รีเซต

โลกร้อนกระทบคนท้อง วิจัยชี้เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด

โลกร้อนกระทบคนท้อง วิจัยชี้เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด
TNN ช่อง16
15 พฤษภาคม 2568 ( 10:30 )
6

เมื่อจำนวนวันที่มีอุณหภูมิสูงสุดขั้วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อุณหภูมิที่สูงขึ้นนี้ไม่เพียงแต่กระทบต่อสุขภาพทั่วไป เช่น โรคลมแดด การขาดน้ำ และปัญหาระบบทางเดินหายใจ แต่ยังส่งผลกระทบต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์มากกว่าคนทั่วไปอีกด้วย


การวิเคราะห์ของ Climate Central ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่า ความร้อนจัดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังสร้างความเสี่ยงที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมารดาและผลลัพธ์ของการคลอด โดยระหว่างปี 2020 ถึง 2024 จำนวนวันที่มีความเสี่ยงจากความร้อนในระหว่างตั้งครรภ์ หมายถึงวันที่อุณหภูมิสูงกว่าร้อยละ 95 ของอุณหภูมิสูงสุดที่เคยบันทึกในพื้นที่นั้นเพิ่มขึ้น 2 เท่าใน 222 ประเทศ โดยพื้นที่ที่มีการเพิ่มขึ้นสูงสุดอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาที่มีการเข้าถึงบริการสุขภาพจำกัด เช่น แคริบเบียน บางส่วนของอเมริกากลางและใต้ และแอฟริกาตอนใต้ของทะเลทรายซาฮารา

ศาสตราจารย์ Shruthi Mahalingaiah แห่ง Harvard T.H. Chan School of Public Health อธิบายว่า ผู้ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์มีความเสี่ยงสูงต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศ โดยเฉพาะความร้อนจัด เนื่องจากร่างกายของผู้ตั้งครรภ์กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมากเพื่อรองรับทารกในครรภ์ ทำให้การควบคุมอุณหภูมิของร่างกายยากขึ้น ซึ่งรวมถึงการรักษาอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมในครรภ์ให้เหมาะสม

 

ความร้อนที่สูงเกินไปทำให้มารดามีความเสี่ยงสูงต่อภาวะเสี่ยง เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ (pre-eclampsia) และโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ และยังส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยทารกไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิของตนเองได้ และอวัยวะหลายส่วนของทารกยังไวต่ออุณหภูมิสูง


การศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่า ความร้อนสูงสุดเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของความบกพร่องแต่กำเนิด เช่น ความผิดปกติของท่อประสาท (neural tube defects) เช่น ภาวะกระดูกสันหลังแหว่ง (spina bifida) รวมถึงความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด การคลอดทารกตัวเล็ก และความผิดปกติแต่กำเนิด

นอกจากนี้ ความร้อนยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดและการตรวจการตั้งครรภ์ที่ไวต่ออุณหภูมิสูง ข้อมูลจาก MSI Reproductive Choices พบว่า ตั้งแต่ปี 2011 ผู้หญิงประมาณ 11.5 ล้านคนใน 26 ประเทศต้องเผชิญกับการหยุดชะงักในการเข้าถึงการคุมกำเนิดเนื่องจากการเคลื่อนย้ายที่เกิดจากภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ

 

แม้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อทุกคน แต่กลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดมักเป็นชุมชนที่มีรายได้น้อย ซึ่งการเข้าถึงการดูแลสุขภาพมีจำกัด การศึกษาในปี 2020 ยังพบว่าพายุรุนแรง เช่น พายุไซโคลนและเฮอริเคน อาจกระตุ้นให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด เนื่องจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียดที่เพิ่มขึ้น การปนเปื้อนของสิ่งแวดล้อม และการหยุดชะงักของบริการสุขภาพ

 

ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่ายังมีความจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อการตั้งครรภ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์อย่างแท้จริง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง