เหยื่อหรือผู้ก่อปัญหา? “เอเชียใต้” ติดกับดัก การพัฒนาที่เร่งโลกร้อน

วิกฤตสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวของภูมิภาคเอเชียใต้ หากแต่เป็นความจริงที่ปรากฏชัดในชีวิตประจำวันของผู้คน ตั้งแต่พายุรุนแรง น้ำท่วมฉับพลัน คลื่นความร้อน มลพิษทางอากาศ ไปจนถึงการขาดแคลนน้ำสะอาด บทความจาก Le Monde ชี้ให้เห็นภาพที่ซับซ้อนและท้าทายยิ่งขึ้น นั่นคือ เอเชียใต้ไม่ได้เป็นเพียง “เหยื่อ” ของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น หากแต่ยังเป็น “ผู้มีส่วนร่วม” ในการสร้างปัญหานี้ด้วย ผ่านรูปแบบการพัฒนาและนโยบายภายในของตนเอง
เอเชียใต้เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรกว่า 2 พันล้านคน หรือราวหนึ่งในสี่ของประชากรโลก การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว การเติบโตทางเศรษฐกิจ และความต้องการพลังงานมหาศาล ทำให้ภูมิภาคนี้เผชิญแรงกดดันด้านทรัพยากรธรรมชาติอย่างหนัก เมืองใหญ่อย่างเดลี ลาฮอร์ และธากา กลายเป็นหนึ่งในเมืองที่มีมลพิษทางอากาศรุนแรงที่สุดในโลก ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก คนชรา และผู้มีรายได้น้อย
ในขณะเดียวกัน ทรัพยากรธรรมชาติที่เคยเป็นฐานชีวิตของผู้คนกำลังเสื่อมโทรมลงอย่างต่อเนื่อง แม่น้ำสายสำคัญและแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เช่น คงคาและยมุนา กลายเป็นแหล่งรองรับน้ำเสียจากอุตสาหกรรม ขยะ และสารเคมีทางการเกษตร วิกฤตน้ำสะอาดจึงไม่ใช่เพียงปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นปัญหาด้านสาธารณสุขและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ประชากรจำนวนมหาศาลในอินเดียอาจเผชิญภาวะขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง
ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อผสานกับภูมิประเทศของเอเชียใต้ เทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดนอกขั้วโลก กำลังเผชิญการละลายของธารน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อระบบน้ำของทั้งภูมิภาค ขณะเดียวกัน พายุไซโคลน น้ำท่วม และดินถล่มที่เกิดถี่ขึ้น ได้คร่าชีวิตผู้คนและทำลายวิถีชีวิตของชุมชนจำนวนมาก โดยเฉพาะในประเทศที่ขาดโครงสร้างพื้นฐานและระบบรับมือภัยพิบัติที่เข้มแข็ง
อย่างไรก็ตาม บทความนี้ไม่ได้ชี้นิ้วกล่าวโทษเพียงธรรมชาติหรือประเทศพัฒนาแล้วเท่านั้น แต่ตั้งคำถามกลับมายังรัฐบาลและผู้นำในเอเชียใต้เอง หลายประเทศยังคงเลือกแนวทางการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะสั้น มากกว่าการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม การทำลายป่า การถมพื้นที่ชุ่มน้ำ การรุกล้ำป่าชายเลน และโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ล้วนเพิ่มความเปราะบางต่อภัยพิบัติในระยะยาว และซ้ำเติมผลกระทบจากโลกร้อนให้รุนแรงยิ่งขึ้น
ในเชิงเศรษฐกิจ วิกฤตสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนมหาศาล งานวิจัยหลายชิ้นเตือนว่าประเทศอย่างอินเดียอาจสูญเสียสัดส่วนสำคัญของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในอนาคต หากไม่เร่งปรับตัวและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ความสูญเสียนี้จะกระทบคนยากจนเป็นอันดับแรก ทำให้ความเหลื่อมล้ำทางสังคมยิ่งถ่างกว้าง
ท้ายที่สุด Le Monde เสนอภาพสะท้อนที่ชัดเจนว่า เอเชียใต้ไม่อาจยืนอยู่ในบทบาทของ “เหยื่อ” เพียงฝ่ายเดียวได้อีกต่อไป การรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศจำเป็นต้องเริ่มจากการยอมรับความรับผิดชอบร่วมกัน ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ การปรับทิศทางการพัฒนา การบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว คือหนทางเดียวที่จะทำให้เอเชียใต้หลุดพ้นจากวงจรของการเป็นทั้งผู้ก่อปัญหาและผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเจ็บปวดจากวิกฤตภูมิอากาศนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
