“โลกร้อน” ทำโรคระบาด แต่ประเทศรวยกลับเมินเฉย ตอกย้ำความไม่เป็นธรรม

สภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ได้ส่งผลต่อธรรมชาติและเศรษฐกิจเท่านั้น หากยังส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของมนุษย์ทั่วโลก รายงานฉบับใหม่ที่จัดทำเพื่อการประชุม COP30 โดยนักวิทยาศาสตร์จากกลุ่ม Climate Amplified Diseases and Epidemics (CADE) ได้ชี้ชัดว่าภาวะโลกร้อนกำลังผลักดันให้โรคติดเชื้อหลายชนิดแพร่กระจายสู่พื้นที่ใหม่ ทั้งในแอฟริกา ยุโรป และภูมิภาคอื่นของโลก ความรุนแรงของปัญหานี้สะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างภูมิอากาศ ระบบนิเวศ พฤติกรรมมนุษย์ และสาธารณสุข ที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคโลกร้อน
หนึ่งในประเด็นหลักที่รายงานหยิบยกคือ การที่อุณหภูมิสูงขึ้นและรูปแบบฝนที่เปลี่ยนไปได้สร้างเงื่อนไขให้พาหะนำโรค เช่น ยุง เห็บ และแมลงวันดำ ขยายถิ่นฐานได้กว้างขึ้น ตัวอย่างสำคัญคือไวรัสชิคุนกุนยาที่เกิดการกลายพันธุ์ ทำให้แพร่ผ่านยุงลายชนิด Aedes albopictus ได้ง่ายขึ้น ซึ่งปัจจุบันพบมากในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้ เหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วอย่างน้ำท่วมและภัยแล้งยังทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล เปิดโอกาสให้เชื้อโรคในน้ำ เช่น Vibrio cholerae ที่ก่ออหิวาตกโรค เจริญเติบโตได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ภัยพิบัติจากภูมิอากาศยังกระตุ้นการอพยพครั้งใหญ่ ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องอาศัยในพื้นที่แออัด ขาดสุขอนามัย และมีความเสี่ยงสูงต่อโรคระบาดเดิมและโรคอุบัติใหม่ โดยเฉพาะในแอฟริกา ซึ่งมีระบบสาธารณสุขที่เปราะบาง
เพื่อตอบโต้ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้ รายงานชี้ถึงความสำคัญของเทคโนโลยีด้านการเฝ้าระวังโรคสมัยใหม่ โดยเฉพาะ “จีโนมิกส์” ซึ่งช่วยติดตามการเปลี่ยนแปลงของเชื้อโรคแบบเรียลไทม์ ความก้าวหน้าที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับโรคอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเสนอให้บูรณาการข้อมูลด้านภูมิอากาศ ระบบนิเวศ และพฤติกรรมของพาหะเข้ากับโมเดลคาดการณ์โรค เพื่อสร้างระบบเตือนภัยล่วงหน้า เช่น การใช้ข้อมูลพาหะและสิ่งแวดล้อมเพื่อคาดการณ์การกลับมาของไวรัส Oropouche ในลุ่มน้ำอเมซอน รวมถึงการนำแนวคิด One Health ซึ่งเชื่อมโยงสุขภาพของมนุษย์ สัตว์ และสิ่งแวดล้อมมาใช้ในการเฝ้าระวังโรคอย่างรอบด้าน
อย่างไรก็ตาม รายงานเตือนว่าหากรัฐบาลทั่วโลกไม่เร่งเสริมความแข็งแกร่งของระบบสาธารณสุข โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา การอพยพจากผลกระทบของสภาพภูมิอากาศที่คาดว่าจะสูงถึง 113 ล้านคนในแอฟริกาภายในปี 2050 อาจทำให้เกิดการระบาดถี่ขึ้นและควบคุมยากขึ้น การขาดแคลนวัคซีน การเข้าถึงบริการสุขภาพที่ไม่เท่าเทียม และการขาดระบบเฝ้าระวังโรคในระดับชุมชนจะยิ่งเพิ่มความเปราะบาง และทำให้ผู้ที่ยากจนที่สุดได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ท้ายที่สุด รายงาน COP30 เน้นว่านี่ไม่ใช่เพียงปัญหาสุขภาพ แต่คือประเด็น “ความเป็นธรรมทางสภาพภูมิอากาศ” เพราะประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งมีส่วนต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยที่สุด กลับเผชิญภาระจากโรคที่ทวีความรุนแรงมากที่สุด การประชุม COP30 โดยเฉพาะการประกาศใช้ Belém Health Action Plan จึงเป็นโอกาสสำคัญในการผลักดันให้ประเทศอุตสาหกรรมรับผิดชอบมากขึ้น และร่วมกันสร้างระบบสาธารณสุขที่สามารถต้านทานความเสี่ยงจากโรคอุบัติใหม่ในโลกที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
