งานวิจัยจีนเผยดูหนังโป๊บ่อยส่งผลต่อสมอง

นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญทางอายุรกรรมและสมอง ประธาน ศูนย์ความเป็นเลิศการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยผ่าน เพจ "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ชี้ผลงานวิจัน เกี่ยวกับการเสพสื่อลามกที่ส่งผลกับสมองได้เทีบเท่ากับการใช้สารเสพติด โดยระบุว่า
สื่อลามกกับสมอง: ความเข้าใจใหม่จากงานวิจัยล่าสุด
งานวิจัยทางประสาทวิทยาที่ตีพิมพ์เมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 เผยให้เห็นว่า การดูสื่อลามกบ่อยครั้งอาจส่งผลต่อสมองและอารมณ์ในลักษณะคล้ายกับผู้ที่ใช้สารเสพติด
การศึกษานี้ดำเนินการที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์เฉิงตู ประเทศจีน โดยศึกษานักศึกษาสุขภาพดี 21 คนที่ดูสื่อลามกอนาจารในระดับที่แตกต่างกันและไม่มีประวัติการใช้สารเสพติด
พบการเปลี่ยนแปลงในสมอง
- ผู้ที่รับชมสื่อลามกอย่างสม่ำเสมอมีการเปลี่ยนแปลงในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “ระบบรางวัล” และการควบคุมตนเอง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับผู้ติดสารเสพติดบางประเภท
- การหลั่งโดพามีนที่มากเกินไปจากการดูบ่อย ๆ อาจนำไปสู่ความเคยชิน ทำให้ต้องการเนื้อหาที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจเท่าเดิม
- อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ
- กลุ่มผู้ดูบ่อยมักแสดงสีหน้าท่าทีที่สะท้อนถึงความพึงพอใจคล้ายกับผลของยา แต่ขณะเดียวกันก็พบภาวะอารมณ์แปรปรวน เช่น ความโกรธ ความเศร้า และความเฉยชาทางอารมณ์
- กลุ่มที่ดูน้อยแสดงปฏิกิริยา “ป้องกันตัว” มากกว่า เช่น ความรู้สึกไม่สบายใจหรือรังเกียจ
สมาธิและการคิดอย่างมีเหตุผลลดลง
- หลังการรับชม พบว่าผู้เข้าร่วมที่ดูเป็นประจำมีความแม่นยำและเวลาตอบสนองในการทดสอบลดลง
- สิ่งนี้อาจสะท้อนถึงผลกระทบต่อความสามารถในการจดจ่อและควบคุมพฤติกรรมตนเอง
ประเด็นถกเถียง: การเสพติดหรือไม่?
- นักวิชาการบางคนเตือนว่าอย่าเพิ่งสรุปว่าการใช้สื่อลามกคือ “การเสพติด” เหมือนยาเสพติด เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดเรื่องอาการขาดยาในกรณีนี้
- แต่อีกฝ่ายหนึ่งชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงของสมองและพฤติกรรมมีลักษณะชัดเจนพอที่จะนำมาใช้ในกรอบการวินิจฉัยและการรักษาแบบการเสพติด
แนวทางการฟื้นฟู
- จิตบำบัด เช่น Acceptance and Commitment Therapy (ACT) แสดงผลเชิงบวกอย่างมากในการช่วยผู้ที่มีปัญหากับการใช้สื่อลามก
- การฝึกสติและการวางเป้าหมายชีวิตที่มีความหมายเป็นเครื่องมือสำคัญในการหลุดพ้นจากวงจรเดิม
บทสรุป
แม้การดูสื่อลามกอาจเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ผลกระทบต่อสมอง อารมณ์ และพฤติกรรมก็อาจลึกซึ้งกว่าที่คิด และควรมีการพูดคุยอย่างเปิดเผยบนพื้นฐานของข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
อ้างอิงหลักการจากงานวิจัยทางสมอง (Frontiers in Human Neuroscience, July 2025)
ข้อมูลสรุปจากการศึกษาของนักวิจัยในจีน และความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญในสหรัฐอเมริกา
หมายเหตุ: บทความนี้เป็นการสรุปในเชิงการศึกษาและการให้ความรู้ มิได้มีจุดประสงค์ในการวินิจฉัยหรือชี้นำด้านสุขภาพจิตเฉพาะราย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
