สรุป “COP30” สัปดาห์แรก เงินทุนโลกร้อนเริ่มเดินหน้าแล้ว!

การประชุมสุดยอดสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 หรือ COP30 เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ณ เมืองเบเล็ง ประเทศบราซิล โดยมีผู้เข้าร่วมลงทะเบียนกว่า 56,118 คน ทำให้เป็นการประชุม COP ที่มีผู้เข้าร่วมสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก COP28 ที่ดูไบ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 80,000 คน
อย่างไรก็ตาม มีผู้เข้าร่วมราว 1,600 คน หรือประมาณ 1 ใน 25 เป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ นอกจากนี้อุตสาหกรรมปศุสัตว์ก็มีผู้แทนเข้าร่วมเช่นกัน โดยบราซิลและจีนส่งคณะผู้แทนใหญ่ที่สุดที่ 3,805 และ 789 คนตามลำดับ ขณะที่สหรัฐฯ ไม่ส่งผู้แทนระดับสูงเข้าร่วมเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี สอดคล้องกับนโยบายต่อต้านสภาพภูมิอากาศของรัฐบาลทรัมป์
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย “แกวิน นิวซัม” เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมหลายรายการในวันพุธ ถือเป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ที่มีระดับสูงสุดเข้าร่วม COP30 เขากล่าวบนเวทีว่า “ผมมาที่นี่เพราะไม่อยากให้สหรัฐอเมริกาเป็นแค่บันทึกย่อของการประชุมครั้งนี้ เรารับผิดชอบและเห็นโอกาสของเรา”
การประชุม COP30 ที่จัดขึ้นกลางลุ่มน้ำแอมะซอนครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ชาวพื้นเมืองมีส่วนร่วมอย่างไม่เคยมีมาก่อน มีชาวพื้นเมืองเข้าร่วมประมาณ 2,500 คน แต่มีเพียง 14% หรือ 360 คน ได้รับสิทธิ์เข้าพื้นที่ Blue Zone สำหรับการประชุมอย่างเป็นทางการ ด้าน “ลูคัส ทูปินัมบา” หนุ่มชาวพื้นเมืองจากสภาชุมชน Tapajós-Arapiuns ระบุว่า การลงทะเบียนเข้าพื้นที่เป็นเรื่องยากและมีค่าใช้จ่ายสูง “พวกเขาไม่ได้สนใจฟังเสียงของผู้ที่ควรถูกฟังจริง ๆ”
การประชุม COP30 ที่จัดขึ้นกลางลุ่มน้ำแอมะซอนครั้งนี้ยังเปิดโอกาสให้ชาวพื้นเมืองมีส่วนร่วมอย่างไม่เคยมีมาก่อน มีชาวพื้นเมืองเข้าร่วมประมาณ 2,500 คน แต่มีเพียง 14% หรือ 360 คน ได้รับสิทธิ์เข้าพื้นที่ Blue Zone สำหรับการประชุมอย่างเป็นทางการ ด้าน “ลูคัส ทูปินัมบา” หนุ่มชาวพื้นเมืองจากสภาชุมชน Tapajós-Arapiuns ระบุว่า การลงทะเบียนเข้าพื้นที่เป็นเรื่องยากและมีค่าใช้จ่ายสูง “พวกเขาไม่ได้สนใจฟังเสียงของผู้ที่ควรถูกฟังจริง ๆ”
ประเด็นด้านการเงินสภาพภูมิอากาศ
กองทุน “Loss and Damage” สำหรับช่วยเหลือประเทศเปราะบางจากผลกระทบโลกร้อน ประกาศเรียกข้อเสนอการใช้เงินครั้งแรก รวมวงเงิน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 8,750 ล้านบาท) โดยโครงการแต่ละโครงการจะได้รับเงินไม่เกิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 700 ล้านบาท) เริ่มจ่ายจริงกลางปี พ.ศ. 2570 และรายงาน “Baku to Belém Roadmap to 1.3T” ระบุว่า มีเป้าหมายระดมเงินทุน 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 45.5 ล้านล้านบาท) ภายในปี พ.ศ. 2578 โดยกว่าครึ่งของเงินทุนอาจมาจากภาคเอกชน นอกจากนี้ กลุ่มมูลนิธิและองค์กรการกุศลกว่า 35 แห่ง ประกาศร่วมทุน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 10,500 ล้านบาท) เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพสาธารณะที่เกิดจากโลกร้อน เช่น คลื่นความร้อน มลพิษทางอากาศ และโรคติดเชื้อที่ไวต่อสภาพภูมิอากาศ
รายงานและสถิติสำคัญ
ด้านพลังงานและการปล่อยก๊าซ: รายงาน World Energy Outlook 2568 ของ IEA ระบุว่า การสร้างพลังงานหมุนเวียนในยุโรปและจีนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การใช้ถ่านหินและน้ำมันคาดว่าจะสูงสุดภายในปี พ.ศ. 2573
NDC และข้อตกลงปารีส: UN Climate Change เผยว่า การส่งแผนปฏิบัติการด้านสภาพภูมิอากาศของ 86 ประเทศ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก 12% ภายใน 10 ปี แต่ความเข้มข้นของ CO₂, มีเทน และไนตรัสออกไซด์ ยังคงสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำให้โลกยังมีแนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้น 2.6°C
ป่าไม้และสิทธิชาวพื้นเมือง
ประธานาธิบดีลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล เปิดตัวกองทุน “Tropical Forest Forever Fund” เพื่ออนุรักษ์ป่าดิบชื้น มีเงินทุนตั้งต้น 5.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 192,500 ล้านบาท) จาก 6 ประเทศ ส่วนประเทศอื่น ๆ เช่น จีน ปฏิเสธร่วมทุน โดยอ้างว่าประเทศพัฒนาแล้วควรรับผิดชอบหลัก และอีก 12 ประเทศประกาศยอมรับสิทธิที่ดินของชุมชนพื้นเมืองและชุมชนเชื้อสายแอฟริกันในพื้นที่รวม 80 ล้านเฮกตาร์ ภายในปี พ.ศ. 2573
ตลาดคาร์บอนและข้อมูลสภาพภูมิอากาศ
บราซิลร่วมกับสหภาพยุโรป จีน สหราชอาณาจักร แคนาดา และอีกหลายประเทศ ตั้งกลุ่มความร่วมมือเพื่อปรับมาตรฐานตลาดคาร์บอน ขณะที่มีการเปิดตัว Declaration on Information Integrity on Climate เพื่อแก้ไขข้อมูลเท็จด้านสภาพภูมิอากาศ โดยมี 12 ประเทศลงนาม
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
