รีเซต

ติดบูโร ขอสินเชื่อไม่ผ่าน! ขั้นตอนขอ "ตรวจเครดิตบูโร" หลังธนาคารแจ้งกู้ไม่ผ่าน

ติดบูโร ขอสินเชื่อไม่ผ่าน! ขั้นตอนขอ "ตรวจเครดิตบูโร" หลังธนาคารแจ้งกู้ไม่ผ่าน
Ingonn
30 พฤศจิกายน 2564 ( 11:49 )
40.5K
1
ติดบูโร ขอสินเชื่อไม่ผ่าน! ขั้นตอนขอ "ตรวจเครดิตบูโร" หลังธนาคารแจ้งกู้ไม่ผ่าน

รู้หรือไม่? ติดบูโร ติดแบล็กลิสต์ หรืออ้างว่า “ติด Blacklist ติดเครดิตบูโร” แล้วกู้ไม่ผ่าน ขอสินเชื่อที่ไหนก็ไม่ได้ ไม่ใช่ความจริง เนื่องจากข้อมูลเครดิตบูโร ไม่ได้จัดเก็บเป็นแบล็กลิสต์ หรือบัญชีดำ แต่จะเก็บข้อมูลตามความเป็นจริงว่ายอด “ปกติ” หรือ “ค้างชำระ” ถ้าเคลียร์หรือปิดบัญชีแล้วก็จะบอกตามนั้น เพียงแต่ข้อมูลจะยังไม่ถูกลบออกไปจนกว่าจะถึงกำหนดที่กฎหมายให้เก็บ แต่การพิจารณาสินเชื่อเป็นดุลยพินิจของสถาบันการเงิน ข้อมูลเครดิตเป็นเพียงส่วนประกอบส่วนหนึ่งในการนำไปประกอบการพิจารณาสินเชื่อเท่านั้น

 

ถ้ากู้ไม่ผ่านหรือถูกปฏิเสธสินเชื่อ โดยธนาคารหรือสถาบันการเงินให้เหตุผลว่าเป็นเพราะข้อมูลในเครดิตบูโรหรือเกี่ยวข้องกับเครดิตบูโร ธนาคารหรือสถาบันการเงินต้องออกหนังสือชี้แจงเหตุผลที่ไม่ให้กู้หรือปฏิเสธให้สินเชื่อโดยชัดเจนว่า ไม่ให้กู้เพราะข้อมูลในเครดิตบูโรเป็นอย่างไร เช่น มีข้อมูลแสดงว่ามีหนี้ค้าง มีหนี้หรือวงเงินสินเชื่อมากเกินไป เป็นต้น และนำหนังสือดังกล่าวพร้อมกับบัตรประชาชนตัวจริง มายื่นขอตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเครดิตบูโรได้ฟรี ณ ศูนย์บริการตรวจเครดิตบูโรทุกแห่ง ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ

 

ทำไมถึงกู้สินเชื่อไม่ผ่าน 

ขึ้นอยู่กับหลักเกณฑ์การพิจารณาของแต่ละธนาคารที่เรากู้สินเชื่อ การให้หรือไม่ให้สินเชื่อขึ้นอยู่กับนโยบายของแบงก์และสถาบันการเงินไม่ได้เกี่ยวข้องกับ "เครดิตบูโร" ข้อมูลที่แบงก์และสถาบันการเงินได้รับจากเครดิตบูโร เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาประกอบการพิจารณาสินเชื่อร่วมกับข้อมูลอื่นๆของลูกค้า

 

ข้อมูลของบุคคลธรรมดาและข้อมูลของนิติบุคคล กฎหมายกำหนดไว้ว่าให้เก็บไว้ในระบบประมวลผลได้ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่สมาชิกรายงานข้อมูลมายังบริษัท โดยที่จะมีข้อมูลใหม่เข้าไปแทนที่ข้อมูลเก่าเรื่อยๆ ส่วนการอัพเดดข้อมูลนั้น สถาบันการเงินจะรายงานประวัติการชำระของเข้ามาที่บริษัทข้อมูลเครดิตบูโร ทุกๆ สิ้นเดือน

 

ขั้นตอนขอ "ตรวจเครดิตบูโร" กรณีถูกปฏิเสธสินเชื่อ

 

การขอตรวจสอบกรณีถูกปฏิเสธสินเชื่อ ณ ที่ทำการบริษัทฯ


1. ยื่นแบบคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิต (ประเภทบุคคลธรรมดา หรือ ประเภทนิติบุคคล) พร้อมหลักฐานประกอบดังนี้

