รีเซต

เตือนขุดแร่หายาก ไทยเสี่ยงวิกฤตสิ่งแวดล้อม จากเหมืองเถื่อนไร้มาตรฐาน

เตือนขุดแร่หายาก ไทยเสี่ยงวิกฤตสิ่งแวดล้อม  จากเหมืองเถื่อนไร้มาตรฐาน
TNN ช่อง16
28 ตุลาคม 2568 ( 09:30 )
19

ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์เกี่ยวกับ ผลกระทบสิ่งแวดล้อมมหาศาลจากการขุดแร่หายากแบบไร้มาตรฐาน

ดร.สนธิระบุว่า ข้อมูลจาก สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐอเมริกา (USGS) ปี 2567 ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ผลิต “แร่หายาก” มากเป็นอันดับ 4 ของโลก โดยพบแร่เหล่านี้สะสมอยู่ในหินแกรนิต ชั้นดินผุพัง และสายแร่ที่เกี่ยวข้องกับดีบุกและทังสเตน พื้นที่ที่มีศักยภาพในการพบแร่หายาก ได้แก่

  • ภาคเหนือ: เชียงราย แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่

  • ภาคตะวันตก: อุทัยธานี กาญจนบุรี

  • ภาคใต้: ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และสุราษฎร์ธานี

 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ประเทศไทย ยังไม่มีการขุดแร่หายากในเชิงพาณิชย์ มีเพียงการขุดหาแบบชาวบ้าน ซึ่งขาดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย

แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) มักได้มาจากกระบวนการทำเหมืองที่ต้อง ขุดหน้าดินจำนวนมากและใช้สารเคมีเข้มข้น เพื่อชะล้างโลหะออกจากหิน เช่น การใช้สารแอมโมเนียมซัลเฟตละลายธาตุหายากออกจากชั้นหิน ก่อนนำไปสกัดต่อด้วยสารเคมีอีกครั้ง กระบวนการนี้ก่อให้เกิด น้ำเสียที่ปนเปื้อนโลหะหนัก หากไม่มีการจัดการอย่างเหมาะสม น้ำเหล่านี้อาจไหลลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติและสร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

 

ผลกระทบจากการทำเหมืองแร่หายากที่ขาดมาตรฐาน รุนแรงและยาวนาน ทั้งการปนเปื้อนของดิน น้ำ และอากาศ ด้วยสารพิษและวัสดุกัมมันตรังสี เช่น ทอเรียม และ ยูเรเนียม ซึ่งอาจทำให้เกิดมลพิษในน้ำใต้ดิน ทำลายระบบนิเวศ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนในพื้นที่

 

ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานรัฐอย่าง กรมทรัพยากรธรณี และ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จำเป็นต้องเร่งจัดทำ มาตรการควบคุมและแนวทางปฏิบัติที่รัดกุม เพื่อให้การทำเหมืองเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น

  • การป้องกันและบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิต

  • การจัดการตะกอนหางแร่และกากของเสียที่อาจมีกัมมันตรังสี

  • การควบคุมไม่ให้ของเสียปนเปื้อนน้ำใต้ดินและน้ำผิวดิน

  • การป้องกันมลพิษทางอากาศจากฝุ่นและสารเคมี

นอกจากนี้ ต้องเปิดโอกาสให้ ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ว่าจะเห็นชอบให้มีการทำเหมืองหรือไม่ และ ทุกโครงการไม่ว่าจะมีขนาดใดก็ตาม ต้องจัดทำ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ทรัพยากรที่มีค่ากลายเป็นต้นเหตุของวิกฤตสิ่งแวดล้อมในอนาคต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง