UKEM รัฐกระตุ้นหนุน Q4 โรงงานรีไซเคิลรันปีหน้า

#UKEM #ทันหุ้น – UKEM ชี้ไตรมาส 4/2568 สัญญาณดี รับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ หนุนยอดขายกลุ่มแพ็กเกจจิ้งบูม เร่งเดินหน้าธุรกิจรีไซเคิล เชื่อยังมีโอกาสอีกมาก หลังกฎหมายบังคับใช้ คาดเดินเครื่องโรงงานในปีหน้า
นายพีรพล สุวรรณนภาศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า ทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4/2568 ยังถือว่าไปได้ดี โดยได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะมาตรการ "คนละครึ่งพลัส" ในช่วงปลายปี ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอบเพิ่มมากขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมีผลให้อุตสาหกรรมหลายส่วนคึกคักอย่างมาก ซึ่งบริษัทได้รับผลทางอ้อม โดยพบว่ายอดขายเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 4 มาจากกลุ่มธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง (Packaging) และได้รับออเดอร์จากกลุ่มอื่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก ** กลุ่มก่อสร้างเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจการก่อสร้าง (Construction) ก็มีการซื้อที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะจากลูกค้ากลุ่ม TOA รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สี ซึ่งบริษัทคาดว่าการเติบโตนี้อาจเป็นผลประโยชน์ทางอ้อมจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
สำหรับความคืบหน้าธุรกิจรีไซเคิล (Recycling) ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานรีไซเคิลแห่งใหม่ อยู่ในเขต พัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งได้รับสัญญาณที่ดี และคาดว่าน่าจะสามารถเปิดโรงงานได้ภายในปีหน้า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายยังเป็นกลุ่มเดียวกันกับลูกค้าเดิมของบริษัท เพื่อให้ครอบคลุมทั้งการใช้ และการทิ้งของเสีย
“แม้ว่าตลาดรีไซเคิลจะไม่ใหญ่แต่ความเชื่อมั่นอยู่ที่ความชำนาญในการผลิต เพื่อให้สินค้าที่ออกมาได้มาตรฐาน ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาดนี้คือข้อบังคับทางกฎหมาย ที่กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องตระหนักถึงการปล่อยมลพิษและการทิ้งของเสีย เมื่อภาครัฐมีกฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้น โรงงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องทำให้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการที่ได้มาตรฐานจริงๆ มีไม่มากนัก” นายพีรพล กล่าว
** ที่ปรึกษาคาร์บอน
ในส่วนของธุรกิจที่ปรึกษาด้านคาร์บอนอาจต้องมีการชะลอ เนื่องจากมีการประเมินว่า ตลาดคาร์บอนในประเทศไทยที่เป็นขนาดเล็ก ยังมีไม่มาก และผู้ประกอบการบางส่วนไม่ต้องการจ่ายค่าที่ปรึกษา เนื่องจากสามารถดำเนินการเองได้
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 30.51 ล้านบาท และ 30 มิถุนายน 2567 มีกำไรสุทธิ 1.93 เพิ่มขึ้น 28.58 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1,480.83 เนื่องจากการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าและการจัดเก็บสินค้าเพื่อขายมีต้นทุนขายเฉลี่ยที่ต่ำในไตรมาส 1/2568 และนำมาจำหน่ายในไตรมาส 2/2568 ที่มีราคาขายเฉลี่ยที่มีการปรับราคาที่สูงขึ้นโดยเฉพาะสินค้าที่ขายเป็นหลักของบริษัท อันได้แก่ กลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์ทั่วไปประเภทโซลเวนต์และกลุ่มสินค้าเคมีภัณฑ์พิเศษ ทำให้กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
