VL ปักหมุดกองเรือใหม่ เสริมแกร่งขนส่งพลังงาน

#VL #ทันหุ้น – VL เร่งสปีดกองเรือ รับดีมานด์พลังงาน น้ำมันปาล์มพุ่งทั่วเอเชีย เดินหน้าปรับโครงสร้างพอร์ตครั้งใหญ่ ดันสัดส่วนรายได้ในประเทศแตะ 90% พร้อมปูทางรับเรือใหม่ 2 ลำในปี 2569–70 ขยายกองเรือสู่ 14 ลำ เสริมศักยภาพรองรับการขนส่งพลังงาน ชี้อัตราใช้เรือในประเทศยังสูง 80% จากแรงหนุนท่องเที่ยวฟื้น
นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี.แอล. เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ VL เปิดเผยว่า VL ยังเดินหน้าต่อยอดศักยภาพกองเรือ โดยใช้กลยุทธ์เติบโตอย่างมีวินัย ในช่วงปี 2567–2568 บริษัทเน้นการขายเรือเก่าที่มีต้นทุนสูงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย และในระยะต่อไปมีแผนจัดหาเรือใหม่ขนาด 2,000–5,000 DWT จำนวน 2 ลำ แบ่งเป็นปี 2569 และปี 2570 ปีละ 1 ลำ เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ กองเรือของบริษัทจะเพิ่มเป็น 14 ลำ รองรับความต้องการขนส่งพลังงานและสารเคมีทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ปรับโครงสร้าง
นอกจากนี้บริษัทได้เดินหน้าปรับโครงสร้างกองเรือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดยเฉพาะด้านการขนส่งภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีเรือให้บริการ 11 ลำ ขนาดบรรทุก รวม 35,930 DWT ส่งผลให้รายได้ค่าบริการขนส่งในประเทศงวด 9 เดือนปี 2568 เพิ่มขึ้น 46.2 ล้านบาท อยู่ที่ 492.6 ล้านบาท
ขณะที่รายได้ค่าบริการขนส่งระหว่างประเทศลดลง 77.4 ล้านบาท เนื่องจากจำนวนเรือขนส่งระหว่างประเทศลดลง 2 ลำ ทั้งนี้ การปรับพอร์ตดังกล่าวทำให้สัดส่วนรายได้ขนส่งในประเทศเพิ่มเป็น 90% และระหว่างประเทศ 10% สะท้อนผลสำเร็จของแผนบริหารกองเรือเพื่อยกระดับประสิทธิภาพและลดความผันผวนของรายได้
ภาพขนส่งโตเด่น
ด้านความต้องการขนส่งน้ำมันปาล์มในเอเชียยังคงเติบโตโดดเด่นถึงปี 2569 โดยอินเดียคาดนำเข้าเพิ่มขึ้น 14.1% จากราคาที่สามารถแข่งขันได้ ขณะที่จีนคาดนำเข้าเพิ่มขึ้น 15.8% จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาดน้ำมันพืช ส่วนอินโดนีเซียมีความคืบหน้าโครงการไบโอดีเซล B50 ซึ่งจะเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพจากปาล์มอย่างมีนัยสำคัญเมื่อบังคับใช้เต็มรูปแบบ โดยแนวโน้มดังกล่าวเป็นปัจจัยสนับสนุนการขนส่งน้ำมันปาล์มระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางอินเดียและจีน
สำหรับอัตราการใช้เรือภายในประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ว่าปริมาณการกลั่นและผลิตน้ำมันในประเทศช่วงไตรมาส 3/2568 ลดลง 2.4% แต่การใช้เรือยังรักษาระดับเฉลี่ยราว 80% ใกล้เคียงปีก่อน สะท้อนดีมานด์ขนส่งพลังงานในประเทศที่ยังแข็งแรง จากการสนับสนุนของภาครัฐและการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว โดยปีนี้คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 32.9 ล้านคน ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการใช้พลังงานและการขนส่งพลังงานในประเทศต่อเนื่อง
อนึ่ง ผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 กำไรหลัก (Core Profit) และกำไรสุทธิ (Net Profit) ยังอยู่ในระดับที่ดี อยู่ที่ 16.9 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไร 32.5 ล้านบาท การลดลงของกำไรสำหรับงวดนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากปี 2567 มีการบันทึกกำไรจากการจำหน่ายเรือ วี.แอล. 21 ซึ่งเป็นรายการที่ไม่เกิดขึ้นประจำ หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรสำหรับงวดในไตรมาส 3/2568 ที่ 16.9 ล้านบาท สะท้อนถึงกำไรจากการดำเนินงานหลักที่แข็งแกร่งขึ้น
สำหรับงวด 3 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีรายได้จากการบริการรวม จำนวน 189.7 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.7% เมื่อเทียบกับ 193.0 ล้านบาท ในไตรมาส 3/2567
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
