สหรัฐฯ อาจกำลังเผชิญฤดูกาลไข้หวัดใหญ่รุนแรงเป็นปีที่สองติดต่อกัน

สหรัฐอเมริกาอาจกำลังเผชิญฤดูกาลไข้หวัดใหญ่รุนแรงเป็นปีที่สองติดต่อกัน หลังจากฤดูกาลที่ผ่านมาในช่วงฤดูหนาวมีผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสูงที่สุดในรอบเกือบ 15 ปี และมีเด็กเสียชีวิตอย่างน้อย 280 คน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มมีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตในเด็กตั้งแต่ปี 2004
ฤดูกาลนี้นักวิทยาศาสตร์พบ สายพันธุ์ไวรัสกลายพันธุ์ใหม่ที่เรียกว่า subclade K ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ A H3N2 และเป็นสาเหตุให้เกิดฤดูกาลไข้หวัดใหญ่รุนแรงในซีกโลกใต้ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา สายพันธุ์นี้มีการกลายพันธุ์ 7 จุดในส่วนสำคัญของไวรัส ทำให้ร่างกายตรวจจับได้ยากขึ้น โดยเฉพาะส่วนที่เป็นเป้าหมายของแอนติบอดีและส่วนที่มีอยู่ในวัคซีน
แม้ว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ประจำฤดูกาลนี้จะครอบคลุมสายพันธุ์ที่เกี่ยวข้อง แต่ ประสิทธิภาพอาจลดลง หาก subclade K กลายเป็นสายพันธุ์หลักของฤดูกาล อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ว่าวัคซีนยังช่วยลดโอกาสเข้าห้องฉุกเฉินหรือเข้ารักษาในโรงพยาบาลได้เกือบ 75% ในเด็ก และลดประมาณ 30–40% ในผู้ใหญ่รวมถึงผู้สูงอายุ
ขณะเดียวกัน การฉีดวัคซีนในสหรัฐฯ กลับลดลงอย่างน่ากังวล ข้อมูลจากบริษัท IQVIA ระบุว่าช่วงเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม มีการฉีดวัคซีนเพียง 26.5 ล้านโดส ซึ่งลดลงกว่า 2 ล้านโดสเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2024 นักวิชาการชี้ว่า ความสงสัยและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัคซีน รวมถึงการเน้นประเด็นเล็ก ๆ เช่น ส่วนประกอบของวัคซีน ทำให้หลายคนไม่เข้ารับการฉีด
สัญญาณของการระบาดกำลังเพิ่มขึ้นทั้งจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการและน้ำเสีย ดร. แอลลิสัน แมคมัลเลน นักจุลชีววิทยาคลินิกที่ BioMerieux ระบุว่าผลตรวจไข้หวัดใหญ่ชนิด A เพิ่มขึ้นจาก 1% ในต้นเดือน เป็น 2.4% ในปัจจุบัน ขณะที่การตรวจน้ำเสียของเครือข่าย WastewaterSCAN พบว่าเดือนตุลาคมมีตัวอย่างน้ำเสีย 18% เป็นบวกต่อไข้หวัดใหญ่ชนิด A และพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นเป็น 40%
นักวิชาการเตือนว่าการเดินทางช่วงวันหยุดที่จะมาถึงอาจทำให้การระบาดแผ่ขยายเร็วขึ้น ดร. มาร์ลีน วูล์ฟ จากมหาวิทยาลัยเอมอรี และดร. ลอริงจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ต่างชี้ว่าข้อมูลจากประเทศอื่น ๆ เช่น สหราชอาณาจักร ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าสำหรับอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในออสเตรเลียที่ subclade K ทำให้เกิดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่เกิน 443,000 ราย
ดร.ลอริงและผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ยังไม่สายเกินไปที่จะฉีดวัคซีน และประชาชนควรระวังตัว แม้ว่าสายพันธุ์ subclade K จะเป็นสายพันธุ์หลัก แต่ยังมีไวรัสสายพันธุ์อื่นหมุนเวียนอยู่ ดังนั้นการป้องกันด้วยวัคซีนยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความรุนแรงของโรคและจำนวนผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
