รีเซต

จอดรถทิ้งไว้นานๆ อย่างไร ไม่ให้พัง สตาร์ททีเดียวติด!

จอดรถทิ้งไว้นานๆ อย่างไร ไม่ให้พัง สตาร์ททีเดียวติด!
epapipe
20 ธันวาคม 2568 ( 22:42 )
13

หลายคนอาจมีความจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานๆ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปต่างประเทศ, Work from Home หรือมีรถหลายคันจนขับไม่ทั่วถึง ความเชื่อผิดๆ คือ "รถจอดเฉยๆ ไม่ได้ใช้ เดี๋ยวก็คงใหม่เหมือนเดิม" แต่ความจริงแล้ว "รถที่จอดนาน อาจเสื่อมสภาพเร็วกว่ารถที่ใช้งานทุกวัน" เสียอีกครับ เพราะชิ้นส่วนต่างๆ จะเริ่มเสื่อมสภาพตามกาลเวลา ของเหลวเริ่มนอนก้น ยางเริ่มตาย และหนูอาจจะเข้ามายึดพื้นที่แทน! 

และเพื่อให้รถสุดรักของเพื่อนๆ ปลอดภัยจากการจอดทิ้งร้าง True ID ได้รวบรวมข้อมูลขั้นตอนการดูแลอย่างละเอียดแบบ Step-by-Step มาให้ติดตามกันแล้วครับ

 

 

สิ่งที่ "ควรทำ" ก่อนจะจอดรถยาว 

การเตรียมความพร้อมก่อนจอด คือหัวใจสำคัญที่สุด ถ้าเตรียมตัวดี รถจะอยู่ได้นานโดยแทบไม่มีปัญหาจุกจิกตามมาครับ

1. ล้างรถและทำความสะอาดภายในให้เกลี้ยง (Big Cleaning)

อย่าจอดรถทั้งที่ยังมีคราบขี้นก ยางไม้ หรือโคลนติดอยู่ เพราะเมื่อทิ้งไว้นาน คราบเหล่านี้จะกัดกร่อนชั้นแลกเกอร์จนสีด่างหรือเกิดสนิมได้

  • ภายนอก: ล้างรถ ลงแวกซ์ (Wax) เคลือบสีไว้หนึ่งชั้น เพื่อป้องกันฝุ่นและรังสี UV
  • ภายใน: นี่คือจุดตาย! ห้ามทิ้งขยะ เศษขนม หรือขวดน้ำไว้เด็ดขาด เพราะกลิ่นอาหารจะเรียกหนูและมดเข้ามาทำรัง กัดสายไฟขาดจนเรื่องใหญ่ ให้ดูดฝุ่นให้สะอาด และอาจวางลูกเหม็นหรือการบูรไว้ในห้องเครื่องเพื่อไล่หนู

2. เติมลมยางให้แข็งกว่าปกติ (Over-inflate)

ยางรถยนต์เป็นวัสดุที่มีความยืดหยุ่น เมื่อจอดนิ่งๆ น้ำหนักรถทั้่งคันจะกดทับลงที่จุดเดิมตลอดเวลา ทำให้ยางเกิดอาการ "Flat Spot" หรือยางแบนเป็นบั้ง เสียทรง และโครงสร้างยางเสียหาย

  • วิธีแก้: ให้เติมลมยางมากกว่าปกติประมาณ 3-5 PSI (เช่น ปกติเติม 32 ให้เติมเป็น 35-37) เพื่อให้แก้มยางตึง รับน้ำหนักได้ดีขึ้นและเสียทรงยากขึ้น

3. จัดการเรื่อง "ของเหลว" (Fluids Check)

  • น้ำมันเครื่อง: หากรถต้องจอดนานเกิน 3-4 เดือน แนะนำให้ "เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องใหม่" ก่อนจอดครับ เพราะน้ำมันเครื่องเก่าจะมีเขม่าและความเป็นกรดจากการเผาไหม้ตกค้างอยู่ ซึ่งจะกัดกร่อนชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ได้
  • น้ำมันเชื้อเพลิง: ควรเติมน้ำมันให้ "เกือบเต็มถัง" (ประมาณ 3/4 หรือเต็มถัง) เพื่อลดพื้นที่ว่างในถังน้ำมัน ป้องกันความชื้นในอากาศกลั่นตัวเป็นหยดน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของสนิมในถังน้ำมัน

4. ดูแลแบตเตอรี่ หัวใจของการสตาร์ท (Battery Care)

แบตเตอรี่จะมีการคลายประจุไฟออกตลอดเวลา (Self-discharging) แม้เราจะไม่ได้เปิดกุญแจรถก็ตาม

  • ถ้ารู้วิธี: ให้ "ถอดขั้วลบ (-)" ออก เพื่อตัดวงจรไฟ ไม่ให้ระบบกันขโมยหรือนาฬิกาในรถดึงไฟไปใช้ (แต่ต้องระวังเรื่องการตั้งค่าวิทยุหรือระบบไฟฟ้าบางรุ่นที่อาจรีเซ็ต)
  • ทางเลือกที่ดีกว่า: ใช้เครื่องชาร์จแบตเตอรี่อัตโนมัติ (Trickle Charger / CTEK) เสียบคาไว้เพื่อเลี้ยงไฟให้เต็มตลอดเวลา วิธีนี้ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้ดีที่สุด

5. ห้ามดึงเบรกมือ! (No Handbrake)

ข้อนี้สำคัญมาก! หากจอดนานเป็นเดือน "ห้ามดึงเบรกมือทิ้งไว้" เพราะความชื้นอาจทำให้ผ้าเบรกจับตัวกับจานเบรกจนแน่น (เบรกติด) หรือสปริงเบรกมือล้า

  • วิธีทำ: ให้เข้าเกียร์ P (สำหรับเกียร์ออโต้) หรือเกียร์ 1/ถอยหลัง (สำหรับเกียร์ธรรมดา) แล้วใช้ "ที่ห้ามล้อ" (Wheel Chocks) หรือก้อนอิฐ/ไม้ หนุนล้อไว้ไม่ให้รถไหลแทน

 

 

ส่วนเสริมพิเศษ: สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ (Motorcycle Tips)

มอเตอร์ไซค์มีรายละเอียดที่ต่างจากรถยนต์เล็กน้อย โดยเฉพาะเรื่องการจอดและการดูแลโซ่

  1. ใช้ขาตั้งคู่ (Center Stand): พยายามใช้ขาตั้งคู่เสมอ เพื่อยกล้อหลังให้ลอยพ้นพื้น ลดภาระของโช้คอัพและยาง ถ้ามีสแตนด์ยกร้อหน้าด้วยยิ่งดี เพื่อให้ยางทั้งสองเส้นไม่สัมผัสพื้นเลย
  2. หล่อลื่นโซ่: ล้างโซ่และฉีดน้ำมันหล่อลื่นโซ่ให้ชุ่ม เพื่อป้องกันสนิมจับตายข้อต่อ
  3. อุดท่อไอเสีย: หาเศษผ้าหรือถุงพลาสติกมาอุดปลายท่อไอเสียไว้ (อย่าลืมเอาออกตอนจะใช้) เพื่อป้องกันแมลงหรือหนูเข้าไปทำรังข้างใน
  4. คลุมผ้า: หาผ้าคลุมรถมอเตอร์ไซค์มาคลุมเพื่อกันฝุ่น แต่ต้องจอดในที่ร่มนะ ถ้าจอดตากแดดแล้วคลุมผ้า ความร้อนจะอบจนชุดสีและเบาะละลายได้

 

 

สิ่งที่ "ห้ามทำ" 

  1. ห้ามสตาร์ทรถทิ้งไว้แค่ 5-10 นาที: หลายคนหวังดี สตาร์ทรถวอร์มเครื่องอยู่กับที่แป๊บเดียวแล้วดับ การทำแบบนี้ "ส่งผลเสีย" ครับ เพราะเครื่องยนต์ยังไม่ร้อนถึงอุณหภูมิทำงาน ความชื้นในท่อไอเสียจะระเหยไม่หมด กลายเป็นน้ำขังในท่อจนผุ และหัวเทียนอาจบอดได้
    • คำแนะนำ: ถ้าจะสตาร์ท ต้องขับรถออกไปวิ่งจริงอย่างน้อย 15-20 นาที ให้เครื่องยนต์และช่วงล่างได้ขยับ
  2. ห้ามจอดใต้ต้นไม้: ยางไม้ ขี้นก และกิ่งไม้หล่นใส่ คือศัตรูตัวฉกาจของสีรถ
  3. ห้ามจอดในที่ชื้นแฉะหรือพงหญ้า: ความชื้นจะขึ้นมาจากดิน ทำให้ช่วงล่างและตัวถังเป็นสนิมเร็วมาก แถมยังเป็นที่อยู่ของงูและสัตว์เลื้อยคลาน

ตารางการดูแลระหว่างจอด (Maintenance Schedule)

แม้จะเตรียมตัวดีแล้ว แต่ถ้าต้องจอดนานเกิน 1 เดือน ควรหาเวลามาดูแลดังนี้ครับ:

  • ทุก 1-2 สัปดาห์: สตาร์ทเครื่องยนต์ และ "นำรถออกไปขับจริง" สัก 10-15 กิโลเมตร เพื่อให้ยางได้หมุนเปลี่ยนจุดรับน้ำหนัก น้ำมันเครื่องได้ไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วน และแบตเตอรี่ได้ชาร์จไฟ
  • ถ้าขับไม่ได้: ให้สตาร์ทเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงาน เหยียบเบรกย้ำๆ หมุนพวงมาลัยซ้าย-ขวา เพื่อให้น้ำมันพาวเวอร์หมุนเวียน และขยับรถเดินหน้า-ถอยหลังเล็กน้อย เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งการกดทับของยาง

 

 

โดยสรุปแล้ว ว่ากันสั้นๆ ความสะอาดต้องมาก่อน ลมยางต้องแข็ง แบตเตอรี่ต้องดูแล และอย่าดึงเบรกมือ เพียงเท่านี้ รถสุดที่รักของคุณก็จะพร้อมสตาร์ทติด ชิ่งเดียวติด พร้อมออกเดินทางทันทีที่คุณต้องการครับ!

Photo Credit : AI Generated

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง