ยาความดันแบบมุ่งเป้าอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาความดันโลหิตสูงที่ควบคุมได้ยาก

แพทย์อาจมีวิธีใหม่ในการรักษาผู้ป่วย ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ยาเดิมใช้ไม่ได้ผลดีในอดีต โดยยา แบ็กซ์โดรสแตท (Baxdrostat) ยาทดลองใหม่ที่พัฒนาโดย AstraZeneca แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจในการรักษาผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูง ควบคุมยาก หรือ ไม่ตอบสนองต่อยาเดิม ในการทดลองล่าสุด นักวิจัยระบุว่าหากยานี้ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล จะถือเป็นหนึ่งใน แนวทางรักษาใหม่ของความดันโลหิตสูง ที่เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
แบ็กซ์โดรสแตท เป็น ยามุ่งเป้า “targeted therapy” ตรงจุดมากกว่ายาเดิม ทำงานเฉพาะกับตัวการหลักของความดันสูง
แบ็กซ์โดรสแตท จะ ยับยั้ง aldosterone synthase เอนไซม์ที่ผลิต ฮอร์โมน aldosterone โดยตรง ทำให้ลดการเก็บน้ำและเกลือในร่างกาย ลดความดันโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ต่างจากยาความดันทั่วไป เช่น ACE inhibitors / ARBs ยับยั้งระบบ RAAS ทั้งหมด ไม่เฉพาะเจาะจงที่ aldosterone ยาขับปัสสาวะ (diuretics) ช่วยขับน้ำและเกลือ แต่ไม่ได้ยับยั้งการผลิต aldosterone โดยตรง Beta-blockers / Calcium channel blockers: ลดความดันด้วยกลไกอื่น เช่น ลดหัวใจเต้นหรือคลายหลอดเลือด แต่ไม่เกี่ยวกับ aldosterone
ผลการทดลองถูกนำเสนอในงาน European Society of Cardiology Congress 2025 ที่เมืองมาดริด และเผยแพร่พร้อมกันในวารสาร New England Journal of Medicine ในการทดลองนี้ มีผู้ใหญ่เข้าร่วม 800 คน ที่ยังมีความดันโลหิตสูงแม้รับยามากกว่า 2 ชนิดอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ผู้เข้าร่วมต้องมี ความดันโลหิตซิสโตลิกระหว่าง 140–170 มม. ปรอท เพื่อเข้าร่วมการศึกษา
เมื่อครบ 12 สัปดาห์ ผู้ป่วยประมาณ 4 ใน 10 รายที่รับประทานแบ็กซ์โดรสแตท มีระดับความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ เมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกที่มีน้อยกว่า 2 ใน 10 ราย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้เข้าร่วมที่ได้รับแบ็กซ์โดรสแตท 1 หรือ 2 มิลลิกรัมต่อวัน พบว่าความดันโลหิตซิสโตลิก ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในการวัดค่า มีค่าลดลงประมาณ 9 ถึง 10 มิลลิเมตรปรอท มากกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอก การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการลดลงนี้มากพอที่จะลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
ผลลัพธ์ของการทดลองนี้ชี้ให้เห็นว่า แบ็กซ์โดรสแตท อาจเป็น ทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัยและได้ผล สำหรับผู้ป่วยกลุ่มที่รักษายาก และสร้างความหวังใหม่ให้กับผู้ป่วยทั่วโลก
เมื่อความดันโลหิตสูง แรงกดของเลือดจะดันผนังหลอดเลือด ทำให้หัวใจทำงานน้อยลง ทั้งหลอดเลือดและหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น และการนำเลือดไปเลี้ยงอวัยวะและเซลล์สำคัญต่างๆ ได้ยากขึ้น หากไม่ได้รับการรักษา ความดันโลหิตสูงจะทำลายหลอดเลือดแดงในที่สุด เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะต่างๆ เช่น หัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะสมองเสื่อมจากหลอดเลือด และปัญหาทางสติปัญญา
ผู้ใหญ่เกือบครึ่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกามีความดันโลหิตสูงกว่าปกติ และ 1 ใน 10 คนมีภาวะที่แพทย์เรียกว่าความดันโลหิตสูงดื้อยา แม้ว่าจะได้รับยา 3 ชนิดขึ้นไป แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมความดันโลหิตได้ตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ AstraZeneca วางแผนที่จะยื่นขออนุมัติยาแบ็กซ์โดรสแตทจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)ภายในสิ้นปี 2025 และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติจาก FDA ในปี 2026 . หากได้รับการอนุมัติ ยานี้จะเป็นหนึ่งในแนวทางใหม่ในการรักษาผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีความดันโลหิตสูงแม้ได้รับการรักษาด้วยยาหลายชนิด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
