รู้หรือไม่ รังไข่ของคุณปกป้องสมอง มากกว่าที่คิด

งานวิจัยใหม่ชี้ว่า การผ่าตัดมดลูก โดยเฉพาะเมื่อมีการตัดรังไข่ทั้งสองข้างออกด้วย อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่แพทย์และผู้ป่วยควรพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัด
การวิเคราะห์อภิมานจากประชากรกว่า 2 ล้านคน
การวิเคราะห์อภิมาน (meta-analysis) ขนาดใหญ่ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากผู้หญิงมากกว่า 2,000,000 คน มาจากการศึกษาเรื่อง
“Stroke risk in women with or without hysterectomy and/or bilateral oophorectomy: evidence from the NHANES 1999-2018 and meta-analysis” โดย Chuan Shao และคณะ ตีพิมพ์ในวารสาร Menopause (The Menopause Society) เมื่อปี 2025
การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจากโครงการ National Health and Nutrition Examination Survey (NHANES) ของสหรัฐฯ ในช่วงปี 1999-2018 และรวมผลจากการศึกษาก่อนหน้านี้อีก 15 งานวิจัย รวมผู้เข้าร่วมทั้งหมดกว่า 2 ล้านคน ผลการวิเคราะห์พบว่า
• ผู้หญิงที่ผ่านการ ผ่าตัดมดลูก (hysterectomy) มีความเสี่ยงต่อ โรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นประมาณ 5% เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ผ่าตัด
• ส่วนผู้หญิงที่ ตัดรังไข่ทั้งสองข้าง (bilateral oophorectomy) มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึง 18%
ทำไมการตัดรังไข่จึงเพิ่มความเสี่ยง
รังไข่มีหน้าที่สำคัญในการผลิตฮอร์โมนเพศหญิง เช่น เอสโตรเจน (Estrogen) ซึ่งช่วยปกป้องหัวใจและหลอดเลือดจากการเสื่อมสภาพก่อนวัย เมื่อรังไข่ถูกตัดออก ระดับฮอร์โมนนี้จะลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิด ภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร (Premature Menopause) และอาจเพิ่มความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองในระยะยาว
การผ่าตัดที่พบบ่อยในสหรัฐฯ
การผ่าตัดมดลูกและรังไข่ถือเป็นหัตถการทางสูตินรีเวชที่พบบ่อยในสหรัฐอเมริกา โดยมักทำเพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น
• เนื้องอกในมดลูก (Uterine Fibroids)
• เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
• ภาวะมดลูกหย่อน (Uterine Prolapse)
• มะเร็งในอวัยวะสืบพันธุ์หญิง
ในอดีต แพทย์มักตัดรังไข่ออกทั้งสองข้างพร้อมกับการผ่าตัดมดลูกเพื่อป้องกันมะเร็งรังไข่ แต่หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่าการผ่าตัดเช่นนี้อาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพหัวใจและสมองในระยะยาว จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบ
ปัจจัยที่มีผลต่อความเสี่ยง
นักวิจัยยังพบว่า ปัจจัยอื่นๆ มีผลต่อระดับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองหลังการผ่าตัด ได้แก่
• อายุของผู้ป่วยในขณะผ่าตัด
• การใช้ฮอร์โมนทดแทน (Hormone Replacement Therapy – HRT)
• สุขภาพโดยรวมและปัจจัยทางพันธุกรรม
ดังนั้น การประเมินผู้ป่วยแต่ละรายอย่างละเอียดก่อนการผ่าตัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
