[สัมภาษณ์] ฐากูร ชาติสุทธิผล Head of FoodStory POS, LINE MAN Wongnai กับระบบจัดการร้านอาหารครบวงจร
ธุรกิจร้านอาหารถือว่าเป็นธุรกิจที่ใคร ๆ ก็สามารถลงมาเล่นในสนามแข่งขันนี้ได้เช่นกัน แต่จะมีเพียงแค่ไม่กี่ร้านอาหารที่สามารถจูงใจลูกค้าให้มาเป็นขาประจำจากรสชาติอาหารที่ถูกปาก เปิดร้านถูกจังหวะกระแสสังคม และความพิถีพิถันของร้าน
อย่างไรก็ดี สนามการแข่งขันของร้านอาหารในประเทศไทยถือเป็นสนามการแข่งขันที่ดุเดือด ดังนั้นร้านอาหารต่าง ๆ ก็ต้องมองหาระบบที่มาช่วยจัดการบริหารหลังบ้านจวบจนไปถึงหน้าร้าน
และระบบที่กำลังพูดถึงนั้นก็คือ POS (Point of Sale System) หรือระบบขายหน้าร้าน ซึ่งหลายคนอาจเห็นเครื่องมือนี้อยู่หน้าเคาน์เตอร์สั่งอาหารเป็นประจำ ช่วยให้การสั่งอาหารง่ายดายมากยิ่งขึ้น และการจ่ายเงินก็สะดวกเข้ากับยุคสมัยสังคมไร้เงินสด ใช้การสแกนจ่าย โดยเครื่องมือตัวนี้แหละที่เข้ามาทลายระบบร้านอาหารแบบเดิม ๆ ช่วยบริหารจัดการร้านอาหารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และวันนี้ beartai ก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับ ฐากูร ชาติสุทธิผล Head of FoodStory POS, LINE MAN Wongnai ซึ่งเขาพึ่งได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ LINE MAN Wongnai สด ๆ ร้อน ๆ และในวันนี้จะมาเจาะประเด็นว่าทำไมร้านอาหารในประเทศไทยต้องปรับตัวกับยุคสมัยใหม่ และเลือกใช้เทคโนโลยีมาใช้ในร้านอาหาร
จุดเริ่มต้นของ FoodStory
ฐากูร : เมื่อ 11 ปีที่แล้วนะครับทีมของพวกเราเริ่มต้นจาก 3 คนได้เห็นปัญหา Pain Point ว่าทำไมในประเทศไทยยังไม่มีระบบบริหารจัดการร้านอาหาร โดยเราก็มีเป้าหมายที่ต้องการสร้างระบบตัวหนึ่งที่สามารถจัดการทั้งหน้าร้าน และหลังร้านได้ครบจบในที่เดียวผ่านหน้าจอสมาร์ตโฟน และแท็บแล็ต
อย่างแรกที่เห็น Pain Point คือ ร้านอาหารส่วนใหญ่เลือกใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะสำหรับการจดออเดอร์ โดยที่พนักงานต้องเดินวุ่นภายในร้านทั้งรับออเดอร์ลูกค้า ติดตามออเดอร์ และเก็บเงินลูกค้า ซึ่งรูปแบบการทำงานทั้งหมดก็ต้องมาจมอยู่กับคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องที่มันไม่สะดวกเลยทีเดียว
ถ้ามันจะดีกว่ามั้ยถ้าย้ายระบบต่าง ๆ จากคอมพิวเตอร์ไปอยู่บนหน้าจอสมาร์ตโฟน และแท็บแล็ต ทั้งสามารถรับออเดอร์ส่งตรงไปยังห้องครัว, ติดตามความคืบหน้าออเดอร์ และเก็บเงินในแต่ละโต๊ะได้เช่นกัน ครบจบ All-in-One “นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ FoodStory และผมพร้อมกับทีมงานขอเป็นตัวแทนที่จะมาปฏิวัติวงการธุรกิจอาหารของประเทศไทย“
คำถามแรกที่เจ้าของร้านอาหารต้องพบเจอหลังจากเลือกใช้ POS
ฐากูร : เรื่องแรกคือความปลอดภัยที่เขาอาจจะมีความกังวลว่า ก่อนที่จะใช้มาระบบ POS ข้อมูลทุกอย่างก็จะอยู่ภายในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวทั้งหมด แต่พอมาใช้งานระบบ POS ข้อมูลทุกอย่างจะถูกจัดเก็บไว้บนระบบคลาวด์ ซึ่งอุปสรรคนี้เป็นเรื่องที่ทีมของพวกเราให้ความรู้กับผู้ประกอบการว่า การที่ข้อมูลทุกอย่างอยู่บนระบบคลาวด์จะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และเมื่อระบบมีการอัปเดตออกฟีเจอร์ใหม่เราก็สามารถส่งมอบให้ผู้ประกอบการได้ทันทีทันใด
คำถามต่อมาคือ การสมัครสมาชิกรายเดือน ที่ผู้ประกอบในสมัยนั้นอาจจะยังไม่คุ้นชินว่าทำไมเราจะต้องจ่ายค่าซอฟต์แวร์รายเดือน หรือรายปี ซึ่งต่อเนื่องกับคำถามก่อนหน้าเมื่อมีฟีเจอร์ใหม่ก็สามารถปล่อยอัปเดตได้ทันที และต้องอธิบายกับเจ้าของร้านอาหารว่า การสมัครสมาชิกในแต่ละขั้นพวกเขาจะได้สิทธิพิเศษสูงสุดคืออะไร และพวกเขาไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าสมัครสมาชิกรายเดือนราคาแพงตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งสิ่ง ๆ นี้ก็จะช่วยให้เขาสามารถเติบโตพร้อมกับธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อทุกอย่างคือ ‘ต้นทุน’ ทำไมเจ้าของร้านอาหารต้องเลือกใช้ POS
ฐากูร : ในเรื่องของต้นทุนคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด สมมติว่าอาหารราคา 100 บาท ต้นทุนอาหารก็คิดเป็น 30-35 บาทแล้วนะครับ ฉะนั้นเมื่อต้นทุนของอาหารเพิ่มขึ้นทุก ๆ ปีก็จะส่งผลต่อเรื่องกำไรเป็นอย่างมาก ซึ่งระบบ Inventory Management ของเราก็มาแก้ไขปัญหาเหล่านี้
โดยระบบ Inventory Management เป็นระบบเช็กสต็อก และ SKU (Stock keeping unit) ต่าง ๆ อย่างเช่น SKU หนึ่งรายการจะต้องมีการปรุงที่ในหนึ่งเมนูนั้นจะต้องมีการตวงวัตถุดิบเช่น น้ำตาลทราย น้ำปลา เกลือ แล้วเวลานับสต็อกสินค้าหลังร้านส่วนใหญ่จะเช็กแบบเป็นกลุ่มที่ซื้อมาเป็นลังภายใน 1 ลังก็มี 10 ถุง แต่เวลานำไปปรุงเราใช้การตวงด้วยช้อน ซึ่งระบบของเราก็มีความละเอียดที่สามารถเช็คได้ถึงขึ้นการตวงช้อน ทำให้ผู้ประกอบการสามารถตุนสต็อกหลังร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพไม่จำเป็นต้องเติมของมากจนเกินไป และยังช่วยลดปริมาณ Food Waste ได้ภายในตัว
จากผลตอบรับของผู้ประกอบการเจ้าของร้านอาหารพบว่าพวกเขาก็สามารถเพิ่มกำไรได้อยู่ที่ 2-9% ที่ขึ้นอยู่กับว่าเขาจัดการ Food Waste และปริมาณสต็อกได้มากน้อยเพียงได้
FoodStory POS มาอยู่ในชายคาเดียวกันของ LINE MAN Wongnai จะได้เห็นการพัฒนา POS อะไรใหม่ ๆ บ้างในอนาคต
ฐากูร : อย่างแรกเราได้เป็นพาร์ตเนอร์กับ LINE MAN Wongnai มาตั้งแต่ปี 2018 ที่พวกเราได้เรียนรู้ และพัฒนาธุรกิจร่วมกัน หลังจากการมาอยู่ชายคาเดียวกันยิ่งทำให้เราเนี่ยสามารถตัดสินใจได้เด็ดขาด เบ็ดเสร็จมากยิ่งขึ้น และมีเป้าหมายที่ตรงกัน ในก่อนหน้านี้ Wongnai POS ก็มีแพ็กเกจแบบรายวัน และ FoodStory POS ก็จะมีแพ็กเกจรายวันออกมาเช่นกันทำให้ผู้ประกอบการนั้นสามารถตัดสินใจเลือกใช้งานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ต่อมาคือเรื่องของการเชื่อมต่อ FoodStory POS เข้ากับหลังบ้าน LINEMAN Wongnai อย่างมีประสิทธิภาพเพราะการเชื่อมต่อทำให้ร้านอาหารสามารถเพิ่มรายได้ และยอดขายตาม ๆ กันไป
วิกฤตโรคระบาด ‘โควิด-19’
ฐากูร : ตั้งแต่การมาของโรคระบาดโควิด-19 พวกเราได้เห็นการเติบโต และการเปิดใหม่ของร้านอาหารที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการมาของร้านเปิดใหม่ก็มาพร้อมกับการปิดตัวเช่นกัน ในช่วงปีแรกก็มีการปิดตัวมากกว่า 50% และ 3 ปีต่อมาก็เพิ่มขึ้นอีก 65% พวกเราก็หวังที่จะเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีคู่ค้ากับร้านอาหารทำให้พวกเขาประกอบธุรกิจได้อย่างยั่งยืน
การมาของโรคระบาดทำให้เรายิ่งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ออกมาคือเรื่องการจ่ายเงินแบบไร้เงินสด ลดการสัมผัสคือการสแกน QR Code พร้อมเพย์ เพียงแค่เปิดแอปธนาคาร และสแกนจ่ายเงิน นอกจากนี้ก็มีการพัฒนาของการสั่งอาหารรูปแบบใหม่ สั่งอาหารผ่านเมนูเว็บไซต์ลูกค้าสั่งอาหารเข้าตรงไปที่ห้องครัว ลดภาระของพนักงาน ให้พนักงานสามารถทำงานบริการอื่น ๆ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และลดข้อผิดพลาดของการรับออเดอร์
การพัฒนาฟีเจอร์ที่กล่าวข้างต้นก็ทำให้ลดการสร้างขยะภายในร้าน และบิลใบเสร็จก็อยู่ในรูปแบบ Paper less มากขึ้น
การมาของ ‘แอปเป๋าตัง และโครงการคนละครึ่ง’
ฐากูร : ตอนที่รัฐบาลได้ประกาศโครงการคนละครึ่งออกมาเราก็ได้มีการเชื่อมต่อระบบหลังบ้านอย่างเบ็ดเสร็จในเวลาอันสั้นสนองความต้องการของเจ้าของร้าน และลูกค้า ผลตอบรับทำให้ร้านอาหารต่าง ๆ ที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมียอดขายมากกว่าร้านอื่น ๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ
และเราก็ดีใจมาก ที่เทคโนโลยีของเราสามารถทำให้ร้านอาหารทั่วประเทศสามารถผ่านวิกฤต
มาได้
คิดยังไงกับเทรนด์ AI และคิดจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาประยุกต์ใช้งานไหม
ฐากูร : ในมุมมองของ AI เรายังมีความกังวลเรื่องของข้อมูลร้านอาหารต่าง ๆ เพราะข้อมูลของบางร้านอาหารส่งผลต่อ Engagement ระหว่างพนักงาน และลูกค้า ซึ่งการนำ AI มาใช้อาจส่งผลให้การตอบรับ Engagement ลดลง และข้อกังวลของเรื่อง Data Privacy ในปัจจุบัน
แต่สิ่งที่หนึ่งที่เราได้ใช้งาน AI คือแสดงเรื่องสุขภาพร้านอาหารควรจะปรับตัวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และให้คำแนะนำเสริมเข้าไป พร้อมกับให้ AI ช่วยให้คำแนะนำเมนูร้านอาหารยอดนิยมเพื่อเพิ่มยอดขาย
มองเห็นภาพในอีก 5-10 ปีของธุรกิจร้านอาหารเปิดใหม่ภายในประเทศไทยยังไงบ้าง
ฐากูร : พวกเราไม่ได้มองภาพอนาคต 5-10 ปีเอาไว้ชัดเจนสักเท่าไหร่ เพราะว่าธุรกิจของร้านอาหารภายในประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีเรื่องใหม่ ๆ ให้ท้าทายอยู่เป็นประจำ อย่างที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุดคือ วิกฤตโรคระบาดโควิด-19 โดยเราได้วางแผน และพัฒนาระบบใหม่ ๆ ให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์แบบไม่คาดคิดในอนาคต เพื่อรองรับปัญหาของร้านอาหารบางร้านที่อาจปรับตัวไม่ทัน
ผมให้นิยาม 3 คำสำหรับคนเริ่มต้น Startup ต้อง ถึก ดื้อ และด้าน
FoodStory POS มีจุดเริ่มต้นจากบริษัท Startup มีมุมมอง หรือประสบการณ์ที่อยากจะแชร์บ้างไหมครับ
เพราะคุณต้องเผชิญกับชาเลนจ์ต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่มต้น มีทีมงานจำกัด เงินทุนจำกัด จากผลสำรวจในสหรัฐฯ Startup มากกว่า 90% ต้องปิดตัวลง มีเพียงแค่ 10% ที่อยู่รอดช่วงเริ่มต้น ซึ่งพวกคุณต้องมีแรงจูงใจ และมีความดื้อในการพัฒนา Solution ออกมาให้ได้เพราะ “เรานั้นกำลังนำพาสิ่งใหม่ ๆ สู่สายตาชาวโลก“
ซึ่งในความดื้อเนี่ยจะช่วยให้เราเนี่ยมีวิสัยทัศน์ตรงกับตอนแรกที่เราวางเอาไว้ นอกจากนี้เราก็ต้องรับฟังคำแนะนำจากคู่ค้าธุรกิจที่เราทำงานร่วมด้วย
จากประสบการณ์การทำ FoodStory POS เราก็ได้พาร์ทเนอร์ที่ดีจากคู่ค้าร้านอาหารชั้นนำของประเทศไทย ทำให้เรามีความรู้ และความเข้าใจธุรกิจอาหารที่มีสาขา และมีพนักงานหลักร้อยทำให้เราได้รับคำแนะนำไปสร้าง Core Product ออกมาจนถึงปัจจุบัน “สำหรับคนเริ่มต้นสตาร์ตอัพควรจะรับคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด” เพื่อนำมาปรับปรุง และมาเป็นแรงผลักดันสู่ความสำเร็จ