KLINIQ จับตางบ Q3 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น

#KLINIQ #ทันหุ้น - KLINIQ สดใส คาดกำไรไตรมาส 3/2568 โตต่อเนื่อง หลัง “Cash Sales” ทำสถิติสูงสุดใหม่ พร้อมรับแรงหนุนการเติบโต SSSG และขยายสาขาใหม่ หนุนฐานลูกค้าพุ่งขึ้น ส่องกำไรปีนี้ที่ 367 ล้านบาท ส่วนปีหน้า 427 ล้านบาท ให้เป้า 33.00 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทาง บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ได้ปรับมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มของบริษัท คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 (3Q/68E) จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจาก “Cash Sales” ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)
** ผลงานโตต่อเนื่อง
ขณะที่คาดการณ์ผลประกอบการ 3Q/2568E โตต่อเนื่อง ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ 1. รายได้ขยายตัว ทั้ง YoY และ QoQ จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) การขยายสาขา โดยจำนวนสาขาใน 3Q/2568E คาดว่าจะอยู่ที่ 80 สาขา (เทียบกับ 77 สาขาใน 2Q/68 และ 69 สาขาใน 3Q/67) และที่สำคัญคือ Cash Sales ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะแบรนด์ L.A.B. X และ L’Clinic ที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าใหม่ และลูกค้าเลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่เป็น Chain มากขึ้นจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ หลังจากคลินิกความงามขนาดเล็กบางแห่งปิดตัวลง
2. อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัว และ 3. อัตราส่วน SG&A ต่อรายได้ (SG&A to Sales) ทรงตัว QoQ เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้รวมถึงการรับรู้ค่าใช้จ่ายตัดจำหน่าย (Write-Off) จากการปิด The Klinique ที่ One Bangkok ซึ่งคาดการณ์ไว้ประมาณ 2.5 ล้านบาท
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาส 4/2568 (4Q/68E) จะเป็นจุดสูงสุดของปี เนื่องจากรายได้คาดว่าจะทำ All Time High ต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้ามีความนิยมในการทำความสวยความงามก่อนช่วงปีใหม่ และ GPM มีการขยายตัว
** เคาะกำไร 367 ล.
ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2568 ไว้ที่ 367 ล้านบาท (+14% YoY) และปี 2569 ที่ 427 ล้านบาท (+16% YoY)
• ปี 2568E : กำไรสุทธิได้รับการสนับสนุนจากรายได้รวมที่คาดว่าจะโต +12% YoY จากการเติบโตในทุกแบรนด์และการขยายสาขา 11 สาขา และ GPM ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสาขาที่เปิดในปี 2567 พลิกเป็นกำไร และมีการเปิดสาขาน้อยกว่าปีก่อน (ปี 67 เปิด 20 สาขา) ทำให้ GPM ไม่ถูกกดดัน
• ปี 2569E : กำไรสุทธิได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่ขยายตัว +14% YoY จากการขยายสาขา 10 สาขา และ SSSG ที่ขยายตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ” (BUY) และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 33.00 บาท โดยอิงกับ 2569E PER ที่ 17 เท่า ณ ราคาปัจจุบันที่ 29.50 บาท หุ้น KLINIQ ซื้อขายอยู่ที่ 2569E PER 15.2 เท่า DAOL SEC มองว่า Valuation น่าสนใจ และยังไม่สะท้อนกำไรในปี 2568E-2569E ที่คาดว่าจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
