รีเซต

เมื่อจีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านนาโนเทค (จบ)

เมื่อจีนก้าวขึ้นเป็นผู้นำระดับโลกด้านนาโนเทค (จบ)
TNN ช่อง16
21 ธันวาคม 2568 ( 10:02 )
10

ในด้านอุปสงค์ หากเราพิจารณาจากภูมิทัศน์ด้านนาโนเทคของจีนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาก็สะท้อนว่า พัฒนาการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนของ “ตลาด” มากกว่า “บทบาทนำของภาครัฐ” ดังเช่นในยุคแรก โดยตลาดนาโนเทคของโลกคาดว่าจะมีมูลค่าถึง 1.5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในสิ้นปี 2025 โดยในระหว่างปี 2018-2025 ตลาดมีอัตราการเติบโตกว่า 17% ต่อปี ซึ่งเย้ายวนใจอุตสาหกรรมนาโนเทคของจีนเป็นอย่างมาก 

ขณะที่ภายในจีนเองก็มีอัตราการถ่ายโอนและอนุญาตใช้สิทธิบัตรนาโนเทคมากกว่า 8% ซึ่งสะท้อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านประสิทธิภาพของการนำผลงานวิจัยไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ดังปรากฏเป็นข่าวและงานสัมมนาระหว่างประเทศมากมายในจีน ซึ่งตอกย้ำถึงความสำเร็จด้านนวัตกรรมตามมา

ยกตัวอย่างเช่น Haier ที่ประยุกต์ใช้นาโนเทคกับสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก อาทิ วัสดุนาโนควอนตัมดอทสำหรับจอแสดงผลแบบคริสตัลเหลว ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพให้สดใสและสมจริงมากขึ้น และ Shenzhen Nanotech Port ที่เชี่ยวชาญและมีชื่อเสียงด้านการผลิตกราฟีน (Graphene) ท่อคาร์บอนนาโน (Carbon Nanotube) และผงคาร์บอนนาโน (Nano Carbon Power) ที่นำไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี การก่อสร้าง และอื่นๆ 

มองไปข้างหน้า โดยที่รัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญกับเรื่อง “สิ่งแวดล้อม” มากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญจึงคาดการณ์ว่า ตลาดนาโนเทคสีเขียวของจีนจะเติบโตในอัตราราว 13.5% ต่อปี และมีมูลค่าตลาดทะลุ 370,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2034

ประการที่ 3 การขยายการวิจัยและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อให้สามารถพัฒนาอุตสาหกรรมนาโนเทคได้ในวงกว้าง จีนได้บูรณาการนาโนเทคเข้ากับงานอื่น เช่น การผสมผสานเข้ากับปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยปฏิวัติกระบวนทัศน์ในการวิจัยนาโนเทค และเปิดโอกาสใหม่ในการพัฒนาด้านชีวการแพทย์ พลังงานสีเขียว และเทคโนโลยีสารสนเทศ

รัฐบาลจีนยังเสริมสร้างระบบนิเวศให้มีความพร้อมสรรพ อาทิ การปรับปรุงกฎหมายกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อ “เปิดกว้าง” ด้านการวิจัยและพัฒนา และการผลิตในเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง 

ขณะเดียวกัน จีนก็ยังเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ด้านนาโนเทคอย่างมากมายและต่อเนื่อง อาทิ China Nano Conference “ChinaNANO” ซึ่งเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปีนับแต่ปี 2005 

งานนี้จัดขึ้นโดยสถาบันวิทยาศาสตร์จีนระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม-1 กันยายน ณ กรุงปักกิ่ง จนถือเป็นเวทีการวิจัยขั้นพื้นฐานด้านนาโนเทคที่ใหญ่ที่สุดของจีนในปัจจุบัน โดยงานครั้งที่ 10 ที่จัดขึ้นเมื่อปี 2025 มีนักวิจัยและนักวิชาการชื่อดังกว่า 2,500 คน รวมไปถึงนักศึกษาระดับปริญญาเอกจากทั่วโลกเข้าร่วม และนำเสนอความก้าวหน้าของงานวิจัยใหม่ถึง 15 หัวข้อ

อีกงานหนึ่งได้แก่ การประชุมสุดยอดด้านนาโนเทค “CHINano Summit” จัดขึ้นโดยรัฐบาลซูโจว นาโนโพลิส และสมาคมนาโนเทค 

งานนี้มีองค์ประกอบสำคัญ 2 ส่วนได้แก่ งานประชุมที่มีเวทีย่อยแบบเจาะลึกมากมาย  และงานนิทรรศการขนาดใหญ่ การเจรจาธุรกิจ และโรดโชว์การลงทุนด้านวัสดุใหม่และผลิตภัณฑ์นาโนเทค อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ระดับนาโน เครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตนาโน รวมถึงการประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอื่น อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI-Nano) สุขภาพ (Bio-Nano) และพลังงาน (Energy-Nano) 

งานนี้จึงรวบรวมนักวิทยาศาสตร์ ผู้ประกอบการ และผู้นำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและระดมสมองเกี่ยวกับพัฒนาการใหม่และโอกาสทางธุรกิจด้านนาโนเทค ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการประยุกต์ใช้นาโนเทคในเชิงพาณิชย์ระดับประเทศในปัจจุบัน

นอกจากนี้ สถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องของจีนยังเดินหน้าขยายความร่วมมือด้านการวิจัย การแลกเปลี่ยนนักศึกษา และโครงการศึกษาระดับปริญญาเอกกับสถาบันนาโนเทคของต่างประเทศในวงกว้าง อาทิ สถาบันนาโนเทควอเตอร์ลูแห่งแคนาดา

ประการที่ 4 การสนับสนุนจากนโยบายรัฐและยุทธศาสตร์ชาติ อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้านี้ วัสดุใหม่ถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งภายใต้นโยบาย Made in China 2025 ที่มุ่งเปลี่ยนจีนจากโรงงานของโลกที่มีคุณภาพสูงโดยมุ่งเน้นการผลิตแบบไฮเทคและยั่งยืน รัฐบาลจีนจึงสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานาโนเทคผ่านหลายกองทุนของรัฐบาล เช่น กองทุน 40,000 ล้านหยวนสำหรับอุตสาหกรรมเกิดใหม่

นอกจากนี้ จีนยังเดินหน้าประยุกต์ใช้นาโนเทคในสาขาอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่มีระดับความต้องการเพิ่มขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องต่างรอคอยผลผลิตของนาโนเทค อาทิ ชิปนาโน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง คอมพิวเตอร์ควอนตัม อินเตอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง ไปจนถึงการสำรวจทางทะเล การบินและอวกาศเชิงพาณิชย์ และอื่นๆ

ในด้านชีวการแพทย์ โดยที่จีนกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแบบสมบูรณ์ ประชากรมากกว่า 300 ล้านคนมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 10 ล้านคน นั่นหมายความว่า ภายในปี 2035 จำนวนประชากรในกลุ่มนี้จะมีมากกว่า 400 ล้านคน 

ด้วยเหตุนี้ จีนจึงจำเป็นต้องมองหาการพัฒนาอุปกรณ์การแพทย์และยาเพื่อรักษาโรคเฉพาะทาง การรักษาเฉพาะบุคคลของโรคมะเร็ง อัลไซม์เมอร์ และอื่นๆ หรือแม้กระทั่งการจัดการกับความท้าทายด้านประชากรศาสตร์ในภาพใหญ่ของโลก

ด้านพลังงานสะอาด จีนก็มี “พันธะสัญญา” ต่อ “เป้าหมายคู่” ทั้งการปลดปล่อยคาร์บอนสูงสุด (Carbon Peak) ในปี 2030 และการมีความเป็นกลางด้านคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2060 จีนจึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาแบตเตอรี่และอุปกรณ์เก็บพลังงาน แผงโซลาร์เซลล์และพลังงานสีเขียวหลากรูปแบบ รวมทั้งกระบวนการเร่งปฏิกริยาสำหรับการควบคุมมลพิษและโซลูชั่นพลังงานสะอาด ซึ่งนาโนเทคนับเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนให้นวัตกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม

และแม้ว่าการดำเนินนโยบาย MIC 2025 จะสิ้นสุดลงในปี 2025 แต่จีนก็วางแผนจะเดินหน้ายกระดับภาคการผลิตด้วยนโยบาย New Quality Productive Forces (กำลังการผลิตคุณภาพสูงใหม่) ซึ่งผมคาดว่าจะถูกบรรจุในแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 15 (2026-2030) และฉบับที่ 16 (2031-2035) ของจีน โดยอุตสาหกรรมวัสดุใหม่จะยังคงมีความสำคัญอยู่ต่อไป ซึ่งนั่นหมายความว่า นาโนเทคจะมีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมของจีนในระยะยาว

จีนจะยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ และการกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านนาโนเทคต่อไปในอนาคต ซึ่งนั่นจะทำให้จีนเพิ่มผลประโยชน์ในการเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคุณภาพสูงในระดับโลกผ่าน “นาโนเทคโนโลยี” ได้ในอีกทางหนึ่ง ...

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง