รีเซต

หุ้นกลุ่มยางพารา ราคาบวกยกแผง ขานรับราคาเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น

หุ้นกลุ่มยางพารา ราคาบวกยกแผง ขานรับราคาเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น
TNN Wealth
27 พฤษภาคม 2564 ( 12:06 )
159
หุ้นกลุ่มยางพารา ราคาบวกยกแผง ขานรับราคาเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้น

 

ข่าววันนี้ หุ้นในกลุ่มยางพาราราคาบวก ขานรับราคายางพาราเข้าสู่เทรนด์ขาขึ้นอีกรอบ โดยปีนี้มีโอกาสที่ราคายางพารา ยืนเหนือ 70 บาท/กก. ซึ่งจะเป็นราคาเฉลี่ยทั้งปีที่สูงสุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ ปี 2556 เมื่อเวลา 11.00 น.

 

 

  • หุ้น TRUBB บวก 1.92 % มาอยู่ที่ 3.18 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 35 ล้านบาท
  • หุ้น NER บวก 2.36% มาอยู่ที่ 6.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 259 ล้านบาท
  • หุ้น STA บวก 2.25 % มาอยู่ที่ 45.50 จุด เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 252  ล้านบาท

 


บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท มูลค่าส่งออกยางพาราอ้างอิงจากกระทรวงพาณิชย์เดือน เม.ย.64 อยู่ที่ 14,510 ล้านบาท (+75% YoY)

 

 

 

 

ขณะที่ มูลค่าส่งออกตั้งแต่เดือน ม.ค.-เม.ย.64 อยู่ที่ 57,359 ล้านบาท (+44% YoY) ในส่วนของราคายางแท่งเฉลี่ยอ้างอิงจากการยางแห่งประเทศไทยของปี 64 (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 69.12 บาท/กก. ทำให้ทั้งปีลุ้นยืนเหนือ 70 บาท/กก. ซึ่งจะเป็นราคาเฉลี่ยทั้งปีที่สูงสุดในรอบ 8 ปี นับตั้งแต่ปี 56

 

 


ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกต่อ NER และ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) จากตัวเลขมูลค่าส่งออกเดือน เม.ย.64 ที่เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง YoY ตั้งแต่ ม.ค.64 ขณะที่ราคายางแท่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการทั้งในส่วนของล้อรถยนต์และถุงมือยางที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยราคายางแท่งเฉลี่ย ปี 64 (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 69.12 บาท/กก. (+46% YoY) เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

 

 

อีกทั้ง ผู้บริหารทั้ง NER และ STA มองว่าราคายางปัจจุบันพึ่งเข้าสู่ช่วงขาขึ้นรอบใหม่ ซึ่งโดยปกติจะมี cycle เฉลี่ย 7 ปี โดยเราชอบ NER มากกว่าจากผลการดำเนินงานที่จะเติบโตได้โดดเด่นกว่า และมีแนวโน้มทำจุงสูดสูงใหม่อย่างต่อเนื่องจากแนวโน้มปริมาณขายยางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 


โดยคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิของ NER ปี 64 จะอยู่ที่ 1,770 ล้านบาท (+106% YoY) และปี 65 อยู่ที่ 1,939 ล้านบาท (+10% YoY) คิดเป็น CAGR (63-65) ที่ 41% ทำให้ปัจจุบัน Valuation ของ NER ถูกมากเมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิโดย PER 64 อยู่ที่ 6.9x คิดเป็น PEG 0.17x รวมถึงบริษัทมี Dividend Yield ถึง 5-6%

 

 


ด้าน บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย)  ให้ราคาเป้าหมาย STA  ที่ 52.50 บาท โดยปรับประมาณการปี 2564 ขึ้นจากเดิม 15% ทั้งจากธุรกิจหลัก และ บริษัทลูกอย่างบริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (STGT) จากแนวโน้มการดําเนินงานในกลุ่มยางธรรมชาติที่ดีขึ้นทั้งจากประมาณการณ์ความต้องการใช้ที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง

 

 

โดยปรับเป้าปริมาณขายในธุรกิจยางธรรมชาติเพิ่มเป็น 1.29 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4% y-y ภายใต้ราคาขายเพิ่ม 16% และปรับ margin ขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น อีกทั้งได้มีการปรับการดำเนินงานในกลุ่มถุงมือยางขึ้น คาดยอดขายเพิ่มขึ้น 64% y-y ที่ 124,025 ล้านบาทภายใต้การเพิ่มขึนของยอดขายทั้งจากธุรกิจยางธรรมชาติและถุงมือยางและคาดว่าแนวโน้ม margin ดีขึ้นจากราคาขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น ปรับกําไรสุทธิเพิ่มเป็น 21,144 ล้าน
บาทเพิ่มขึ้น122% y-y

 

 

 

 


บล. ฟิลลิป  ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเป็น  52.50 บาท

 

 

ทางฝ่ายคาดปี 2564 ยังเป็นปีที่ดีของ STA จากการดําเนินงานที่ดีขึ้นในกลุ่มยางธรรมชาติ  อีกทั้งยังได้ส่วนช่วยจากการดําเนินงานที่ดีของ STGT มาสนับสนุนและ และยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลราว 7% ต่อปี ณ ราคาปัจจุบัน

 

 

ข่าวเกี่ยวข้อง :

 

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง