รีเซต

กู้เงินด่วน ยืมเงินออนไลน์ ต้องรู้ก่อนกู้! สินเชื่อถูกกฎหมาย ได้เงินจริง อนุมัติไว ไม่พลาดเงินก้อน

กู้เงินด่วน ยืมเงินออนไลน์ ต้องรู้ก่อนกู้! สินเชื่อถูกกฎหมาย ได้เงินจริง อนุมัติไว ไม่พลาดเงินก้อน
Ingonn
16 พฤศจิกายน 2564 ( 11:49 )
18.1K
3

หากใครกำลังมองหา "สินเชื่อธนาคาร" "เงินด่วนออนไลน์โอนเข้าบัญชี ได้จริง" หรือ "ยืมเงินด่วน 30 นาที" ซึ่งในรูปแบบการกู้เงินเหล่านี้ มักมีรายละเอียด และการขอเอกสารที่คล้ายกัน แต่หากต้องการ เงินด่วน อนุมัติไว การมีหลักฐานและการทำความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ การกู้เงิน จะทำให้เราได้รับเงินในจำนวนที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว 

 

วันนี้ TrueID จึงได้นำข้อมูลดีๆจาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ศคง. ที่ได้รวบรวมสิ่งที่ควรรู้ ก่อนกู้เงิน กู้สินเชื่อ หากเรารู้ทัน รักษาเครดิตดี โอกาสในการได้เงินก้อน ต้องมีแน่นอน จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

 

 

คำนวณเงิน ก่อนกู้ 

ก่อนจะตัดสินใจกู้เงิน เราควรรู้ก่อนว่าจะผ่อนได้งวดละเท่าไร / จะกู้ได้ประมาณเท่าไร / ต้องผ่อนนานแค่ไหน โดยทางศคง. ได้ทำโปรแกรมคำนวณเงินกู้ไว้ให้แล้ว

โปรแกรมคำนวณเงินกู้ คลิก

 

เปิดสาเหตุ ทำไมขอ "สินเชื่อไม่ผ่าน"  แม้ข้อมูลครบ ประวัติดี

1. นโยบายการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจ แต่ละแห่งที่แตกต่างกัน
2. ภาระหนี้ที่มีอยู่ และความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อ หากมีภาระหนี้สินอยู่มาก หรือมีรายได้ต่ำก็อาจมีโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้มาก ซึ่งผลต่อการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
3. ประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมาของลูกหนี้
4. หลักประกันความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ เช่น ผู้ค้ำประกันมีความสามารถในการชำระหนี้ต่ำ หรือหลักทรัพย์ค้ำประกันไม่เพียงพอ

 

หากผู้ขอสินเชื่อถูกปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน สามารถขอทราบเหตุผลของการไม่อนุมัติสินเชื่อจากสถาบันการเงินเป็นลายลักษณ์อักษรได้ เพื่อให้ผู้ขอสินเชื่อมีข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ปรับปรุงศักยภาพ และสามารถขอสินเชื่อได้ใหม่ในอนาคต เช่น รายได้ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ มูลหนี้คงค้างสูงเกินไป

 

ในกรณีการขอสินเชื่อเพื่อการประกอบธุรกิจ หากถูกปฏิเสธสินเชื่อ ก็สามารถขอรับคืนเอกสารสำคัญที่เคยยื่นไว้เพื่อประกอบการพิจารณาสินเชื่อได้ เช่น งบการเงิน แผนประกอบธุรกิจ รายละเอียดหลักประกัน โดยสถาบันการเงินจะต้องคืนให้ภายในเวลาอันควร

 

* ไม่ใช้บังคับกับ Non-bank ที่เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อบัตรเครดิต

 

 

ขั้นตอนการเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนกู้สินเชื่อ

 

เอกสารที่ใช้ในการขอสินเชื่อ

เอกสารประจำตัว

  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาทะเบียนสมรส ทะเบียนหย่า หรือใบมรณบัตร
  • สำเนาหลักฐานการเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
  • กรณีนิติบุคคล อาจใช้สำเนาทะเบียนการค้า หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล

 

ผู้มีรายได้ประจำ

  • ใบรับรองเงินเดือน หรือหลักฐานการรับ/จ่ายเงินเดือนจากนายจ้าง
  • สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร

 

ผู้มีอาชีพอิสระ

  • กรณีเป็นสัญญาจ้าง อาจใช้สำเนาสัญญาว่าจ้างและหลักฐานการจ่ายเงินค่าจ้าง
  • กรณีเป็นแพทย์ ทนายความ ผู้สอบบัญชี วิศวกร สถาปนิก ควรแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพด้วย
  • บัญชีเงินฝาก พร้อมใบแจ้งยอดบัญชี หรือสเตทเมนต์ (statement) ของบัญชีเงินฝากของตนเองหรือของกิจการย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน
  • หลักฐานรายได้หรือทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ใบหุ้น พันธบัตรรัฐบาล บัญชีเงินฝากธนาคาร

 

นิติบุคคล

  • สำเนางบการเงินปีล่าสุด และย้อนหลังไม่น้อยกว่า 3 ปี
  • สำเนาแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปี
  • สำเนาเอกสารสิทธิในทรัพย์สินที่เสนอเป็นหลักประกัน
  • แผนที่แสดงที่ตั้งสถานประกอบการ

 

เอกสารอื่น ๆ  เช่น 

  • สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย หรือสัญญามัดจำ
  • สำเนาโฉนดที่ดิน หรือสำเนาหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
  • สัญญากู้เงิน และสัญญาจำนองจากสถาบันการเงินเดิม
  • ในกรณีมีผู้กู้ร่วม จะต้องมีหลักฐานประจำตัว และหลักฐานรายได้ของผู้กู้ร่วม
  • ในกรณีที่ขอสินเชื่อเพื่อธุรกิจ สิ่งที่จำเป็นคือแผนธุรกิจ เช่น แผนธุรกิจของ SMEs แผนโครงการที่ต้องการดำเนินการ
  • แบบคำยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เพื่อขอตรวจสอบประวัติเครดิตจาก เครดิตบูโร และนำมาวิเคราะห์การให้วงเงินสินเชื่อที่เหมาะสม
  • แบบคำขออนุญาตให้เจ้าหน้าที่ของผู้ให้สินเชื่อติดต่อ แนะนำสินค้าอื่น หรือให้ข้อมูลแก่ผู้อื่น ซึ่งเรามีสิทธิเลือกที่จะลงนามหรือไม่ก็ได้
  • ใบคำขอประเภทอื่น เช่น คำขอมีบัตรกดเงินสด สินเชื่อส่วนบุคคล หรือบริการแจ้งเตือน SMS

 

เกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อ

สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะใช้หลัก 5 Cs หากผู้ขอสินเชื่อมีอาชีพการงานและรายได้มั่นคง ไม่มีหนี้สิน มีความสามารถในการชำระหนี้ การขอสินเชื่อสามารถขอได้ตามเงื่อนไขของธนาคาร แต่หากไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคง ไม่มีเอกสารใบรับรองเงินเดือน โอกาสการได้เงินกู้ยังคงมีอยู่ เพราะอาจใช้หลักฐานทางการเงินอื่น ๆ ทดแทนได้ เช่น ใบแจ้งยอดบัญชี หรือสเตทเมนต์ (Statement) ของบัญชีเงินฝาก โดย หลัก 5 Cs ในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อมีดังนี้


1.Character 

คุณลักษณะและความน่าเชื่อถือของผู้ขอสินเชื่อ วินัยในการใช้และการชำระสินเชื่อในอดีต ซึ่งบอกถึงความสามารถในการใช้หนี้และการบริหารจัดการสินเชื่อ เช่น ในกรณีบุคคลธรรมดาอาจพิจารณาอายุ อาชีพ สถานะภาพสมรส ส่วนกรณีผู้ขอสินเชื่อประกอบธุรกิจอาจพิจารณาประเภทของธุรกิจ ประวัติของผู้บริหาร ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ


2.Capacity

ความสามารถในการจ่ายชำระหนี้คืนได้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ รวมถึงความมั่นคงของรายได้ที่จะนำมาชำระหนี้ในอนาคต เช่น รายได้ในปัจจุบัน ภาระหนี้สินที่มีอยู่ ประวัติการชำระยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่ออื่น ๆ

 

3.Capital

เงินทุน สินทรัพย์ หรือเงินฝากของผู้ขอสินเชื่อ เพื่อเป็นหลักประกันการให้กู้ยืม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสินเชื่อธุรกิจ แม้ว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะไม่ใช่แหล่งเงินสำหรับชำระหนี้ แต่จะเป็นแหล่งเงินสำรองสำหรับการชำระหนี้ของผู้ขอสินเชื่อในกรณีที่เกิดปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้


4.Collateral

ผู้ค้ำประกันหรือหลักประกันที่ผู้ขอสินเชื่อนำมาจำนำ หรือจำนองเพื่อให้สถาบันการเงินมีความมั่นใจและลดความเสี่ยงหากผู้ขอสินเชื่อไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ซึ่งสามารถให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทนหรือนำหลักประกันมาขายทอดตลาดได้ตามที่กฎหมายกำหนด


5.Conditions

ปัจจัยภายนอกที่มีผลกระทบต่อรายได้ของผู้ขอสินเชื่อ เช่น เศรษฐกิจ เงินเฟ้อ ความมั่นคงในรายได้และการงาน ปัญหาสงคราม สิ่งแวดล้อม ที่มีผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของโครงการลงทุนหรือรายได้ของผู้ขอสินเชื่อ ซึ่งจะมีผลต่อความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต

 

คิดจะค้ำประกันให้ใคร ต้องถามให้เคลียร์

 

การค้ำประกันและหลักประกัน

การค้ำประกันและหลักประกันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผู้ให้สินเชื่ออาจใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อ เพื่อให้มั่นใจว่าหากผู้ขอสินเชื่อชำระหนี้ไม่ได้ สถาบันการเงินยังมีทางที่จะได้เงินคืน เช่น สามารถยึดหลักประกันมาขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ที่ค้างอยู่ หรือให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้แทน โดยหลักทรัพย์ที่นิยมนำมาเป็นหลักประกัน เช่น เงินฝาก พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงิน หุ้นกู้ และอสังหาริมทรัพย์ ในกรณีสินเชื่อที่มีบุคคลค้ำประกัน สถาบันการเงินก็จะพิจารณาถึงความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ค้ำประกันประกอบด้วย

 

สิ่งที่ควรทำเมื่อเป็นผู้ค้ำประกัน

1. อ่านเงื่อนไขในการค้ำประกันให้ละเอียด 

2. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับขอบเขตความรับผิดชอบในฐานะผู้ค้ำประกัน 

3. ตรวจสอบความถูกต้องของวงเงินและประเภทของสินเชื่อที่ค้ำประกันที่ระบุในสัญญา ซึ่งแบงก์ชาติกำหนดว่าจะต้องระบุวงเงินของเงินต้นที่ค้ำประกันในสัญญาให้ชัดเจน และห้ามทำข้อตกลงว่าให้ผู้ค้ำประกันทำสัญญาค้ำประกันแบบไม่จำกัดจำนวน 

4. หากสงสัยอะไรรีบถามก่อนลงชื่อในสัญญา

 


​​​​​​หากมีความจำเป็นต้องขอสินเชื่อ สิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราต้องพิจารณาคือความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง จากนั้นจึงเลือกประเภทของสินเชื่อให้เหมาะสมกับความต้องการ แล้วทำความเข้าใจในกระบวนการและเงื่อนไขในการขอสินเชื่อ เพื่อให้เราสามารถเตรียมตัวให้พร้อมและได้รับอนุมัติสินเชื่อตามที่ยื่นขอ

 

 

ข้อมูลจาก ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ศคง.

 

 

 

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

 

ทุกประเด็นร้อนข่าวสาร สาระ ทันเหตุการณ์ พูดคุยกันได้ 24 ชม.

คลิกเลย >>> TrueID Community <<<

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง