รีเซต

8 ปี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ยกระดับการักษา สู่ศูนย์การแพทย์แห่งนวัตกรรม

8 ปี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ยกระดับการักษา สู่ศูนย์การแพทย์แห่งนวัตกรรม
TNN ช่อง16
19 พฤศจิกายน 2568 ( 17:39 )
8

โรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ พาคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชม สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ พร้อมพูดคุยในหัวข้อ “8 ปี สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จากธารน้ำใจสู่การให้ไม่สิ้นสุด สู่พื้นที่แห่งนวัตกรรมการรักษา และการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์รามาธิบดี”


จากอดีตที่ประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ภาคตะวันออกต้องเดินทางไกลเข้าสู่กรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับการรักษา โดยต้องแลกกับเวลา ค่าใช้จ่าย และความเสี่ยงระหว่างรอคอยการดูแล ความท้าทายนี้จึงจุดประกายให้เกิดการก่อตั้ง “สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์” ในปี พ.ศ. 2560 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่เปรียบเสมือน ‘ที่พึ่งด้านสาธารณสุข’ ของประชาชนในภาคตะวันออก และยังเป็น “พื้นที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์รามาธิบดี” มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้สามารถเข้าถึงระบบการแพทย์ชั้นนำได้อย่างทั่วถึง โดยมี “สายธารน้ำใจของผู้ให้” ผ่านมูลนิธิรามาธิบดีฯ เป็นพลังสำคัญในการผลักดันให้วิสัยทัศน์แห่งการดูแลสุขภาพเพื่อปวงชน และอัตลักษณ์ของรามาธิบดีสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และการวิจัยในภูมิภาค

 

รศ. นพ.ชนเมธ เตชะแสนศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ กล่าวว่า “ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ได้ยืนหยัดเคียงข้างประชาชน ซึ่งสะท้อนผ่านบทบาทสำคัญโดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 จนในปัจจุบัน สถาบันฯ ได้ก้าวสู่การเป็นศูนย์รวม ‘นวัตกรรมการศึกษาและการรักษา’ อย่างครบวงจร ในปี 2567 รองรับผู้ป่วยนอก 341,000 ราย ผู้ป่วยฉุกเฉิน 16,462 ราย และผู้ป่วยใน 10,813 ราย ซึ่งสามารถช่วยลดความแออัดของโรงพยาบาลในเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์รามาธิบดีด้วยนวัตกรรมการเรียนรู้สมัยใหม่ และหลักสูตรเฉพาะทาง เช่น แพทย์นักบริหาร และแพทย์นวัตกร เพื่อเตรียมบุคลากรให้พร้อมรับมือกับโรคอุบัติใหม่และความท้าทายทางด้านสาธารณสุขที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต” เพื่อสะท้อนศักยภาพของสถาบันฯ แนวคิดดังกล่าวได้ถูกถ่ายทอดผ่าน 3 พื้นที่แห่งนวัตกรรมสำคัญ ได้แก่

รศ. นพ.ชนเมธ เตชะแสนศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์

อาคารกายวิภาคคลินิก: “อาจารย์ใหญ่” ผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ของแพทย์รุ่นใหม่และองค์ความรู้แห่งอนาคต

ช่วงพรีคลินิกคือรากฐานสำคัญของการหล่อหลอมแพทย์รุ่นใหม่ให้พร้อมทั้งด้านความรู้ ทักษะ และความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ โดยมีหัวใจสำคัญคือ อาคารกายวิภาคคลินิก ศูนย์กลางการเรียนรู้ด้านกายวิภาคศาสตร์ครบวงจร ที่นำ นวัตกรรม “ร่างซอฟต์ (Soft Cadaver)” ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย มาใช้ในการเรียน การวิจัย และการฝึกหัตถการจริง เทคโนโลยีการคงสภาพเนื้อเยื่อให้ นุ่มและให้การเคลื่อนไหวใกล้เคียงร่างกายมนุษย์ ช่วยให้นักศึกษาและแพทย์เฉพาะทางสามารถฝึกทักษะสำคัญ เช่น การผ่าตัดผ่านกล้อง การเย็บ-ตัดเนื้อเยื่อ การสวนหลอดเลือด ไปจนถึงหัตถการซับซ้อน เพื่อทำความเข้าใจโครงสร้างร่างกายเชิงลึก ลดความกังวลเมื่อต้องดูแลผู้ป่วยจริง และเอื้อต่อการต่อยอดองค์ความรู้ทางการแพทย์สู่เทคนิคและนวัตกรรมใหม่ ๆ อันจะช่วยพัฒนามาตรฐานการดูแลสุขภาพของประเทศในอนาคต

อาคารกายวิภาคคลินิกยังโดดเด่นด้วย นวัตกรรมการเรียนรู้ครบวงจร ผสานเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น VR สำหรับศึกษากายวิภาคสามมิติ หรือ Anatomage Table เพื่อการสำรวจโครงสร้างร่างกายเชิงลึก และ ห้องผ่าตัดจำลอง (Hybrid OR) สำหรับฝึกหัตถการขั้นซับซ้อนเสมือนจริง รวมถึง ระบบ Live Teaching และ Remote Learning ที่ทำให้ผู้เรียนเข้าถึงองค์ความรู้ได้ทุกที่ทุกเวลา ขณะเดียวกันยังเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์และการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ผ่านความร่วมมือกับ ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมชีวการแพทย์ (Biomedical Engineering) เปิดโอกาสให้แพทย์ วิศวกร และนักวิจัย ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้ป่วยไทยอย่างแท้จริง อาคารแห่งนี้จึงไม่เพียงพัฒนาทักษะทางคลินิก แต่ยังบ่มเพาะ แพทย์รุ่นใหม่ที่เข้าใจทั้งร่างกาย เทคโนโลยี และหัวใจของการดูแลมนุษย์ พร้อมนำองค์ความรู้ไปยกระดับระบบสุขภาพไทยอย่างทั่วถึง


ศูนย์การเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์เสมือนจริง รามาธิบดี: พื้นที่ติดอาวุธแพทย์รุ่นใหม่


“แพทย์ที่ดี ไม่ได้หยุดอยู่แค่การรู้ทฤษฎี แต่ต้องพร้อมรับมือกับสถานการณ์จริงได้” แนวคิดนี้คือหัวใจของการเรียนรู้ที่ ศูนย์การเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์เสมือนจริงรามาธิบดี (RASME) ซึ่งได้รับการรับรองมาตรฐานระดับนานาชาติจาก Society for Simulation in Healthcare (SSH) สะท้อนคุณภาพและความมุ่งมั่นในการพัฒนา บุคลากรทางการแพทย์ให้มีทั้งความรู้ ความเข้าใจ และความพร้อมในทุกสถานการณ์ ที่นี่เป็นเสมือน “พื้นที่ฝึกปฏิบัติก่อนเผชิญสนามจริง” เปิดโอกาสให้นักศึกษาจากหลากหลายสาขาวิชาชีพ ได้เรียนรู้จากสถานการณ์จำลองที่ใกล้เคียงความเป็นจริงมากที่สุด ตั้งแต่ห้องตรวจผู้ป่วยนอก (OPD) ห้องผ่าตัด ห้องฉุกเฉิน ไปจนถึงพื้นที่จำลองอุบัติเหตุหมู่ ผู้เรียนจะได้ฝึกกับ หุ่นจำลองเสมือนจริง ที่ตอบสนองเหมือนมนุษย์ ทั้งด้านสัญญาณชีพและอาการทางคลินิก เพื่อฝึกดูแลผู้ป่วยในภาวะหัวใจหยุดเต้น การดูแลทารกแรกเกิด การบริหารจัดการอุบัติเหตุหมู่ หรือการรักษาผู้ป่วยในพื้นที่ที่มีทรัพยากรจำกัด ทุกการเรียนรู้ดำเนินภายใต้ ระบบควบคุมและสังเกตการณ์แบบเรียลไทม์ ช่วยให้อาจารย์สามารถประเมิน ให้คำแนะนำ และทบทวนเหตุการณ์ย้อนหลังได้อย่างละเอียด ส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าใจจุดแข็ง จุดที่ต้องพัฒนา และต่อยอดทักษะได้อย่างต่อเนื่อง อีกหนึ่งจุดเด่นของ RASME คือ การจำลองสถานการณ์แบบทีมสหสาขาวิชาชีพ (Interprofessional Simulation) ที่เปิดโอกาสให้แพทย์ พยาบาล และทีมจากหลายสาขาวิชาชีพได้เรียนรู้ร่วมกัน เข้าใจบทบาทของกันและกัน ฝึกการสื่อสาร การประเมินสถานการณ์ และการตัดสินใจภายใต้ความกดดัน รูปแบบการเรียนรู้เช่นนี้สะท้อนการทำงานจริงในโรงพยาบาล และช่วยเสริมศักยภาพให้การดูแลผู้ป่วยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และเป็นทีมมากยิ่งขึ้น

งานเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ: “ต้นน้ำของมาตรฐานการรักษา”

หนึ่งในหัวใจสำคัญที่สะท้อนศักยภาพของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คือ “งานเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อ” พื้นที่ต้นน้ำของระบบการรักษาที่ได้รับการออกแบบตามมาตรฐานสากล ให้มีความทันสมัยและปลอดภัยสูงสุด โดยเป็นระบบอัตโนมัติที่มีความสมบูรณ์แบบและใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียแปซิฟิก ช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการให้บริการทางการแพทย์ ทั้งต่อผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์ ผ่านแนวคิด 3P คือ ความปลอดภัยของผู้ป่วย (Patient), ความปลอดภัยของบุคลากร (Personnel), และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม (People) ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ระบบล้างทำความสะอาดเครื่องมือผ่าตัดและเครื่องมือที่ใช้กับผู้ป่วยทุกชิ้น การตรวจสอบและบรรจุหีบห่อและทำลายเชื้อโรคตามมาตรฐานสากล การจัดเก็บการติดตามเครื่องมือแพทย์ด้วย QR Code / Barcode ที่ใช้กับผู้ป่วยทุกรายและสามารถตรวจสอบข้อมูลการทำปราศจากเชื้อโรคได้ 100% งานเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อมีเครื่องล้างเครื่องมือและเครื่องนึ่งฆ่าเชื้อโรคระบบ Auto-Load ที่ช่วยรับ–ส่งอุปกรณ์เข้า–ออกแบบอัตโนมัติ ลดการสัมผัสความร้อน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความปลอดภัยกับเจ้าหน้าที่อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้งานเวชภัณฑ์ปลอดเชื้อยังสะท้อนความใส่ใจต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการออกแบบตามแนวคิด Green Campus เช่น การเลือกระบบทำลายเชื้อโรคที่ไม่มีสารอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม ระบบบำบัดน้ำเสียที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการเลือกใช้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ไม่ทำลายธรรมชาติ ทำให้ที่นี่ไม่เพียงเป็น “ต้นน้ำของมาตรฐานการรักษาที่ปลอดภัย” แต่ยังเป็นต้นแบบของ ระบบสาธารณสุขยุคใหม่ ที่ผสานนวัตกรรม ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสังคมเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร


“สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์จะยังคงเดินหน้าพัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง ผลักดันงานวิจัย และสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และการวิจัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้อัตลักษณ์รามาธิบดี ที่ผสานความเป็นเลิศทางวิชาการเข้ากับหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์ และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งทรงให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสมแม้จะอยู่ห่างไกล สถาบันฯ จึงมุ่งขยายบทบาทสู่การกระจายองค์ความรู้ นวัตกรรม และบริการทางการแพทย์ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกพื้นที่เข้าถึงการดูแลสุขภาพที่ได้มาตรฐานอย่างเสมอภาคและทั่วถึง ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่หรือพื้นที่ห่างไกล”รศ. นพ.ชนเมธ กล่าว

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดี กล่าวว่า “สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คือผลลัพธ์อันงดงามจากสายธารน้ำใจของผู้ให้ทั่วประเทศ ที่ร่วมหล่อเลี้ยงให้เกิดพื้นที่ด้านการรักษา การศึกษา และการวิจัยอันสร้างประโยชน์ต่อสังคมอย่างยั่งยืน เงินบริจาคทุกบาทไม่ได้หยุดเพียงแค่การก่อสร้างอาคารหรือจัดหาเครื่องมือแพทย์ แต่เป็นโอกาสในการเข้าถึงการรักษา เทคโนโลยีทางการแพทย์ และองค์ความรู้ใหม่             ที่ส่งต่อถึงผู้ป่วยและปวงชนอย่างต่อเนื่อง พลังของการให้แม้เพียงเล็กน้อยก็สามารถก่อให้เกิดคลื่นแห่งความหวังแก่ผู้ป่วยนับไม่ถ้วน สะท้อนความหมายของ “คำว่าให้…ไม่สิ้นสุด” ที่การให้ของผู้บริจาคทุกท่านในวันนี้ ยังเป็นพลังที่ขับเคลื่อนระบบสุขภาพไทยให้ก้าวหน้า เกื้อกูลผู้คน และสานต่อคุณค่าที่งดงามต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น”


ผู้ที่สนใจร่วมบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ สามารถติดต่อได้ที่อาคารกายวิภาคทางคลินิก สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ หรือผู้ที่ต้องการสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ และการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ รวมถึงช่วยเหลือผู้ป่วยยากไร้ สามารถร่วมบริจาคสมทบทุนได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ www.ramafoundation.or.th

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง