รีเซต

5 เคสโจรไซเบอร์ โกงออนไลน์เกือบ 50 ล้านในสัปดาห์เดียว

5 เคสโจรไซเบอร์ โกงออนไลน์เกือบ 50 ล้านในสัปดาห์เดียว
TNN ช่อง16
17 เมษายน 2568 ( 08:56 )
9

บทเรียนจากความโลภ ความไว้ใจ และกับดักไซเบอร์ที่ซับซ้อนขึ้นทุกวัน

ในช่วงเพียงหนึ่งสัปดาห์ระหว่างวันที่ 7–13 เมษายนที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) รายงาน 5 เคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ ที่ทำให้ประชาชนสูญเสียเงินรวมกันกว่า 46 ล้านบาท ตัวเลขนี้ไม่ใช่แค่ค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ หากแต่สะท้อนถึง ความเปราะบางในโลกไซเบอร์ของคนไทย ที่ยังไม่พร้อมรับมือกับมิจฉาชีพยุคดิจิทัลที่รู้จักปรับตัวไวไม่แพ้ AI


เปิด 5 กลโกงไซเบอร์ในรอบสัปดาห์

1. หลอกทำงานพิเศษ-ลงทุนขายเสื้อผ้าออนไลน์

เริ่มจากข้อความชวนทำงานผ่าน Facebook พร้อมขอให้โอนเงินเพื่อซื้อสินค้าไปขายทำกำไร

ตอนแรกได้เงินคืนจริง แต่พอเหยื่อลงทุนมากขึ้น กลับไม่สามารถถอนเงินได้ สูญเงินไปกว่า 3.4 ล้านบาท

2. หลอกว่าได้มรดก ต้องช่วยจ่ายไถ่ถอนที่ดิน

ผู้เสียหายถูกคนร้ายติดต่อผ่าน LINE อ้างว่าเป็นคนรู้จัก และมีข่าวดีว่าจะได้ที่ดินมรดกราคาแพง

แต่ต้องช่วยจ่ายไถ่ถอนจำนองก่อนขาย เมื่อหลงเชื่อโอนเงินก็หายเงียบไป สูญเงิน 2.6 ล้านบาท

3. หลอกลงทุนเทรดหุ้น – พีคสุดของสัปดาห์

เห็นโฆษณา Facebook ชวนลงทุนเทรดหุ้น มีเจ้าหน้าที่ LINE คอยแนะนำทุกขั้นตอน

ตอนแรกถอนเงินได้จริง แต่พอจะถอนเงินก้อนใหญ่ กลับถูกอ้างว่าติดคดีฟอกเงิน ต้องตรวจสอบบัญชี

ผลคือ...เงินหายวับกว่า 24.6 ล้านบาท

✅ เคสนี้สร้างความเสียหายมากที่สุดในสัปดาห์

4. หลอกเปิดร้านออนไลน์ผ่านเพจรับซื้อเสื้อมือสอง

เริ่มจากการสนใจเปิดร้าน จนไปถึงการโอนเงินเพื่อเปิดระบบร้านค้าและทำกิจกรรม

แต่ถอนเงินไม่ได้ และเพจติดต่อไม่ได้อีก สูญเงิน 7.1 ล้านบาท

5. หลอกเป็นเจ้าหน้าที่ DSI – ข่มขู่ให้โอนเงินตรวจสอบบัญชีม้า

โทรมาหลอกว่าเหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า จากนั้นเพิ่มเพื่อนทาง LINE แล้วขอให้โอนเงินเพื่อ “ตรวจสอบ”

อ้างว่าหากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจะคืนเงินให้ สุดท้ายติดต่อไม่ได้อีก สูญเงิน 8.4 ล้านบาท



กลโกงที่เปลี่ยนหน้า แต่ “แก่น” เดิม

แม้ในรายละเอียดจะต่างกัน แต่ทั้ง 5 เคสมีจุดร่วมเหมือนกันคือ

“หลอกให้โอนเงิน” ผ่านเรื่องราวที่ดูสมจริง และน่าเชื่อถือในระดับที่แทบไม่มีใครตั้งข้อสงสัยทัน

ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น การได้รับรางวัล การเปิดร้านออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีบัญชีม้า

เมื่อผู้ร้ายเรียนรู้ไวกว่าผู้เสียหาย

อาชญากรรมออนไลน์ในวันนี้ ไม่ได้เกิดจากความไม่ระวังเท่านั้น แต่เกิดจาก การออกแบบกลไกหลอกลวงอย่างซับซ้อนและล้ำหน้ากว่าที่ประชาชนทั่วไปจะรับมือได้ทัน

มิจฉาชีพรู้ว่าคนรุ่นใหม่อยากมีรายได้เสริม รู้ว่าคนวัยทำงานอยากลงทุน รู้ว่าคนสูงวัยกลัวคดีความ หรือแม้แต่รู้ว่าใครกำลังขายของออนไลน์

ทุก “ช่องโหว่ในจิตใจ” ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือโจมตี — พร้อมมี “พนักงานดูแลเหยื่อ” พูดจาน่าเชื่อถือ ทำตัวเหมือนบริษัทจริง และบางรายยังใช้ AI แชตบอตตอบอัตโนมัติให้ดูมืออาชีพอีกด้วย


ทางรอดอยู่ที่ “ปัญญาไซเบอร์” 

แน่นอนว่าเทคโนโลยีฝั่งรัฐต้องพัฒนาให้เร็ว — มีระบบอายัดบัญชีอัตโนมัติ แจ้งเตือนแบบ real-time รวมถึงการทำงานข้ามแพลตฟอร์มระหว่างแบงก์และโซเชียล

แต่หัวใจของการเอาตัวรอดจากอาชญากรรมออนไลน์ ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี หรือคำเตือนสั้นๆ

แต่อยู่ที่ การสร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ (Cyber Literacy) ให้ประชาชนรู้จักตั้งคำถาม

  • ทำไมคนแปลกหน้าถึงรู้ว่าเราขายเสื้อ?
  • ทำไมต้องรีบโอนเงินเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี?
  • ทำไมลงทุนแล้วถอนเงินไม่ได้ แต่ยังมีคนชวนลงต่อ?

เพราะคำถามธรรมดา ๆ เหล่านี้ อาจเป็น “เกราะชิ้นสุดท้าย” ที่ช่วยคุ้มกันเงินในบัญชีเรา

เกือบ 50 ล้านบาทในสัปดาห์เดียว — ไม่ใช่แค่ตัวเลขในข่าว

แต่มันคือค่าครองชีพ คืออนาคต คือความหวังที่หายวับในพริบตา

วันหนึ่งคุณอาจไม่ใช่แค่ผู้อ่านข่าวนี้ แต่อาจกลายเป็น “เหยื่อในข่าว”

ถ้าเรายังไม่พร้อมใช้ปัญญาไซเบอร์ในโลกที่เต็มไปด้วยกับดักอัจฉริยะ

เพราะวันนี้ โจรออนไลน์ไม่ใส่หน้ากาก ไม่พกปืน

แต่อยู่ในมือถือของคุณ — ทุกที่ ทุกเวลา

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง