KWM เดินเกมรุกฐานเดิม ปักหมุดเมียนมา-เวียดนาม

#KWM #ทันหุ้น - KWM กางแผนปี 2569 เร่งเครื่องตั้งรับเกษตรฟื้นตัว เดินหน้าลุยตลาดเดิมให้แกร่งขึ้น มุ่งตลาดในประเทศเต็มกำลัง พร้อมลงทุนระบบเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ชี้ “ใบจักร Pegasus” ยังทำรายได้หลัก เล็งขยายฐานเมียนมา-เวียดนาม

                นายอุกฤษณ์  วนโกสุม รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ปี 2568 ถือเป็นปีลงฐานของบริษัท โดยใช้เวลาเดินหน้าปรับปรุงระบบภายในและจัดระเบียบองค์กร เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเร่งเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2569 โดยกลยุทธ์หลักในปีนี้คือการรีไฟล์ (Refile) ทำตลาดเดิมให้แข็งแรงขึ้น เจาะฐานลูกค้าภายในประเทศให้ลึกขึ้น เพิ่มการเข้าถึงพื้นที่จำหน่าย และรักษาความต่อเนื่องของคำสั่งซื้อกับดีลเลอร์หลักทั่วประเทศ มากกว่าการเร่งเปิดตลาดใหม่โดยไม่จำเป็น

** พร้อมรับดีมานด์ปีหน้า

                ขณะที่โครงการ Transformation มีความคืบหน้าต่อเนื่อง ครอบคลุมการยกระดับโรงงาน เครื่องจักร กระบวนการผลิต การจัดการบุคลากร และระบบบริหารสต็อก โดยมีเป้าหมายเพื่อลดจุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่สะสมมาหลายปี และทำให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

                “ปีนี้ตลาดเกษตรยังไม่ใช่ปีที่คึกคัก เราจึงเลือกใช้ช่วงจังหวะนี้ลงทุนในระบบภายใน ควบคุมต้นทุน และลดเวลาส่งมอบสินค้า เพื่อให้พร้อมรับดีมานด์ในปี 2569 ซึ่งเราเตรียมเติมสต็อกล่วงหน้าตั้งแต่ช่วงปลายปี 2568 สำหรับรองรับฤดูกาลเตรียมดินในช่วงพฤศจิกายนถึงเมษายน ซึ่งเป็นรอบสำคัญของธุรกิจสินค้าเกษตรประเภทอุปกรณ์ซ่อมบำรุง ที่แม้ว่าปีนี้จะมีความล่าช้า แต่ยังคงมีความต้องการ” นายอุกฤษณ์ กล่าว

                สำหรับ ใบจักรแบรนด์ “Pegasus” ยังคงเป็นโปรดักต์เฮาส์แบรนด์ตัวหลักที่สร้างรายได้ให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยอาศัยจุดแข็งด้านคุณภาพ ความทนทาน และการรับรู้แบรนด์ที่ดีในกลุ่มเกษตรกร ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการอย่างสม่ำเสมอจากงานซ่อมแซมและทดแทนอุปกรณ์เดิม ส่วนสินค้า OEM แบรนด์ คูโบต้า ยังคงมีความแข็งแกร่งด้วยตัวแบรนด์ แม้ดีมานด์จะลดลงบ้างในปีนี้ จากสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ

** วอนรัฐช่วยเกษตรกร

                นายอุกฤษณ์ ให้มุมมองว่า หากรัฐบาลสามารถประคองราคาพืชผล โดยเฉพาะข้าวและข้าวโพดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและสม่ำเสมอ จะเป็นแรงหนุนสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนของเกษตรกร แม้มาตรการช่วยแก้หนี้ NPL อาจไม่ใช่ปัจจัยหลัก แต่ความมั่นใจของเกษตรกร คือปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อยอดขายสินค้ากลุ่มอุปกรณ์เตรียมดิน

                สำหรับตลาดต่างประเทศ ในช่วงที่ผ่านมาตลาดกัมพูชาและลาวชะลอตัวจากหลายปัจจัย รวมถึงค่าขนส่งสูง เศรษฐกิจยุโรปแผ่ว และค่าเงินบาทแข็ง อย่างไรก็ตามในปี 2569 บริษัทปรับทิศทางชัดเจน โดยวางเมียนมาเป็นตลาดแรก สำหรับการส่งออกและ OEM เนื่องจากเป็นตลาดที่ยังมีดีมานด์ซ่อมบำรุงต่อเนื่อง รองลงมาคือเวียดนาม ซึ่งมีฐานเกษตรและพื้นที่เพาะปลูกจำนวนมาก

                อย่างไรก็ตามบริษัทอยู่ระหว่างหารือพันธมิตรท้องถิ่น เพื่อให้สินค้าสามารถเข้าถึงดีลเลอร์ในพื้นที่ได้มากขึ้น ทั้งในงานขายตรงและงานซ่อมบำรุง โดยจะเลือกลงทุนอย่างเป็นขั้นตอน ประเมินผลเป็นรายไตรมาส และบริหารความเสี่ยงด้านโลจิสติกส์อย่างรอบคอบ