ไขรหัส NOBLE โตสวนโควิด โมเดลอสังหาฉีกแนวตลาด
ทันหุ้น – สู้โควิด – เปิดกลยุทธ์หัวเรือ NOBLE “ธงชัย” โตฝ่าวิกฤต กับโมเดลการทะยานต่อเนื่อง อึ้งต่างชาติแห่ซื้อคอนโดบริษัทแม้ไม่ได้เดินทางมาไทย ขณะที่การเปิดโครงการผลตอบรับดี แย้มออกโมเดลใหม่ซื้ออสังหาอังกฤษยกล็อตขายฮ่องกง-จีนเบ็ดเสร็จ รับ เสี่ยปู่-นเรศ เข้าใจโมเดลซื้อบิ๊กล็อต สเต๊ปต่อไปเจรจากองทุน ตั้งเป้ามาร์เก็ตแค๊ป 2 หมื่นล้าน เข้า SET 100
สปอร์ตไลท์กำลังจับจ้อง บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLEในฐานะอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังโดดเด่นท่ามกลางกระแสโควิด สามารถเปิดโครงการใหม่ได้ 3 โครงการ ในช่วงที่ทุกคนหยุดกับที่ แถมยอดขายพรีเซลสูงในระดับ 40-60% ถือว่าไม่น้อย
ไม่เพียงเท่านั้น NOBLE สร้างความฮือฮาเมื่อ 2 นักลงทุนรายใหญ่ เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล และ เสี่ยนเรศ งามอภิชน ได้เข้าซื้อบิ๊กล็อตคนละ 10 ล้านหุ้น จากผู้ถือหุ้นใหญ่ นายธงชัย บุศราพันธ์ และ นายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง เมื่อวันที่ 1 กันยายน ที่ราคาหุ้นละ 11.60 บาท ก่อนที่จะควบแรงจนล่าสุดอยู่ที่ 18.70 บาท
นายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และ (รักษาการ) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารงานบริหารองค์กร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยกับทีมงานทันหุ้นว่า ถึงสาเหตุที่ NOBLE โดดเด่นในวงการอสังหาริมทรัพย์ว่า เกิดจากความตั้งใจที่จะสร้างให้บริษัทมีโมเดลของการเติบโตอย่างไม่หยุด จากเดิมที่คนมองว่า NOBLE มีการขายโครงการไม่ต่อเนื่อง
“ก่อนหน้าผมเคยอยู่ใน NOBLE มาก่อน และ ซึ่งเมื่อผู้ถือหุ้นเดิมต้องการหยุด เราก็เข้ามาด้วยความตั้งใจที่จะช่วยพนักงานพี่น้องในองค์กร ถามว่ารู้ไหมว่าอสังหาริมทรัพย์อยู่จุดพีคช่วงนั้น รู้ แต่เรากลับมาเราก็มีวิธีคิดหนทางที่จะทำให้ NOBLE สามารถเติบโตได้อย่างเนื่องระยะยาว”
หนทางการปรับ NOBLE ก็คือการปรับโครงสร้างให้มีผู้ถือหุ้นต่างชาติเข้ามา ซึ่งได้ นายแฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง ที่มีประสบการณ์ด้านการขายอสังหาให้กับต่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ได้ผู้ถือหุ้นอย่าง BTS เข้ามา ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถที่จะมีโอกาสในด้านที่ดินโดยไม่ต้องตุนเงินซื้อ สามารถเลือกมาร่วมพัฒนาได้
ซึ่งนั้นทำให้ NOBLE ประสบความสำเร็จกับการขายคอนโดมีเนียมให้กับต่างชาติ จากพอร์ตก่อนหน้า NOBLE เป็นคอนโดหรูที่มีสัดส่วนต่างชาติ 3% วันนี้มีสัดส่วนต่างชาติถึง 35% และนั้นทำให้ NOBLE เป็นบริษัทที่มีมาร์เก็ตแชร์ของต่างชาติสูงถึง 1 ใน 3 ของตลาดอสังหาริมทรัพย์
แม้แต่กระทั้งโควิดที่เกิดขึ้นบริษัทก็ยังสามารถขายได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้ามา ซึ่งนายธงชัย ระบุว่า ทั้งตลาดฮ่องกง และ ตลาดจีน ขณะนี้มีกำลังเงินความต้องการอสังหาริมทรัพย์ของ NOBLE และเป็นตลาดผู้ซื้อจริง ไม่ได้มีการเหมายกชั้น ซื้อที่ละห้อง ซึ่งในส่วนของต่างชาติต้องวางดาวน์ 40% แสดงถึงความต้องการที่แท้จริง โดยบริษัทมีจุดเด่นทางด้านเอเยนต์ในต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้บริษัทสามารถเปิดโครงการท่ามกลางสถานการณ์โควิดได้
นายธงชัย บริษัทมองเห็นวิกฤตโควิดเหมือนรายอื่น แต่มันก็มาพร้อมกับโอกาส คือ 1.อัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำ, 2.ต้นทุนรับเหมาก่อสร้างลดลงเฉลี่ย 10%, และ 3.ราคาที่ดินในทำเลศักยภาพปรับตัวลดลง ทำให้บริษัทยังสามารถเมนเทนมาร์จิ้นได้สูงอัตรากำไรขั้นต้น 35% ขณะที่ราคาสามารถแข่งขันกับตลาดได้ และข้อดีการเปิดโครงการในช่วงวิกฤต นั้นคือเรามีอยู่เจ้าเดียว ซึ่งใครอยากได้คอนโดใหม่ก็ต้องมาที่เรา
นายธงชัย กล่าวแสดงความมั่นใจว่า จะสามารถสร้างรายได้รวมทั้งปี 2563 กว่า10,000 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอน มูลค่ากว่า 8,000 ล้านบาท และการขายยูนิตเพิ่มจาก 3 โครงการที่สร้างเสร็จอีกเพียง 1,400 ล้านบาท พร้อมกันนี้ตั้งเป้าภายใน 5 ปี (2563 - 2568) บริษัทจะมียอดขายเฉลี่ยปีละ 2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันประมาณ 1 หมื่นล้านบาท พร้อมคาดการณ์ยอดขายรวมทั้งปี 2564 ที่ประมาณ 1.5 หมื่นล้านบาท จากยอดขายรอโอน (Backlog) ณ ปัจจุบันที่ มากกว่า 15,000 ล้านที่จะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า
@ซื้ออสังหาอังกฤษขายจีน
นายธงชัย ระบุ กลยุทธ์การดำเนินงานในระยะ 5 ปี มี 3 แนวทาง คือ 1.พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาทอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีทั้งการลงทุนเอง และพัฒนาโครงการร่วมกับพันธมิตร, 2.พัฒนาโครงการแนวราบทั้งรูปแบบทาวน์โฮม ระดับราคาเฉลี่ยประมาณ 5 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับราคาเฉลี่ยประมาณ 10 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีแนวคิดที่จะพัฒนาโครงการแนวราบเพื่อให้กลุ่มลูกค้าต่างประเทศเช่าอยู่อาศัยในระยะยาวอีกด้วย, และ 3.ก้าวไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ ทั้งรูปแบบการเข้าไปซื้อโครงการที่พัฒนาแล้วมาจัดจำหน่าย, และเข้าไปร่วมพัฒนาโครงการ โดยเป็นวันสต็อปเซอร์วิสดูแลเรื่องสัญชาติด้วย เพื่อให้ได้รูปแบบที่เหมาะสมตรงต่อความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติของบริษัทแบ่งเป็น จีน 68% ฮ่องกง 14% ไต้หวัน 5% และอื่นๆ อีกราว 13%
“การไปลงทุนต่างประเทศ ปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดไปปักธงได้สำเร็จ จึงอยากเป็น “รายแรก” ที่ทำได้ เพราะในวิกฤติโควิด-19 มีข้อดีคือมีสินทรัพย์ราคาเหมาะสมให้เลือกเข้าไปลงทุน โดยเฉพาะในอังกฤษ ด้วยฐานลูกค้าที่บริษัทมีทั้งในจีน, ฮ่องกง, สิงคโปร์ ฯลฯ ทำให้มั่นใจว่าบริษัทไม่ได้คิดทำสิ่งที่เกินกำลัง และด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวไกลการพัฒนาแฟลตฟอร์ม “โนเบิล ดิจิทัล เซลล์” ขึ้นมาใช้ในการซื้อขายกับลูกค้าในตลาดต่างประเทศ เป็นเครื่องพิสูนจ์แล้วว่ากำลังซื้อจากต่างประเทศยังมีอีกมาก”
@ เสี่ยปู่-นเรศ รวยเข้าใจโมเดล
นายธงชัย ระบุถึงสาเหตุที่ เสี่ยปู่ และ เสี่ยนเรศ เข้ามาถือหุ้น เนื่องจากเห็นว่าราคาหุ้น NOBLE มีพีอีที่ต่ำเพียง 2 เท่าคนไม่รู้จัก จึงต้องการที่จะทำให้คนรู้จักมากขึ้น และได้มีการพูดคุย ซึ่งก็เป็นข้อมูลที่แสดงให้เห็นในงาน OPPORTUNITY DAY มาโดยตลอด โดยท่านทั้งสองเข้าใจ และก็ขอซื้อหุ้น ซึ่งจากนี้ต่อไปในแนวทางการต้องการที่จะทำให้กองทุนเห็นภาพ และเข้ามาซื้อหุ้น เช่นเดียวกัน โดยตั้งเป้าขึ้นไปมีมาร์เก็ตแค๊ป 20,000 ล้านบาท และเข้าไปอยู่ใน SET 100
นายธงชัย ยืนยันว่า โมเดลในการดำเนินธุรกิจนั้น จะไม่ได้ยึดติดกับพันธมิตรรายเดียว แต่จะขับเคลื่อนไปกับหลายๆ พันธมิตรได้ ส่วนในเรื่องการปันผล จากที่ผ่านมาก็จะพบได้ว่ามีแนวทางการปันผลออกมาเป็นจำนวนมากต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้จ่ายเงินปันผลงวดครึ่งแรกของปี 2563 ที่ 1.10 บาทต่อหุ้น นั้นหมายความว่า NOBLE เป็นทั้งหุ้น Growth stock, และ Dividend play ในเวลาเดียวกัน