รู้จัก "โรคตับ" สาเหตุการเสียชีวิตของ เจ ไพลิน
จากข่าว เจ ไพลิน อดีตนางเอกภาพยนตร์มือปืนโลกพระจัน นางแบบและนักแสดงชื่อดังยุค 90's ซึ่งเสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคตับ หลังเข้ารักษาตัวได้เกือบ 2 เดือน ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า วันนี้ trueID จะพาไปรู้จักกับ "โรคตับ" สาเหตุการเสียชีวิตของดาราดังกล่าว
โรคตับ (Liver disease)
เป็นโรคที่เกิดจากการที่ตับได้รับบาดเจ็บ หรือเกิดแผลเป็นแบบถาวร จนทำให้เป็นพังผืดขึ้นในเนื้อตับ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตับช้าลง
เริ่มตั้งแต่การผลิตโปรตีน การจัดการกับสารพิษในร่างกาย การไหลเวียนของเลือดที่ไหลผ่านตับไม่สะดวก หรือบางกรณีอาจปิดกั้นไปเลยก็มี ขึ้นอยู่กับอาการว่าเป็นหนักหนาแค่ไหน ทำให้ระบบการทำงานของร่างกายแปรปรวน และอาจนำพาให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้เช่นกัน
หน้าที่สำคัญของตับ
- ทั้งในการสะสมน้ำตาล
- สร้างน้ำย่อยอาหาร
- สร้างฮอร์โมนช่วยสร้างเกล็ดเลือดของไขกระดูก
- สร้างสารช่วยการแข็งตัวของเลือด
- สันดาป/สังเคราะห์โปรตีน และไขมัน
- และที่สำคัญ คือ ทำลายและกำจัดของเสียต่างๆออกจากร่างกายผ่านทางน้ำดี
อะไรเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ?
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ ได้แก่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- เป็นโรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง
- ทำงานที่เกี่ยวข้องกับสารพิษ และสารเคมีต่างๆโดยไม่รู้จักการป้องกัน
- ทำงานที่ต้องสัมผัสกับ เลือด สารคัดหลั่ง หรือใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น (เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี)
- การกินอาหารที่ขาดสุขอนามัย (เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ เอ)
- กินยาพร่ำเพรื่อ เสี่ยงต่อผลข้างเคียงของยา
- ชอบกินสมุนไพร หรือเห็ดแปลกๆ
- การเปลี่ยนคู่หลับนอน (เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบ บี)
- การสักตามร่างกาย หรือ เจาะร่างกายจากแหล่งบริการที่ไม่สะอาดพอ เพราะอาจเป็นสาเหตุการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี
- ได้รับเลือดจากผู้ป่วยที่เป็นโรคตับอักเสบ บี หรือ ไวรัสตับอักเสบ ซี
อาการแบบไหน? ที่บอกว่า เราอาจเป็นโรคตับ
- มีอาการอ่อนเพลีย นอนไม่ค่อยหลับ แต่มักจะรู้สึกง่วงในเวลากลางวัน รู้สึกเหนื่อยง่ายคล้ายคนไม่มีเรี่ยวแรง บางคนอาจจะมีอาการคลื่นไส้ เบื่ออาหารร่วมด้วย และมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เหมือนเวลาทานอาหารแล้วไม่ย่อย รวมทั้งเรอบ่อยขึ้น
- ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจขาดไปเลย หรือมาแบบไม่สม่ำเสมอ ทั้งที่ปกติไม่เคยเป็น ส่วนผู้ชายบางคนอาจมีอาการเต้านมขยาย มีอาการเจ็บที่เต้านม และบางคนอาจจะทำให้อัณฑะฝ่อตัว หรือสมรรถภาพทางเพศลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- อยู่ๆ มีอาการคันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพราะมีน้ำดีไปสะสมอยู่บริเวณผิวหนังส่วนนั้น เลยทำให้เกิดอาการคันตามตัวขึ้นมา
- ตัวเหลือง ตาเหลือง คล้ายกับคนเป็นดีซ่าน เพราะตับไม่สามารถทำหน้าที่ขับน้ำดีออกจากตับได้ จนทำให้มีการแพร่กระจายไปที่ตา และร่างกายจนตัวเหลือง
- มีอาการบวมเกิดขึ้นที่หลังเท้า แขนขา และหน้าท้อง เนื่องจากตับไม่สามารถสร้างโปรตีนในเลือดได้นั่นเอง
- เมื่อมีบาดแผลเกิดขึ้น จะทำให้เลือดออกง่ายกว่าปกติ และไม่ยอมหยุดไหลง่ายๆ เพราะตับไม่สามารถสร้างสารที่ทำให้เลือดแข็งตัวได้
- บางรายที่เริ่มมีอาการรุนแรงขึ้น อาจมีอาการอาเจียนเป็นเลือดเพราะความดันในตับสูง จนทำให้หลอดเลือดดำในหลอดอาหารมีความดันสูง ซึ่งหากความดันสูงมากก็จะทำให้หลอดเลือดดำแตกได้
- ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ทำให้เจ็บป่วย หรือติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
- มีอาการปวดแน่นที่ชายโครง รู้สึกร้อนวูบที่ช่องอก รวมไปถึงมีอาการตึงที่กล้ามเนื้อช่องท้อง จนเป็นที่มาของอาการปวดท้องน้อย
- ถ้าลองสังเกตบริเวณมุมปาก และริมฝีปาก จะเห็นว่ามีสีคล้ำผิดปกติ รวมไปถึงลิ้นก็จะออกสีม่วงคล้ำ และขอบลิ้นจะมีรอยกดทับของฟันด้วย
รักษาโรคตับอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคตับ คือ การรักษาสาเหตุ ร่วมกับการรักษาประคับประคองตามอาการ
- การรักษาสาเหตุ เช่น การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อโรคตับเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย การผ่าตัดเมื่อมีเนื้องอกในตับ การเลิกสุรา หรือการหยุดยา เมื่อโรคตับเกิดจากสุรา หรือ จากยา เป็นต้น นอกจากนั้นเมื่อตับสูญเสียการทำงานจนเกิด ภาวะตับวายเรื้อรัง การรักษาคือ การผ่าตัดเปลี่ยนตับ (Liver transplantation)
- การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาแก้ปวด หรือ ยาบรรเทาอาการคลื่น ไส้ อาเจียน ตามอาการ การทำผ่าตัดใส่ท่อระบายน้ำดีเมื่อมีตัว ตาเหลืองมากจากมีการอุดตันของทางเดินน้ำดีในตับ และการให้สารน้ำและอาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อกิน ดื่ม ได้น้อย เป็นต้น
ป้องกันโรคตับได้อย่างไร?
การป้องกันโรคตับสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะดังกล่าวแล้วในหัวข้อสาเหตุ /ปัจจัยเสี่ยงว่า สาเหตุสำคัญของโรคตับ คือ จากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ดังนั้นการป้องกันที่ประสิทธิภาพที่สุด คือ
- การไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือถ้าดื่มก็ต้องจำกัด เป็นครั้งคราวในปริมาณไม่มาก สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (ACS,American Cancer Society) แนะนำ จำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยในแต่ละวัน ผู้ชายไม่ควรดื่มเบียร์เกิน 350 มิลลิลิตร (มล.) ไวน์ไม่เกิน 150 มล. และสุรา ไม่เกิน 50 มล. ในผู้หญิงลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ชาย เพราะมีรูปร่างและน้ำหนักตัวน้อยกว่าผู้ชาย รวมทั้งสมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา (AHA,American Heart Association) ก็แนะนำการจำกัดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน
- การรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ ซึ่งรวมถึงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบทุกชนิดด้วยนอกจากนั้น ยังอาจป้องกันโรคตับได้จากการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น การไม่ใช้ยาพร่ำเพรื่อ การไม่กินเห็ดหรือสมุนไพรต่างๆที่ไม่รู้จัก การไม่ใช้สารเสพติด การป้องกัน ควบคุมและรักษาโรคต่างๆที่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำ คัญ ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
ข้อมูล : รพ.เปาโล , รพ.เกษมราษฎร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :