รีเซต

‘สุพัฒนพงษ์’ ชู 4 โอกาสสร้างเชื่อมั่นไทย ดันศก.ปี 65 โต6%

‘สุพัฒนพงษ์’ ชู 4 โอกาสสร้างเชื่อมั่นไทย ดันศก.ปี 65 โต6%
มติชน
3 พฤศจิกายน 2564 ( 11:01 )
30
‘สุพัฒนพงษ์’ ชู 4 โอกาสสร้างเชื่อมั่นไทย ดันศก.ปี 65 โต6%

เวลา 09.10 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายในงานสัมนา BOOST UP THAILAND 2022 โดยกล่าวปาฐกถาพิเศษ Boost Up ทุบโจทย์ใหม่ เศรษฐกิจไทย จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์มติชน ว่า ไทยกำลังมุ่งสู่โมเดลเศรษฐกิจแบบ 4D ซึ่งเป็นเป็น 4 โอกาส ซึ่งประกอบด้วย 1.Digitalization การส่งเสริมเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การลดกฎระเบียบ การพัฒนาศูนย์กลางข้อมูล (Data center) ให้มีความพร้อมรับเศรษฐกิจดิจิทัลที่จะเป็นหัวใจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้นเรื่อยๆ

 

2.Decarbonization ซึ่งเป็นโอกาส และเป็นความท้าทาย ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศวันนี้ เป็นกติกาของสังคมโลก และประเทศตะวันตกที่กุมเศรษฐกิจใหญ่ของโลกตกลงที่จะลดก๊าซเรือนกระจก หรือการมุ่งเน้นการส่งเสริมการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะ อาทิ การส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ซึ่งล่าสุดได้มีการประกาศแผนการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยให้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศได้ 100% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศในปี 2035 หรือปี 2578 ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นของรัฐบาลที่จะไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

 

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ได้เข้าร่วมการประชุม COP26 และได้แสดงจุดยืนของประเทศไทย ที่ไทยจะก้าวไปสู่การเป็น net zero ในปี 2065 โดยที่ผ่านมาประเทศไทยทำเรื่องการปล่อยการลดก๊าซเรือนกระจกมาอย่างต่อเนื่อง ด้านความคือหน้าของการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ของประเทศนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างหามาตรการเพื่อส่งเสริมดังกล่าว ซึ่งภายในเดือนธันวาคมนี้ นโยบายจะได้ข้อสรุป และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไม่ว่าเป็นประเภทใด

 

3.Decentralization เป็นโอกาสของประเทศไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นโมเดลเศรษฐกิจที่ใช้ประโยชน์จากการกระจายฐานการผลิตของบริษัท และอุตสาหกรรมชั้นนำที่ต้องการลดความเสี่ยงจากการมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งจะทำให้เกิดคลื่นของการย้ายฐานการผลิต หรือกระจายฐานการลงทุนเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นการกระจายฐานการผลิตเป็นสิ่งจำเป็น

 

4.D-risk โดยไทยต้องปรับตัวรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลมากขึ้น โดยคนจะแสวงหาที่พำนัก และอยู่อาศัย หรือประกอบกิจการเป็นแหล่งที่ 2 ของกิจการหลัก ในประเทศที่มีความปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข และประเทศที่มีศักยภาพในการให้ความมั่นใจในเรื่องความมั่นคงด้านอาหารสูง โดยที่ผ่านมาประเทศไทยพึงพิงนักท่องเที่ยวระยะสั้น โดยต้องใช้นักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน เพื่อแสวงหารายได้ 2 ล้านล้านบาทจากต่างประเทศ และการท่องเที่ยวแบบ 40 ล้านคน มันมีต้นทุนแฝงในเรื่องสังคม ปัญหา และการทำลายทรัพยากร ดังนั้น จึงอยากทำการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ ยกระดับการท่องเที่ยวที่มีจำนวนน้อย แต่สร้างรายได้ และมูลค่าให้กับประเทศได้

 

ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการอย่างเต็มที่ในทุกด้าน แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ดังนั้น ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะนักลงทุนต่างประเทศและในประเทศ ว่ารัฐบาลจะไม่หยุดเดินหน้า โดยเฉพาะการดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย รวมถึงอยากให้ผู้ประกอบการไทยเชื่อมั่นและลงทุนในไทย เพื่อต่อยอดในสิ่งที่ดำเนินการอยู่แล้วด้วย เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตไปด้วยกัน เหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยปีหน้า สามารถกลับมาเติบโตได้ระดับ 5-6% ” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง