
#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking” ซึ่งเริ่มดำเนินมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะมีการแจ้งเตือน “กลุ่มที่ต้องยืนยันตัวตน” ผ่านแอปฯ Mobile Banking เท่านั้น ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568ด้านความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการระงับบัญชี Mobile Banking ระยะที่ 1 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มีมติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1.ให้ ปปง. แจ้งธนาคารพิจารณานำข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้บริการ ส่งไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (โอเปอร์เรเตอร์) และส่งผลกลับให้ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้องตรงกันกับข้อมูลที่ลูกค้าแจ้งไว้ตอนลงทะเบียนใช้บริการ Mobile Banking หรือไม่2. ปปง. พิจารณาผลการดำเนินการตรวจสอบข้างต้นแล้ว และแบ่งผู้ใช้บริการเป็น 3 ประเภท ดังนี้(1) พบข้อมูลตรงกัน หรือ Y(2) ไม่พบข้อมูลการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ หรือ P(3) ข้อมูลไม่ตรงกับผู้ใช้ Mobile Banking หรือ N3. ปปง. แจ้งธนาคาร ให้แจ้งผู้ใช้บริการที่มีข้อมูลเป็น P และ N ปรับปรุงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ โดยในขั้นตอนนี้ ผู้ใช้บริการ กลุ่ม P และ N ต้องดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2568“ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ไม่ตรงกับชื่อเจ้าของซิม หากยังไม่ได้รับแจ้งจากธนาคาร ผ่าน Mobile Banking ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ สามารถใช้งานได้ตามปกติ” รองนายกฯ นายประเสริฐ กล่าวกลุ่มลูกค้าที่ต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 คือ กลุ่มที่เปิดใช้บริการ Mobile Banking ตั้งแต่ปี 2565 และเข้าเงื่อนไขใน 2 กลุ่มนี้เท่านั้น1. กลุ่มผู้ใช้งาน Mobile Banking ที่ตรวจหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่พบชื่อเจ้าของซิม2. กลุ่มชาวต่างชาติที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Bankingสำหรับแนวทางการดำเนินการระยะที่ 2 เมื่อครบกำหนดภายหลังวันที่ 30 เมษายน 2568 มีดังนี้(1) ธนาคารจะส่งข้อมูลผู้ใช้ Mobile Banking ที่เป็นปัจจุบันถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ไปให้ โอเปอร์เรเตอร์(2) โอเปอร์เรเตอร์ จะนำข้อมูลดังกล่าวที่ภาคธน
อ่านต่อ >15

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
(27 เม.ย. 68) นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ประสบเหตุและการรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ว่า เมื่อวานนี้ (26 เม.ย. 68) เจ้าหน้าที่พบร่างผู้สูญหาย 1 ร่าง ในโซน D และพบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์อีก 5 เคส ซึ่งได้นำส่งให้สถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ชิ้นส่วนที่พบสามารถประกอบเป็นร่างเดียวกันได้หรือไม่ ส่วนการทำงานมีความคืบหน้าไปด้วยดี เมื่อวานสามารถขนย้ายวัสดุเศษซากอาคารออกจากพื้นที่ได้ 343 เที่ยว และปัจจุบันความสูงของเศษซากอาคาร (จากยอดซากถึงพื้นถนน ไม่รวมชั้นใต้ดิน) อยู่ที่ 2.57 เมตร หากไม่พบอุปสรรคเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถเคลียร์เศษซากลงไปถึงชั้นหนึ่งได้ภายในวันพรุ่งนี้สำหรับสภาพซากอาคาร พบว่าบริเวณพื้นด้านล่างมีสภาพคอนกรีตที่สมบูรณ์มากขึ้น เนื่องจากแรงกระแทกส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณชั้นบน ทำให้ชั้นล่างซึ่งอยู่ระดับต่ำกว่ารับแรงกระแทกน้อยลง โครงสร้างคอนกรีตและเหล็กจึงยังคงสภาพได้ดีกว่า จะมีการนำรถแบ็คโฮหัวเจาะกระแทกมาเพิ่มอีก 2 คัน และวันนี้จะเพิ่มทีมตัดเหล็กจากทหารบก ทหารเรือ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้ามาช่วยในโซน B รวมถึงมีการใช้เครื่องตัดระบบแก๊สร่วมด้วยกันทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการปรับแผนการทำงาน โดยเปิดพื้นที่ด้านหน้าและด้านข้างของอาคารที่ถล่มออก เป็นรูปตัว U เพื่อให้สามารถเข้าถึงซากอาคารได้สะดวกมากขึ้น ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 62 ราย แต่ยังมีผู้สูญหายอีก 32 ราย จากผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย และจะมีการค้นหาผู้สูญหายคืนให้ญาติจนครบทุกราย ซึ่งเมื่อลงถึงชั้นใต้ดินได้คาดว่าจะพบผู้สูญหายเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ได้ส่งชิ้นส่วนร่างกายที่พบกว่า 250 ชิ้นส่วน ให้สถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ผู้อำนวยการสำนักป้องกันฯ กล่าวด้วยว่า หลังจากเปิดถนนกำแพงเพชร 2 ฝั่งอาคาร สตง. ถล่ม ให้รถสัญจรได้ตามปกติ ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบกับการทำงานบ้าง เนื่องจากเมื่อก่อนรถขนวัสดุอุปกรณ์และซากอาคารสามารถวิ่งย้อนศรในระยะทางที่สั้น แต่เมื่อเปิดการสัญจรตามปกติรถต้องวิ่งในระยะที่ไกลขึ้นเพื่อไปกลับรถ อีกทั้งบางช่วงมีรถติดส่งผลจำนวนเที่ยวในการขนเศษวัสดุช่วงกลางวัน
อ่านต่อ >34

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิยา ได้ประกาศแจ้งเตือนพายุฤดูร้อน ฉบับที่ 7 ในช่วงวันที่ 27 เมษายน - 1 พฤษภาคม ซึ่งอาจมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมทั้งอาจเกิดฟ้าผ่าได้ในบางจุดกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนดังกล่าว ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 59 จังหวัด ดังนี้ ภาคเหนือ (15 จังหวัด) ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.ตาก จ.แพร่ จ.น่าน จ.พะเยา จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (17 จังหวัด) ได้แก่ จ.เลย จ.หนองบัวลำภู จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.สกลนคร จ.นครพนม จ.ชัยภูมิ จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานีภาคกลาง (17 จังหวัด) ได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯภาคตะวันออก (8 จังหวัด) ได้แก่ จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราดภาคใต้ (2 จังหวัด) ได้แก่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์"ขณะนี้ ศปช. ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง พร้อมเข้าเผชิญเหตุให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์" ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 59 จังหวัดดังกล่าว ติดตามสภาพอากาศ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงข่าวที่เกี่ยวข้อง- พายุฤดูร้อนถล่ม! อุตุฯอัปเดต "รายชื่อจังหวัด" ฝนตกหนัก ลมแรง เช็กที่นี่- กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนฉบับ 1 “พายุฤดูร้อน” ถล่มไทย ระวังฝนตก-ลมแรง 26-29 เมษายน 2568- พยากรณ์อากาศ 18 เม.ย. - 2 พ.ค. 2568 เตือนมีแนวโน้มเจอพายุฤดูร้อนอีกรอบ
อ่านต่อ >14

#ข่าวต่างประเทศ #TNN ช่อง16
วาติกันระบุอย่างเป็นทางการว่า เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) มีประชาชนกว่า 400,000 คนจากทั่วโลก ร่วมกับผู้นำโลกหลายสิบคน ร่วมไว้อาลัยแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ นครรัฐวาติกัน ฝูงชนแน่นขนัดทั้งจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์และตามถนนในกรุงโรม เพื่อร่วมส่งท้ายพระสันตะปาปาองค์แรกจากลาตินอเมริกา ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้คริสตจักรคาทอลิกมีความเมตตามากขึ้นในระหว่างพิธี มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดทั่วบริเวณ รวมถึงการเตรียมเครื่องบินรบและพลซุ่มยิงประจำการตามหลังคา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอาลัย ‘มาริอา วิเซนเต้’ ชาวกัวเตมาลาวัย 52 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า "มันทำให้ฉันเศร้ามาก เป็นภาพที่สะเทือนใจที่พระองค์จากพวกเราไปเช่นนี้"พิธีศพครั้งนี้ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ 9 วันในวาติกัน และหลังจากนั้นคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ในการสดุดี สมเด็จพระคาร์ดินัลโจวันนี บัตติสตา เร ยกย่องฟรานซิสว่าเป็น "พระสันตะปาปาในหมู่ประชาชน ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง" และชี้ว่าพระองค์ทรงยืนยันเสมอว่าคริสตจักรควรเป็น "บ้านสำหรับทุกคน บ้านที่เปิดประตูไว้เสมอ"ในการเทศน์ไว้อาลัย บัตติสตา เร เน้นย้ำถึงเสียงเรียกร้องสันติภาพอย่างไม่หยุดยั้งของโป๊ปฟรานซิส และการทรงกระตุ้นให้ใช้เหตุผลและการเจรจาอย่างซื่อสัตย์ เพื่อยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในหลายพื้นที่
อ่านต่อ >10

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking” ซึ่งเริ่มดำเนินมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะมีการแจ้งเตือน “กลุ่มที่ต้องยืนยันตัวตน” ผ่านแอปฯ Mobile Banking เท่านั้น ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568ด้านความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการระงับบัญชี Mobile Banking ระยะที่ 1 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มีมติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1.ให้ ปปง. แจ้งธนาคารพิจารณานำข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้บริการ ส่งไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (โอเปอร์เรเตอร์) และส่งผลกลับให้ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้องตรงกันกับข้อมูลที่ลูกค้าแจ้งไว้ตอนลงทะเบียนใช้บริการ Mobile Banking หรือไม่2. ปปง. พิจารณาผลการดำเนินการตรวจสอบข้างต้นแล้ว และแบ่งผู้ใช้บริการเป็น 3 ประเภท ดังนี้(1) พบข้อมูลตรงกัน หรือ Y(2) ไม่พบข้อมูลการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ หรือ P(3) ข้อมูลไม่ตรงกับผู้ใช้ Mobile Banking หรือ N3. ปปง. แจ้งธนาคาร ให้แจ้งผู้ใช้บริการที่มีข้อมูลเป็น P และ N ปรับปรุงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ โดยในขั้นตอนนี้ ผู้ใช้บริการ กลุ่ม P และ N ต้องดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2568“ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ไม่ตรงกับชื่อเจ้าของซิม หากยังไม่ได้รับแจ้งจากธนาคาร ผ่าน Mobile Banking ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ สามารถใช้งานได้ตามปกติ” รองนายกฯ นายประเสริฐ กล่าวกลุ่มลูกค้าที่ต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 คือ กลุ่มที่เปิดใช้บริการ Mobile Banking ตั้งแต่ปี 2565 และเข้าเงื่อนไขใน 2 กลุ่มนี้เท่านั้น1. กลุ่มผู้ใช้งาน Mobile Banking ที่ตรวจหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่พบชื่อเจ้าของซิม2. กลุ่มชาวต่างชาติที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Bankingสำหรับแนวทางการดำเนินการระยะที่ 2 เมื่อครบกำหนดภายหลังวันที่ 30 เมษายน 2568 มีดังนี้(1) ธนาคารจะส่งข้อมูลผู้ใช้ Mobile Banking ที่เป็นปัจจุบันถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ไปให้ โอเปอร์เรเตอร์(2) โอเปอร์เรเตอร์ จะนำข้อมูลดังกล่าวที่ภาคธน
อ่านต่อ >15

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
(27 เม.ย. 68) นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ประสบเหตุและการรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร ที่ถล่มจากเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค. 68 ว่า เมื่อวานนี้ (26 เม.ย. 68) เจ้าหน้าที่พบร่างผู้สูญหาย 1 ร่าง ในโซน D และพบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์อีก 5 เคส ซึ่งได้นำส่งให้สถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ชิ้นส่วนที่พบสามารถประกอบเป็นร่างเดียวกันได้หรือไม่ ส่วนการทำงานมีความคืบหน้าไปด้วยดี เมื่อวานสามารถขนย้ายวัสดุเศษซากอาคารออกจากพื้นที่ได้ 343 เที่ยว และปัจจุบันความสูงของเศษซากอาคาร (จากยอดซากถึงพื้นถนน ไม่รวมชั้นใต้ดิน) อยู่ที่ 2.57 เมตร หากไม่พบอุปสรรคเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถเคลียร์เศษซากลงไปถึงชั้นหนึ่งได้ภายในวันพรุ่งนี้สำหรับสภาพซากอาคาร พบว่าบริเวณพื้นด้านล่างมีสภาพคอนกรีตที่สมบูรณ์มากขึ้น เนื่องจากแรงกระแทกส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณชั้นบน ทำให้ชั้นล่างซึ่งอยู่ระดับต่ำกว่ารับแรงกระแทกน้อยลง โครงสร้างคอนกรีตและเหล็กจึงยังคงสภาพได้ดีกว่า จะมีการนำรถแบ็คโฮหัวเจาะกระแทกมาเพิ่มอีก 2 คัน และวันนี้จะเพิ่มทีมตัดเหล็กจากทหารบก ทหารเรือ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้ามาช่วยในโซน B รวมถึงมีการใช้เครื่องตัดระบบแก๊สร่วมด้วยกันทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้มีการปรับแผนการทำงาน โดยเปิดพื้นที่ด้านหน้าและด้านข้างของอาคารที่ถล่มออก เป็นรูปตัว U เพื่อให้สามารถเข้าถึงซากอาคารได้สะดวกมากขึ้น ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 62 ราย แต่ยังมีผู้สูญหายอีก 32 ราย จากผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย และจะมีการค้นหาผู้สูญหายคืนให้ญาติจนครบทุกราย ซึ่งเมื่อลงถึงชั้นใต้ดินได้คาดว่าจะพบผู้สูญหายเพิ่มเติม ซึ่งตอนนี้ได้ส่งชิ้นส่วนร่างกายที่พบกว่า 250 ชิ้นส่วน ให้สถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ผู้อำนวยการสำนักป้องกันฯ กล่าวด้วยว่า หลังจากเปิดถนนกำแพงเพชร 2 ฝั่งอาคาร สตง. ถล่ม ให้รถสัญจรได้ตามปกติ ต้องยอมรับว่ามีผลกระทบกับการทำงานบ้าง เนื่องจากเมื่อก่อนรถขนวัสดุอุปกรณ์และซากอาคารสามารถวิ่งย้อนศรในระยะทางที่สั้น แต่เมื่อเปิดการสัญจรตามปกติรถต้องวิ่งในระยะที่ไกลขึ้นเพื่อไปกลับรถ อีกทั้งบางช่วงมีรถติดส่งผลจำนวนเที่ยวในการขนเศษวัสดุช่วงกลางวัน
อ่านต่อ >34

#ข่าวเศรษฐกิจ #TNN ช่อง16
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช. กล่าวว่า ตามที่กรมอุตุนิยมวิยา ได้ประกาศแจ้งเตือนพายุฤดูร้อน ฉบับที่ 7 ในช่วงวันที่ 27 เมษายน - 1 พฤษภาคม ซึ่งอาจมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ลูกเห็บตก รวมทั้งอาจเกิดฟ้าผ่าได้ในบางจุดกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์พื้นที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อนดังกล่าว ทั้งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวม 59 จังหวัด ดังนี้ ภาคเหนือ (15 จังหวัด) ได้แก่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.ลำปาง จ.ตาก จ.แพร่ จ.น่าน จ.พะเยา จ.เชียงราย จ.แม่ฮ่องสอน จ.อุตรดิตถ์ จ.สุโขทัย จ.กำแพงเพชร จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก และ จ.เพชรบูรณ์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (17 จังหวัด) ได้แก่ จ.เลย จ.หนองบัวลำภู จ.ขอนแก่น จ.อุดรธานี จ.สกลนคร จ.นครพนม จ.ชัยภูมิ จ.กาฬสินธุ์ จ.มหาสารคาม จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ จ.นครราชสีมา จ.บุรีรัมย์ จ.สุรินทร์ จ.ศรีสะเกษ จ.อุบลราชธานีภาคกลาง (17 จังหวัด) ได้แก่ จ.นครสวรรค์ จ.อุทัยธานี จ.ชัยนาท จ.ลพบุรี จ.สิงห์บุรี จ.อ่างทอง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สุพรรณบุรี จ.กาญจนบุรี จ.ราชบุรี จ.นครปฐม จ.สมุทรสาคร จ.สมุทรสงคราม จ.ปทุมธานี จ.นนทบุรี จ.สมุทรปราการ และ กรุงเทพฯภาคตะวันออก (8 จังหวัด) ได้แก่ จ.นครนายก จ.ปราจีนบุรี จ.สระแก้ว จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี จ.ระยอง จ.จันทบุรี จ.ตราดภาคใต้ (2 จังหวัด) ได้แก่ จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์"ขณะนี้ ศปช. ได้สั่งการให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยง พร้อมเข้าเผชิญเหตุให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทันทีที่เกิดสถานการณ์" ทั้งนี้ ขอให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ 59 จังหวัดดังกล่าว ติดตามสภาพอากาศ และข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมงข่าวที่เกี่ยวข้อง- พายุฤดูร้อนถล่ม! อุตุฯอัปเดต "รายชื่อจังหวัด" ฝนตกหนัก ลมแรง เช็กที่นี่- กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนฉบับ 1 “พายุฤดูร้อน” ถล่มไทย ระวังฝนตก-ลมแรง 26-29 เมษายน 2568- พยากรณ์อากาศ 18 เม.ย. - 2 พ.ค. 2568 เตือนมีแนวโน้มเจอพายุฤดูร้อนอีกรอบ
อ่านต่อ >14

#ข่าวต่างประเทศ #TNN ช่อง16
วาติกันระบุอย่างเป็นทางการว่า เมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) มีประชาชนกว่า 400,000 คนจากทั่วโลก ร่วมกับผู้นำโลกหลายสิบคน ร่วมไว้อาลัยแด่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ณ นครรัฐวาติกัน ฝูงชนแน่นขนัดทั้งจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์และตามถนนในกรุงโรม เพื่อร่วมส่งท้ายพระสันตะปาปาองค์แรกจากลาตินอเมริกา ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้คริสตจักรคาทอลิกมีความเมตตามากขึ้นในระหว่างพิธี มีมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดทั่วบริเวณ รวมถึงการเตรียมเครื่องบินรบและพลซุ่มยิงประจำการตามหลังคา ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอาลัย ‘มาริอา วิเซนเต้’ ชาวกัวเตมาลาวัย 52 ปี กล่าวทั้งน้ำตาว่า "มันทำให้ฉันเศร้ามาก เป็นภาพที่สะเทือนใจที่พระองค์จากพวกเราไปเช่นนี้"พิธีศพครั้งนี้ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นของการไว้อาลัยอย่างเป็นทางการ 9 วันในวาติกัน และหลังจากนั้นคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีจะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ในการสดุดี สมเด็จพระคาร์ดินัลโจวันนี บัตติสตา เร ยกย่องฟรานซิสว่าเป็น "พระสันตะปาปาในหมู่ประชาชน ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง" และชี้ว่าพระองค์ทรงยืนยันเสมอว่าคริสตจักรควรเป็น "บ้านสำหรับทุกคน บ้านที่เปิดประตูไว้เสมอ"ในการเทศน์ไว้อาลัย บัตติสตา เร เน้นย้ำถึงเสียงเรียกร้องสันติภาพอย่างไม่หยุดยั้งของโป๊ปฟรานซิส และการทรงกระตุ้นให้ใช้เหตุผลและการเจรจาอย่างซื่อสัตย์ เพื่อยุติสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในหลายพื้นที่
อ่านต่อ >10

#ข่าวทั่วไทย #TNN ช่อง16
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้ดำเนินมาตรการ “การยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking” ซึ่งเริ่มดำเนินมาตรการฯ ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งจะมีการแจ้งเตือน “กลุ่มที่ต้องยืนยันตัวตน” ผ่านแอปฯ Mobile Banking เท่านั้น ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568ด้านความคืบหน้าของการดำเนินมาตรการระงับบัญชี Mobile Banking ระยะที่ 1 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้มีมติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยมีขั้นตอน ดังนี้ 1.ให้ ปปง. แจ้งธนาคารพิจารณานำข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้บริการ ส่งไปยังผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (โอเปอร์เรเตอร์) และส่งผลกลับให้ธนาคาร เพื่อตรวจสอบว่าข้อมูลถูกต้องตรงกันกับข้อมูลที่ลูกค้าแจ้งไว้ตอนลงทะเบียนใช้บริการ Mobile Banking หรือไม่2. ปปง. พิจารณาผลการดำเนินการตรวจสอบข้างต้นแล้ว และแบ่งผู้ใช้บริการเป็น 3 ประเภท ดังนี้(1) พบข้อมูลตรงกัน หรือ Y(2) ไม่พบข้อมูลการลงทะเบียนหมายเลขโทรศัพท์ หรือ P(3) ข้อมูลไม่ตรงกับผู้ใช้ Mobile Banking หรือ N3. ปปง. แจ้งธนาคาร ให้แจ้งผู้ใช้บริการที่มีข้อมูลเป็น P และ N ปรับปรุงข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ โดยในขั้นตอนนี้ ผู้ใช้บริการ กลุ่ม P และ N ต้องดำเนินการปรับปรุงข้อมูลให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 เมษายน 2568“ทั้งนี้ ลูกค้าที่มีชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ไม่ตรงกับชื่อเจ้าของซิม หากยังไม่ได้รับแจ้งจากธนาคาร ผ่าน Mobile Banking ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ สามารถใช้งานได้ตามปกติ” รองนายกฯ นายประเสริฐ กล่าวกลุ่มลูกค้าที่ต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 คือ กลุ่มที่เปิดใช้บริการ Mobile Banking ตั้งแต่ปี 2565 และเข้าเงื่อนไขใน 2 กลุ่มนี้เท่านั้น1. กลุ่มผู้ใช้งาน Mobile Banking ที่ตรวจหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่พบชื่อเจ้าของซิม2. กลุ่มชาวต่างชาติที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Bankingสำหรับแนวทางการดำเนินการระยะที่ 2 เมื่อครบกำหนดภายหลังวันที่ 30 เมษายน 2568 มีดังนี้(1) ธนาคารจะส่งข้อมูลผู้ใช้ Mobile Banking ที่เป็นปัจจุบันถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ไปให้ โอเปอร์เรเตอร์(2) โอเปอร์เรเตอร์ จะนำข้อมูลดังกล่าวที่ภาคธน
อ่านต่อ >15