[รีวิว] Hasselblad X2D 100C กล้องมีเดียมฟอร์แมต 100MP มี SSD 1 TB ในตัว ราคาเกือบครึ่งล้าน!
ถ้าพูดถึงกล้องระดับโปรที่เหนือขึ้นไปกว่าฟูลเฟรมเชื่อว่าทุกคนจะต้องนึกถึง ‘กล้องมีเดียมฟอร์แมต’ กันอย่างแน่นอน ซึ่ง 1 ในค่ายกล้องมีเดียมฟอร์แมตที่ขึ้นชื่อเป็นที่รู้จักในวงการช่างภาพมืออาชีพอย่างยาวนานก็คงจะไม่พ้นชื่อนี้ครับ กับ ‘Hasselblad’ แบรนด์กล้องสัญชาติสวีเดนที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2!
ที่เกริ่นมายาวขนาดนี้ต้องบอกว่ากล้องแบรนด์นี้เขาไม่ธรรมดาจริง ๆ กล้องที่ NASA เอาไปถ่ายบนดวงจันทร์เป็นครั้งแรกของโลกก็มาจากแบรนด์นี้นี่ล่ะครับ และในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสได้รีวิวกับเขาบ้าง กับ ‘Hasselblad X2D 100C‘ กล้องมิเรอร์เลสมีเดียมฟอร์แมตรุ่นใหม่ล่าสุดที่มาพร้อมกับสเปกอัดแน่น เซนเซอร์ระดับ 100 ล้านพิกเซล ระบบโฟกัสที่ไวกว่าเดิม กันสั่น 5 แกนก็มีมาให้ พร้อมกับ SSD 1 TB ในตัว ไม่ต้องเสียบเมมก็ใช้งานได้ทันที ในราคาเฉพาะบอดี้ 329,800 บาท อะไรมันจะล้ำขนาดนั้น ทั้งสเปกทั้งราคา 😂
สเปกหลัก Hasselblad X2D 100C
- เซนเซอร์มีเดียมฟอร์แมต 100 ล้านพิกเซล BSI CMOS (43.8 × 32.9 mm)
- Hasselblad X Mount
- กันสั่น 5 แกน 7 สต็อป
- RAW 16-bit
- Leaf / Electronic Shutter
- ISO 64-25,600
- PDAF 294 Zones
- ถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 3.3fps
- ชัตเตอร์สปีดสูงสุด 1/4000s
- จอ LCD 3.6 นิ้ว ระบบสัมผัส tilt ได้ 2.36 ล้านจุด
- OLED EVF 5.76 ล้านจุด กำลังขยาย 1.00x
- Top LCD 1.08 นิ้ว 158,400 จุด
- 1 TB internal SSD + CFexpress Type B (สูงสุด 512 GB)
- Wi-Fi, Bluetooth
- X Battery ใช้รุ่นเดียวกับรุ่น X1D II และ 907x 50c
- ขนาด 148.5 x 106 x 74.5mm
- น้ำหนัก 895 กรัม
บอดี้และการจับถือ
สำหรับรูปร่างหน้าตาของเจ้า X2D 100C นั้นยังคงมาในทรงเดียวกับรุ่นก่อนหน้าอย่าง X1D II 50C เลยครับ วัสดุตัวกล้องทำจาก Machined aluminium ดูพรีเมียมแข็งแรงน่าใช้งานมาก ๆ แต่ก็มาพร้อมน้ำหนักตัวเฉพาะบอดี้เกือบ 900 กรัม กับเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นกล้อง Hass แน่นอนก็ปุ่มชัตเตอร์สีส้มดูเด่นสะดุดตาตัดกับบอดี้สีดำดุดันนี่ล่ะครับ รุ่นนี้ยังมี Top LCD ด้านบนบอดี้กล้องมาให้ด้วย และไม่ใช่จอขาวดำธรรมดานะแต่เป็นจอสีขนาด 1.08 นิ้ว เอาไว้บอกตั้งค่ากล้องต่าง ๆ หรือสถานะแบตเตอรี่
