6 ชาติผนึกกำลังปราบสแกม เปิดแผนความร่วมมือ 21 ข้อ ยกระดับเชื่อมข้อมูลข้ามแดน

6 ประเทศผนึกกำลัง “ปราบสแกม” เปิดข้อมูลสืบสวนเชิงลึก เดินหน้า 21 ความร่วมมือปิดช่องอาชญากรรมข้ามพรมแดน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) นำคณะไทยร่วมประชุมรัฐมนตรี 6 ประเทศ ได้แก่ จีน เมียนมา ลาว ไทย กัมพูชา เวียดนาม ณ นครคุนหมิง มณฑลยูนนาน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 เพื่อยกระดับความร่วมมือปราบปราม “สแกมออนไลน–คอลเซ็นเตอร์–พนัน” ที่กำลังสร้างความเสียหายต่อประชาชนทั้งภูมิภาค
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อาชญากรรมสแกมขยายตัวสู่รูปแบบข้ามชาติ ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ซิมการ์ด บัญชีม้า และระบบชำระเงินดิจิทัลเป็นเครื่องมือ ทำให้ทุกประเทศยอมรับว่าต้องจัดการร่วมกัน และไม่ปล่อยให้มีพื้นที่ “Safe Haven” รองรับแก๊งสแกมอีกต่อไป
ในการประชุมครั้งนี้ ชาติสมาชิกได้บรรลุ ข้อริเริ่มร่วม 21 ข้อ ที่วางกรอบปฏิบัติการเชิงรุก ตั้งแต่การกวาดล้างพื้นที่สแกม การส่งมอบผู้ต้องหา การแลกเปลี่ยนพยานหลักฐาน ไปจนถึงการพัฒนาระบบข่าวกรองร่วมระดับภูมิภาค
21 ข้อความร่วมมือสำคัญของ 6 ชาติ
1. ปฏิบัติการร่วมกวาดล้าง “สวนสแกม–ศูนย์พนัน–ฐานหลอกลวง”
2. ล้อมปราบนิคม–เขตเศรษฐกิจที่เป็นฐานคอลเซ็นเตอร์
3. ร่วมจับกุมผู้ต้องสงสัยและประสานพยานหลักฐานในคดีเดียวกัน
4. ส่งตัวผู้ต้องหากลับประเทศต้นทางที่ต้องการตัว
5. อายัด–ยึดทรัพย์สแกม พร้อมส่งคืนผู้เสียหาย
6. ตั้งกลไกประชุมร่วมอย่างเป็นทางการทั้ง 6 ฝ่าย
7. จัดตั้ง “กลไกระดับรัฐมนตรี 6 ชาติ” ประจำด้านปราบสแกม
8. ประชุมประจำปีหมุนเวียนเจ้าภาพ
9. จัดประชุมระดับกรม/สำนักงานเพื่อติดตามผลมติ
10. พัฒนาระบบประสานงานคดีและข่าวกรองร่วม
11. จัดทำช่องทางแลกเปลี่ยนข้อมูลแพลตฟอร์ม–บัญชีม้า–ดิจิทัล
12. วางมาตรฐานร่วมด้านการสอบสวนดิจิทัล
13. ติดตามเส้นทางเงินเพื่อต่อเชื่อมคดีข้ามพรมแดน
14. ขยายเครือข่ายความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศ
15. สนับสนุนปฏิบัติการร่วมระดับภูมิภาคต่อเนื่อง
16. แลกเปลี่ยนกรณีศึกษาและการกำกับดูแลเทคโนโลยีการสื่อสาร–ชำระเงิน
17. ทำงานร่วม NGO–บริษัทเทคโนโลยี ปิดเว็บ–ปิดเบอร์–ปิดบัญชี พร้อมสร้างแคมเปญหลายภาษา
18. ร่วมเดินหน้าภายใต้กรอบแม่โขง–ล้านช้าง (MLC)
19. ทุกประเทศใช้กฎหมายภายในปราบศูนย์สแกมในเขตตนเอง
20. ยึดแนวคิด Global Security & Governance เป็นทิศทางร่วม
21. ทำงานภายใต้หลักนิติธรรม ความโปร่งใส และผลประโยชน์ร่วมของทุกชาติ
ไทยเปิดข้อมูลสืบสวนลึก ชี้เส้นทางเงิน–สัญญาณ IP ชี้ไปนอกประเทศ
ACSC เปิดเผยผลสืบสวนจากการบูรณาการข้อมูลธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม และข่าวกรองทางเทคนิค พบว่า
- เงินจากบัญชีม้าส่วนใหญ่ถูกโอนออกนอกประเทศ
- IP และสัญญาณดิจิทัลจำนวนมากเชื่อมโยงพื้นที่ชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน
- พื้นที่เศรษฐกิจบางแห่งถูกใช้เป็นฐานตั้งศูนย์สแกม
ข้อมูลทั้งหมดถูกส่งให้ประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อ พร้อมยืนยันว่าไทยไม่มีฐานคอลเซ็นเตอร์ในประเทศ หากมีการแจ้งเบาะแสจะจับกุมทันที
ย้ำ “ต้องปราบที่ต้นตอ – ห้ามมีใครเป็น Safe Haven”
พล.ต.ท.จิรภพฯ ระบุว่า อาชญากรรมสแกมไม่ใช่เพียงปัญหาเทคโนโลยี แต่คือ “เครือข่ายอาชญากรรมข้ามพรมแดน” ที่โจมตีประชาชนอย่างทั่วถึง และทุกประเทศต้องรับผิดชอบร่วมกันอย่างจริงจัง โดยเฉพาะประเทศที่มีฐานปฏิบัติการในเขตแดนตนเอง
พร้อมย้ำว่าไทยจะไม่เปิดพื้นที่ให้สแกมเซ็นเตอร์ยืนอยู่ในประเทศ และจะดำเนินการตามกฎหมายโดยไม่ละเว้นผู้ใด
3 มาตรการเร่งด่วนที่ไทยเสนอในที่ประชุม
1. ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบ Real-time
ฐานข้อมูลกลางบัญชีม้า–เบอร์–IP พร้อมระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ทุกประเทศบล็อก–อายัด–ตรวจสอบได้พร้อมกัน
2. ตั้ง Cyber Liaison Officer ประจำประเทศสำคัญ
เป็นช่องทาง “สายตรง” ให้ขอข้อมูล–ปฏิบัติการร่วมได้ภายในวันเดียว
3. ควบคุมโทรคมนาคมเข้มงวด
จำกัดจำนวนซิม ลงทะเบียนซิมด้วย Face Recognition
และร่วมกันตัดสัญญาณพื้นที่เสี่ยงหากพบการใช้เพื่อก่ออาชญากรรม
มาตรการทั้งหมดสอดคล้องกับแผนที่ไทย–กัมพูชาลงนามเมื่อ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา ในการประชุม GBC เพื่อปราบไซเบอร์สแกม
ACSC เดินหน้าขึ้นเป็นศูนย์กลางประสานงานภูมิภาค
สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่าจะผลักดัน ACSC ให้เป็นศูนย์กลางการประสานงาน 6 ประเทศ เพื่อให้การปฏิบัติการร่วมเกิดขึ้นแบบรวดเร็ว โปร่งใส และสามารถปกป้องประชาชนทุกชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
