ฝีดาษลิงป่วยสะสม 61 ราย สัปดาห์ล่าสุดพบป่วยใหม่ 5 ราย

นายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค (4 กันยายน 2568) กล่าวว่า ข้อมูลจากการเฝ้าระวังสถานการณ์โรคฝีดาษวานร (Mpox) โดยกองระบาดวิทยา ในสัปดาห์ที่ 34 (17 – 23 สิงหาคม 2568) พบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย เป็นผู้ป่วยในจังหวัดชลบุรี 3 ราย ขอนแก่นและกรุงเทพมหานคร แห่งละ 1 ราย และเฉพาะในปี พ.ศ. 2568 มีผู้ป่วยสะสม 61 ราย ไม่พบรายงานผู้เสียชีวิต ยังคงพบผู้ป่วยต่อเนื่องทุกสัปดาห์มีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา
ตั้งแต่เกิดการระบาดในปี พ.ศ. 2565 จนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 933 ราย เสียชีวิต 13 ราย ส่วนใหญ่มีปัจจัยเสี่ยงจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน มีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักก่อนป่วย การสัมผัสแนบเนื้อกับผู้ป่วย จากข้อมูลยังพบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) บางรายเพิ่งตรวจพบว่าติดเชื้อ ขณะที่บางรายทราบอยู่แล้วแต่ไม่ได้รับยาต้านไวรัส (ARV) เพื่อกดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำ ร่างกายต่อสู้กับโรคอื่นได้น้อยลง จึงมีความเสี่ยงอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป
สำหรับข้อมูลผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย อายุระหว่าง 18 – 39 ปี ปัจจัยเสี่ยงหลักมาจากการสัมผัสที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์ ในสัปดาห์นี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ clade lb ภายในประเทศ และยังไม่มีรายงานผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า ผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรทั่วโลกยังพบต่อเนื่อง โดยเฉพาะภูมิภาคแอฟริกากลางและตะวันออก และบางประเทศในตะวันออกกลาง ซึ่งยังคงมีความเสี่ยงต่อการพบผู้ติดเชื้อที่นำเข้าจากต่างประเทศ กรมควบคุมโรคยังคงเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดยคัดกรองผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยง ให้ความรู้สุขศึกษาแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งกำชับบุคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลเฝ้าระวัง หากพบผู้ป่วยสงสัยติดเชื้อ ให้รายงานเข้าสู่ระบบเฝ้าระวังทันที กรมควบคุมโรคขอยืนยันว่า ประเทศไทยมีระบบเฝ้าระวังและการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีความพร้อม ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก แต่ควรเฝ้าระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตนเองอย่างต่อเนื่อง” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
สำหรับแนวทางการรักษา ผู้ป่วยโรคฝีดาษวานรจะได้รับการรักษาตามความรุนแรงของอาการผู้ป่วยและขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ดูแลรักษา โดยมี 2 แนวทาง ได้แก่
1. กรณีผู้ป่วยที่มีอาการน้อย หรือมีอาการไม่รุนแรง จะได้รับการรักษาตามอาการโดยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) แต่หากไม่สามารถแยกกักตัวที่บ้านได้ ก็จะได้รับการรักษาที่โรงพยาบาล
2. กรณีผู้ป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อโรครุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน จะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส เทคโควิริแมท (Tecovirimat) เพื่อลดความเสี่ยง อาการแทรกซ้อน โดยในระหว่างการรักษาควรแยกตัวจากผู้อื่นนานประมาณ 21 วัน หรือจนกว่า ผื่น ตุ่ม จะตกสะเก็ดและหลุดลอกออกหมด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
นายแพทย์ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ป่วยหรือผู้ที่สงสัยติดเชื้อฝีดาษวานร รวมทั้งหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่ไม่รู้จัก และสังเกตอาการเบื้องต้นได้ด้วยตนเอง หากมีผื่น/ตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก ปาก หรือตามร่างกาย และมีประวัติสัมผัสแนบชิด หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยสงสัย หรือผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร รวมทั้งกลุ่มผู้ดูแลผู้ป่วยสงสัยหรือผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษวานร ให้สังเกตภายหลังสัมผัสผู้ป่วยภายใน 21 วัน หากมีอาการ ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ต่อมน้ำเหลืองโต เช่น บริเวณหลังหู คอ ขาหนีบ เจ็บคอ คัดจมูก หรือ ไอ มีผื่น หรือตุ่มน้ำหรือตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก หรือ บริเวณรอบ ๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจที่สถานบริการสุขภาพ หรือโรงพยาบาล โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงทันที เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
กรมควบคุมโรคขอเน้นย้ำว่า “โรคฝีดาษวานรสามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย งดใช้สิ่งของร่วมกัน และสวมถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ พร้อมทั้งสังเกตตุ่มหนองในบริเวณที่มีโอกาสสัมผัสแนบเนื้อ เพื่อป้องกันความเสี่ยงรับเชื้อจากการสัมผัส”สำหรับคลินิกรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวี ขอให้เพิ่มการสื่อสารมาตรการป้องกันโรคฝีดาษวานรอย่างสม่ำเสมอควบคู่กับเรื่องการดูแลสุขภาพอื่น ๆ โดยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
