#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่การแก้ปัญหาหนี้สินไปจนถึงการส่งเสริมสวัสดิการสังคมนโยบายแรกเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในและนอกระบบ พร้อมส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการออม หากดำเนินการสำเร็จ ประชาชนจะได้รับการบรรเทาภาระหนี้สิน มีความรู้ในการบริหารการเงินที่ดีขึ้น และมีทางเลือกในการออมที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การดำเนินการให้ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกหนี้นอกระบบซึ่งมักเข้าถึงได้ยากนโยบายที่สองเน้นการส่งเสริมและปกป้องผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมแก้ปัญหาหนี้และจัดทำ Matching Fund ประโยชน์ที่คาดว่าประชาชนจะได้รับคือ ผู้ประกอบการ SMEs จะมีโอกาสแข่งขันในตลาดได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น มีโอกาสอยู่รอดและรักษาการจ้างงาน รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น แต่ความท้าทายอยู่ที่การกำหนดมาตรการที่เป็นธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในแง่ของราคาและทางเลือกนโยบายที่สามเกี่ยวกับการลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะพร้อมนโยบาย "ค่าโดยสารราคาเดียว" ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง ทั้งจากราคาพลังงานและสาธารณูปโภคที่ถูกลง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ลดลง อย่างไรก็ดี การรักษาสมดุลระหว่างราคาที่เป็นธรรมกับประชาชนและความยั่งยืนทางการเงินของผู้ให้บริการเป็นความท้าทายสำคัญนโยบายที่สี่มุ่งนำเศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อนำรายได้มาจัดสรรสวัสดิการ ซึ่งจะช่วยให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค และทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมมีความเป็นธรรมมากขึ้น แต่การสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการนอกระบบเข้าสู่ระบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบนโยบายที่ห้าเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ส่งผลกระ
อ่านต่อ >9
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่ายของรัฐสภามีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยมี รัฐมนตรี สส.และสว.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงซึ่งในช่วงเช้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภามีคำแถลงนโยบายของรัฐบาลมีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองการของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่ง 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที ได้แก่นโยบายที่ 1 ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบนโยบายที่ 2 ส่งเสริม SMEนโยบายที่ 3 ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภคนโยบายที่ 4 สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีนโยบายที่ 5 กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายที่ 6 ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัยนโยบายที่ 7 ส่งเสริมการท่องเที่ยวนโยบายที่ 8 แก้ไขปัญหายาเสพติดนโยบายที่ 9 เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมนโยบายที่ 10 ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมโดยการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา กำหนดขึ้นในวันที่ 12-13 ก.ย.2567 โดยวางกรอบระยะเวลา 29 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น ประธาน 1 ชั่วโมง นายกฯ - ครม. 6 ชั่วโมง สว. 4.30 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล 4.30 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมง ณ รัฐสภาภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์
อ่านต่อ >15
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
น้ำท่วมเชียงราย: ผลกระทบทางเศรษฐกิจและบทเรียนสำคัญสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของไทยได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 5-7 วัน โดยคาดว่าหลังจากนั้นสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น ความเสียหายครอบคลุมหลายภาคส่วน ทั้งภาคเกษตร สถานที่ราชการ และทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในจังหวัด ซึ่งชะลอตัวลงเนื่องจากภาพน้ำท่วมที่แพร่กระจายออกไปเมื่อพิจารณาพื้นที่น้ำท่วมทั้งหมดในภาคเหนือ ซึ่งครอบคลุม 7-8 จังหวัด รวมถึงเชียงราย การประเมินความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะไม่รุนแรงนัก โดยเฉพาะหากมีการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งอาจช่วยชดเชยและกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ระบุว่าสาเหตุหลักของน้ำท่วมมาจากปริมาณฝนที่ตกหนักกว่า 300-400 มิลลิเมตรในช่วง 2 วัน ทั้งในฝั่งไทยและเมียนมา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากสภาพภูมิประเทศ เช่น แม่น้ำบางช่วงที่แคบ และการรุกล้ำแม่น้ำของสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกีดขวางการไหลของน้ำ แม้ว่า สทนช. จะได้รายงานข้อมูลปริมาณฝนให้กับจังหวัดและพื้นที่เสี่ยงแล้ว แต่ปริมาณน้ำที่มากเกินคาดทำให้การรับมือเป็นไปอย่างยากลำบากเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว สทนช. วางแผนที่จะร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาในการติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำฝนและน้ำท่าในพื้นที่ต้นน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเสริมให้เมียนมาสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ เพื่อช่วยชะลอการไหลของน้ำและลดความเสี่ยงน้ำท่วมในอนาคตแม้ว่าผลกระทบระยะสั้นจากน้ำท่วมจะรุนแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ การวางแผนรับมือฉุกเฉิน และความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการทรัพยากรน้ำ การดำเนินการเชิงรุกในประเด็นเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาต
อ่านต่อ >15
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลให้ภัยพิบัติต่าง ๆ มีความรุนแรงและถี่ยิ่งขึ้น สร้างความเสียหายหลายภาคส่วน ตลอดจนการสูญเสียชีวิต ที่นับวันยากเกินกว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นดั่งเดิม ---เวียดนามน้ำท่วมหนัก ตายเกือบ 200---ในบรรดาประเทศอาเซียนที่ต้องเผชิญกับอุทกภัยอันเลวร้าย เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 197 ราย พายุไต้ฝุ่นยางิพัดถล่มเวียดนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักมหาศาล เกิดน้ำท่วมทั่วพื้นที่ทางตอนเหนือของเวียดนาม, ลาว, ไทย และเมียนมา และเป็นสาเหตุเกิดดินถล่ม และน้ำท่วมเป็นวงกว้าง“ตู” หนึ่งในชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า สวนดอกพีชของเขาขนาดพื้นที่ 1,800 ตารางเมตรจมอยู่ใต้น้ำ และทำลายต้นไม้ของเขาทั้งหมด 400 ต้น“มันยากมาก ๆ ที่ผมจะฟื้นตัวจากความสูญเสียครั้งนี้ ผมคิดว่าผมสูญเสียเงินไปมากกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ”“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอะไรตอนนี้ ผมได้แต่รอให้น้ำลดลงเท่านั้น” เขา กล่าว ด้านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรกรรมเวียดนาม เผยว่า น้ำท่วมสูงทำลายพื้นที่การเกษตรไปมากถึง 1,562,500 ไร่ รวมการเสียชีวิตของปศุสัตว์จำนวนมาก โดยพื้นที่เพาะปลูกรอบ ๆ กรุงฮานอยได้รับผลกระทบหนักที่สุดขณะที่ ชาวเวียดนามต้องเดินเท้าฝ่าน้ำท่วมสูงถึงหน้าแข้ง เพื่อเดินทางไปทำงาน แม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่า ระดับน้ำในเมืองค่อย ๆ ลดลง หลังจากระดับน้ำแตะสูงสุดในรอบ 20 ปี ประชาชนนับพันคนจำใจต้องทิ้งบ้านของตัวเองเพื่อทำการอพยพ ขณะที่ประชาชนบางส่วนไม่มีไฟฟ้าใช้ และเขตที่ได้รับผลกระทบหนักบริเวณชานเมืองกรุงฮานอย ประชาชนมากกว่า 15,000 คน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นเวียดนาม รายงานว่า เกิดเหตุดินถล่มบริเวณเทือกเขาจังหวัดหล่าวกายเมื่อวันอังคาร (10 กันยายน) ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และสูญหาย 11 คน แต่รายละเอียดของเหตุการณ์นี้ยังมีไม่มากนัก เนื่องจากการสื่อสารในพื้นที่เกิดเหตุถูกตัดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เกิดเหตุดินถล่มในจังหวัดเดียวกัน ทำลายบ้านเรือนไปทั้งหมด 37 หลัง ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 34 ราย สูญหายอีก 46 คน ---อุทกภัยถล่มทั่วอาเซียน---ภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่ประเทศเวียดนามเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบในหลายประเทศที่ตั้ง
อ่านต่อ >11
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่การแก้ปัญหาหนี้สินไปจนถึงการส่งเสริมสวัสดิการสังคมนโยบายแรกเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในและนอกระบบ พร้อมส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการออม หากดำเนินการสำเร็จ ประชาชนจะได้รับการบรรเทาภาระหนี้สิน มีความรู้ในการบริหารการเงินที่ดีขึ้น และมีทางเลือกในการออมที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การดำเนินการให้ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกหนี้นอกระบบซึ่งมักเข้าถึงได้ยากนโยบายที่สองเน้นการส่งเสริมและปกป้องผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมแก้ปัญหาหนี้และจัดทำ Matching Fund ประโยชน์ที่คาดว่าประชาชนจะได้รับคือ ผู้ประกอบการ SMEs จะมีโอกาสแข่งขันในตลาดได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น มีโอกาสอยู่รอดและรักษาการจ้างงาน รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น แต่ความท้าทายอยู่ที่การกำหนดมาตรการที่เป็นธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในแง่ของราคาและทางเลือกนโยบายที่สามเกี่ยวกับการลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะพร้อมนโยบาย "ค่าโดยสารราคาเดียว" ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง ทั้งจากราคาพลังงานและสาธารณูปโภคที่ถูกลง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ลดลง อย่างไรก็ดี การรักษาสมดุลระหว่างราคาที่เป็นธรรมกับประชาชนและความยั่งยืนทางการเงินของผู้ให้บริการเป็นความท้าทายสำคัญนโยบายที่สี่มุ่งนำเศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อนำรายได้มาจัดสรรสวัสดิการ ซึ่งจะช่วยให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค และทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมมีความเป็นธรรมมากขึ้น แต่การสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการนอกระบบเข้าสู่ระบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบนโยบายที่ห้าเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ส่งผลกระ
อ่านต่อ >9
#ข่าวการเมือง #TNN ช่อง16
บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงบ่ายของรัฐสภามีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาเรื่องด่วน คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยมี รัฐมนตรี สส.และสว.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียงซึ่งในช่วงเช้า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภามีคำแถลงนโยบายของรัฐบาลมีสาระสำคัญระบุถึงเจตนารมณ์ยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาล มุ่งมั่นจะสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดเกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมืองการของประเทศให้ก้าวหน้า เพื่อประโยชน์ของประชาชน ซึ่ง 10 นโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที ได้แก่นโยบายที่ 1 ปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบนโยบายที่ 2 ส่งเสริม SMEนโยบายที่ 3 ลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภคนโยบายที่ 4 สร้างรายได้ใหม่นำเศรษฐกิจนอกระบบภาษีและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษีนโยบายที่ 5 กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ตนโยบายที่ 6 ยกระดับการทำเกษตรเป็นเกษตรทันสมัยนโยบายที่ 7 ส่งเสริมการท่องเที่ยวนโยบายที่ 8 แก้ไขปัญหายาเสพติดนโยบายที่ 9 เร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมนโยบายที่ 10 ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและจัดสวัสดิการสังคมโดยการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา กำหนดขึ้นในวันที่ 12-13 ก.ย.2567 โดยวางกรอบระยะเวลา 29 ชั่วโมง โดยแบ่งเป็น ประธาน 1 ชั่วโมง นายกฯ - ครม. 6 ชั่วโมง สว. 4.30 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล 4.30 ชั่วโมง พรรคร่วมฝ่ายค้าน 13 ชั่วโมง ณ รัฐสภาภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์
อ่านต่อ >15
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
น้ำท่วมเชียงราย: ผลกระทบทางเศรษฐกิจและบทเรียนสำคัญสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายและพื้นที่ภาคเหนือตอนบนของไทยได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า หอการค้าไทยได้ประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมในจังหวัดเชียงรายไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทภายในระยะเวลา 5-7 วัน โดยคาดว่าหลังจากนั้นสถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น ความเสียหายครอบคลุมหลายภาคส่วน ทั้งภาคเกษตร สถานที่ราชการ และทรัพย์สินของประชาชน นอกจากนี้ ยังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวในจังหวัด ซึ่งชะลอตัวลงเนื่องจากภาพน้ำท่วมที่แพร่กระจายออกไปเมื่อพิจารณาพื้นที่น้ำท่วมทั้งหมดในภาคเหนือ ซึ่งครอบคลุม 7-8 จังหวัด รวมถึงเชียงราย การประเมินความเสียหายเบื้องต้นอยู่ที่ 10,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะไม่รุนแรงนัก โดยเฉพาะหากมีการดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งอาจช่วยชดเชยและกระตุ้นเศรษฐกิจได้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ระบุว่าสาเหตุหลักของน้ำท่วมมาจากปริมาณฝนที่ตกหนักกว่า 300-400 มิลลิเมตรในช่วง 2 วัน ทั้งในฝั่งไทยและเมียนมา นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสริมจากสภาพภูมิประเทศ เช่น แม่น้ำบางช่วงที่แคบ และการรุกล้ำแม่น้ำของสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งกีดขวางการไหลของน้ำ แม้ว่า สทนช. จะได้รายงานข้อมูลปริมาณฝนให้กับจังหวัดและพื้นที่เสี่ยงแล้ว แต่ปริมาณน้ำที่มากเกินคาดทำให้การรับมือเป็นไปอย่างยากลำบากเพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว สทนช. วางแผนที่จะร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาในการติดตั้งอุปกรณ์วัดปริมาณน้ำฝนและน้ำท่าในพื้นที่ต้นน้ำ ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง นอกจากนี้ ยังมีแผนส่งเสริมให้เมียนมาสร้างอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ต้นน้ำ เพื่อช่วยชะลอการไหลของน้ำและลดความเสี่ยงน้ำท่วมในอนาคตแม้ว่าผลกระทบระยะสั้นจากน้ำท่วมจะรุนแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะสามารถฟื้นตัวได้ภายใน 7 วัน อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาระบบเตือนภัยที่มีประสิทธิภาพ การวางแผนรับมือฉุกเฉิน และความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการทรัพยากรน้ำ การดำเนินการเชิงรุกในประเด็นเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาต
อ่านต่อ >15
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์ ส่งผลให้ภัยพิบัติต่าง ๆ มีความรุนแรงและถี่ยิ่งขึ้น สร้างความเสียหายหลายภาคส่วน ตลอดจนการสูญเสียชีวิต ที่นับวันยากเกินกว่าจะฟื้นฟูกลับมาเป็นดั่งเดิม ---เวียดนามน้ำท่วมหนัก ตายเกือบ 200---ในบรรดาประเทศอาเซียนที่ต้องเผชิญกับอุทกภัยอันเลวร้าย เวียดนามเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดยมีผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 197 ราย พายุไต้ฝุ่นยางิพัดถล่มเวียดนามเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักมหาศาล เกิดน้ำท่วมทั่วพื้นที่ทางตอนเหนือของเวียดนาม, ลาว, ไทย และเมียนมา และเป็นสาเหตุเกิดดินถล่ม และน้ำท่วมเป็นวงกว้าง“ตู” หนึ่งในชาวนาที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม กล่าวกับสำนักข่าว AFP ว่า สวนดอกพีชของเขาขนาดพื้นที่ 1,800 ตารางเมตรจมอยู่ใต้น้ำ และทำลายต้นไม้ของเขาทั้งหมด 400 ต้น“มันยากมาก ๆ ที่ผมจะฟื้นตัวจากความสูญเสียครั้งนี้ ผมคิดว่าผมสูญเสียเงินไปมากกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ”“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอะไรตอนนี้ ผมได้แต่รอให้น้ำลดลงเท่านั้น” เขา กล่าว ด้านรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรกรรมเวียดนาม เผยว่า น้ำท่วมสูงทำลายพื้นที่การเกษตรไปมากถึง 1,562,500 ไร่ รวมการเสียชีวิตของปศุสัตว์จำนวนมาก โดยพื้นที่เพาะปลูกรอบ ๆ กรุงฮานอยได้รับผลกระทบหนักที่สุดขณะที่ ชาวเวียดนามต้องเดินเท้าฝ่าน้ำท่วมสูงถึงหน้าแข้ง เพื่อเดินทางไปทำงาน แม้เจ้าหน้าที่จะแจ้งว่า ระดับน้ำในเมืองค่อย ๆ ลดลง หลังจากระดับน้ำแตะสูงสุดในรอบ 20 ปี ประชาชนนับพันคนจำใจต้องทิ้งบ้านของตัวเองเพื่อทำการอพยพ ขณะที่ประชาชนบางส่วนไม่มีไฟฟ้าใช้ และเขตที่ได้รับผลกระทบหนักบริเวณชานเมืองกรุงฮานอย ประชาชนมากกว่า 15,000 คน ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งนี้ นอกจากนี้ สื่อท้องถิ่นเวียดนาม รายงานว่า เกิดเหตุดินถล่มบริเวณเทือกเขาจังหวัดหล่าวกายเมื่อวันอังคาร (10 กันยายน) ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และสูญหาย 11 คน แต่รายละเอียดของเหตุการณ์นี้ยังมีไม่มากนัก เนื่องจากการสื่อสารในพื้นที่เกิดเหตุถูกตัดขาด ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เกิดเหตุดินถล่มในจังหวัดเดียวกัน ทำลายบ้านเรือนไปทั้งหมด 37 หลัง ประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 34 ราย สูญหายอีก 46 คน ---อุทกภัยถล่มทั่วอาเซียน---ภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลแค่ประเทศเวียดนามเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบในหลายประเทศที่ตั้ง
อ่านต่อ >11
#TNN เจาะข่าว #TNN ช่อง16
นโยบายเร่งด่วน 10 ข้อที่นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร แถลงต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญหลายด้าน ตั้งแต่การแก้ปัญหาหนี้สินไปจนถึงการส่งเสริมสวัสดิการสังคมนโยบายแรกเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งในและนอกระบบ พร้อมส่งเสริมความรู้ทางการเงินและการออม หากดำเนินการสำเร็จ ประชาชนจะได้รับการบรรเทาภาระหนี้สิน มีความรู้ในการบริหารการเงินที่ดีขึ้น และมีทางเลือกในการออมที่หลากหลายมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอยู่ที่การดำเนินการให้ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกหนี้นอกระบบซึ่งมักเข้าถึงได้ยากนโยบายที่สองเน้นการส่งเสริมและปกป้องผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs จากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมแก้ปัญหาหนี้และจัดทำ Matching Fund ประโยชน์ที่คาดว่าประชาชนจะได้รับคือ ผู้ประกอบการ SMEs จะมีโอกาสแข่งขันในตลาดได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้น มีโอกาสอยู่รอดและรักษาการจ้างงาน รวมถึงมีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น แต่ความท้าทายอยู่ที่การกำหนดมาตรการที่เป็นธรรมและไม่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในแง่ของราคาและทางเลือกนโยบายที่สามเกี่ยวกับการลดราคาค่าพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนสาธารณะพร้อมนโยบาย "ค่าโดยสารราคาเดียว" ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพของประชาชนโดยตรง ทั้งจากราคาพลังงานและสาธารณูปโภคที่ถูกลง และค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่ลดลง อย่างไรก็ดี การรักษาสมดุลระหว่างราคาที่เป็นธรรมกับประชาชนและความยั่งยืนทางการเงินของผู้ให้บริการเป็นความท้าทายสำคัญนโยบายที่สี่มุ่งนำเศรษฐกิจนอกระบบและเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบภาษี เพื่อนำรายได้มาจัดสรรสวัสดิการ ซึ่งจะช่วยให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นเพื่อจัดสรรสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค และทำให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมมีความเป็นธรรมมากขึ้น แต่การสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการนอกระบบเข้าสู่ระบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบนโยบายที่ห้าเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจและโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อพัฒนาชุมชนและประกอบอาชีพ อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ส่งผลกระ
อ่านต่อ >9