไปจนถึงอำเภอแม่แตง โดยพบว่าน้ำปิงได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ริมตลิ่งและขยายวงกว้างไปในหลายพื้นที่นอกจากนี้ยังบินสำรวจบริเวณลำน้ำแตง พื้นที่ตำบลกึ้ดช้าง อำเภอแม่แตง และบริเวณศูนย์บริบาลช้าง ของมูลนิธิศูนยย์อนุรักษ์ช้าง และสิ่งแวดล้อม ที่ถูกน้ำท่วมสูง จนต้องอพยพช้างกว่า 100 เชือก หมา แมวและสัตว์พิการป่วย กว่า 3 พันตัวออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยส่วนแม่น้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่ได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่เป็นบริเวณกว้าง อาทิบริเวณถนนอัษฎาธร หน้าโครงการตลาดจริงใจมาเก็ต สี่แยกที่นอนปีนัง พ่อค้าแม่ค้าที่ขนพืชผักผลไม้ไปขายที่ตลาดเมืองใหม่ ต้องย้ายมาขายริมถนนอัษฎาธร เพราะตลาดเมืองใหม่ที่ตั้งอยู่ริมน้ำปิงระดับน้ำท่วมสูง ขณะที่บริเวณถนนอัษฎาธรเอง น้ำก็เริ่มทะลักท่วม เนื่องจากคลองแม่ข่ามีน้ำท่วมสูงเพราะแม่น้ำปิงหนุน ขณะที่ย่านสันป่าข่อย ตำบลวัดเกต ระดับน้ำปิงที่ท่วมสูง ทำให้ชาวบ้านต้องเร่งขนย้ายทรัพย์สินไปไว้บนที่สูง และอพยพออกมาจากบ้านกันแล้ว โดยมีเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานเข้าไปช่วยเหลือและเร่งอพยพชาวบ้านออกไปอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนจนกว่าระดับน้ำปิงจะลดลงด้าน สำนักงานชลประทานที่ 1 รายงานระดับน้ำปิงที่จุด P1 สะพานนวรัฐ ล่าสุดอยู่ที่ 5 เมตร 28 เซนติเมตร แนวโน้มทรงตัว ซึ่งสูงทำลายสถิติใหม่ในรอบ 50 ปี โดยในช่วงที่ระดับน้ำขึ้นสูงต่อเนื่องด้วยความเร็วและแรงได้ทำให้พนังกั้นน้ำและกระสอบทรายที่เทศบาลนครเชียงใหม่ทำไว้ป้องกันการไหลทะลักเข้าสู่ตัวเมืองพังลงไหลตามกันมาตลอดแนวแม่น้ำปิง ตั้งแต่พนังที่ตำรวจภูธภาค 5 ย่านเชียงใหม่แลนด์ และบริเวณตลาดวโรรส หรือกาดหลวง และตลาดต้นลำไย ทำให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมผิวถนน ร้านค้า บ้านเรือนประชาชนแบบวงกว้างในจุดที่ไม่เคยเกิดน้ำท่วมมาก่อน ทั้งถนนสายท่าแพ ลอยเคราะห์ ศรีดอนไชย เจริญเมือง แก้วนวรัฐ สี่แยกศาลเด็กรวมถึงสถานีขนส่งหนองหอย และถนนหนองหอยตลอดสาย ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจหลักอีกแห่ง แต่ไม่สามารถขวางทางไปของน้ำได้ ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากติดค้างอยู่ตามถนนและในโรงแรมหลายแห่ง ไม่สามารถเข้าและออกได้ เนื่องจากมีการปิดถนนเ
อ่านต่อ >32
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกโซเชียลหลังจาก The Ghost Radio ได้เผยแพร่เรื่องเล่าจากทางบ้าน “ทำไมดูเป็นคนดีจัง” โดยเป็นเรื่องราวของหญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การถูกหมอดูทำคุณไสยใส่ เพื่อที่จะ “ขโมยดวง” เพื่อประโยชน์บางอย่างให้ตนเอง เรื่องนี้เป็นประเด็นถกเถียงกันอย่างกว้างขวางว่าการขโมยดวง ทำได้จริงหรือ? บางคนถึงกับบอกว่าตั้งแต่เกิดมาเพิ่งจะเคยได้ยิน “ขโมยดวง” คืออะไร “ทำไมดูเป็นคนดีจัง” ถูกนำไปประเด็นพูดคุยกันในรายการดัง “โหนกระแส” ในตอนหนึ่ง “หนุ่ม กรรชัย” ได้ต่อสายสัมภาษณ์ “หมอเทียม วัดหนัง” ผู้ที่ได้รับฉายาว่าจอมขมังเวทย์ ว่าการขโมยดวงนั้นคืออะไร สามารถทำได้หรือไม่? หมอเทียมอ้างว่าสามารถทำได้ ซึ่งตัวหมอดูจะอาศัยประโยชน์จากคนที่มาดูดวง จากวัน เดือน ปี เกิด และเวลาตกฟาก จากนั้นจะทำให้ผู้ที่มาดูดวงจิตใจผูกติด ลุ่มหลงอยู่กับหมอดู บอกให้ทำอะไร ก็เชื่อฟังไปหมด คนที่จะตกเป็นเหยื่อนั้นต้องเป็นช่วยที่ดวงตก จิตตก หมอดูก็จะดูฤกษ์ก่อนทำพิธีขโมยดวง “ขโมยดวง” มีจริงไหมในความคิด “อ.