ตัวกริปเองต้องบอกว่าออกแบบมาได้จับถนัดมือดีมาก ๆ มาพร้อมจอ LCD 3.6 นิ้ว ระบบสัมผัสที่งัดออกมาปรับองศา Tilt (เฉพาะมุมงัด) ได้แล้ว ความละเอียด 2.36 ล้านจุด ซึ่งถือว่าใหญ่กว่าจอ LCD กล้องทั่ว ๆ ไปพอสมควรเลยครับ ส่วนเรื่องสีสันความคมชัด และระบบสัมผัสก็ทำงานได้ดีสมกับราคากล้องจริง ๆ ถ้าให้อธิบายความรู้สึกคือมันเหนือกว่าจอกล้องทั่ว ๆ ไปหลายขุมเลยทีเดียว
ในขณะที่ปุ่มบนตัวกล้องก็มีเพียงไม่กี่ปุ่มเท่านั้น เน้นจิ้มหน้าจอเอาแทนเช่นการเลื่อนจุดโฟกัสเป็นต้น (แต่ไดอัลหน้าหลังหรือปุ่ม Mode, WB, ISO, AF-L, AF-D ยังมีอยู่นะ)
ช่องมองภาพตัวนี้เป็นแบบ OLED EVF 5.76 ล้านจุด ที่มาพร้อมกับกำลังขยายถึง 1.00x ที่ต้องบอกว่าทั้งละเอียด และขนาดใหญ่เต็มตามาก ๆ ถ้าได้ลองสักครั้งก็ยากที่จะลืมประสบการณ์ที่ได้สัมผัสลงได้
ส่วนพอร์ตต่าง ๆ ของรุ่นนี้มีเพียงแค่ Type-C (รองรับการชาร์จ Power Delivery) กับช่องเสียบ CFexpress Type-B เพียงเท่านั้นครับ โดยที่แบตเตอรี่ยังเป็น X Battery รุ่นเดียวกับ X1D II และ 907x 50C เสียบลงไปกลมกลืนกับฐานตัวกล้องได้เลยไม่ต้องมีฝาปิดแบตอะไรให้ยุ่งยาก
เซนเซอร์มีเดียมฟอร์แมตระดับ 100 ล้านพิกเซล!
ถ้าเป็นเรื่องกล้องหัวใจสำคัญก็ต้องเซนเซอร์รับภาพนี่ละครับ X2D 100C ใช้เซนเซอร์ขนาดมีเดียมฟอร์แมต 100 ล้านพิกเซลแบบ BSI CMOS ซึ่งใหญ่กว่าฟูลเฟรมพอสมควร (คูณ 0.79x ของเซนเซอร์ฟูลเฟรม) และด้วยความที่เซนเซอร์ใหญ่นี่ล่ะทำให้สามารถอัดความละเอียดถึง 100 ล้านพิกเซล เรียกว่าเก็บดีเทลได้ทุกเม็ด เอาไปถ่าย Portrait เห็นกระทั้งคนถ่ายสะท้อนในตาของแบบ ขณะที่เนื้อไฟล์ก็ยังฉ่ำ ให้ไฟล์ RAW ระดับ 16-bit กันเลยทีเดียว (กล้องทั่ว ๆ ไปตันที่ 14-bit) ถ้าคิดว่าฟูลเฟรมคือสุดแล้ว มีเดียมฟอร์แมคคือสุดกว่า
Color Science ของค่ายนี้จะเรียกว่า Hasselblad Natural Colour Solution หรือ HNCS ที่ให้โทนค่อนข้างเป็นธรรมชาติเลยครับ อ่านรีวิวนี้แล้วน่าจะสัมผัสเอกลักษณ์ไฟล์ของเจ้า X2Dได้ อ้อ ในรุ่นนี้ไม่มีชุดชัตเตอร์ในตัวกล้องนะครับ ใช้ Leaf Shutter ในตัวเลนส์หรือ Electronic Shutter เท่านั้น
Tips 1: Leaf Shutter คือระบบชัตเตอร์ในเลนส์คล้ายกลีบรูรับแสง ข้อดีของกล้องที่ใช้ระบบนี้คือชัตเตอร์นิ่มนวลมาก และซิงก์แฟลชได้ทุกความเร็วชัตเตอร์ไม่ต้องพึ่งระบบ High Speed Sync
ระบบโฟกัส PDAF+CDAF โฟกัสได้ไวกว่าเดิมถึง 3 เท่า
ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเคยจับ ๆ ลอง ๆ รุ่นก่อนอย่าง X1D II 50C มาบ้างแล้วครับ พอมาจับ X2D คือว้าวเลยทั้งระบบตัวกล้องหรือโฟกัสนั้นไวขึ้นมาก ๆ โดยระบบโฟกัสเป็นแบบ PDAF+CDAF (294 PDAF) ที่ครอบคลุม 97% ชองเฟรมภาพ โฟกัสไวขึ้น 3 เท่า โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับเลนส์ใหม่ ๆ อย่างเซต XCD 2,5/38V, XCD 2,5/55V และ XCD 2,5/90V
แต่ถ้าคิดว่ามันจะใช้งานเหมือนกล้องฟูลเฟรมยุคปัจจุบันอันนี้ก็ต้องบอกว่าไม่เชิงซะทีเดียวครับ ด้วยความที่เซนเซอร์มันใหญ่มาก ระบบโฟกัสก็อาจไม่ได้ไวเท่ากล้องที่เซนเซอร์เล็กกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว ยิ่งไม่มี Joystick มาให้ด้วยอีก (รุ่นก่อนก็ไม่มี) ถ้าไม่ใช้วิธีโฟกัสแล้ว Recompose หรือใช้นิ้วจิ้มจุดโฟกัสใหม่ก็แนะนำว่าเอาตาส่องช่องมองแล้วใช้นิ้วเลื่อนจุดโฟกัสกับจอหลังกล้องเป็น Trackpad จะสะดวกกว่าครับ กล้องไม่ใช่ตัวเล็ก ๆ ถ้าต้องจิ้มจอทุกครั้งแขนก็รับไม่ไหว โดยเฉพาะติดเลนส์หนัก ๆ อย่าง XCD 2,8/110V เอาไปถ่าย Portrait
อีกอย่างคือรุ่นนี้มีระบบ AF-C ด้วย แต่ถ้าอยากได้ Face-Detection หรือ Eye-AF อันนี้ไม่มีให้ใช้เนอะต้องโฟกัสเอง เน้นสกิลช่างภาพระดับหนึ่งเลย
โหมด Crop สุดหลากหลาย มี XPan แนว Cinematic!
X2D 100C เป็นกล้องที่มีโหมด Crop ให้ใช้งานกันหลากหลายมากที่สุดเท่าที่เคยจับมาเลยล่ะครับ นอกจาก 16:9, 3:2 อะไรพวกนี้แล้ว สเกล A4, A3, 2:1, 5:4, 11:85 ยกมาหมด รวมถึงโหมด XPan ให้ภาพอัตราส่วน 65:24 แนว Cinematic เหมือนกล้องฟิล์ม Hasselblad XPan สุดโด่งดังในอดีตที่ราคาดีดไปหลักแสนบาทแล้วในปัจจุบัน
กันสั่น 5 แกน 7 สต็อป
ถ้าใครที่เคยใช้กล้องความละเอียดสูงคงรู้กันดีครับว่าการสั่นไหวเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ภาพของเราเบลอได้ง่ายกว่าเซนเซอร์พิกเซลต่ำ ๆ X2D 100C ยังยัดระบบกันสั่น 5 แกนมาให้เสร็จสรรพ แถมเคลมว่าชดเชยชัตเตอร์สปีดได้ถึง 7 สต็อป จากที่ลองมากก็ช่วยได้เยอะครับ แม้ว่าผู้เขียนเองจะมือไม่นิ่งจนถือ 7 สต็อปได้ แต่ใช้งานจริง 2-3 สต็อปก็ไหวอยู่!
SSD 1 TB ในตัวกล้องไม่ต้องเสียบเมมก็ใช้ได้!
สิ่งที่ชอบมากของ X2D 100C คือ SSD 1 TB ในตัวนี่ล่ะครับ นอกจากทำให้ตัวกล้องทำงานได้ไวเช็กรูปหลังกล้อง 100 ล้านพิกเซลได้ลื่นไหลแล้ว ก็ยังสามารถใช้งานได้เลยไม่ต้องเสียการ์ดเพิ่มก็ได้ ถ่าย RAW ได้ประมาณ 3,000 – 4,000 ใบก็เหลือเฝือแล้ว!
ความเร็วเขียนอ่านก็ไม่ใช่เล่น ๆ อยู่ที่ 2370MB/s และ 2850MB/ ตามลำดับ จากความรู้สึกคือนอกจากบันทึกหรือดูรูปได้ไวมากแล้ว เรื่อง Blackout หรือ Shutter lag ก็ทำได้ดีกว่ารุ่นก่อนพอสมควรครับ ไม่รู้สึกหงุดหงิดเรื่องช้าตามสไตล์มีเดียมฟอร์แมตแล้ว รวมถึงเรื่องระบายความร้อนที่พัฒนาขึ้นกว่ารุ่นก่อนพอสมควร
วิดีโอ…
แม้จะจั่วหัวเรื่องวิดีโอมา แต่ทาง Hasselblad บอกว่ารุ่นก่อนใส่มาก็ไม่มีใครใช้ งั้นเราถอดออกเลยละกัน เพราะเหตุนี้ X2D จึงไม่มีฟีเจอร์วิดีโอใส่มาด้วยครับ… สำหรับสายภาพนิ่งที่เน้นคุณภาพแบบสุดติ่ง เรื่องอื่นเราไม่สน อะไรไม่ใช้ก็ตัดออก
ชมภาพจาก Hasselblad X2D 100C
เริ่มด้วยภาพ Portrait จาก X2D 100C กับเลนส์ XCD 2.8/135 (ระยะเทียบเท่าเลนส์ 105mm เป็นกล้องฟูลเฟรมแต่มิติยังคงเป็น 135mm) โทน JPG หลังกล้องไม่ได้ตบแต่งอะไรเพิ่ม อาจมีรีทัชบางจุดให้นางแบบบ้างเล็ก ๆ… อยากให้เห็นว่า Hasselblad Natural Colour Solution (HNCS) ให้โทนเป็นอย่างไรบ้าง
สารภาพว่าจริง ๆ ตอนต้นปี 2023 ผู้เขียนแอบได้เอา X2D 100C ไปเล่นที่ญี่ปุ่นมาแล้วแหละ แต่ตอนนั้นเวลาจำกัดมาก 2-3 วันเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้ไม่ครบ รอบนี้ได้เล่นเต็มที่ละมารีวิวได้ (ฮา)
สรุป
Hasselblad X2D 100C เรียกว่าเป็นกล้องที่สเปกกับราคาคุ้มค่าตัวมาก ๆ เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้ ประสิทธิภาพโดยรวมถือว่าอัปเกรดขึ้นจาก X1D II 50C อย่างชัดเจน ทั้งด้านความเร็ว และการใช้งานที่ลื่นไหลคล่องตัวมากขึ้น กันสั่น 5 แกนที่ช่วยให้ภาพคมชัดง่ายกว่าเดิมเยอะ ถ้ามีงบซักครึ่งล้านแล้วอยากได้กล้องบ้าพลัง มิติแบบมีเดียมฟอร์แมต มีคอมแรง ๆ ไว้แต่งภาพ 100 ล้านพิกเซลอยู่แล้วคือจัดได้เลยครับ คุ้มค่าแน่นอน แต่ความคิดเห็นส่วนตัวโทนสีรวมถึง Skin tone ของ Hass ค่อนข้างดีงามอยู่แล้ว จะกด JPEG จบหลังกล้องก็สบายครับ (เพราะผู้เขียนก็ทำ ไฟล์ RAW มันใหญ่จัด 200MB+ แค่ JPG ก็หลัก 40MB แล้ว 😂) ทำให้รู้สึกอยากพกออกไปถ่ายรูปได้ทุกวันแม้จะค่อนข้างมีน้ำหนักก็ตาม
แต่ข้อสังเกตก็มีอยู่เหมือนกันครับ ถึงไม่นับเรื่องราคาแน่นอนว่ามันไม่ใช่กล้องสำหรับทุกคนล่ะ ทั้งระบบโฟกัสที่เราจะต้องเลื่อนจุดโฟกัสเอาเองไม่มีตัวช่วยอย่าง Face Detection หรือ Eye AF มาให้ ฟีเจอร์วิดีโอที่ถูกตัดทิ้งไปเลย หรือเรื่องน้ำหนักที่มากกว่ากล้องฟูลเฟรมทั่ว ๆ ไป รวมถึงต้องใช้ทรัพยากรสูงกว่าทั้งคอมพิวเตอร์ และหน่วยเก็บความจำ กับอีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเสียดายมาก ๆ คือไฟล์ RAW ของ Hass ไม่สามารถเปิดกับโปรแกรมอย่าง Capture One Pro ได้ครับ แต่ถ้า Lightroom ยังได้ปกติ
X2D 100C มีราคาเฉพาะบอดี้ – 329,800 บาท และตอนนี้มีชุดสำหรับสายถ่ายภาพบุคคล ‘Lightweight Portrait Kit’ ประกอบด้วยเลนส์อีก 2 ตัว XCD 4/45P + XCD 1.9/80 (ระยะเทียบเท่าประมาณ 36mm และ 63mm บนกล้องฟูลเฟรม) ในราคาสุดคุ้ม 527,200 บาท (จากราคาปกติ 568,800 บาท)
สุดท้ายต้องขอบคุณทาง Srishti Digilife (Thailand) และ Hasselblad Thailand ที่ให้ยืมเซตกล้องรวม ๆ แล้วราคาเกือบล้านมารีวิวให้ครั้งนี้ด้วยครับ 🙏