SCB เล็ง Q3 แตะ 1.2 หมื่นล. กำไรการเงิน-ลดสำรอง

#SCB #ทันหุ้น – SCB จ่อโชว์งบไตรมาส 3/2568 กำไรโตแรง 16.1% แตะ 1.2 หมื่นล้านบาท รับแรงหนุนกำไรเครื่องมือการเงิน–สำรองลด แม้สินเชื่อหดตัว–NIM กดดัน ด้าน TTB เคาะจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.066 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 6 ตุลาคม จ่าย 22 ตุลาคม 2568 ส่อง KBANK-KTB โดดเด่นขึ้นแท่นหุ้นแนะนำ ขณะที่ BBL ถูกหั่นเหลือ “TRADING”
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุถึง บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) คาดจะมีกำไรไตรมาส 3/2568 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% YoY จากกำไรจากเครื่องมือทางการเงินเพิ่มขึ้น และมีการตั้งสำรองลดลง ถึงแม้จะคาดว่ารายได้ดอกเบี้ยจะลดลงตามการหดตัวของสินเชื่อ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และค่าใช้จ่ายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่รายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
สินเชื่อในเดือนสิงหาคม ของ SCB กลับมาหดตัว 1.1% MoM จากเดือนก่อนที่ทรงตัว และทำให้สินเชื่อหดตัวจากสิ้นปี 2567 เพิ่มเป็น 1.5% YTD ซึ่งทำให้คาดว่า NPL อาจจะยังลดลงได้จากไตรมาสก่อนที่มีอยู่ 3.31%
ถึงแม้จะปรับลดประมาณการสินเชื่อปี 2568 ลงเป็น -2% จากเดิมคาดไว้ที่ +3% แต่กำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่สูงกว่าคาดมาก ทำให้ปรับประมาณการกำไรปี 2568 ขึ้นเป็น 4.93 หมื่นล้านบาท และปรับไปใช้ราคาพื้นฐานปี 2569 ที่ 135 บาท เหลือส่วนต่างเพิ่มมากขึ้น
*TTB จ่ายปันผล 0.066 บ.
ด้านธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท อนุมัติจ่ายปันผลระหว่างกาล ในอัตรา 0.066 บาทต่อหุ้น วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record Date) 7 ตุลาคม 2568 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 6 ตุลาคม 2568 กำหนดจ่ายปันผลวันที่ 22 ตุลาคม 2568
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยรับที่ลดลงจะกดดันผลดำเนินงานในไตรมาส 3/2568 ของกลุ่มธนาคาร โดยยังเห็นธนาคารส่วนใหญ่ใช้วิธีพักสภาพคล่องส่วนเกินไว้ในตลาดเงินและสินทรัพย์ลงทุน ทำให้เห็นรายการดังกล่าวปรับขึ้น 1.8% MoM และ 8.5% MoM ซึ่งปกติผลตอบแทนจะต่า กว่าการปล่อยสินเชื่อกดดันภาพของ NIM เพิ่มเติมในไตรมาส 3/2568 แต่ผลกระทบบางส่วนจะถูกชดเชยด้วยฐานเงินฝากของกลุ่มที่รอบนี้เริ่มทรงตัว MoM หลังเพิ่มขึ้นในเดือนกรกฎาคม เพราะหน่วยงานรัฐ มีการลดเงินฝากลงชั่วคราวก่อนปิดปีงบประมาณ รวมถึงธนาคารมีสภาพคล่องมากพออยู่แล้ว ทำให้การแข่งขันด้านเงินฝากผ่อนคลายลง
เบื้องต้นคาดแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มธนาคารในไตรมาส 3/2568 จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ กดดันจากรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับลงตามสินเชื่อและ NIM ที่ลดลง แต่คาดการตั้งสำรองยังอยู่ในทิศทางที่ชะลอลงเพราะ
หลายธนาคารตั้งสำรองเป็น Management Overlay ล่วงหน้ามาแล้วในครึ่งปีแรก 2568 ซึ่งเริ่มมีประเด็นความไม่แน่นอนของประเด็นกำแพงภาษีสหรัฐ ส่วนทั้งปีคาดกำไรสุทธิของกลุ่มที่ 207,842 ล้านบาท ลดลง 3.1% YoY
*สินเชื่อชะลอตัว
ภาพรวมของกลุ่มยังคงคำแนะนำ ที่ “เท่ากับตลาด” เพราะมีแรงกดดันจากสินเชื่อชะลอตัวและดอกเบี้ยเงินกู้ที่ปรับลง แต่ยังมองว่าเป็นกลุ่มที่ Valuation ไม่สูงและให้ Div. Yield ดี อีกทั้งหลังปรับไปใช้มูลค่าพื้นฐานใหม่สำหรับปี 2569 ทำให้หุ้นธนาคารบางแห่งเริ่มมี Upside น่าสนใจมากขึ้น ทำให้ปรับเพิ่มคำแนะนำในธนาคารที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวมาชดเชยการลดลงของรายได้ดอกเบี้ย ได้แก่ KBANK (ราคาเป้าหมาย 190 บาท) ปรับเพิ่มคำแนะนำ จาก “TRADING” เป็น “ซื้อ”
และให้เป็น Top Pick ของกลุ่ม แม้ภาพสินเชื่อรวมจะลดลง แต่ KBANK มีจุดเด่นที่การเร่งบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์มาแล้วหลายไตรมาส และคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อใหม่ ทำให้สามารถที่จะลดระดับการตั้งสำรองเพื่อชดเชยรายได้ที่ลดลงและยังมีเงินปันผลน่าสนใจ คาด Div. Yield 7.5%
ส่วน KTB (ราคาเป้าหมาย 28 บาท) คาดเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรผลดำเนินงานไตรมาส 3/2568 เพราะจะมีบันทึกกำไรจากเงินลงทุนในหุ้น THAI เข้ามาเสริมทำให้ผลดำเนินงานโดยรวมเด่นกว่าธนาคารอื่น และคาดจะจ่ายเงินปันผลอีกราว 6.5% จึงเพิ่มคำแนะนำจาก “TRADING” เป็น “ซื้อ” ขณะที่ BBL (ราคาเป้าหมาย 168 บาท) ลดคำแนะนำลงเหลือ “TRADING” เพราะเห็นแนวโน้ม ROE ที่ต่ำลง และเป็นธนาคารที่ได้รับผลกระทบเชิงลบมากที่สุดในช่วงดอกเบี้ยขาลง
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