เบียร์ - หมอบี”ขณะที่ อาจารย์เบียร์ เจ้าของช่องคนตื่นธรรม ระบุว่า ตนเองนั้นเคยเป็นหมอดูมาก่อน การดูดวงเป็นเรื่องของการแสวงหาผลประโยชน์จากคนมีความทุกข์ เป็นเรื่องของรายได้สรรหาของมาทำพิธี เรื่องของการขโมยดวงมันไม่มีหรอก เป็นการปรุงเแต่งไปกันเอง แต่ถ้าเรื่องของการขโมยสมอง ขโมยความฉลาด มีจริงแน่นอน การขโมยดวงเป็นเรื่องของคนที่อ่อนแอทางความเชื่อ คนที่เชื่อยังไงก็ต้องเสียเงินเสียทองกับเรื่องพวกนี้แน่นอน ถ้าคุณฉลาดให้ตายยังไงก็ไม่เสียเงินแน่นอน ทางด้านหมอบี ทูตสื่อวิญญาณ อินฟลูเอนเซอร์เกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ในรายการ Club Priday X โดยระบุว่า ต้องถามว่าดวงคืออะไรก่อน แค่เป็นการทำนายบอกว่าอดีตอนาคตเป็นอย่างไร? เรื่องแบบนี้มันขโมยได้ด้วยเหรอ? ยกตัวอย่างพรุ่งนี้เราจะกินอะไร เรื่องแบบนี้มันขโมยได้ด้วยเหรอ กรรมคือการกระทำ มันมีปัจจัยการสร้างเหตุ ทุกอย่างที่เราทำขึ้นทั้งนั้น การสะเดาะห์เคราะห์มันไม่มีอยู่จริง มันอยู่ที่พฤติกรรมของเราถ้าเปลี่ยนพฤติกรรมตนเอง ทุกอย่างมันก็เปลี่ยนแปลงได้ชีวิตมันมีอยู่แค่นี้ ภาพจาก: AFP
อ่านต่อ >20
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.เวลา 10.20 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย 2 รมช. นายอิทธิ ศิริลัทธยากร และนายอัครา พรหมเผ่า ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดปทุมธานี โดยเริ่มต้นที่วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวภายหลังการติดตามสถานการณ์น้ำว่า จากที่ได้รับฟังสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ น้ำจะไม่ท่วมกรุงเทพฯเหมือนในปี 2554 แน่นอน เนื่องด้วยปริมาณน้ำและน้ำที่ยังเก็บกักได้เพิ่ม ตามที่รองอธิบดี กรมชลประทานรายงานข้อมูลมา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประสานกับกรมชลประทานตลอด เพื่อเตรียมแผนระบายน้ำหากมีพายุและปริมาณน้ำฝนลงมาเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งมีการจัดการสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำในคลองระบายน้ำต่าง ๆ เมื่อถามถึงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งล่าสุด ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯได้ประเมินความเสียหาย และวางงบประมาณที่จะต้องใช้ในการฟื้นฟูทั้งหมดประมาณ 3,700 ล้านบาทและได้ส่งข้อมูลไปให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ในสัปดาห์หน้า โดยงบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องของข้าว เช่น การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวเพื่อแจกจ่าย รวมทั้งช่วยเหลือภาคปศุสัตว์และประมงที่ได้รับความเสียหายด้วย“กระทรวงเกษตรฯได้หารือกัน เนื่องจากมีข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ว่า กว่าน้ำจะลด กว่าจะได้งบประมาณมา และของจะไปถึง อาจจะไม่อยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกแล้ว จึงได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรกรฯ และให้ติดตามเรื่องที่สำนักงบประมาณตามที่ได้เสนอไปว่า ในบางพื้นที่ ในบางจุด ในบางงบฯ จะขอเปลี่ยนแปลงเป็นการฟื้นฟูด้วยเม็ดเงินเพิ่มเติมให้เกษตรกรได้หรือไม่”ศ.ดร.นฤมล กล่าวด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวชี้แจงถึงการออกประกาศเตือน ลุ่มเจ้าพระยาฉบับที่ 10 พื้นที่ 11 จังหวัด เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่มว่า การที่เราจะระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกิน 2,000 ลบ.
อ่านต่อ >32
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
คอนเทนต์เกี่ยวความลี้ลับจากโลกที่เรามิอาจมองเห็น ก็ได้รับผลตอบรับดีอย่างมาก เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ที่บ่งบอกได้เด่นชัดว่า สังคมไทยยังคงมีความเชื่อในเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่ แต่เรื่องราวเกี่ยวกับผีสาง นางไม้ จะน่ากลัวสักแค่ไหน ก็ไม่มีเรื่องไหนที่น่ากลัวไปมากกว่า “คนเล่นของ” เมื่อคนต่างทำร้ายด้วยกันเอง ผ่านพิธีกรรมสายมืด ซึ่งบางครั้งกฎหมายก็ไม่สามารถเอาผิดคนทำได้ เหลือเพียงแต่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกฎแห่งกรรม แต่ในอดีตเคยรู้หรือไม่ว่า ไทยเองก็เคยมีกระทรวงที่คอยตัดสินคดีความเกี่ยวกับเรื่องราวของไสยศาสตร์ คล้ายกับกระทรวงเวทมนตร์ ที่ปรากฎอยู่ในภาพยนตร์ Harry Potter แต่ของไทยเราใช้ชื่อว่า “กระทรวงแพทยาคม” ---รู้จัก “แพทยาคม” กระทรวงที่ว่าความเรื่องคุณไสย---“กระทรวงแพทยาคม” หรือที่เรามักจะเรียกติดปากกันบ่อยในโซเชียลว่า “กระทรวงเวทมนตร์” เป็นหน่วยงานเก่าแก่ในอดีตที่คอยตัดสินคดีความเกี่ยวกับไสยเวท คาถา อาคมต่าง ๆ โดยคาดว่า กระทรวงนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาข้อมูลจากรายงานการวิจัย โครงการศึกษารวบรวมข้อมูลด้านการเมืองการปกครองของไทย ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับสถาบันฝ่ายตุลาการ จัดทำโดย ศูนย์วิจัย คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อปี 2546 กล่าวถึงการตรากฎหมายวิธีสบัญญัติ พระธรรมนูญศาลยุติธรรม เมื่อปี 2165 ในสมัยพระเจ้าทรวงธรรม จากกฎหมายฉบับนี้ ทำให้ทราบได้ว่า สมัยกรุงศรีอยุธยา มีศาลที่พิจารณาอรรถคดีต่าง ๆ ทั้งหมด 14 ประเภท ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “ศาลกระทรวงแพทยา” มีไว้เพื่อพิจารณาความกล่าวหาว่าเป็นกระสือกระหัง ทําเวทมนต์ อาคม ใส่ว่านยา ทําเสน่ห์ยาแฝดยาเมา รีดลูก โดยผู้เสียหายไม่ถึงตาย หรือคดีพราหมณ์โยคีเป็นโจทก์จําเลยหาความกัน เป็นต้น ถ้าความเกิดในหัวเมืองขุนหมื่นกรมแพทยาหัวเมืองเป็นผู้พิจารณาจากข้อความดังกล่าว เป็นหนึ่งในเครื่องพิสูจน์ที่สะท้อนได้ว่า ไทยเองก็นำเรื่องไสยศาสตร์ เข้ามาผูกโยงต่อการดำเนินชีวิต และตอกย้ำความเชื่อ เรื่องการเล่นของ คุณไสย ใส่คนด้วยกันเอง ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสิทร์ตอนต้น ในสมัยรัชกาลที่ 3 กระทรวงแพทยาคม ก็ถูกลดบทบาทและอำนาจลง จากกระทรวง เหลือเป็น “ศาลกรมแพทยา” แต่ยังคงเป็นศาลที่ชำระคดีความเกี่ยวกับการกระทำอาคมเวทวิทยาคมแก่กัน จากนั้น ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 5 เริ่มมีการปรับปรุงระบบตุลาการ ซึ่งกระบวนการศาลบางอย่าง
อ่านต่อ >12