รีเซต

คนไทยป่วยความดันโลหิตสูง 7.4 ล้านคน น่ากลัวเพราะมักไม่มีอาการ

คนไทยป่วยความดันโลหิตสูง 7.4 ล้านคน น่ากลัวเพราะมักไม่มีอาการ
TNN ช่อง16
16 พฤษภาคม 2568 ( 12:10 )
18

นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในวันที่ 17 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันความดันโลหิตสูงโลก (World Hypertension Day) ในปี 2568 นี้ สมาพันธ์ความดันโลหิตสูงโลก (World Hypertension League) ได้กำหนดประเด็นการรณรงค์ คือ "Measure Your Blood Pressure Accurately, Control It, Live Longer : วัดความดันอย่างไร สูงเกินไปคุมให้ดี ช่วยยืดชีวีให้ยืนยาว” มุ่งเน้นให้ประชาชนวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการเกิดโรคไม่ติดต่อและภาวะแทรกซ้อน 

จากรายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจร่างกายครั้งที่ 6 (พ.ศ. 2562 - 2563) พบว่า ความชุกโรคความดันโลหิตสูงของประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป เพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 25.4 หรือประมาณ 14 ล้านคน จากร้อยละ 24.7 หรือประมาณ 13 ล้านคน ในปี พ.ศ. 2557 และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ข้อมูลจากระบบรายงานของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 พบว่ามีผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงที่ขึ้นทะเบียนรักษาเพียง 7.4 ล้านคน และผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาแต่ยังควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ได้มีมากถึง 3.5 ล้านคน ถึงแม้โรคความดันโลหิตสูงมักจะไม่มีอาการแต่หากไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมได้ในระยะยาวจะส่งผลให้เกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ได้แก่ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหัวใจขาดเลือด และโรคไตวายเรื้อรัง ส่งผลให้ผู้ป่วยพิการหรือเสียชีวิตได้

นายแพทย์สุทัศน์ โชตนะพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรกินยาตามแพทย์สั่ง ไม่ควรหยุดยาเอง เพื่อให้สามารถควบคุมระดับความดันโลหิตได้ ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมซึ่งถือเป็นวิธีการรักษาหลักที่ประหยัดและคุ้มค่าด้วยการควบคุมน้ำหนัก ให้มีค่าดัชนีมวลกาย ระหว่าง 18.5 - 22.9 กิโลกรัมต่อตารางเมตร รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ทุกมื้อ โดยในแต่ละมื้อมีปริมาณอาหารที่เหมาะสม ด้วยสูตรเมนูอาหาร 2:1:1 “ผัก 2 ส่วน : ข้าว 1 ส่วน : เนื้อสัตว์ 1 ส่วน” หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มหรืออาหารที่มีโซเดียมสูง ประชาชนทั่วไปควรจำกัดปริมาณโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน และผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงควรจำกัดปริมาณโซเดียมอย่างเข้มงวด คือ ไม่เกิน 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ออกกำลังกายระดับหนักปานกลาง เช่น แอโรบิก ว่ายน้ำ เดินเร็ว ปั่นจักรยาน สะสมอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรือ 30 นาทีต่อวัน งดการดื่มสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่และหลีกเลี่ยงการสูดควันบุหรี่ 

นายแพทย์กฤษฎา หาญบรรเจิด ผู้อำนวยการกองโรคไม่ติดต่อ กล่าวว่า ประชาชนควรวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอด้วยวิธีการที่ถูกต้องเพื่อให้ทราบระดับความดันโลหิตของตนเอง รู้เลขเสี่ยง เลี่ยงโรคไม่ติดต่อ โดยระดับความดันโลหิตที่เหมาะสมควรน้อยกว่า 120/80 มิลลิเมตรปรอท ถ้าหากว่ามีระดับความดันโลหิตตั้งแต่ 130/80 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าอยู่ในระดับเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรต้องเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ถ้าระดับความดันโลหิตตั้งแต่ 140/90 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง ควรพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงและเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม หากมีระดับความดันโลหิตตั้งแต่ 180/110 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงอันตราย ควรรีบพบแพทย์โดยด่วนเพื่อวินิจฉัยโรคความดันโลหิตสูงและเข้ารับการรักษาทันที และประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปีหรือเข้ารับการคัดกรองโรคความดันโลหิตสูงในสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพียงแสดงบัตรประชาชนเพื่อเข้ารับบริการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายซึ่งการตรวจคัดกรองช่วยในการค้นหาผู้ที่ไม่แสดงอาการหรือเริ่มมีภาวะเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง ทำให้ได้รับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตป้องกันไม่ให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงในอนาคตต่อไป หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง