รีเซต

ผู้ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่ละแบรนด์ อยู่ระดับไหนบ้างในปี 2025

ผู้ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่ละแบรนด์ อยู่ระดับไหนบ้างในปี 2025
EntertainmentReport1
18 มิถุนายน 2568 ( 21:18 )
12

ในปี 2025 อุตสาหกรรมรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติยังคงอยู่ในช่วงการพัฒนากันอย่างคึกคัก โดยผู้ผลิตแต่ละรายมีความก้าวหน้าและเน้นกลยุทธ์ที่แตกต่างกันไปตามระดับการขับขี่อัตโนมัติของ SAE (Society of Automotive Engineers) ตั้งแต่ Level 0 (ไม่มีระบบอัตโนมัติ) ถึง Level 5 (ขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ) โดยแต่ละระดับมีรายละเอียดดังนี้ :

 

 

  • Level 0 (No Automation): เป็นรถแบบปกติทั่วไป ที่จำเป็นต้องมีคนขับ ไม่มีระบบอำนวยความสะดวกในการขับรถ
  • Level 1 (Driver Assistance): เป็นรถที่ใช้เซ็นเซอร์ช่วยในการขับขี่บ้าง เช่น Adaptive Cruise Control สำหรับปรับความเร็วและรักษาระยะจากรถยนต์คันหน้า หรือระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน
  • Level 2 (Partial Automation): เป็นระดับที่พบมากที่สุดในรถยนต์ทั่วไปที่วางจำหน่ายในตลาดปัจจุบัน รถยนต์สามารถควบคุมพวงมาลัย การเร่งความเร็ว และการเบรกได้ แต่ผู้ขับขี่ต้องคอยตรวจสอบและพร้อมเข้าควบคุมตลอดเวลา
  • Level 3 (Conditional Automation): เป็นระดับที่รถสามารถควบคุมการขับขี่ได้เองภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง และผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องจับพวงมาลัยหรือมองถนนตลอดเวลา แต่ต้องพร้อมเข้าควบคุมเมื่อระบบแจ้งเตือน ระดับนี้กำลังเริ่มแพร่หลายในรถยนต์หรูบางรุ่น
  • Level 4 (High Automation): รถยนต์สามารถขับขี่อัตโนมัติได้เองในสภาพแวดล้อมที่กำหนดไว้ (เช่น พื้นที่ที่ทำแผนที่ไว้) โดยไม่จำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากมนุษย์เลย ระดับนี้มักพบในบริการ Robotaxi หรือรถแท็กซี่ไร้คนขับ
  • Level 5 (Full Automation): รถยนต์สามารถขับเคลื่อนได้เองในทุกสถานการณ์และทุกสภาพอากาศโดยไม่ต้องมีคนขับ ระดับนี้ยังอยู่ในระหว่างการวิจัยและพัฒนาอย่างเข้มข้น และคาดว่าจะยังไม่แพร่หลายในปี 2025

สำหรับผู้ผลิตรถยนต์อัตโนมัติที่กำลังพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง มาดูกันว่าแต่ละแบรนด์อยู่ระดับไหนบ้างในปี 2025 นี้ครับ

1. Mercedes-Benz:

 

 

ภาพจาก mercedes-benz.co.th

  • สถานะ: เป็นหนึ่งในผู้นำด้านนี้ โดยอยู่ที่ระดับ Level 3 (Conditional Automation)
  • เทคโนโลยี: Drive Pilot ของ Mercedes-Benz ได้รับการอนุมัติให้ใช้งานในบางรัฐของสหรัฐอเมริกา (เช่น แคลิฟอร์เนียและเนวาดา) และในเยอรมนี ในปี 2025 ระบบนี้ได้รับการอัปเกรดให้สามารถขับขี่ได้ด้วยความเร็วสูงถึง 95 กม./ชม. บนทางหลวงของเยอรมนี (จากเดิม 60 กม./ชม. ในสภาพการจราจรติดขัด) ซึ่งเป็นระบบ Level 3 ที่รวดเร็วที่สุดในตลาดขณะนี้ ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือและไม่จำเป็นต้องจดจ่อกับการขับขี่ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด ทำให้สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ เช่น ดูหนัง หรือทำงาน เป็นต้น

2. BMW:

 

 

ภาพจาก press.bmwgroup.com

  • สถานะ: เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่กำลังพัฒนาไปสู่ Level 3 (Conditional Automation) อย่างจริงจัง
  • เทคโนโลยี: BMW Personal Pilot L3 ได้รับการอนุญาตให้นำไปติดตั้งในรถยนต์เพื่อจำหน่ายในเยอรมนีแล้ว แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ BMW ในการนำเสนอระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในระดับที่ผู้ขับขี่สามารถละสายตาจากท้องถนนได้ภายใต้เงื่อนไขที่จำกัด

3. Honda:

 

 

ภาพจาก global.honda

  • สถานะ: มีรถยนต์ Level 3 (Conditional Automation) ที่ใช้งานจริงแล้ว
  • เทคโนโลยี: Honda Legend Hybrid EX ที่มาพร้อมกับระบบ Honda Sensing Elite ได้รับการรับรอง Level 3 ในญี่ปุ่นและเริ่มให้เช่าในญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 2021 ระบบนี้สามารถควบคุมรถในสภาพการจราจรติดขัดโดยไม่ต้องมีการตรวจสอบจากผู้ขับขี่ตลอดเวลา และสามารถเปลี่ยนเลนได้เองภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด

4. Tesla:

 

 

ภาพจาก tesla.com

  • สถานะ: ยังคงอยู่ใน Level 2 (Partial Automation) แม้จะเรียกระบบว่า "Full Self-Driving (FSD)"
  • เทคโนโลยี: ระบบ FSD (Supervised) ของ Tesla ในปี 2025 ยังคงต้องได้รับการกำกับดูแลจากผู้ขับขี่ตลอดเวลา แม้จะมีความสามารถในการเปลี่ยนเลนอัตโนมัติ นำทางบนถนนในเมือง และการจอดรถ ผู้ขับขี่จำเป็นต้องตื่นตัวและพร้อมเข้าควบคุมรถอยู่เสมอ Tesla ยังคงใช้กล้องเป็นหลักในการตรวจจับสภาพแวดล้อมและไม่มีการใช้ LiDAR เหมือนผู้พัฒนารายอื่น

5. Waymo (บริษัทในเครือ Alphabet/Google):

 

 

ภาพจาก waymo.com

  • สถานะ: เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้นำในกลุ่ม Level 4 (High Automation) โดยเฉพาะในบริการ Robotaxi
  • เทคโนโลยี: Waymo ให้บริการ Robotaxi โดยไม่มีคนขับสำรองในบางพื้นที่ของฟีนิกซ์ ซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส และกำลังขยายไปยังเมืองอื่นๆ เช่น ออสติน และวางแผนเปิดบริการในโตเกียว (ทดสอบส่วนตัว) และแอตแลนตาในปี 2025 ซึ่ง Waymo ใช้ LiDAR, เรดาร์ และการทำแผนที่แบบละเอียดสูง (HD Map) เพื่อความแม่นยำและความปลอดภัย

6. Baidu (จีน):

 

 

ภาพจาก apollo.auto

  • สถานะ: เป็นผู้นำในด้าน Level 4 (High Automation) ในจีน
  • เทคโนโลยี: บริการ Apollo Go ของ Baidu มีการใช้งาน Robotaxi จำนวนมากในหลายเมืองของจีน เช่น อู่ฮั่น และกำลังขยายการทดสอบและบริการไปยังฮ่องกง ดูไบ และอาบูดาบีในปี 2025 โดยมีแผนจะนำรถยนต์อัตโนมัติเต็มรูปแบบมากกว่า 1,000 คันไปใช้ในดูไบ ระบบของ Baidu ก็ใช้ LiDAR และเทคโนโลยีที่คล้ายกับ Waymo

7. GM Cruise (บริษัทในเครือ General Motors):

 

 

ภาพจาก gm.com

  • สถานะ: กำลังพัฒนาและทดสอบ Level 4 (High Automation) แต่เผชิญความท้าทายด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแล
  • เทคโนโลยี: Cruise เป็นผู้ให้บริการ Robotaxi ในบางเมืองของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน แต่ในช่วงปลายปี 2024 และต้นปี 2025 ได้มีการหยุดให้บริการและปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่

8. Zoox (บริษัทในเครือ Amazon):

 

 

ภาพจาก zoox.com

  • สถานะ: กำลังพัฒนา Level 4 (High Automation) โดยมุ่งเน้นที่รถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อการขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยเฉพาะ (Purpose-built robotaxi)
  • เทคโนโลยี: Zoox มีการทดสอบรถ Robotaxi ของตนเองในบางเมืองของสหรัฐอเมริกา และเน้นการสร้างยานพาหนะที่ไม่มีพวงมาลัยหรือแป้นเหยียบสำหรับผู้โดยสาร

โดยสรุปแล้ว ในปี 2025 รถยนต์สำหรับผู้บริโภคทั่วไปส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ Level 2 และ Level 3 กำลังเริ่มเป็นจริงในรถยนต์หรูบางรุ่น ส่วน Level 4 นั้นถูกขับเคลื่อนโดยบริษัท Robotaxi และบริการขนส่งเชิงพาณิชย์ในพื้นที่เฉพาะ ขณะที่ Level 5 ยังคงเป็นเป้าหมายระยะยาวที่ต้องใช้เวลาอีกมากในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านเทคนิค กฎหมาย และการยอมรับจากสังคม

Photo Credit : AI Generated

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง