สมองของมนุษย์เรียนรู้และเติบโตจากความผิดพลาด ไม่ใช่จากความสำเร็จ

"เด็กหัดเดินได้จากการล้มเป็นสิบเป็นร้อยครั้งจนลุกขึ้นและเดินไปด้วย 2 ขาของตัวเอง"
ดูเหมือนสมองของคนเรามักตอบสนองต่อความผิดพลาด และประมวลผลลัพธ์นั้นออกมาเพื่อไม่ให้เราทำความผิดในรูปแบบเดิมๆ นี่เป็นกระบวนการปกติที่เกิดขึ้นของสมอง กระบวนการนี้เรารู้จักในอีกชื่อหนึ่งที่สั้นกว่าคือ การเรียนรู้
เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการตอบสนองต่อความผิดพลาด นักวิทยาศาสตร์ได้ศึกษาและอธิบายกลไกการทำงานสมอง สิ่งนี้จะช่วยให้เราไม่รู้สึกเศร้า เมื่อเราต้องล้มเหลวอีกในครั้งถัดๆ ไป
เข้าใจการทำงานของสมองต่อความล้มเหลว
เมื่อเราล้มเหลว สมองของเราจะตอบสนองในรูปแบบเฉพาะ ช่วงแรกมักเป็นปฏิกิริยาทางอารมณ์ เช่น ความหงุดหงิด ความเศร้า หรือแม้แต่ความโกรธ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมชาติ เพราะเกิดจากการที่สมองพยายามปกป้องเรา ส่วนที่ทำหน้าที่ในกระบวนการนี้คือ อะมิกดะลา ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมอารมณ์ เมื่อส่วนนี้ทำงาน จะส่งสัญญาณว่ามีภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางใจของเรา นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมความล้มเหลวจึงให้ความรู้สึกที่เจ็บปวดและส่วนตัวมาก
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกส่วนหนึ่งของสมองที่เข้ามามีบทบาท คือ คอร์เทกซ์กลีบหน้าผาก ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการวางแผน เมื่อเราดึงส่วนนี้มาใช้งาน เราจะเริ่มมองเห็นความล้มเหลวไม่ใช่ทางตัน แต่เป็นส่วนสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ การเปลี่ยนมุมมองเช่นนี้คือกุญแจสำคัญที่ช่วยเปลี่ยนอุปสรรคให้กลายเป็นโอกาสในการเติบโต
ความล้มเหลวกระตุ้นให้เกิดการเชื่อมต่อโครงข่ายประสาท
หนึ่งในแนวคิดที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับความล้มเหลว ที่อธิบายผ่านทางประสาทวิทยา คือ เชื่อมต่อใหม่โครงข่ายประสาท หรือ Neuroplasticity ซึ่งเป็นกระบวนการที่ช่วยให้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ฟื้นตัวจากการบาดเจ็บทางสมอง และปรับตัวต่อประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
นักประสาทวิทยาอธิบายว่า เมื่อเราเผชิญกับความล้มเหลว สมองของเราจะได้รับโอกาสพิเศษในการเชื่อมต่อและเสริมสร้างวงจรประสาทใหม่ ๆ แต่ละครั้งที่เราพบกับอุปสรรค เราจะได้รับบทเรียนที่ช่วยให้เราเข้าใจและพัฒนาวิธีการใหม่ ๆ ในการรับมือ
นั่นหมายความว่า สมองของเราไม่มีวันหยุดนิ่ง แต่สามารถเปลี่ยนแปลงและเติบโตได้ตลอดชีวิต หนึ่งในวิธีการทำให้สมองเติบโต ก็คือ การทำผิดพลาด ดังนั้น การยอมรับความล้มเหลวจึงเป็นการเปิดโอกาสให้สมองเรียนรู้ ปรับตัว และแข็งแกร่งขึ้น
การศึกษาจากสิงคโปร์
มีการศึกษาจากสิงค์โปร์ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง ซึ่งดำเนินการศึกษาโดย มานุ กาปูร์ นักวิจัยจากสถาบันการศึกษาแห่งชาติสิงคโปร์ ได้ทำการทดลองโดยแบ่งนักเรียนออกเป็น2 กลุ่มเพื่อเรียนรู้การแก้โจทย์คณิตศาสตร์รูปแบบใหม่
- กลุ่มแรกเรียนตามวิธีดั้งเดิม คือ ครูอธิบายแนวคิด แสดงตัวอย่างการแก้โจทย์ แล้วจึงให้นักเรียนฝึกทำ
- ส่วนกลุ่มที่สองได้รับโจทย์ให้ลองแก้ด้วยตัวเองก่อน โดยไม่มีคำแนะนำหรือการสอนใด ๆ จนกว่าพวกเขาจะได้ลองพยายามและผิดพลาดด้วยตนเองหลายครั้ง
แม้นักเรียนทั้ง 2 กลุ่มสุดท้ายสามารถแก้โจทย์ได้เหมือนกัน แต่กลุ่มที่ได้ลองแก้ปัญหาด้วยตนเองก่อนกลับมี “ความเข้าใจในเชิงแนวคิด” สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับโจทย์รูปแบบใหม่ได้ดีกว่ากลุ่มแรก
สิ่งที่น่าสนใจคือ นักเรียนในกลุ่มนี้แทบไม่มีใครหาคำตอบที่ถูกต้องได้ด้วยตนเองเลย แต่กระบวนการ “ลองผิดลองถูก” กลับช่วยให้พวกเขาเข้าใจเนื้อหานั้นได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
งานวิจัยของกาปูร์จึงสอดคล้องอย่างยิ่งกับทฤษฎีการทำงานของสมอง การทดลองนี้แสดงให้เห็นว่า การที่มีคนสอนวิธีทำที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น อาจไม่ใช่วิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุด เราอาจจำข้อมูลนั้นได้ แต่ไม่ได้เข้าใจมันอย่างลึกซึ้ง และความรู้ที่ได้ก็จะไม่ฝังแน่นในสมองเท่ากับเมื่อเราได้ลองพยายาม ล้มเหลว และคลำทางด้วยตนเองก่อน การพยายามในช่วงสุดท้ายนี่เองที่ทำให้ความรู้ที่ได้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สร้างความยืดหยุ่นทางใจผ่านความล้มเหลว
- ความยืดหยุ่นทางใจ (resilience) คือความสามารถในการลุกขึ้นและก้าวต่อหลังจากเผชิญอุปสรรค เป็นคุณลักษณะที่สามารถพัฒนาและเสริมสร้างได้จากประสบการณ์ของความล้มเหลว ต่อไปนี้คือกลยุทธ์บางอย่างที่จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นทางใจของคุณ:
- ปรับมุมมองของตนเอง แทนที่จะมองความล้มเหลวว่าเป็นภาพสะท้อนของความสามารถ จงมองว่าเป็นประสบการณ์เรียนรู้ ถามตัวเองว่า “ฉันเรียนรู้อะไรจากสิ่งนี้ได้บ้าง?” และ “ครั้งต่อไปฉันจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร?”
- มีเมตตาต่อตัวเอง จงอ่อนโยนกับตัวเองเมื่อผิดพลาด ทุกคนล้วนเผชิญความล้มเหลว มันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเติบโต ปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความเมตตาเช่นเดียวกับที่คุณมอบให้เพื่อน
- ตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ แบ่งเป้าหมายใหญ่ออกเป็นขั้นตอนย่อย ๆ เพื่อให้ความล้มเหลวแต่ละครั้งเป็นเพียงอุปสรรคเล็ก ๆ ที่สามารถก้าวข้ามได้
- ขอรับการสนับสนุน อยู่ใกล้ผู้คนที่ให้กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญ การแบ่งปันประสบการณ์และรับฟังคำแนะนำจะช่วยให้คุณมีกำลังใจและความมั่นคงมากขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
