รีเซต

SAVลุ้นงานใหม่1.28พันล้าน บริหารน่านฟ้าเตโชดันงบQ3

SAVลุ้นงานใหม่1.28พันล้าน บริหารน่านฟ้าเตโชดันงบQ3
ทันหุ้น
23 กันยายน 2568 ( 18:14 )

#SAV #ทันหุ้น – SAV คาดหวังโครงการป้องกันวัตถุแปลกปลอม 1.28 พันล้านบาท จ่อเปิดประมูลต้นตุลาคม 2568 นี้ และทราบผลภายในกลางเดือน หนุนเป็นรายได้ทยอยเข้าชัดปีหน้า ส่วนงานตัวแทนขายเรดาร์เดินหน้าลุยครึ่งปีหลัง พร้อมส่งซิกสนามบินนานาชาติเตโชคึกคักจราจรน่านฟ้ากัมพูชาส่งผลบวกงบไตรมา 3/2568 ฟากโบรกชี้มีอัพไซด์เสริมเป้าพื้นฐาน 15.20 บาท

                นายรัฐนันท์  วิไลลักษณ์  ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาธุรกิจและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART และในฐานะฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV เปิดเผยกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทในฐานะผู้ดำเนินธุรกิจถือหุ้นในกิจการบริหารจัดการควบคุมการจราจรทางอากาศทั่วน่านฟ้าประเทศกัมพูชา ได้วางกลยุทธ์เพิ่มฐานรายได้อื่นที่เกี่ยวเนื่องขยายการเติบโต โดยโครงการป้องกันวัตถุแปลกปลอม (FOD) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และภูเก็ต ร่วมมือกับ บริษัท แดน-ไทย อีควิปเม้นท์ จำกัด มูลค่าโครงการ 1,280 ล้านบาท

@ลุ้นโอกาสคว้าประมูล

                ที่ผ่านมาการเปิดประมูลล่าช้ากว่าคาดหวังสืบเนื่องจากผลกระทบการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ทว่าล่าสุดประเทศไทยมีคณะรัฐบาลใหม่ที่พร้อมทำหน้าที่ต่อเนื่องแล้ว ดังนี้จึงคาดการณ์กำหนดการเปิดประมูลจะเป็นช่วงราวต้นเดือนตุลาคมที่กำลังจะมาถึงนี้ และการพิจารณาผลประมูลจะชัดเจนในช่วงกลางเดือนเดียวกันนี้ โดยหากบริษัทได้รับโครงการนี้การทยอยรับรู้รายได้จะเกิดขึ้นในปี 2569 และปีถัดไป

                นอกจากนี้บริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายเรดาร์ที่ได้รับอนุญาตใน TCML แล้ว คาดหวังโครงการจะเปิดประมูลช่วงปลายไตรมาส 3/2568 ถึงต้นไตรมาส 4/2568 ขนาดโครงการ 1100 เมกะไบต์

                สำหรับการจัดตั้งบริษัทสาขาในสปป. ลาว คือ LSAV ก็คาดหวังว่าภายในไตรมาส 3/2568 หรือ 4/2568 จะมีความคืบหน้า หลังจากรัฐบาลลาว ปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้โดยแผนงานหลังลงนามบันทึกความเข้าใจ MOU แล้ว จะใช้เวลา 4 เดือนการเซ็นสัญญาการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน PPP และจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ถึงจะเปิดเริ่มดำเนินการได้

@สนามบินเตโชหนุนQ3

                ด้านสนามบินนานาชาติเตโช ของประเทศกัมพูชา ที่เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการไปแล้ว โดยสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 13 ล้านคนต่อปี ทดแทนสนามบินหลักแห่งเดิม คือ สนามบินนานาชาติพนมเปญ ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการบินของกัมพูชามาเกือบ 70 ปี สามารถจุผู้โดยสารได้เพียง 2 ล้านคนต่อปีเท่านั้น ย่อมจะส่งผลดีสืบเนื่องมาถึงผลประกอบการ SAV ตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 นี้เช่นกัน เพราะกิจกรรมการบินในประเทศกัมพูชามีแนวโน้มสูงขึ้นทันที รวมถึงนับเป็นการเร่งการท่องเที่ยวให้กลับมาใช้บริการการบินมากขึ้น อีกทั้งทิศทางเศรษฐกิจประเทศรอบข้างกัมพูชา เช่น เวียดนาม และจีน ก็กำลังดีขึ้นด้วยเป็นผลดีต่อปริมาณเที่ยวบินผ่านน่านฟ้า หรือ Overflight  

                นายรัฐนันท์  ยังระบุก่อนหน้านี้อีกว่า เป้าหมายผลการดำเนินงานปี 2568 ของ SAV เชิงรายได้จะขยายตัวจากปี 2567 ที่เคยทำได้ 1,770.86 ล้านบาท โดย 6 เดือนแรกทำไปแล้ว 987.26 ล้านบาท และมีกำไร 271.63 ล้านบาท

@โบรกส่องสตอรี่หนุนเป้า

                นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด ระบุถึง SAV ว่า  คาดกำไรปกติครึ่งหลังปี 2568 จะยังเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อนได้ตามภาพรวมอุตสาหกรรม โดยมีปัจจัยหนุนจากการย้ายไปให้บริการที่สนามบินนานาชาติเตโชที่จะเพิ่มความสามารถในการรองรับจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารมากัมพูชา              

                ขณะที่ในเบื้องต้นคาด SAV จะมีรายการตัดจำหน่ายอุปกรณ์จากการปิดสนามบินนานาชาติพนมเปญรวมอีกราว 6-8 ล้านบาท ในงบไตรมาส 3/2568 แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรปกติ อย่างไรก็ตามประมาณการกำไรปกติไตรมาสนี้ลดลงจากไตรมาส 2/2568 ด้วยสถานการณ์ไทย-กัมพูชาในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม ที่ทำให้บางสายการบินเปลี่ยนเส้นทางบินหรือยกเลิกเที่ยวบิน คาดกดดันให้จำนวนเที่ยวบิน International และ Overflight ลดลง แต่คาดกำไรปกติ จะกลับมาเติบโตเทียบไตรมาสก่อนหน้า อีกครั้งไตรมาส 4/2568  ที่เริ่มเข้า High Season

                 ประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 534 ล้านบาท เพิ่ม 12% จากปีก่อน SAV ยังมี Upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการ จากการเพิ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินในปีนี้ ได้แก่ 1.ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ Radar ให้กลุ่มลูกค้าประเทศ CLMV 2.แผนการเข้าประมูลงานของ AOT และ 3.โครงการให้บริการจราจรทางอากาศในลาว แนะนำ “ซื้อ” ราคาอิงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2568 ที่ 15.20 บาท

ข่าวที่เกี่ยวข้อง