จับตา “ภูเขาไฟซากุระจิมะ” ปะทุ 3 ครั้งซ้อน พ่นเถ้าถ่านสูง 4 กม. ยกเลิกเที่ยวบินแล้วกว่า 30 เที่ยว!

ภูเขาไฟซากุระจิมะ บนเกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น เกิดการปะทุอย่างรุนแรงหลายครั้งในวันที่ 16 พฤศจิกายน ตามเวลาท้องถิ่น โดยพ่นเถ้าถ่านลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศสูงกว่า 4 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบ 13 เดือน สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อพื้นที่โดยรอบและส่งผลให้การบินต้องหยุดชะงัก

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นรายงานว่า การปะทุเกิดขึ้นครั้งแรกเวลา 01.00 น. ของวันที่ 16 พฤศจิกายน (ตามเวลาท้องถิ่น) หรือประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 15 พฤศจิกายนตามเวลาในไทย ก่อนจะเกิดการปะทุครั้งที่สองห่างกันราว 1 ชั่วโมง 30 นาที และครั้งที่สามในเวลา 08.50 น. วันเดียวกัน โดยการปะทุแต่ละครั้งปล่อยเถ้าถ่านปกคลุมท้องฟ้าและลอยกระจายไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ผลกระทบจากเถ้าถ่านภูเขาไฟทำให้ต้องยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกที่สนามบินคาโกชิมะรวม 30 เที่ยวบิน เนื่องจากทัศนวิสัยลดลงและมีเถ้าสะสมบนทางวิ่งเครื่องบิน นอกจากนี้ยังคาดว่าเถ้าถ่านจะตกลงสู่พื้นที่เมืองคาโกชิมะและจังหวัดมิยาซากิที่อยู่ใกล้เคียง

ระดับการเตือนภัยภูเขาไฟซากุระจิมะยังคงอยู่ที่ระดับ 3 จากทั้งหมด 5 ระดับ ซึ่งเป็นระดับที่กำหนดให้ “ห้ามเข้าใกล้ภูเขาไฟ” พร้อมจำกัดการเข้าพื้นที่เสี่ยงบริเวณเชิงเขา ทางการได้เตรียมแผนรองรับการอพยพกลุ่มเปราะบาง หากการปะทุทวีความรุนแรงขึ้น

ภูเขาไฟซากุระจิมะมีความสูงราว 1,117 เมตร และเป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ปะทุบ่อยที่สุดของญี่ปุ่น โดยการปะทุครั้งใหญ่เมื่อปี 2556 เคยพ่นเถ้าถ่านสูงถึง 5 กิโลเมตร ขณะที่ช่วงปี 2567–2568 ยังคงเกิดการปะทุอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความไม่เสถียรของระบบธรณีบริเวณดังกล่าว

ญี่ปุ่นตั้งอยู่ใน “วงแหวนแห่งไฟ” (Ring of Fire) รอบมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นเขตที่มีภูเขาไฟจำนวนมากและเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่ต้องเฝ้าระวังความเสี่ยงด้านภัยพิบัติอยู่เสมอ

หน่วยงานด้านภัยพิบัติของญี่ปุ่นยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่ใกล้ภูเขาไฟ สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจเมื่อต้องออกนอกอาคาร และปฏิบัติตามประกาศเตือนของทางการอย่างเคร่งครัดในช่วงที่ภูเขาไฟยังคงปะทุเป็นระยะ