รีเซต

BEMโอไมครอนกระทบน้อย รถไฟฟ้า-ทางด่วนยอดพุ่ง

BEMโอไมครอนกระทบน้อย รถไฟฟ้า-ทางด่วนยอดพุ่ง
ทันหุ้น
23 มกราคม 2565 ( 20:12 )
187
BEMโอไมครอนกระทบน้อย รถไฟฟ้า-ทางด่วนยอดพุ่ง

ทันหุ้น – สแกน BEM ส่งสัญญาณฟื้นแกร่ง หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 จับตาผู้โดยสารระบบรถไฟฟ้า-ทางด่วนฟื้นตัวแกร่ง หนุนศักยภาพการทำกำไร คาดไตรมาส 4/2564 กำไรโต 178% QoQ ฟันธงโควิด-19 โอไมครอนกดดันระยะสั้น กูรูมั่นใจทั้งปี 2565 กำไรโตถึง 228.78% YoY แนะ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10 บาท

 

นายปฏิภาค  นวาวัตน์  ผู้อำนวยการ สายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดการณ์ผลการดำเนินงานของบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM งวดไตรมาส 4/2564 มีแนวโน้มฟื้นตัวแข็งแกร่งเบื้องต้นคาดกำไรปกติประมาณ 300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178% QoQ หนุนจากปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เช่นเดียวกับปริมาณการจราจรในระบบทางด่วนที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เบื้องต้นคาดรายได้รวมทั้งปี 2564 ที่ 11,366 ล้านบาท ลดลง 15.7% YoY, กำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 8,331 ล้านบาท ลดลง 19.2% YoY

 

*ปริมาณผู้โดยสารฟื้น

 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนที่เริ่มแพร่ระบาดในประเทศ ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันสถิติผู้ติดเชื้อทรงตัวเฉลี่ย 6-8 พันราย ประกอบกับสถิติผู้เสียชีวิตลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์ลง ควบคู่กับทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหนุนให้ปริมาณผู้โดยสารกลับเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า

 

ทั้งจากการที่บริษัทเรียกพนักงานกลับเข้ามาทำงาน, การเปิดภาคการศึกษา, การกลับมาใช้ชีวิตปกติ จึงคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2565 มีแนวโน้มเร่งตัวแตะระดับก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 (ช่วงปี 2562) ที่ 16,210 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.6% YoY จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10 บาทโดยยังไม่รวมปัจจัยหนุนอื่น

 

*ปัจจัยหนุนเพียบ

 

ขณะเดียวกัน BEM ยังมีปัจจัยหนุนจาก 1.โครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายเชื่อมต่อกับโครงข่ายสายสีม่วง ซึ่งยังสามารถเพิ่มปริมาณผู้โดยสารให้แตะระดับ 5 แสนคนต่อเที่ยวต่อวันได้ โดยเมื่อเทียบกับปริมาณผู้โดยสารเดือนธันวาคม 2562 ที่ปริมาณผู้โดยสารเร่งตัวขึ้นจาก 2.5 แสนคนต่อเที่ยวต่อวันให้สามารถแตะระดับ 3.5 แสนคนต่อเที่ยวต่อวันได้

 

2.การที่ BEM ได้รับการต่อสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 ออกไป 15 ปี 8 เดือน ซึ่งช่วยปลดล็อกความเสี่ยงกระแสเงินสดของ BEM อย่างมีนัยสำคัญ และช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ปี 2563 ที่ผ่านมา จากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง ซึ่งควรจะหนุนศักยภาพการทำกำไรให้เติบโตก้าวกระโดด

 

*จับตาโอไมครอน

 

นายนฤดม  มุจจลินทร์กูล  ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอฟ เอส เอส อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า คาดว่ารายได้งวดไตรมาส 4/2564 ของ BEM ที่ 3.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% QoQหนุนจากปริมาณการจราจรบนทางด่วนที่เพิ่มขึ้น 44% QoQ, ตัวเลขผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้ถึง 120% QoQหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 จึงคาดว่ารายได้รวมทั้งปี 2564 ของ BEM ที่ 11,072 ล้านบาท และกำไรสุทธิทั้งปี 2564 ที่ 966 ล้านบาท

 

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน แม้จะเป็นปัจจัยกดดันปริมาณผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้าในระยะสั้น แต่ปริมาณผู้ติดเชื้อที่ทรงตัวระดับต่ำกว่า 1 หมื่นรายต่อวัน, สถิติการเสียชีวิดที่ลดลง, สถิติประชากรที่ได้รับวัคซีนป้องกันที่เพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยหนุนให้ประชาชนคลายความกังวล และทยอยกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนศักยภาพการทำรายได้-กำไรทั้งปี 2565 ให้เร่งตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งปี 2565 ที่ 14,422 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.26% YoY และกำไรสุทธิที่ 3,178 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 228.78% YoY จึงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 9.90 บาท

 

*ราคาหุ้นทยอยฟื้นตัว

 

“ตั้งแต่ต้นปี 2565 ที่ผ่านมาราคาหุ้นขนาดใหญ่เริ่มทยอยฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้น BEM ยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ดังนั้นหากสถานการณ์การแพร่ระบาดผ่อนคลายลง ความมั่นใจในการเดินทาง-ใช้ชีวิตใกล้เคียงปกติมากที่สุด จะเห็นการฟื้นตัวของรายได้-กำไรอย่างชัดเจน หากนักลงทุนรับความเสี่ยงจากสถานการณ์โอไมครอนได้ควรเข้าทยอยสะสมหุ้นได้ เพราะคาดว่าราคาไม่น่าจะลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 7.40-7.60 บาทได้อีก ขณะเดียวกันราคายังมี Up Side จากราคาพื้นฐานของหลายค่าย”

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง