รีเซต

KLINIQ จับตางบ Q3 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น

KLINIQ จับตางบ Q3 ทำสถิติสูงสุดใหม่ ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
ทันหุ้น
23 กันยายน 2568 ( 23:40 )
4

                บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินทิศทาง บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ KLINIQ ได้ปรับมุมมองเป็นบวกมากขึ้นต่อแนวโน้มของบริษัท คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2568 (3Q/68E) จะขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และไตรมาสก่อน (QoQ) โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักจาก “Cash Sales” ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)

            ขณะที่คาดการณ์ผลประกอบการ 3Q/2568E โตต่อเนื่อง ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยสำคัญหลายประการ  1. รายได้ขยายตัว ทั้ง YoY และ QoQ จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) การขยายสาขา โดยจำนวนสาขาใน 3Q/2568E คาดว่าจะอยู่ที่ 80 สาขา (เทียบกับ 77 สาขาใน 2Q/68 และ 69 สาขาใน 3Q/67) และที่สำคัญคือ Cash Sales ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยเฉพาะแบรนด์ L.A.B. X และ L’Clinic ที่มีการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของฐานลูกค้าใหม่ และลูกค้าเลือกใช้บริการจากผู้ให้บริการที่เป็น Chain มากขึ้นจากความเชื่อมั่นในแบรนด์ หลังจากคลินิกความงามขนาดเล็กบางแห่งปิดตัวลง

                2. อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ขยายตัว และ 3. อัตราส่วน SG&A ต่อรายได้ (SG&A to Sales) ทรงตัว QoQ เนื่องจากบริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้รวมถึงการรับรู้ค่าใช้จ่ายตัดจำหน่าย (Write-Off) จากการปิด The Klinique ที่ One Bangkok ซึ่งคาดการณ์ไว้ประมาณ 2.5 ล้านบาท

                นอกจากนี้ คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาส 4/2568 (4Q/68E) จะเป็นจุดสูงสุดของปี เนื่องจากรายได้คาดว่าจะทำ All Time High ต่อเนื่อง จากการที่ลูกค้ามีความนิยมในการทำความสวยความงามก่อนช่วงปีใหม่ และ GPM มีการขยายตัว

            ทางฝ่ายยังคงประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2568 ไว้ที่ 367 ล้านบาท (+14% YoY) และปี 2569 ที่ 427 ล้านบาท (+16% YoY)

                • ปี 2568E : กำไรสุทธิได้รับการสนับสนุนจากรายได้รวมที่คาดว่าจะโต +12% YoY จากการเติบโตในทุกแบรนด์และการขยายสาขา 11 สาขา และ GPM ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสาขาที่เปิดในปี 2567 พลิกเป็นกำไร และมีการเปิดสาขาน้อยกว่าปีก่อน (ปี 67 เปิด 20 สาขา) ทำให้ GPM ไม่ถูกกดดัน

                • ปี 2569E : กำไรสุทธิได้รับการสนับสนุนจากรายได้ที่ขยายตัว +14% YoY จากการขยายสาขา 10 สาขา และ SSSG ที่ขยายตัว คงคำแนะนำ “ซื้อ” (BUY) และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 33.00 บาท โดยอิงกับ 2569E PER ที่ 17 เท่า ณ ราคาปัจจุบันที่ 29.50 บาท หุ้น KLINIQ ซื้อขายอยู่ที่ 2569E PER 15.2 เท่า DAOL SEC มองว่า Valuation น่าสนใจ และยังไม่สะท้อนกำไรในปี 2568E-2569E ที่คาดว่าจะเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง