รีเซต

BYD ผนึกกำลัง Huawei รุกหนักระบบนิเวศ HarmonyOS ปูพรมเชื่อมต่อ "คน-รถ-บ้าน" เต็มรูปแบบ รับเทรนด์ปี 2026

BYD ผนึกกำลัง Huawei รุกหนักระบบนิเวศ HarmonyOS ปูพรมเชื่อมต่อ "คน-รถ-บ้าน" เต็มรูปแบบ รับเทรนด์ปี 2026
epapipe
28 ธันวาคม 2568 ( 22:28 )
16

ในยุคที่ยานยนต์ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะ แต่กำลังกลายเป็น "Device เคลื่อนที่" ขนาดใหญ่ ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง BYD Automotive ถือเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกทิศทางของอุตสาหกรรมยานยนต์จีนและโลก เมื่อ BYD ตัดสินใจยื่นใบสมัครเข้าร่วม Global Intelligent Internet of Things Alliance (GIIC) เพื่อก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในสมาชิกสภาบริหาร (Council Member)

 

 

การขยับตัวครั้งนี้ไม่ใช่แค่การสมัครสมาชิกสมาคมทั่วไป แต่เป็นการประกาศวิสัยทัศน์ในการเชื่อมต่อโลกยานยนต์เข้ากับโลก IoT (Internet of Things) ผ่านระบบนิเวศที่ทรงพลังอย่าง HarmonyOS อย่างเป็นทางการ

เจาะลึกความร่วมมือ: เมื่อเบอร์ 1 ยานยนต์ ผสาน เบอร์ 1 ระบบปฏิบัติการ

 

 

จากรายงานของ IT-home ระบุว่า BYD ได้ยื่นใบสมัครเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา โดยเป้าหมายหลักคือการเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร GIIC ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 องค์กรนี้คือศูนย์รวมของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมกว่า 350 ราย อาทิ Huawei, Haier, China Mobile และสถาบันวิจัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของจีน (CAICT)

หัวใจสำคัญของ GIIC คือการสร้างรากฐานดิจิทัลมาตรฐานสำหรับการใช้งาน IoT และผลักดันให้ระบบนิเวศ HarmonyOS ขยายตัวในระดับอุตสาหกรรม การที่ BYD เข้ามาร่วมวงในฐานะสมาชิกสภาระดับสูง หมายถึงการนำความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์อัจฉริยะ มาผสานกับทรัพยากรด้านอุตสาหกรรมของพันธมิตร เพื่อสร้าง "มาตรฐานกลาง" ใหม่ให้กับโลกเทคโนโลยี

ภารกิจหลัก: ทลายกำแพงกั้นระหว่างอุปกรณ์

ปัญหาเรื้อรังของโลก Smart Home และ Smart Car คือความกระจัดกระจาย (Fragmentation) อุปกรณ์ต่างค่ายคุยกันไม่รู้เรื่อง โปรโตคอลไม่ตรงกัน BYD และ GIIC จึงวางแผนที่จะ:

  1. สร้างมาตรฐานการเชื่อมต่อ: พัฒนาโปรโตคอลการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ HarmonyOS เกรดรถยนต์ และอุปกรณ์สมาร์ทโฮมให้เป็นภาษาเดียวกัน
  2. ขับเคลื่อนด้วย AI: ใช้ AI Agent เป็นตัวกลางในการประสานงาน สร้างนวัตกรรมที่ทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ

ภาพอนาคต: ชีวิตที่ไร้รอยต่อ 

ความร่วมมือนี้จะครอบคลุมรถยนต์ทุกไลน์อัพของ BYD รวมถึงอุปกรณ์สวมใส่และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ตัวอย่างสถานการณ์จริงที่จะเกิดขึ้น:

  • จากรถสู่บ้าน (Vehicle-to-Home): ผู้ขับขี่สามารถสั่งงานด้วยเสียงจากในรถ เพื่อเปิดแอร์ เปิดไฟ หรือเปิดเครื่องทำน้ำอุ่นที่บ้านให้พร้อมก่อนที่จะขับรถไปถึง
  • จากบ้านสู่รถ (Home-to-Vehicle): แผงควบคุม Smart Home ในบ้าน สามารถสั่งอุ่นเครื่องรถยนต์ ตั้งค่าระบบนำทางล่วงหน้า หรือตรวจสอบสถานะแบตเตอรี่รถยนต์ได้ทันที
  • ความปลอดภัยแบบทูเวย์: ระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านและรถจะสื่อสารกัน หากเกิดเหตุผิดปกติที่บ้าน รถจะแจ้งเตือน หรือหากรถมีการบุกรุก ระบบที่บ้านก็จะรับรู้ได้เช่นกัน

 

 

บทวิเคราะห์ตลาด : ทำไม BYD ต้องเดินเกมนี้?

ในปี 2025 ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เข้าสู่ภาวะ Red Ocean อย่างสมบูรณ์ การแข่งขันด้วย "ฮาร์ดแวร์" เช่น ระยะทางขับขี่หรือความเร็ว ไม่ใช่จุดขายที่สร้างความแตกต่างได้มากพออีกต่อไป สงครามครั้งใหม่คือ "สงครามซอฟต์แวร์และระบบนิเวศ" (Ecosystem War)

  1. การรับมือคู่แข่งสาย Tech (Xiaomi & Huawei): คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของ BYD ในจีนตอนนี้ไม่ใช่ Tesla แต่เป็น Xiaomi (ที่มีระบบนิเวศ Human x Car x Home แข็งแกร่งมาก) และค่ายรถพันธมิตรของ Huawei (HIMA) ที่ใช้ HarmonyOS เต็มรูปแบบ การที่ BYD เข้าร่วม GIIC คือการ "อุดจุดอ่อน" เรื่อง Ecosystem ของตัวเอง เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการแข่งขัน
  2. ทางลัดสู่ Super App: แทนที่ BYD จะสร้าง OS หรือมาตรฐาน IoT ของตัวเองใหม่ทั้งหมด ซึ่งต้องใช้เวลาและเสี่ยงต่อการล้มเหลว การกระโดดเข้าใส่มาตรฐานกลางที่มี Huawei และ Haier หนุนหลังอยู่แล้ว คือทางลัดที่ฉลาดที่สุดในการเข้าถึงฐานผู้ใช้งาน Smart Home จำนวนมหาศาลทันที
  3. การยกระดับแบรนด์: การขยับจากผู้ผลิตรถยนต์ สู่ผู้ให้บริการไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Provider) จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ BYD และสร้างความภักดี (Brand Loyalty) ให้ลูกค้าเปลี่ยนค่ายยากขึ้น เพราะรถยนต์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบ้านไปแล้ว

วิเคราะห์แรงกระเพื่อมสู่อุตสาหกรรม

การขยับตัวของ BYD ครั้งนี้จะส่งผลกระทบในวงกว้าง ดังนี้:

  1. ต่อผู้บริโภค: ผู้ใช้รถ BYD จะได้รับประสบการณ์ที่สะดวกสบายขึ้นอย่างก้าวกระโดด แอปพลิเคชันที่เคยแยกส่วนจะถูกยุบรวม การสั่งงานข้ามอุปกรณ์จะกลายเป็นเรื่องพื้นฐาน (Standard Feature) ไม่ใช่ลูกเล่นราคาแพงอีกต่อไป นอกจากนี้ เราจะได้เห็นโชว์รูมรูปแบบใหม่ที่เป็น "Human-Vehicle-Home Experience Spaces" ที่ลูกค้าสามารถทดลองซื้อรถพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกันได้ในที่เดียว
  2. ต่ออุตสาหกรรม Smart Home: การที่ค่ายรถเบอร์ 1 ของจีนรองรับมาตรฐานนี้ จะเป็นตัวเร่งให้ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์อื่นๆ (นอกเหนือจาก Haier หรือ Midea) ต้องเร่งปรับตัวให้รองรับมาตรฐาน GIIC/HarmonyOS ตามไปด้วย เพื่อให้สินค้าของตนขายได้กับเจ้าของรถ BYD ที่มีจำนวนมหาศาล
  3. ต่อคู่แข่งและมาตรฐานโลก: นี่อาจเป็นการบีบให้ค่ายรถยนต์อื่นๆ ต้องเลือกข้าง ระหว่างการเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรนี้ หรือพยายามดันมาตรฐาน Apple CarPlay / Android Auto ให้ลึกขึ้นในระดับ Hardware Control ซึ่งจะทำให้การแบ่งขั้วของเทคโนโลยี (Tech Decoupling) ชัดเจนยิ่งขึ้น

 

 

บทสรุป

การยื่นใบสมัครเข้าร่วม GIIC ของ BYD ในช่วงปลายปี 2025 นี้ ไม่ใช่เพียงข่าวธุรกิจธรรมดา แต่คือ "จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย" ที่ BYD กำลังจะเติมเต็ม เพื่อเปลี่ยนผ่านจากผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า สู่ผู้นำด้านนวัตกรรม AIoT (AI + IoT) อย่างเต็มตัว

การผนึกกำลังระหว่าง "ฮาร์ดแวร์ยานยนต์ที่มียอดขายสูงสุด" กับ "ระบบนิเวศ HarmonyOS ที่เติบโตเร็วที่สุด" จะสร้างมาตรฐานใหม่ที่ทำให้เส้นแบ่งระหว่าง 'บ้าน' และ 'รถ' จางหายไป และนี่คือสัญญาณเตือนไปยังคู่แข่งทั่วโลกว่า สงครามยานยนต์ยุคต่อไป จะวัดกันที่ใครเชื่อมต่อชีวิตผู้คนได้แนบเนียนกว่ากัน

Credit : carnewschina

Photo Credit : AI Generated

ข่าวที่เกี่ยวข้อง