กรณีบุคคลธรรมดา

  • บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริง หรือบัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าวตัวจริง หรือหนังสือเดินทางฉบับตัวจริงมาแสดง**ในกรณีที่มีการมอบอำนาจ ให้นำ**
    • หนังสือมอบอำนาจบุคคลธรรมดา
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้มอบอำนาจ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงมาแสดง
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมทั้งบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงมาแสดง

 

กรณีนิติบุคคล

  • สำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจพร้อมประทับตราบริษัท (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง **ในกรณีที่มีการมอบอำนาจ ให้นำ**
    • หนังสือมอบอำนาจนิติบุคคล
    • สำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้องโดย กรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมประทับตราสำคัญบริษัท (ถ้ามี)
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามและลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมทั้งนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงมาแสดง
    • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ และลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง พร้อมทั้งนำบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงมาแสดง

 

2. ยื่นเอกสารในข้อ 1 พร้อมหนังสือปฏิเสธจากสถาบันการเงินที่ระบุสาเหตุการปฏิเสธการให้สินเชื่อ เนื่องจากเป็นผลจากการตรวจสอบข้อมูลเครดิตจากบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (ชำระค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิตต่อเจ้าหน้าที่ของบริษัท กรณียื่นคำขอเกินกว่า 30 วันจากนับจากวันที่ในหนังสือแจ้งปฏิเสธ)


3. เจ้าของข้อมูลสามารถขอรับรายงานภายในวันยื่นคำขอ หรือยื่นความจำนงให้จัดส่งรายงานทางไปรษณีย์ลงทะเบียน (กรณีให้จัดส่งทางไปรษณีย์ ฉบับละ 20 บาท)

 


การขอตรวจสอบกรณีถูกปฏิเสธสินเชื่อผ่านทางไปรษณีย์

1. เจ้าของข้อมูลกรอกแบบคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิต ( ประเภทบุคคลธรรมดา หรือ นิติบุคคล ) โดยแนบหลักฐาน ดังนี้

กรณีบุคคลธรรมดา

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรที่หน่วยงานราชการออกให้ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
  • กรณีเป็นชาวต่างชาติให้ใช้สำเนาบัตรประจำตัวบุคคลต่างด้าว หรือสำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง

 

กรณีนิติบุคคล

  • สำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน พร้อมรับรองสำเนาถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมประทับตราบริษัท (ถ้ามี)
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง


2. หนังสือปฏิเสธจากสถาบันการเงิน ที่ระบุสาเหตุการปฏิเสธการให้สินเชื่อ เนื่องจากเป็นผลจากการตรวจสอบข้อมูลเครดิตจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ โดยหากมีอายุไม่เกิน 30 วัน นับจากวันที่ในหนังสือแจ้งปฏิเสธดังกล่าว จะได้รับการยกเว้นไม่เสียค่าธรรมเนียมในการตรวจสอบข้อมูลเครดิต

 

3. จัดส่งเอกสารหลักฐานตามข้อ 1 และ 2 ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน จ่าหน้าถึง

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ส่วนบริหารเจ้าของข้อมูล เลขที่ 63 ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (สำนักงานใหญ่) ชั้น 2 อาคาร 2 ถนนพระราม 9 ห้วยขวาง กรุงเทพฯ 10310

 

4. บริษัท จัดส่งรายงานข้อมูลเครดิตให้ตามที่อยู่ในบัตรประจำตัวประชาชน หรือตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในหนังสือแจ้งปฏิเสธการให้สินเชื่อ หรือที่อยู่ที่ทางบริษัทจะสามารถตรวจสอบได้

 


หมายเหตุ

  • โปรดระบุชื่อผู้ติดต่อ พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ลงในแบบคำขอ เพื่อใช้ในกรณีที่บริษัท ต้องการสอบถามเพิ่มเติม
  • กรณีที่เอกสารและหลักฐานไม่ถูกต้อง หรือไม่ครบถ้วน บริษัท ขอสงวนสิทธิ์ในการจัดส่งรายงานข้อมูลเครดิต
  • กรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการยื่นคำขอตรวจสอบข้อมูลเครดิต โปรดติดต่อสอบถามได้ที่ ส่วนบริหารเจ้าของข้อมูล

 

 

ข้อมูลจาก บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร)

 

ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.

คลิกเลย >>> TrueID Community <<<

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง