รีเซต

SECURE เตรียมขายหุ้น IPO ลั่นระฆังเทรด mai ก.ค.นี้

SECURE เตรียมขายหุ้น IPO ลั่นระฆังเทรด mai ก.ค.นี้
ทันหุ้น
17 มิถุนายน 2564 ( 18:38 )
232
SECURE เตรียมขายหุ้น IPO ลั่นระฆังเทรด mai ก.ค.นี้

ทันหุ้น - SECURE เตรียมเสนอขาย IPO จำนวน 27.74 ล้านหุ้น หวังนำเงินระดมทุนสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค ลงทุนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ คาดเข้าเทรด mai ในเดือนกรกฎาคมนี้ ปักธงปี 2564 โตต่อเนื่องจากปี2563 รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว ปักเป้าดันมาร์เก็ตแชร์ขึ้นแท่นเบอร์ 1 ใน 2-3 นับจากนี้

 

นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด(มหาชน)  หรือ SECURE ประกอบธุรกิจตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ (Cyber security) และให้บริการที่เกี่ยวข้อง เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน  27.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ0.50 บาท หรือคิดเป็น 27.0% ของทุนจดทะเบียน หลังช่วงที่ผ่านทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) เรียบร้อยแล้ว เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในอนาคต

 

เทรดmaiช่วงก.ค.นี้

 

ทั้งนี้ บริษัทมีทุนจดทะเบียน52.97 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน105.94 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนเรียกชำระแล้ว 37.50 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 75 ล้านหุ้น โดยภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทจะมีทุนชำระแล้วเพิ่มเป็น 51.37 ล้านบาท เป็นหุ้นสามัญจำนวน 102.74 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คาดน่าจะได้เห็นความชัดเจนเกี่ยวกับราคา IPO และเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ภายใน 30 วันหรือไม่เกินช่วงกรกฎาคมนี้

 

"การตัดสินใจระดมทุน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจมีโอกาสในการขยายการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เมื่อผนึกเข้ากับผลประกอบการที่เติบโต เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากการที่องค์กรต่างๆ ที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยข้อมูล โดยเฉพาะจากแผนการบังคับใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ.2562 และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่คาดว่าจะมีผลบังคับในปี 2565 ส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นได้ในอนาคต รวมทั้งจะทำให้มีโอกาสรับงานโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น ขณะเดียวกันได้เพิ่มศักยภาพการพัฒนาองค์กรผ่านการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า และพันธมิตรต่างๆ รวมถึงการขยายธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย” นายนักรบกล่าว

 

แผนเงินระดมทุน

 

ส่วนการใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้สร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center), การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์(Cyber security), การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัท และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค และขยายทีมบุคลากรในฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการให้กับลูกค้า และใช้ในการสาธิตการทำงานของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ และสามารถเลือกผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการได้ดียิ่งขึ้น

 

รวมทั้งมีแผนลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และซอฟต์แวร์ด้าน Cyber security ที่จะช่วยในการเชื่อมต่อโซลูชั่นของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่าย เข้ากับระบบต่างๆ ของลูกค้า และอาจมีการร่วมมือกับบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์ เพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงการขายซอฟท์แวร์ ภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (White Label) ตลอดจนการซื้อทรัพย์สินทางปัญญาจากบริษัทพัฒนาซอฟท์แวร์

 

สัดส่วนรายได้

 

อย่างไรก็ดีในแง่สัดส่วนรายได้บริษัทในปัจจุบันนั้นมาจากกลุ่มงานที่สร้างราย
ได้อย่างสม่ำเสมอ (Recurring Income) ในสัดส่วนประมาณ 15-30% ของรายได้รวม และที่เหลือมาจากส่วนอื่นๆ

 

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินทาง SECURE วางเป้ามีรายได้เติบโตราว 15% ต่อปี เหมือนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งในอนาคตบริษัทยังมีแนวโน้มเติบโตได้ตามการผลักดันของภาครัฐตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0

 

พร้อมกันนี้ยังได้รับผลบวกจากปริมาณการใช้บริการเทคโนโลยีต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บวกกับยิ่งเศรษฐกิจกลับมาขยายตัวได้ดีหลังการฉีดวัคซีนและการเปิดเมืองในระยะข้างหน้ายิ่งสนับสนุนให้ธุรกิจ Cyber security เติบโตมากขึ้น ดังนั้นบริษัทตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาด(มาร์เก็ตแชร์) ธุรกิจดังกล่าวจะขยับเป็นอันดับ 1 ของไทยในอีก 2-3 ปีนับจากนี้

 

ด้านนโยบายการจ่ายปันผลของบริษัทจะอยู่ไม่ต่ำกว่า 50% ภายหลังจากการหักค่าใช้จ่ายทางภาษีและค่าเสื่อมต่างๆ

 

อนึ่ง ผลประกอบการย้อนหลังในช่วง 3 ปี (2561-2563) ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้รวม575.70 ล้านบาท 650.78 และ 639.14 ตามลำดับ ส่วนกำไรสุทธิจำนวน 69.46 ล้านบาท58.42 ล้านบาท และ 23.73 ล้านบาท ตามลำดับ

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง