“คิลิมันจาโร” ถูกทำลาย ป่าไม้และทุ่งหญ้าหายไป 75% แล้ว

“ภูเขาคิลิมันจาโร” ในแทนซาเนียียังคงถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติบริสุทธิ์และน้ำแข็งยอดเขาที่งดงาม แต่ความจริงที่น่ากังวลกลับอยู่ที่เชิงเขา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มนุษย์อาศัยอยู่หนาแน่นและเกษตรกรรมเข้มข้น นักวิจัยใช้ภูเขานี้เป็นแหล่งศึกษาจริงของความหลากหลายทางชีวภาพ พบว่าการเปลี่ยนแปลงจากกิจกรรมมนุษย์ส่งผลกระทบต่อพืชพื้นเมืองอย่างรุนแรง
งานวิจัยย้อนหลัง 46 ปีและการสำรวจแปลงตัวอย่างกว่า 1,600 แปลงชี้ว่า พื้นที่เชิงเขาที่มีประชากรหนาแน่นสูญเสียพืชพื้นเมืองไปถึง 75% สาเหตุสำคัญมาจากการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน การสร้างบ้านและถนน การทำเกษตรกรรมที่เข้มข้น และการแพร่กระจายของพืชต่างถิ่น ขณะที่ภูมิอากาศเป็นปัจจัยรอง เนื่องจากฝนยังตกสม่ำเสมอและการอบอุ่นของอากาศไม่ใช่ตัวทำลายหลัก จำนวนประชากรบริเวณเชิงเขาเพิ่มขึ้นจาก 50,000 คนในปี 1890 เป็นกว่า 1.4 ล้านคนในปัจจุบัน ทำให้ป่าไม้และทุ่งหญ้าสะวันนาส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเป็นพื้นที่เกษตรและเมือง
ผลกระทบจากการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพไม่จำกัดแค่พืชและสัตว์ แต่ยังรวมถึงมนุษย์ด้วย เพราะระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์คือฐานของบริการธรรมชาติที่สนับสนุนความเป็นอยู่ของชุมชน การศึกษายังพบว่าพื้นที่ที่มีการปกป้องหรือจัดการอย่างเหมาะสม เช่น เขตสงวน Rau Forest Reserve และ Namalok Reserve มีจำนวนชนิดพืชต่อเฮกตาร์สูงกว่าพื้นที่เกษตรกรรมเข้มข้นอย่างชัดเจน นอกจากนี้ การทำเกษตรแบบผสมผสานต้นไม้และพืชอาหาร เช่น ของชนเผ่า Chagga ช่วยรักษาพืชพื้นเมือง ดึงดูดสัตว์ป่า และสร้างรายได้พร้อมกัน
สรุปได้ว่า ปัญหาการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพบนภูเขาคิลิมันจาโรไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือเกิดจากสภาพภูมิอากาศเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจาก กิจกรรมมนุษย์และการบริหารจัดการที่ดิน การแก้ปัญหาจึงต้องเริ่มจากการปกป้องพื้นที่ธรรมชาติ การสนับสนุนเกษตรกรรมแบบยั่งยืน และการตัดสินใจด้านการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมก่อนผลประโยชน์เศรษฐกิจ เพื่อให้ภูเขาคิลิมันจาโรยังคงเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพและบริการระบบนิเวศให้คนรุ่นต่อไป
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
