รีเซต

LANNA กำไรสุทธิ Q3/68 ดิ่ง 65% พิษถ่านหินราคาฟุบ-ภัยพิบัติอินโดฯ ฉุดการดำเนินงาน

LANNA กำไรสุทธิ Q3/68 ดิ่ง 65% พิษถ่านหินราคาฟุบ-ภัยพิบัติอินโดฯ ฉุดการดำเนินงาน
ทันหุ้น
5 พฤศจิกายน 2568 ( 18:07 )
3

LANNA กำไรสุทธิ Q3/68 ดิ่ง 65% พิษถ่านหินราคาฟุบ-ภัยพิบัติอินโดฯ ฉุดการดำเนินงาน

#ทันหุ้น #SET #LANNA บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA รายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 ด้วยตัวเลขกำไรสุทธิที่ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเข้าสู่วัฏจักรขาลงของราคาถ่านหินโลก และผลกระทบจากสภาพอากาศที่รุนแรงในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นฐานการผลิตหลัก

ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมี กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 102.33 ล้านบาท ซึ่ง ลดลง 65.09% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ขณะที่ รายได้รวมอยู่ที่ 3,444.75 ล้านบาท ลดลง 23.66% YoY สำหรับผลการดำเนินงานสะสม 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทมี กำไรสุทธิรวม 519.24 ล้านบาท ลดลง 61.80% YoY และมี รายได้รวม 11,438.28 ล้านบาท ลดลง 30.13% YoY

ธุรกิจถ่านหิน: ปัจจัยลบสองด้านฉุดผลประกอบการ

ธุรกิจถ่านหิน ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก คิดเป็นสัดส่วนรายได้ถึง 86.44% ในงวด 9 เดือน เผชิญกับปัจจัยลบพร้อมกันถึงสองด้าน:

  1. ราคาขายลดลง (Cost Effect): ราคาขายถ่านหินโดยเฉลี่ยลดลง 22.40% YoY ในไตรมาส 3/68 และลดลง 20.09% YoY ในงวด 9 เดือนแรก เหตุผลที่ชัดเจน คือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานและเป็นตัวกดดันราคาโภคภัณฑ์
  2. ปริมาณขายและการผลิตลดลง (Volume Effect): ปริมาณขายถ่านหินโดยเฉลี่ยลดลง 5.16% YoY ในไตรมาส 3/68 และลดลง 14.12% YoY ในงวด 9 เดือนแรก เหตุผลที่ชัดเจน คือ การดำเนินงานในประเทศอินโดนีเซียประสบปัญหา ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดภัยพิบัติน้ำท่วมโคลนถล่มหลายพื้นที่ ซึ่งเป็น อุปสรรคสำคัญในการผลิต การขนส่ง และการจำหน่ายถ่านหิน

ผลจากปัจจัยลบดังกล่าว ทำให้ กำไรสุทธิจากธุรกิจถ่านหิน ซึ่งคำนวณตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ ลดลงถึง 66.93% YoY ในไตรมาส 3/68 และ 62.16% YoY ในงวด 9 เดือนแรก

ธุรกิจเอทานอล: ยอดขายพุ่งแต่ขาดทุนเพิ่ม

ธุรกิจเอทานอลและสารปรับปรุงดินซึ่งเป็นธุรกิจรอง (สัดส่วนรายได้ 13.28% ในงวด 9 เดือน) แสดงสัญญาณของความเปราะบางด้านราคาอย่างชัดเจน:

  • รายได้ Q3/68 อยู่ที่ 465.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3.06% YoY แม้ว่า ปริมาณการขายเอทานอลจะเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 75.69% YoY ในไตรมาส 3/68 และ 31.20% YoY ในงวด 9 เดือนแรก
  • ขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้น: บริษัทฯ และบริษัทย่อยมี ขาดทุนสุทธิจากธุรกิจเอทานอล 3.79 ล้านบาท ในไตรมาส 3/68 และ 15.74 ล้านบาท ในงวด 9 เดือนแรก เหตุผลที่ชัดเจน คือ อุปทานเอทานอลที่ล้นตลาด ทำให้ ราคาขายเอทานอลโดยเฉลี่ยลดลงถึง 40.62% YoY ในไตรมาส 3/68 ซึ่งเป็นตัวการหลักที่พลิกให้ธุรกิจประสบภาวะขาดทุนสุทธิ

สถานะการเงินมั่นคงสูง: เกราะป้องกันในวัฏจักรขาลง

แม้ผลประกอบการจะอ่อนแอตามวัฏจักรโภคภัณฑ์ แต่บริษัทฯ และบริษัทย่อยยังคงมี ฐานะการเงินและสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก ณ วันที่ 30 กันยายน 2568:

  • อัตราส่วนสภาพคล่อง (Current Ratio) สูงถึง 2.96 เท่า และ อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (Quick Ratio) 1.86 เท่า ซึ่งบ่งชี้ถึงความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้นที่แข็งแกร่ง
  • สัดส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (D/E Ratio) เพียง 35.90% และสัดส่วนหนี้สินรวมต่อสินทรัพย์รวมเพียง 26.42% สะท้อนว่าบริษัทมีภาระหนี้ต่ำมาก ทำให้มีพื้นที่ในการบริหารจัดการความเสี่ยงและเตรียมพร้อมสำหรับการฟื้นตัวของตลาดในอนาคต

สรุปประเด็นหลัก (Key Takeaways):

  • กำไรสุทธิ (YoY): Q3/68 102.33 ล้านบาท ลดลง 65.09% และ 9M/68 519.24 ล้านบาท ลดลง 61.80%
  • รายได้รวม (YoY): Q3/68 3,444.75 ล้านบาท ลดลง 23.66% และ 9M/68 11,438.28 ล้านบาท ลดลง 30.13%
  • อัตรากำไร: 9M/68 NET PROFIT MARGIN 6.83%, EBITDA MARGIN 21.02%, และ ROE 6.29%
  • ตัวเลขสำคัญ: ราคาถ่านหินเฉลี่ยลดลง 22.40% (Q3/68) และ ราคาเอทานอลลดลง 40.62% (Q3/68)
  • เหตุผลที่ชัดเจน (กำไรลด):

    • ต้นทุนเปลี่ยนแปลง/รายได้หลัก: ราคาถ่านหินโลกตกต่ำ และปริมาณการผลิต/ขนส่งถ่านหินในอินโดนีเซียถูกกระทบจาก ภัยพิบัติน้ำท่วม/โคลนถล่ม
    • ธุรกิจรอง: เอทานอลมีปริมาณขายเพิ่มขึ้นมาก แต่ถูกหักล้างด้วย ราคาขายที่ลดลงอย่างรุนแรง จากอุปทานล้นตลาด จนพลิกเป็นขาดทุน

  • ฐานะการเงิน: Current Ratio 2.96 เท่า และ D/E Ratio 35.90% สะท้อนสภาพคล่องและโครงสร้างหนี้ที่มั่นคงสูง

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง