CKพร้อมชิงบิ๊กโปรเจ็กต์ เล็งโกยงานดันพอร์ตเพิ่ม
#CK #ทันหุ้น - คมนาคม จ่อเปิดประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 5 โครงการภายในปี 2567 นี้ ด้าน CK ลั่นมีทีมวิศวกรผู้ชำนาญการเพียงพอ พร้อมเข้าร่วมชิงโครงการที่เหมาะสมกับบริษัท มั่นใจสามารถบริหารจัดการปริมาณงานในมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้านโบรกปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 29 บาท ชูหุ้นเด่น คาดกำไรสุทธิทั้งปี 2567 แตะ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.2% YoY
นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ซึ่งอยู่ในแผนงานของกระทรวงคมนาคม จำนวน 7 เส้นทาง วงเงิน 275,303 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว 1 โครงการ คือ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง 167 กิโลเมตร อยู่ระหว่างทำประชาพิจารณ์ ร่างเอกสารการจัดทําข้อกำหนดและขอบเขตการจ้าง (TOR) เพื่อเตรียมสรุป และประกาศจำหน่ายเอกสารเชิญชวนภาคเอกชนเข้าร่วมประมูลโครงการ คาดว่าได้ผู้ชนะการประมูล และสามารถลงนามสัญญาได้ภายในปี 2567 นี้
ขณะเดียวกัน ได้เร่งรัดให้ รฟท. ให้สรุปแผนการดำเนินงานอีก 5 โครงการ โดยเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการการรถไฟแห่งประเทศไทย (บอร์ด รฟท.) ได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินโครงการต่อเนื่องอีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง 281 กิโลเมตร 2.ช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดัง เบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร และ 3.ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง 308 กิโลเมตร ซึ่งทาง รฟท.จะนำรายละเอียดการดำเนินโครงการทั้ง 3 โครงการนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติดำเนินงานตามขั้นตอน คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2567
ส่วนอีก 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.ช่วงชุมพร-สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร และ 2.ช่วงสุราษฎร์ธานีชุมทางหาดใหญ่-สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตรนั้น รฟท.ได้ศึกษาความเหมาะสมการดำเนินโครงการ การออกแบบ และได้จัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EAI) ซึ่งได้รับการเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างเร่งจัดทำข้อมูลเพิ่มเติม ตามความเห็นคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) โดยกระทรวงคมนาคมได้เร่งดำเนินการ เพื่อนำรายละเอียดกลับมาเสนอกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณานำบรรจุในวาระการประชุมคณะรัฐมนตีให้ทันภายในปี 2567 เช่นกัน
พร้อมชิงงานเติม Backlog
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ช การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK กล่าวว่า กลุ่มบริษัทมีความพร้อมที่จะร่วมประมูลโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐบาล ภาคเอกชนเพื่อสร้างการเติบโตของรายได้กลุ่มธุรกิจก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณงานในมือ (Backlog) เฉลี่ยราว 1.3 แสนล้านบาท เบื้องต้นคาดการณ์ว่าจะสามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อปีที่กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท ยังมีความสามารถเพียงพอที่จะสรรหางานเข้ามาเติม Backlog ในมือรองรับรายได้ในอนาคตได้อีกดับหนึ่ง โดยบริษัทมีทีมวิศวกรผู้ชำนาญการหลายทีมงาน สามารถรองรับงานทั้งโครงการระบบราง, งานอุโมงค์, งานอาคาร – โครงสร้างขนาดใหญ่, งานระบบถนน รวมถึงงานวิศวกรรมที่มีความซับซ้อน ฯลฯ
“บริษัทมีศักยภาพเพียงพอที่จะร่วมประมูลงานเข้ามาเพิ่ม โดยเฉพาะงานที่ต่อเนื่องจากโครงการที่บริษัทรับผิดชอบอยู่ อาทิ โครงการรถไฟทางคู่ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ส่วนสายทางอื่นก็มีความสนใจ เพราะยังมีทีมงานเพียงพอที่จะเข้าไปรับผิดชอบ โดยบริษัทเคยทำประเมินศักยภาพภายในทีมงานของบริษัทมีความสามารถที่จะสร้างรายได้สูงสุดที่ราว 5.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ได้โดยที่ไม่ต้องเพิ่มทุน ดังนั้นเมื่อมีงานที่สอดคล้องกับความสามารถของบริษัทก็พร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงาน”
พร้อมกันนี้ ยังมีโครงการที่บริษัทในเครืออาทิ BEM ซึ่งจะสามารถส่งต่องานให้กับ CK รวมมูลค่าราว 2 แสนล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงมีนบุรี – บางขุนนนท์ มูลค่าราว 1.2 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงมีนบุรี – บางขุนนนท์ราว 9.6 หมื่นล้านบาท และงานวางระบบ-จัดหาขบวนรถไฟฟ้าราว 3 หมื่นล้านบาท 2.โครงการทางด่วน Double Deck มูลค่าราว 3 หมื่นล้านบาท และ 3.งานวางระบบ - จัดหาขบวนรถไฟฟ้า โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ มูลค่าราว 3.5 หมื่นล้านบาท
“สำหรับ 2 โครงการที่อยู่ในกระแสข่าว หากมีความชัดเจน บริษัทก็พร้อมที่จะเริ่มดำเนินงาน โดยการจัดหาขนวนรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) คาดว่าจะใช้เวลาราว 30 เดือนหลังจากสามารถลงนามสัญญาได้ ส่วนโครงการสายสีส้ม (ตะวันตก) คาดว่าจะใช้เวลาออกแบบราว 1 ปีครึ่ง ซึ่งก็จะเป็นช่วงที่เสร็จงานอุโมงค์ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ก็สามารถย้ายหัวเจาะเข้ามารับงานอุโมงค์สายสีส้ม (ตะวันตก) ต่อเนื่องได้ สำหรับ Double Deck แม้ว่าจะสามารถลงนามสัญญาได้ในปีนี้ กว่าจะเริ่มงานโยธาก็ใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง”
แนะ “ซื้อ” เป้า 29 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า จำกัด ปรับประมาณการราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานของ CK ขึ้นเป็น 29 บาท จากเดิม 26 บาท เพื่อสะท้อนแนวโน้มที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรม รวมถึงความสามารถในการเติม Backlog ในมือจากทั้งการเข้าร่วมประมูลโครงการภาครัฐบาล และงานที่จะได้รับจาก BEM และยังคงเลือกเป็น “หุ้นเด่น” ของกลุ่มรับเหมาก่อสร้างแม้แนวโน้มผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2567 จะอ่อนตัวลงทั้งเมื่อเทียบ YoY และ QoQ ตาจะกลับมาเร่งตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ ได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไปหนุนรายได้รวมทั้งปี 2567 แตะ 3.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6% YoY และกำไรสุทธิที่ 4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 36.2% YoY